แชร์

บทที่ 5

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 23:53:41

จวนตระกูลหลี่

“ท่านแม่! มายืนทำอันใดอยู่ที่หน้าประตูจวนหรือขอรับ” แม่ทัพหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเปิดประตูมาก็เห็นมารดาของตนยืนรอและมองมาที่เขาเขม็ง

“ตามแม่มาคุยในเรือน” เหลียนฮวาเอ่ยบอกผู้เป็นบุตรชายก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่เรือนรับรองแขก

แม่ทัพหนุ่มแม้จะไม่รู้ว่ามารดามีเรื่องอะไรคุยกับตน หากแต่เขาก็พอรับรู้ถึงบรรยากาศกราดเกรี้ยวจากร่างของมารดาได้ จึงได้เดินตามไปอย่างว่าง่าย

เมื่อมาถึงเรือนรับรองแขกของจวนแล้ว แม่ทัพหนุ่มก็เห็นว่าบิดากำลังนั่งรออยู่ โดยมีสตรีที่เขารังเกียจยิ่งกว่าสิ่งใดคอยรินน้ำชาให้ด้วย หลี่เหวินหลางไม่สนใจ เขาหันหน้าไปหาผู้เป็นมารดาแทนด้วยความอยากรู้เต็มทนว่าท่านมีเรื่องอะไรจะพูดกันแน่

“ไปไหนมา”

“ไปส่งเฟิ่งเอ๋อร์มาขอรับ” หลี่เหวินหลางตอบรับอย่างตรงไปตรงมา ไม่นึกกลัวสายตาของมารดาที่มองมาอย่างต่อว่าเลยสักนิด

“ดียิ่ง! ไปส่งสตรีอื่น ไม่สนใจภรรยาที่อยู่ในเรือน” เพียงแค่มารดาพูดออกมาแม่ทัพหนุ่มก็เข้าใจอะไร ๆ ได้ หลี่เหวินหลางหันหน้าส่งสายตาดุดันไปยังคนต้นเหตุที่ทำให้เขาถูกมารดาเรียกมาต่อว่า

ไป๋ฟางเซียนเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวจนแทบอยากจะฆ่านาง ก็รีบก้มหน้าหลบสายตาลงโดยไว ความสามารถด้านการแสดงในโลกเดิมถูกเรียกออกมาใช้ เพียงเสี้ยววินาที หยดน้ำตาใสก็รินไหลอาบแก้มนวล 

“ไม่ต้องร้องลูกเซียนเอ๋อร์ แม่จะจัดการให้เจ้าเอง” เหลียนฮวาหันไปตอบบุตรสาวบุญธรรม ที่มีศักดิ์เป็นลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่ต้องไปมองน้องด้วยสายตาเช่นนั้นเลยพ่อตัวดี เป็นอย่างไรเล่า งามหน้านัก”

“ท่านแม่... ข้าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียนะขอรับ” เห็นมารดาพูดด้วยความโกรธก็รีบพูดแก้ไขความเข้าใจผิด

“ถ้าการที่เจ้าพาสตรีอื่นเข้ามาในจวน หยามหน้าภรรยาที่เจ้าไม่เคยคิดดูดำดูดีไม่เรียกว่าเสื่อมเสีย แล้วเช่นใดถึงจะเรียกว่าเสื่อมเสีย เจ้าลองบอกแม่มาสิ คิดบ้างหรือไม่ ว่าถ้าคนภายนอกรู้เข้า จวนของเราจะถูกนินทาลับหลังว่าอย่างไร” เหลียนฮวาพูดด้วยความไม่พอใจ ส่งสายตาต่อว่าบุตรชายคนเดียวอย่างไม่ปิดบัง

“ท่านแม่... เฟิ่งเอ๋อร์แค่มาเยี่ยมเพื่อนของนาง ข้าและนางมิได้ทำอันใดเกินเลยเลยนะขอรับ” หลี่เหวินหลางพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

“แล้วมันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือ น้องเพิ่งจะหายป่วย เจ้าก็พานางมา ก่อนหน้านี้เจ้าก็ไปเยี่ยมหานางที่จวน ไม่สนใจเซียนเอ๋อร์ที่นอนป่วยเลยสักนิด”

“ข้าไม่ได้รักนางไยข้าต้องสนใจนางด้วย”

“เหวินหลาง!” เหลียนฮวาเห็นบุตรชายเถียงตนก็ไม่พอใจมาก นางจึงเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง

“ท่านแม่เจ้าคะ ค่อยพูดค่อยจาเถิดเจ้าค่ะ ข้า... มิได้เป็นอันใด” ไป๋ฟางเซียนร้องห้าม ก่อนพูดเสียงเบาในประโยคสุดท้าย ทว่าถึงจะเบา บุคคลที่นั่งอยู่ทั้งสามกลับได้ยินชัดเจน

แม่ทัพหนุ่มปรายสายตามองนางอย่างโกรธเกรี้ยว สองมือกำเข้าหากันแน่น ยิ่งเห็นนางมองมาด้วยสายตาท้าทายเช่นนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธ

“เสแสร้งยิ่งนัก!” หลี่เหวินหลางต่อว่านาง เรียกสายตาไม่พอใจทั้งบิดาและมารดา แต่เขาไม่สนใจ และไม่คิดจะขอโทษเช่นเดียวกัน

“ท่านเกลียดข้ามากหรือเจ้าคะ ถึงได้ต่อว่าข้าเช่นนี้” ไป๋ฟางเซียนบีบน้ำตาก่อนจะพูดออกมา ทำให้เวลาเอื้อนเอ่ย หยดน้ำตาก็จะร่วงหล่นดูน่าสงสารอย่างมาก

“ข้าไปทำอันใดให้ท่านกันเจ้าคะท่านพี่ ท่านพาเฟิ่งจิ่วมาหยามข้า ต่อว่าข้าต่อหน้านาง ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้รักข้า แต่ช่วยดีกับข้าได้หรือไม่ ฮึก!”

“เจ้า!” แม่ทัพหนุ่มพยายามควบคุมตนเองไม่ให้กระโจนไปบีบคอคนตัวเล็กให้ตายคามือ

“ขอเวลาให้ข้าสักเล็กน้อยไม่ได้หรือเจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านรักชอบกับเฟิ่งจิ่ว แต่ขอเวลาข้าสักนิด เราเพิ่งแต่งงานกันได้เพียงแค่เดือนเดียวเองนะเจ้าคะ ถ้าท่านรับนางมาเป็นภรรยาเพิ่มอีกคน ผู้อื่นจะมองข้าเช่นไร”

“ฮึก! ท่านพ่อท่านแม่เจ้าคะ ข้าขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ ฮึก!” ไป๋ฟางเซียนพูดพร้อมยกมือบางปาดน้ำตาออกจากใบหน้างาม พยายามอดกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ สายตาหวานเศร้าสร้อยจนหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวาถึงกับใจกระตุก เพราะสงสารบุตรสาวบุญธรรมที่ตนรักเหมือนลูกในไส้ 

“นั่นเจ้าจะไปไหน” เหลียนฮวาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะลุกเดินออกจากเรือนรับรองไป

“ข้าจะไปคุยกับนางให้รู้เรื่องขอรับ เรื่องที่นางพูดหาใช่เรื่องจริง นางกำลังเสแสร้งนะขอรับท่านพ่อท่านแม่”

“ไม่ต้อง เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

“แต่ว่า”

“อยู่คุยกันก่อนค่อยไป” เมื่อเสียงประมุขจวนดังขึ้น แม่ทัพหนุ่มจึงต้องจำใจนั่งลงตามเดิม เพื่อพูดคุยกับบุพการีต่อไป 

หลี่เหวินหลางมองไปยังทิศทางที่ร่างของไป๋ฟางเซียนเดินจากไปด้วยสายตามาดร้าย ตั้งแต่ฟื้นมานางก็เปลี่ยนไป สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความร้ายกาจของนาง ทั้งยังดูร้ายกาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย เห็นทีนับจากนี้ต่อไป เขาต้องระวังตัวให้มาก

ส่วนเรื่องที่นางทำให้เขาถูกบุพการีต่อว่าในวันนี้ เขาเอาคืนแน่!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 6

