ถึงแม้พวกเราปกติไม่ค่อยกลับมาอยู่ที่นี่ แต่คนใช้ดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ไม่มีแม้แต่ฝุ่นแม้แต่ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ก็เปลี่ยนทุกๆ 3 วันตรงหัวเตียงมีภาพถ่ายเวดดิ้งแขวนเอาไว้ สไตล์ย้อนยุค ผลงานช่างแต่งภาพหลายคน ทว่าไม่มีร่องรอยการใช้โปรแกรมแต่งภาพพอฟู่ฉีชวนนั่งลงบนเตียง ฉันพยายามสะบัดข้อมือออก เขาจับข้อมือฉันไว้แน่นพร้อมกับขมวดคิ้ว "เรายังไม่ได้หย่ากันสมบูรณ์ ช่วยผมทายาหน่อยไม่ได้เลยหรอ?""...ฉันจะไปเอากล่องยา ไม่งั้นฉันจะเอาอะไรทายาให้คุณ?"ฉันไม่มีทางเลือก เลยบอกกับเขาเขาถึงปล่อยข้อมือฉัน "ครับ"ฉันเจอกล่องปฐมพยาบาลตรงลิ้นชัก หยิบเบตาดีนและยาทาเดินมาหาและยืนอยู่ตรงหน้าเขาแผลตรงหน้าผากทำเอาใจหายเมื่อเห็น ฉันค่อยๆ ก้มลงมา มือข้างหนึ่งช้อนหลังศีรษะเขา มืออีกข้างก็เช็ดคราบเลือดให้เขาท่านปู่ลงมือหนักมาก พอเช็ดคราบเลือดออก เลือดก็ไหลออกมาใหม่ฉันเห็นก็รู้สึกเจ็บแล้ว "เจ็บไหม?""เจ็บ เจ็บมาก"เขาเงยหน้ามามองฉัน ดวงตาสีดำราวกับหินออบซิเดียน สดใสสะดุดตาฉันรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา ขณะฆ่าเชื้อตรงบาดแผลก็เป่าเบาๆ ตรงแผลไปด้วย เขาดูพออกพอใจจนเอ่ยออกมา "ไม่เจ็บแล้ว ขอบคุณครับ ที่รัก""พ
ฉันอึดอัดใจทันใดนั้นก็รู้สึกอึดอัดไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดถาโถมเข้ามาทั้งตัวแหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานของเรางานแต่งตอนนั้น เขาถึงแม้จะไม่ได้สนใจ แต่ท่านปู่กลับเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหลานสะใภ้อย่างฉันสินสอดสิบล้าน ห้องหอราคาสูงลิบ รวมถึงหาช่างออกแบบเครื่องประดับชั้นเลิศทำแหวนคู่ให้กับพวกเราต่อมา สินสอดก็ยกให้กับท่านป้าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูมาห้องหอไม่มีที่ให้สำหรับฉันแต่ละวันก็มีเพียงแหวนวงนี้ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างฉันช่วงแรกของชีวิตแต่งงาน ฉันพอใจจะสวมใส่มันเอาไว้บนนิ้วนาง หลังจากฟู่ฉีชวนรู้ว่าฉันก็ทำงานที่แซ่ฟู่กรุ๊ป เขาก็รีบเตือนฉันว่าอย่าทำตัวเป็นจุดสนใจฉันเลยถอดมันในวันนั้น คล้อยเอาไว้กับสร้อยเส้นเล็กและห้อยไว้ที่คอฉันสวมสร้อยนี้มาสามปีแล้วแหวนวงนี้ซึ่งเคยทำให้ฉันรู้สึกดีใจ ตอนนี้มันกลับเป็นคำเยาะเย้ยไร้เสียง ในสายตาของฟู่ฉีชวน ฉันก็เหมือนกับแหวนวงนี้ ตรงที่ไม่ควรออกไปเจอใครฉันหัวเราะเย้ยหยันให้กับตัวเอง "ก็แค่ลืมถอดออก"ลืมไปเลยจริงๆถ้าจะพูดให้ชัดก็คือคุ้นชิน ตอนอยู่คนเดียวหรือใจรู้สึกอ้างว้างก้มักจะเอื้อมมือไปลูบแหวนวงนี้จนคุ้นชิน...ฟู่ฉีชวนต
ฉันหัวเราะเบาๆ "ขอเพียงไม่ใช่แบบคุณตอนนี้ก็พอ"สีหน้าเขาเผยให้เห็นความรู้สึกเจ็บปวด "ผมแย่ในสายคุณขนาดนี้เลยหรอ?""ก็ไม่ได้แย่ เทียบกับพวกชอบใช้ความรุนแรง ติดยา ติดการพนันแล้ว พวกนั้นแย่ยิ่งกว่าคุณอีก""...หร่วนหนานจือ"สีหน้าเขาหมองหม่น ขณะกำลังจะพูดก็มีคนมาเคาะประตูห้องตามมาด้วยเสียงไพเราะของฟู่จินอัน "อาชวน ฉันเข้าไปนะ"ยังไม่มีใครขานรับ ประตูก็ส่งเสียง "คลิ๊ก" เธอผลักประตูเข้ามา"อาชวน เดี๋ยวฉันทา...."เสียงของเธอขาดหายตอนเห็นหน้าฉัน รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งเกร็งฉันกล่าวอย่างเฉยเมย "ฉันขอตัวออกไปก่อน""หนานจือ"ฟู่จินอันโมโหกล่าว "หย่ากันแล้ว ก็ทำตัวให้เหมือนหย่ากันหน่อย คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันก็แค่กลัวคนไม่หวังดีรู้เข้า หากมีคนเอาไปพูดคงจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเธอ""ราชการยังไม่ได้ส่งใบสำคัญหย่ามาให้เรา เธอก็ป่าวประกาศแล้วว่าพวกเราหย่ากันงั้นเหรอ?"ฉันอดทนไม่ไหวจริงๆ พร้อมกับกล่าวต่ออย่างไม่ใส่ใจ "ชื่อเสียงฉันแย่สักแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับเธอขั้นเสนอหน้ามาแย่งของคนอื่นหรอก"พอพูดเสร็จฉันก็เดินออกไปยังไม่ทันเดินออกจากห้อง ฉันก็ได้ยินนางตีหน้าเศร้าพูดกับฟู่ฉีชวน "อาชวน คุณดูเ
ท่านปู่มองได้เฉียบขาด ฉันก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพยักหน้า "ใช่ค่ะ"ท่านปู่ยกมือขึ้นมา เป็นสัญญาณบอกให้ลุงเฉิงอาของบางอย่างเข้ามา มันเป็นแฟ้มประวัติผู้ป่วยสีเหลืองฉันรับเอามาอ่านดู หัวใจก็เหมือนถูกมือล่องหนข้างหนึ่งบีบรัดเอาไว้ฟู่ฉีชวนตอนเด็กไปพบแพทย์โรคหัวใจหลายครั้ง...ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ ราวกลับไม่เชื่อเรื่องนี้เขาผู้เป็นเหมือนลูกคนโปรด กลับกลายเป็นผู้ป่วยประจำของแผนกโรคหัวใจผ่านไปนานกว่าฉันจะขมวดความคิดของตนเองได้จนฉันเผลอกัดริมฝีปาก "เขา เข้าทำไมถึง..."พอลองคิดอีกด้าน ก็รู้สึกว่ามีเค้าลางเสียแม่มาตั้งแต่เกิด พ่อเขาเองทำให้ครอบครัววุ่นวายจนบ้านแตกเพราะผู้หญิงอื่นแค่คนเดียว อีกทั้งยังเอาแต่รักลูกต่างแม่เขาจะมีปัญหาสภาพจิตใจก็เป็นเรื่องปกติ"หลายปีมานี้ ปู่ก็เคยคิดว่าควรจะบอกเขาดีไหม"ท่านปู่ถอนหายใจ แววตาของคนผ่านโลกมานานก็ดูเฉียบคมขึ้นมาทันที "ทว่ายังไงก็ต้องมีสักวันที่เขาจะต้องรู้ ปิดบังเขาไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก"……ฉันออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ด้วยอารมณ์ซับซ้อน บนถนนขณะกลับบ้าน ตาข้างขวาก็กระตุกไม่หยุดปกติฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางพวกนี้ ทว่าวันนี้ฉันรู้สึกอึดอั