    “ฮูหยินนะ...”“เรียกข้าว่าคุณหนู”“แต่ว่า”“ต่อหน้าข้าให้เรียกคุณหนู แต่ถ้าต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่เรียกตามปกติ”จื่อถิงแม้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ฟางเซียนจึงสั่งเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ถามอะไรให้มากความ ด้วยค่อนข้างรู้นิสัยของนายตัวเองดี หากคุณหนูของนางบอกว่าไม่ นางก็จะไม่ตาม นางมีวันนี้ได้ก็เพราะคุณหนูเมตตา หากวันนั้นคุณหนูไม่ยื่นมือช่วยเหลือ นางคงเป็นได้แค่เด็กข้างถนน หรือไม่ก็ถูกจับไปอยู่หอนางโลมแล้วยามเห็นผู้มีพระคุณ ผู้ที่ฉุดรั้งนางขึ้นมาจากความหนาวเหน็บ ต้องจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา จื่อถิงตกใจมาก และก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน หากวันนั้นนางห้ามไม่ให้คุณหนูมาตามคำนัดหมาย และไม่ปล่อยให้คุณหนูอยู่กับสตรีนางนั้นเพียงสองคน คุณหนูของนางก็คงไม่ต้องจมน้ำจนล้มป่วยนานหลายวันใบหน้าเศร้าสร้อยและสายตารู้สึกผิดของสาวใช้คนสนิท ทำไมไป๋ฟางเซียนจะไม่รับรู้ นางชอบสาวใช้คนนี้มาก เพราะเป็นคนรู้ความ ไม่จู้จี้จุกจิก บอกสิ่งใดก็ทำตามได้อย่างดี การรู้ความของจื่อถิงนี่แหละที่ทำให้ไป๋ฟางเซียนชื่นชอบในตัวสาวใช้คนนี้ที่สุด แม้นางฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ มีนิสัยและกิริยามารยาทรวมถึงวาจาผิดแปลกไป จื่อถิงก็ไม่เอ่ยถามให้นางรู้สึกอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 7

    ด้านแม่ทัพหนุ่มหลี่เหวินหลางที่เดินออกมาจากเรือนของไป๋ฟางเซียนด้วยความหงุดหงิด ก็ตรงไปที่ค่ายทหารที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลวงด้วยอารมณ์คุกรุ่น ไปถึงชายหนุ่มก็เรียกรวมพลทหารทั้งหลายแล้วทำการฝึกซ้อมอย่างหนักทันทีบรรยากาศรอบตัวแสนขมุกขมัวที่หลี่เหวินหลางตั้งใจปล่อยออกมานั้น ทำให้ไม่มีทหารคนใดกล้าเข้าไปใกล้หรือขัดคำสั่ง และคิดจะหยุดพักเลยสักนิด แม้ว่าตนเองจะเหนื่อยมากแล้วก็ตาม ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคนที่กล้าเปิดปากถาม พร้อมไล่ทหารที่ถูกฝึกไปพักผ่อนทันที “หงุดหงิดอันใดของเจ้าอาเหวิน เหตุใดจึงต้องมาลงกับทหารชั้นผู้น้อย” ซูเฉิน สหายสนิทของหลี่เหวินหลางพ่วงตำแหน่งกุนซือหนุ่มมากความสามารถของกองทัพเอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัวหลี่เหวินหลางปรายสายตามองสหายตนเองเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับไปโดยไม่พูดอะไร ซูเฉินมองสหายตนอย่างจับผิด กุนซือหนุ่มหรี่สายตาลงพลางครุ่นคิด ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วพูดมันออกไป“อย่าบอกนะว่าเจ้าทะเลาะกับภรรยาของเจ้ามา”“นางหาใช่ภรรยาข้า!” หลี่เหวินหลางปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมมองไปยังสหายของตนด้วยสายตาไม่พอใจ เพียงแต่ว่ากุนซือหนุ่มหาได้เกรงกลัวสายตาของอีกฝ่ายไม่ เขายังคงแย้มยิ้มเต็มใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 8