"แล้วฟู่จินอันล่ะ?"ฉันปัดมือเขาออกพร้อมกับสะอึกสะอื้นถามท่านปู่หมดสติตอนอยู่กับฟู่จินอัน ฟู่จินอันทำไมถึงไม่อยู่นี่?พอฉันถาม เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นตรงทางเดิน ดูกระวนกระวายชัดเจน ฟู่จินอันวิ่งพรวดเข้ามา ทำท่าตกใจ "อาชวน ท่านปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันขอโทษ ตรงนั้นฉันเรียกรถไม่ได้เลย ฉันเลยมาช้า..."ฉันพูดขัดในทันที "ท่านปู่ทำไมถึงหมดสติ?"ฟู่จินอันเผยสีหน้าวิตกกังวลจากนั้นก็พูด "ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆ ท่านปู่ก็หายใจหอบขึ้นมาแล้วก็หมดสติไป""จู่ๆ ก็เป็นแบบนี้เลยหรอ? เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นหรอ?" ฉันไม่เชื่อนางสองปีมานี้ ท่านปู่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาก ตรวจสุขภาพตรงตตามนัดขนาดตอนเขาลงมือทำร้ายฟู่ฉีชวนก็ยังไม่เป็นอะไรเลย ยิ่งไม่มีทางจะล้มป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ"เธอหมายความว่าไง? หนานจือ หรือว่าเธอสงสัยว่าฉันทำให้ท่านปู่โมโหจนล้มป่วยงั้นเหรอ?"ฟู่จินอันสีหน้าสับสน ทันใดนั้นเธอก็กุมท้อง หันไปมองฟู่ฉีชวนอย่างเจ็บปวด "อาชวน ฉันเจ็บท้อง..."ฟู่ฉีชวนสีหน้าสงสัย "เจ็บท้อง?""อืม!"พอเห็นฟู่จินอันตอบกลับเขาอย่างมั่นใจ เขาก็รีบอุ้มนางขึ้นมาและรีบเดินออกไป "หมอครับ! เธอต
"ผิดปกติ..."ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติฟู่ฉีชวนถามต่อ "ตรงไหนผิดปกติ?"ฉันครุ่นคิดอย่างสงสัย "ท่านปู่ปกติตอนอาการกำเริบจะต้องทานยาทันที ปกติอาการจะทุเลาลง ทำไมครั้งนี้ถึงหมดสติไปเลย?""ใช่ครับ แต่ก่อนคุณท่านตอนมาตรวจสุขภาพ ผมสังเกตเห็นกระเป๋าเสื้อคุณท่านจะเตรียมยาไว้ตลอด แต่สถานการณ์วันนี้ หากท่านทานยาได้ทันเวลา อาการคงไม่สาหัส" ผอ.กล่าวฉันเหลือบมองฟู่ฉีชวน "ฟู่จินอันล่ะ?""เธอพักอยู่ในห้องผู้ป่วย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากตอบ จากนั้นก็กล่าวอย่างมั่นใจ "คุณสงสัยเธอหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก แม้นิสัยเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี อีกอย่างเธอก็เชื่อฟังคุณปู่ตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้า"พอฉันฟังจบ ฉันกลับรู้สึกโมโหอย่างควบคุมไม่ได้เป็นครั้งแรกคนจิตใจดี คงไม่พยายามมาตอแยแย่งผัวชาวบ้านหรอกแต่ว่าคงไม่มีใครไปปลุกฟู่จินอันที่แกล้งหลับหรอก ตรงจุดนี้ฉันเข้าใจดีขี้เกียจจะไปเถียงอะไรกับเขา ฉันหันไปหาผอ. "เสื้อผ้าตอนท่านปู่มาถึงโรงพยาบาลยังอยู่ไหมคะ? รบกวนช่วยดูให้ฉันทีว่ากระเป๋าเสื้อมียารึเปล่า""ได้ครับ"ผอ.รีบสั่งให้แพทย์ด้านหลังไปตรวจดูเสื้อผ้าผานไปอึดใจหมอก็เดินกลับม
"ไม่ต้อง..."ฟู่จินอันดึงแขนเสื้อของเขา "ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน ครู่เดียวก็พอแล้ว ได้ไหม? ถ้าไม่ได้ งั้นก็ปล่อยให้ฉันทนเจ็บจนตายเถอะ!""งั้นก็ทนเจ็บจะตายไปเลย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเย็นชา แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังรินน้ำอุ่นให้กับเธอพร้อมกับพูดห้วนๆ "ดื่มน้ำอุ่นมากๆ"ฟู่จินอันไม่พอใจ "น้ำอุ่นไม่ได้ช่วยให้หายปวด"ฉันถูกเขากระแทกตัวเซ อีกนิดก้เกือบจะล้ม พอเงยหน้าขึ้นก็เห็พวกเขาทำเหมือนเป็นปกติอีกคนเสแสร้ง อีกคนก็พร้อมเชื่อหลังจากท่านปู่ส่งตัวเข้า ICU หมอไม่แนะนำให้เข้าเยี่ยม เพื่อจะพิจารณาสุขภาพของคุณท่านพวกเราเลยได้แต่ยืนอยู่หน้าประตู มองเข้าไปด้านในโดยมีเพียงแค่กระจกกั้นท่านปู่ซึ่งมักเมตตาและอัธยาศัยดี ตอนนี้กลับต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจนหายใจ ฉันเสียใจอยากมากเกินกว่าจะบรรยาทันใดนั้น ฉันก็เห็นท่านปู่เหมือนขยับนิ้วมือฉันดีใจจนหันไปหาลุงเฉิง "ลุงเฉิง ท่านปู่ขยับนิ้วใช่ไหม?""ใช่ ใช่ครับ! คุณไม่ได้ตาฝาด ตอนนี้กำลังขยับนิ้ว"ลุงเฉิงตื่นเต้นมากเดิมทีไม่รู้ว่าท่านปู่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่คาดคิดว่าจะฟื้นได้สติเร็วขนาดนี้ฉันทั้งตื่นเต้นและดีใจ รีบร้อนรีบออกไปตามหมอ ก้า
เดิมคิดว่า ท่านคงอยากจะบอกให้ฉันอย่าหย่ากับฟู่ฉีชวนแต่ว่า ท่านปู่ไม่ได้พูดแบบนั้นฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าชีวิตของท่านปู่ค่อยๆ ริบหรี่ น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างที่สุด "ไม่ว่า...ยังไง...ก็อย่าให้ฟู่จินอันแต่งเข้าตระกูลของเรา ปกป้องตระกูลฟู่แทนปู่ด้วย""ค่ะ ท่านปู่..."ฉันใกล้จะทนรับไม่ไหวแล้ว ฉันทั้งร้องไห้และพยักหน้าไม่หยุด "ท่านปู่ ฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านใช่ไหม ไม่งั้นอาการท่านคงไม่กำเริบแบบนี้...""นาง..."แววตาของท่านสะท้อนความเกลียดแค้นและโทสะ จนสุดท้ายท่านก็ถอนหายใจ "หนูจำคำพูดของปู่เอาไว้ให้ดีก็พอ""ค่ะ...หรวนหร่วนจะจำเอาไว้ หนูจะจดจำเอาไว้ทุกคำ"ฉันพูดสะอึกสะอื้น ไม่กล้าถามอีกแม้แต่คำเดียว กลัวว่าท่านปู่จะโมโหอีกทว่าในใจกลับได้ฝังเมล็ดความสงสัยเอาไว้ฟู่จินอันจะต้องพูดอะไรกับท่านปู่แน่นอน"ยัยหนู อย่าเสียใจเลย ดูแลลูกในท้องของหนูให้ดีๆ"ท่านปู่พยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย หันมองและยิ้มให้กับฉัน "เท่านี้ ปู่ก็จะได้ตายตาหลับสักที....""ตี๊ด——"เครื่องตรวจชีพจรส่งเสียงแหลมดังยาว!ฉันมองท่านปู่หลับตาสนิททั้งสองข้างพร้อมกับรอยยิ้มตรงมุมปาก ทันใดนั้นทุกอย่างพังทลายลงมาใ
เขาจะต้องรับผลที่ตามมาจากการทำอะไรที่ไร้เหตุผลตระกูลเสิ่นเป็นคนจัดการยากเกินไป ฉันไม่อยากลากเขาลงไปในน้ำโคลนด้วยกันเขาหยุดคิดสักครู่แล้วพูดว่า "ดีแล้ว"น้ำเสียงของเธอยังคงอบอุ่นเช่นเคย แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ผิดหวังปนอยู่ก่อนจะวางสาย ผู้หญิงที่ดูเป็รผู้ใหญ่แลมีสติปัญญา ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าออฟฟิศของฉันทันทีฉันเกร็งตัวและพยักหน้าให้เธอเป็นการทักทาย ขณะที่เสียงของลู่สือเยี่ยนยังคงดังผ่านโทรศัพท์ “หนานจือ สักวันหนึ่งฉันจะปกป้องคุณอย่างดี”ฟังดูเหมือนคำสาบาน เหมือนคำสัญญาจริงใจถึงขั้นไร้สาระ ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะควักหัวใจของเขาออกมาและเปิดเผยมันให้ฉันรู้ถ้าไม่มีผู้หญิงตรงหน้าฉัน ฉันกลัวว่าหัวใจของฉันจะเต้นแรงในตอนนี้แต่ในชีวิตนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็ตอบเบาๆ ว่า "รุ่นพี่ ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย สักวันหนึ่งจะไม่มีใครรังแกฉันได้อีก"ดูเหมือนเขาจะรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของฉัน "หนานจือ..."อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่หน้าประตู ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะรออีกต่อไปและผลักประตูเปิดเพื่อเข้าไปฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขัดจังหวะ
วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ขึ้นตามปกติ ข่าวลือและข่าวซุบซิบก็ยังคงแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ในบริษัทก็มองมาที่ฉันด้วยความอยากรู้เล็กน้อยเมื่อคืนนี้ เจียงไหลไปที่บ้านของฉัน คืนกระเป๋าและโทรศัพท์ให้ฉัน พร้อมตำหนิตัวเองอีกครั้งเธอไปแจ้งความโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อคนอื่นได้ยินว่าเป็นตระกูลเสิ่น พวกเขาก็เลี่ยงที่จะรับแจ้งความทันที พูดง่ายๆ ก็คือ หากไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เธอยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความได้เปรียบของอำนาจและความรู้สึกหมดหนทางของการเป็นคนธรรมดาเธอยังล้อเล่นด้วยว่า ถ้าเธอรู้มาก่อน เธอคงไม่ยืนกรานที่จะเลิกกับเฮ่อถิง แม้ว่าจะหมายถึงการเป็นเมียน้อย แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เธอก็จะไม่เหลือใครให้หันไปขอความช่วยเหลือโง่จนกู่ไม่กลับในขณะนั้น เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศพร้อมกับกาแฟสองแก้ว วางแก้วหนึ่งไว้ตรงหน้าฉัน และดึงเก้าอี้ตรงข้ามฉันให้นั่งลงสีหน้าของเธอแทบจะเหมือนเดิมกับเมื่อคืนนี้ขณะที่ฉันกำลังร่างแบบสำหรับคุณย่าโจว ฉันถามด้วยความสงสัย "เกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เธออารมณ์เสีย"เธอลังเลก่อนจะพูดประโยคเดียวออกมา
ยังไม่ได้หลับฉันเม้มริมฝีปากและพูดอย่างจริงจัง "ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำกระปุกออมสินของคุณแตกในวันนั้น"เมื่อฉันพูดถึงเรื่องนี้ เขากระชากผ้าปิดตาลงด้วยความหงุดหงิด ดวงตาที่ดูอ่อนล้าสะท้อนความไม่พอใจออกมา "หร่วนหนานจือ คุณมักจะถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกเท่านั้น แต่พอมาอยู่กับฉันกลับรู้ดีนักว่า รู้วิธีทำให้ฉันทุกข์ใจได้ดีเชียวนะ.....""ไม่ใช่"ฉันรีบขัดจังหวะและหยิบกระต่ายน้อย ที่ช่างเซรามิกทำขึ้นออกมา พยายามสงบอารมณ์ของเขา "นี่...