    “คุณหนูกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ จื่อถิงเห็นคุณหนูคิดสิ่งใดไม่ตกมาได้สองสามวันแล้ว” จื่อถิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายนิ่งคิดผิดปกติไป๋ฟางเซียนยังคงไม่ตอบ นางนิ่งคิดกับตนเอง ว่าควรจะเดินไปหนทางไหนดี ที่ตัวนางจะไม่ต้องเสี่ยงหรือเจ็บตัว และมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้หลี่เหวินหลางหย่าขาดจากนางโดยที่บิดามารดาบุญธรรมทั้งสองไม่เอ่ยแย้งใช่แล้ว สิ่งที่ไป๋ฟางเซียนคิดและต้องการมากที่สุดก็คือการหย่า นางต้องการเป็นอิสระ จะได้ทำในสิ่งที่ต้องการอย่างใจหวังได้ ไม่ใช่อย่างตอนนี้ ที่จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงหน้าคนผู้นั้นผู้นี้อยู่ตลอดการหย่าที่นางต้องการหากพูดก็เหมือนง่าย แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดและเข้าใจ การที่สตรีหย่าขาดสามีสำหรับยุคนี้ถือเป็นเรื่องต้องห้าม ดังนั้นนางต้องรอเวลาและคิดหาวิธีการอย่างแยบยล ถึงจะสามารถทำตามใจที่ต้องการได้ นอกจากนี้แล้ว ไป๋ฟางเซียนยังคิดถึงปัจจัยหลักด้วยว่า หากนางหย่าขาดจากบุรุษผู้นั้นจริง อนาคตข้างหน้านางจะกินอะไร จะอยู่เช่นไร ส่วนเรื่องที่ยุคนี้สตรีไม่นิยมหย่าขาดจากสามีเพราะความเชื่อที่มีมาแต่โบราณนางไม่ได้นึกกลัวเลยสักนิด ที่นางกลัวคือ การอดตายมากกว่าสิ่งแรกที่ไป๋ฟาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 9

    “ร้านผ้าของคุณหนูไม่ใหญ่มากเจ้าค่ะ เป็นร้านขนาดกลาง ส่วนกิจการก็ เอ่อ... ไม่ค่อยได้กำไรนักเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ! เหตุใดถึงไม่ได้กำไรเล่า” ไป๋ฟางเซียนถามตาโต เปิดร้านขายผ้าเหตุใดถึงจะไม่ได้กำไร จื่อถิงคิดหลอกนางใช่หรือไม่“โธ่คุณหนู... คุณหนูจะให้กิจการของร้านได้กำไรอย่างไรเล่าเจ้าคะ ในเมื่อคุณหนูไม่เคยไปดูที่ร้านเลย นายท่านทั้งสองก็ไม่มีเวลาไปดูให้คุณหนูเช่นกัน หลงจู๊ของร้านถึงจะมีแต่ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจได้นะเจ้าคะ... เอ่อ ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงร่ายยาวก่อนเอ่ยขอโทษไป๋ฟางเซียนไม่ได้ว่าอะไร เมื่อคิดตามคำพูดของสาวรับใช้แล้วก็เห็นจริงดังที่นางว่า กิจการเมื่อไม่ดูแลและปรับปรุงจะเจริญเติบโตสร้างผลกำไรให้นางได้อย่างไร“เอาเถอะ ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก ดังนั้นพรุ่งนี้เราไปที่ร้านดีหรือไม่ ข้าอยากเดินตลาดด้วย ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาข้าก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่กับท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม ข้าก็ไม่เคยออกนอกจวนเลยนี่นะ งั้นพรุ่งนี้เราไปดูร้านและเดินเที่ยวตลาดกันเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงรับคำด้วยความดีใจ“ว่าแต่นี่ยามใดแล้วจื่อถิง” ด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินกับวันเวลาของโลกนี้ ไป๋ฟางเซียนจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 10

    ยามโหย่ว[1] หน้าจวนตระกูลหลี่มีบุรุษหนุ่มรูปงามร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนอาชาทมิฬสีดำอย่างองอาจ สายตาของเขาจับจ้องประตูจวนด้วยแววตาลึกล้ำ หลายวันก่อนเขาถูกบิดามารดาต่อว่าโดยมีต้นเหตุมาจากสตรีที่ตนรังเกียจ ทำให้เขาไม่กลับบ้านตนเองเป็นเวลาสามวัน ทว่าวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับมาด้วยใบหน้าไม่ใคร่จะแจ่มใสเท่าใดนัก บุรุษผู้นั้นคือ หลี่เหวินหลางสามวันที่ผ่านมาเขาต้องนอนที่ค่ายทหารทั้ง ๆ ที่สามารถกลับมานอนที่จวนได้ แต่เขาก็ไม่มา เพียงเพราะกลัวว่าตนจะพลั้งมือทำร้ายลูกรักของบิดามารดาเข้า แต่ว่าวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับเพราะทนฟังเสียงชื่นชมของสหายสนิทที่มีต่อไป๋ฟางเซียนไม่ได้คิดดูเถิด ขนาดนางไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับสหายของเขาเป็นการส่วนตัว ยังทำให้สหายหน้ามึนผู้นั้นพูดถึงนางแทบจะตลอดเวลา กล่าวชมนางไม่หยุดหย่อน จนเขามิสามารถทนฟังเสียงชื่นชมเหล่านั้นได้ จำต้องควบขี่ม้ากลับมาที่จวน นี่ขนาดยังไม่รู้จักกันสหายเขายังเป็นได้ถึงเพียงนี้ หากได้รู้จักและสนิทสนมกันมากเล่า เกรงว่าซูเฉินสหายของเขาคนนี้คงได้หลงใหลสตรีร้ายกาจยากถอนตัวแล้ว เพียงแค่คิดถึงชื่อของสตรีที่มีฐานะเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของตน ใบหน้าที่ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 11

    เรือนเหมยกุ้ย เรือนเหมยกุ้ยคือเรือนนอนของไป๋ฟางเซียน ที่ชื่อว่าเรือนเหมยกุ้ยเพราะว่ารอบเรือนปลูกดอกเหมยกุ้ย[1] เต็มไปหมด มีทั้งดอกสีขาวและดอกสีแดง สีชมพูมีเพียงเล็กน้อย ซึ่งนี่ก็ทำให้ไป๋ฟางเซียนชอบมาก เพราะดอกเหมยกุ้ยเป็นดอกไม้ที่นางชอบที่สุดหลังไป๋ฟางเซียนกลับมาถึงเรือนนอนของตน นางก็ไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี จนตอนนี้ที่จื่อถิงกำลังหวีผมให้ นางยังไม่หยุดยิ้มเลย“ยิ้มอะไรกันเจ้าคะคุณหนู” จื่อถิงถามขึ้นอย่างสงสัย มือก็สางผมให้เจ้านายสาวไปด้วย ตั้งแต่คุณหนูหายป่วยและมีนิสัยเปลี่ยนไป จื่อถิงก็กล้าถามคุณหนูของตนมากขึ้น ไม่รู้ทำไมเช่นกัน แต่จื่อถิงชอบที่คุณหนูของนางเป็นแบบนี้ที่สุด“จะมีอันใดเล่า ข้าก็ตลกหลี่เหวินหลางน่ะสิ”“ท่านแม่ทัพมีอันใดตลกหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่เห็นหน้าเขาหรือ เจ้าเห็นหน้าเขาหรือไม่ ตอนที่รู้ว่าข้าเป็นคนทำอาหารทั้งสามอย่างในวันนี้น่ะ เขาเหวอไปเลยนะ พูดแล้วก็ขำ หน้าเขาตลกบ้างเลย” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังหัวเราะด้วย ส่งผลให้จื่อถิงหัวเราะตามเช่นกันท่านแม่ทัพไม่เคยลิ้มรสฝีมือทำอาหารคุณหนูของตนเลยสักครั้ง วันนี้ได้ลิ้มรสครั้งแรกทั้งยังถูกปาก จื่อถิงภูมิใจในตัวคุณหนูของนางจริง ๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 12

    “เรียบร้อยดีหรือไม่จื่อถิง”“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ คุณหนูต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่ละ เราไปกันเลยดีกว่า ข้าอยากเห็นร้านของข้าเต็มทนแล้ว”“เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าลืมไปบอกกล่าวฮูหยินใหญ่ก่อนนะเจ้าคะ”“... นั่นสินะ ขอบใจนะจื่อถิงที่เตือน ข้าเกือบลืมไปเลย”ไป๋ฟางเซียนเอ่ยขอบคุณสาวใช้ของตนที่เอ่ยเตือนเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีของคนที่นี่ให้ เป็นผู้น้อยจะไปที่ใดต้องบอกอาวุโสในบ้านให้รับรู้ นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท คงเป็นเพราะความเคยชินจากโลกเดิมก่อนมาที่นี่ ด้วยความที่ต้องเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นในมหาวิทยาลัยชื่อดัง นางเลยต้องไปพักที่คอนโดมิเนียมและอยู่คนเดียว เวลาไปที่ใดจึงไม่ต้องขออนุญาตใคร ทว่ากับที่นี่นั้นต่างกัน ถ้าจื่อถิงไม่เตือนนางคงเสียมารยาทไปแล้วจริง ๆ ส่วนเรื่องก่อนหน้าที่นางและสาวใช้พูดคุยกันว่าเรียบร้อยดีหรือไม่นั้น ล้วนเกี่ยวกับถุงเงินของนางที่ตั้งใจไปจับจ่ายใช้สอยในวันนี้ทั้งสิ้น เมื่อได้จื่อถิงเอ่ยเตือนเรื่องที่สมควรบอกกล่าวผู้อาวุโสเรือนหลังของจวนแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็ตรงไปหาเหลียนฮวาที่เรือนและบอกกล่าวสถานที่ที่ตนจะไปทันที ครั้นได้รับอนุญาตรวมถึงได้ถุงเงินเพิ่มจากอีกฝ่าย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 13