นี่เป็นกระต่ายที่ฉันให้ช่างทำตามแบบกระต่ายตัวนั้น มันค่อนข้างจะใกล้เคียงกับของจริง ฉันหวังว่ามันจะชดเชยความซุ่มซ่ามของฉันในวันนั้นได้"ในทางอารมณ์และตรรกะ ฉันไม่ควรแตะกระปุกออมสินของเขาเลยตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าถูกบังคับอย่างอธิบายไม่ถูก จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเอื้อมมือไปแตะข้าวของส่วนตัวของคนอื่นฉันใช้เวลาสองสามวัน ที่ผ่านมาแอบไปที่สตูดิโอปั้นเซรามิกเพื่อพยายามปั้นของที่เหมือนกันเพื่อมาแทนที่ แต่ฝีมือของฉันยังไม่ดีพอ และของที่ฉันปั้นก็ยังไม่น่าประทับใจเลยสุดท้าย ฉันก็ต้องขอความช่วยเหลือจากช่างปั้นเซรามิกโจวฟางตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องไป
คำถามสองข้อนั้น ค่อนข้างจะเฉียบแหลมแต่โจวฟางไม่แสดงท่าทีอึดอัดแม้แต่น้อย เขาใช้มือโบกมือเรียก “เข้ามาใกล้ๆ แล้วฉันจะบอกคุณ”ฉันเอนตัวไปเล็กน้อย เป็นเชิงสัญลักษณ์แล้วพูดว่า "พูดมา"พื้นที่ภายในรถกว้างขวางมากและไม่มีใครนอกจากคนขับ ทำไมถึงทำให้มันดูลึกลับขนาดนั้นเขายังเอนตัวไปด้านข้างนี้อีกสองสามเซนติเมตร พร้อมกับยิ้มในดวงตาและตีเขาอย่างสุดแรง: “ฉันทนคนที่โง่เกินไปไม่ได้จริงๆ”"......"ฉันนั่งตัวตรงและจ้องมองเขา “แล้วฉันควรจะขอบคุณคุณที่ทำให้ฉันรู้แจ้งหรือเปล่า”"ฉันไม่ถือสา"เขายิ้มอย่างสุภาพดูเย่อหยิ่งและน่ารำคาญเสมอถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถละเลยความจริงที่ว่าเขาช่วยฉันไว้ได้ ฉันมองต่ำลงเล็กน้อยและพูดว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อกี้"นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบาๆ ที่เฟรมหน้าต่าง "ถ้าฉันไม่โผล่มา พวกเขาคงปล่อยคุณไปอยู่ดี""แต่ไม่ใช่ก่อนที่จะทำให้คุณทรมานมากกว่านี้อีกหน่อย"แม่ลูกตระกูลเสิ่น คงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องอื้อฉาวทางออนไลน์เกิดขึ้น คุณนายเสิ่นคงระบายความโกรธทั้งหมดของเธอมาที่ฉันฉันระบายเสร็จแล้ว และฉันก็คงเกือบตายไปแล้ว"พวกเขาคงไม่กล้า
"ยังไหวอยู่"ฉันหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผม หลังจากที่ร่างกายเย็นๆ ของฉันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ฉันมองไปที่โจวฟางแล้วถามว่า "มีอะไรผิดปกติทางออนไลน์หรือเปล่า?"เขาโต้กลับว่า "นั่นไม่ใช่ฝีมือของคุณเหรอ?'"ว่ายังไงนะ?"ฉันถามคำถามนั้นอีกครั้งด้วยความสับสนเขาจ้องมาที่ฉันสักครู่ ยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "โอเค ฉันประเมินคุณสูงเกินไป"หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ ดูเอง“รหัสผ่าน?”“วันเกิดของคุณ”"?"ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะเขาเงยหน้าขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า "คุณกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่ วันเกิดของคุณเหมือนกับของเธอคนนั้น"“…โอ้ คราวหน้าก็พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”ฉันกลัวมากจนประมวลผลไม่ทันหลังจากปลดล็อกแล้ว