    หลังให้อวี้เหนียงติดป้ายประกาศว่าร้านปิดปรับปรุง ไป๋ฟางเซียนจึงเดินสำรวจภายในร้านพร้อมกับจื่อถิงและลูกจ้างร้านเฟยเจินทันที ระหว่างที่เดินสำรวจนางก็ขบคิดถึงสิ่งที่ต้องการปรับปรุงไปด้วยเช่นกัน แม้อวี้เหนียงจะจัดการร้านได้ค่อนข้างดี แต่การจัดตกแต่งร้านกลับไม่ถูกใจนางนัก ดังนั้นนางจึงคิดปรับปรุงและตกแต่งร้านใหม่ทั้งหมด เมื่อดูครบทุกชั้นแล้ว นางจึงบอกจุดประสงค์ของตนออกไป “เอาละ ข้าจะปรับปรุงร้านและตกแต่งขึ้นมาใหม่ ชั้นล่างสุดใช้สำหรับขายผ้าพับปกติ มีแสดงชุดที่ข้าจะให้อวี้หรูปักหลังจากนี้ด้วย ชั้นที่สองจะเป็นชั้นที่แสดงชุดสำเร็จที่อวี้หรูปักทั้งหมด รวมถึงใครที่จะสั่งตัดผ้าตัดชุดหรือปักลาย ต้องมาติดต่อที่ชั้นนี้ ส่วนชั้นสามข้าจะเก็บไว้เป็นห้องทำงานของข้าและใช้เป็นห้องรับรองสำหรับลูกค้าพิเศษ” ครั้นเห็นทุกคนพยักหน้ารับคำไม่โต้แย้งก็พูดต่อ“ชั้นแรกอิงฮวาและเหยาเหยาจะทำหน้าที่ดูแลเป็นหลัก เจ้าเคยค้าขายอย่างไรก็ทำเช่นนั้น เพียงแต่ต้องพูดในส่วนอาภรณ์และลายปักชุดใหม่ของทางร้านเพื่อที่จะดึงความสนใจจากลูกค้าด้วย”“เจ้าค่ะคุณหนู” สองสาวรับคำ“ชั้นที่สอง ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของอวี้หรู อวี้หรูต้องคอยรับแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-10

บทล่าสุด

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 128

    “เซียนเซียน! เซียนเซียน ฟื้นสิเซียนเซียน” หลี่เหวินหลางร้องเรียกชื่อภรรยาด้วยความกระวนกระวายใจ ภายในอกของเขาร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวเหลือเกินว่านางจะเป็นอันใดไป กลัวสูญเสียนางอย่างไม่มีวันหวนกลับ ความกังวลฉายชัดทั้งสีหน้าและแววตา โชคยังดีที่เขามาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเขาคงเป็นกังวลมากกว่านี้“พาคุณหนุกลับจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ จะได้รีบตามท่านหมอมาดูอาการ” จื่อถิงบอกอย่างร้อนรนและกระวนกระวายใจไม่แพ้กัน พลางมองเจ้านายสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างถึงที่สุด น้ำตาเอ่อคลอไปทั่วดวงตาสวย เหตุใดจึงเกิดเรื่องกับคุณหนูทุกครั้งที่นางไม่ได้อยู่ด้วยก็ไม่รู้ โชคดีที่ทั้งนางและท่านแม่ทัพมาได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าคุณหนูของนางจะเป็นเช่นไร“รีบกลับจวนให้เร็วที่สุด!” หลี่เหวินหลางบอกคนขับรถม้าพร้อมทั้งอุ้มนางเข้าไปนั่งภายใน โอบกอดนางไว้อย่างหวงแหน มองดวงหน้าหวานด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยอย่างถึงที่สุดก่อนหน้านี้หลี่เหวินหลางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว และได้เข้าไปรายงานทุกอย่างให้องค์ฮ่องเต้รับรู้เรียบร้อยถึงการปราบโจรของตน หลังจากนั้นก็รีบพาตนเองออกจากวังหลวงอย่างรวดเร็ว ด้วยคิดถ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 127

    “ไม่จริง! ข้าไม่เชื่อ เจ้าอย่ามาโกหกข้า ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นคนคิด ในเมื่อพี่เหวินเป็นคนทำเขาก็ต้องรับผิดชอบ เจ้าก็ด้วย ในเมื่อวันนี้ข้าสูญสิ้นไม่เหลืออะไร พวกเจ้าก็ต้องสูญสิ้นไม่เหลือสิ่งใดเช่นเดียวกัน อย่างไรวันนี้ทุกอย่างก็ต้องจบลง ไม่ข้าและเจ้าก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ครั้งที่แล้วข้าหวังให้เจ้าจมน้ำตายที่นี่ เพราะต้องการให้เจ้าทรมานถึงที่สุด กระทั่งหลังความตายก็ยังคงทุกข์ทรมานเพราะความเย็นของกระแสน้ำ ได้แต่เหน็บหนาวแต่เพียงผู้เดียวไร้ซึ่งคนเหลียวแล ครั้งที่แล้วเป็นโชคดีของเจ้าที่ข้าทำไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิม เจ้าต้องตาย ตายเพราะข้า!” โจวเฟิ่งจิ่วตวาดกร้าว ไป๋ฟางเซียนได้ฟังแล้วรู้ว่าถึงเจรจาต่อไปย่อมไม่เป็นผล ดังนั้นจึงโพล่งไปอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน เช่นไรนางก็เคยตายมาแล้ว ตายอีกสักครั้งจะเป็นไรไป ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเลยสักนิด ห่วงก็แต่หลี่เหวินหลาง หากนางจากไปเขาจะรู้สึกเช่นไร จะเสียใจหรือคิดถึงนางบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง “ตายก็ตายสิ คนอย่างไป๋ฟางเซียนไม่เคยกลัวตายอยู่แล้ว หากข้าตาย เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน” จบคำพูดของไป๋ฟางเซียนร่างของโจวเฟิ่วจิ่วก็พุ่งตรงเข้ามาหวังจะกร

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 126

    “ข้าไปทำอะไรให้เจ้านักหนาจึงได้คิดทำร้ายข้า”“ฮ่าฮ่า เพราะเจ้ามาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไปไงเล่า! คนไม่มีบิดามารดาเป็นกำพร้าเช่นเจ้า กล้าดีอย่างไรลงประกวดสาวงาม แย่งชิงตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจากข้าไป เท่านั้นยังไม่พอเจ้ายังเป็นคู่หมั้นของพี่เหวิน คิดอยากได้และครอบครองเขา เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงคิดว่าตนเองเหมาะสมกับบุรุษเก่งกล้าและรูปงามเช่นเขา แทนที่เจ้าจะสำนึกในบุญคุณของบิดามารดาของพี่เหวิน กล่าวยกเลิกงานหมั้นนั่นเสีย เจ้ากลับเร่งรัดให้ทุกอย่างเร็วขึ้นกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็รู้ตนเองดี ว่าพี่เหวินมิได้รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย แล้วข้าจะให้คนหน้าด้านเช่นเจ้าเชิดหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับข้าได้เช่นไร คิดว่าข้าไม่รู้รึว่าเจ้าคิดเทียบเคียงข้ามาโดยตลอด หวังใช้ฐานะฮูหยินแม่ทัพตีเสมอข้าน่ะสิ หึ ไม่เจียมตน”“เจ้าบ้าไปแล้วโจวเฟิ่งจิ่ว ข้าไม่เคยคิดตีตนเสมอเจ้า ข้ารู้ตนเองดี เจ้าเอาแต่ว่าข้าแล้วเจ้าเล่าดีตรงไหน วัน ๆ ตามแต่คู่หมั้นของสหาย นอกจากไม่รู้สึกผิดแล้ว ยังคิดทำร้ายผู้อื่น นี่มันไม่น่ารังเกียจกว่าข้ารึ” ไป๋ฟางเซียนย้อนกลับทันควัน เพราะนางไม่ชอบให้ใครมาว่านางเช่นกัน แม้ว่าคนที่ถูก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status