ฉันก็พบเรื่องที่แม่เสิ่นถามถึงอย่างรวดเร็วเสิ่นซิงหยูถูกเปิดโปงทางออนไลน์ว่า เป็นเมียน้อยที่ใช้กลวิธีแอบแฝงเพื่อบังคับให้เมียหลวงยอมหย่า และวันนี้ เธอถูกกล่าวหาว่าวางแผนลักพาตัวเมียหลวงมีคนปล่อยวิดีโอจากที่จอดรถใต้ดินของโรงแรมเมืองเจียงเฉิงออกมาด้วย เป็นวิดีโอที่มีคนลักพาตัวฉันไป วิดีโอนี้ควรจะถูกลบโดยตระกูลเสิ่นไปแล้วความคิดเห็นของสาธารณชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอแต
ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอแต่เธอพูดช้ามากจนฉันอ่านริมฝีปากของเธอได้ก่อนที่ฉันจะละสายตาไป ก็มีร่างหนึ่งรีบเดินผ่านฉันไปเป็นพ่อเสิ่นไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงของบางสิ่งที่แตกกระจายก็ดังก้องมาจากห้องนั่งเล่นเสียงการโต้เถียงแผ่วเบาตามมาฉันได้ยินชื่อของตัวเอง ฉันยังได้ยินชื่อของฟู่ฉีชวนด้วยและข่าวลือบางอย่างบนอินเทอร์เน็ตในที่สุด เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากปากของพ่อเสิ่น "เธอเอาแต่ใจและดื้อรั้น แล้วคุณก็ยังยืนกรานที่จะตามใจเธอต่อไปงั้นเหรอ ปล่อยให้เธอคุกเข่าอยู่ข้างนอกต่อไปในวันที่หิมะตกและปล่อยข่าวลือให้คนอื่นได้ยิน...."ทันใดนั้น หิมะก็หยุดตกฉันตอบสนองชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกถึงเงาที่ปกคลุมศีรษะของฉันเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันเห็นร่มสีดำสนิทและดวงตาสีน้ำตาลไร้ก้นบึ้งของโจวฟาง!เขายังคงนิ่งเฉยและยื่นร่มให้ฉัน "คุณถือมันได้ไหม?"ฉันถูมือที่แข็งเล็กน้อยด้วยคำพูดว่า "พอได้..."ก่อนที่ฉันจะพูดจบ ด้ามร่มก็ถูกยัดเข้าไปในมือของฉันวินาทีต่อมา ชายในแจ็คเก็ตหนังสีดำคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นดินที่เป็นน้ำแข็ง และอุ้มฉันขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเริ่มเดินก้าวเด
ใบหน้าของเสิ่นซิงหยูแข็งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะเย็นช "ฉันตัดมันเอง แล้วไง?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉันก็หมดความสนใจที่จะยุ่งเกี่ยวต่อไปและมองไปที่แม่เสิ่นเท่านั้น "คุณนายเสิ่น ฉันคงไปได้แล้วสินะ?"ฉันคิดว่า เธอแค่ระบายความโกรธที่มีต่อลูกสาวของเธอตอนนี้ความจริงก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลยโดยไม่คาดคิด เธอจึงหยิกใบหน้าของเสิ่นซิงหยูด้วยความรักใคร่และพูดว่า "ลูกบ้าไปแล้วหรือ? ลูกไปเอาความบริสุทธิ์ของลูกไปเสี่ยงเพื่อใส่ร้ายเธอหรือไง?"เสิ่นซิงหยู่ทำปากยื่นและพูดเล่น "แม่ หนูผิดไปแล้ว! แต่เธอดื้อมาก หนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีนี้""พอได้แล้ว"แม่เสิ่นพูดอย่างเอาใจ “ขึ้นไปชั้นบนเถอะ แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”น้ำเสียงของเธออ่อนโยน ไม่มีวี่แววของการตำหนิใดๆเธออาจเป็นแม่ ที่ตามใจลูกมากที่สุดในวันนี้เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "แม่ แม่รักหนูที่สุดเลย!"หลังจากพูดจบ เธอก็เดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และแม่เสิ่นก็มองดูร่างของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอหลังจากร่างของเธอหายไป แม่เสิ่นก็ค่อยๆ ถอนสายตาออกและมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลั
ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านเสิ่นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่หิมะเริ่มตกโปรยจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ พัดนวนไปมาแล้วตกลงเป็นชิ้นๆหิมะสีขาวบางๆ ตกลงมากองอยู่ที่พื้นแล้วห้องนั้นอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อน แต่เมื่อฉันสบตากับแม่เสิ่นที่เย็นชา ฉันรู้สึกหนาวไปทั้งตัวพวกเธอได้ตรวจสอบฉันพวกเขายังตรวจทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนมาที่เมืองเจียงเฉิงด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ฉันถูกขังไว้ในห้องเก็บของและตัดไฟโดยตั้งใจเพื่อจัดการกับอดีตภรรยาอย่างฉัน พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่แม่เสิ่นจิบชาและมองมาที่ฉันอย่างดูถูก "เธออยากพิจารณาการออกจากเมืองเจียงเฉิงอีกครั้งไหม?"ฉันนั่งตัวตรงและถามว่า "แล้วครั้งนี้ เหตุผลคืออะไร?"คราวที่แล้ว เป็นการบังคับและติดสินบนคราวนี้เหตุผลอะไรอีก"หลังจากเริ่มทำธุรกิจ เสื้อผ้าชุกแรกที่เธอออกแบบมา ก็เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น"แม่เสิ่นเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเยาะเย้ย "เธอคิดว่าบริษัทของเธอจะยังอยู่รอดได้ไหม ทำไมไม่ไปต่างประเทศล่ะ? ใช้เวลาสองสามปีเพื่อเรียนรู้อะไรดีๆ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเอง"ฉันกำมือแน่นวันนั้นที่บ้านของตระกูลเสิ่น ฟู่ฉี่ชวนก็พูดแบบเดียวกันฃต้องการส่งฉัน
เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นฉันเย็บชุดด้วยตะเข็บที่เรียบและแน่น และชุดทั้งหมดก็ตัดเย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสายรัดจะขาด มันก็จะติดอยู่ในอกของเธอชั่วคราวและไม่หลุดออกทันทีเว้นแต่ว่าซิปด้านหลังจะขาดในเวลาเดียวกันแต่เป็นไปไม่ได้ซัพพลายเออร์ของผ้าและซิปได้ร่วมมือกับแซ่ฟู่กรุ๊ปตั้งแต่นั้นมา และคุณภาพก็เป็นไปตามมาตรฐานอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าเป็นงานแฮนด์เมดของฉันฉันคว้าเสื้อโค้ทของฉัน ลุกขึ้น และวิ่งขึ้นไปบนเวที เมื่อฉันพยายามช่วยเธอคลุม เธอก็คลั่งและตบหน้าฉัน!"เธอตั้งใจเทำให้ฉันรู้สึกอายในวันนี้เหรอ?"ฉันยกมือปิดหน้าที่แสบร้อนตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตบกลับไป"เสิ่นซิงหยู นยังไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งพอที่จะทำลายชื่อเสียงตัวเอง!"เสิ่นซิงหยู่จ้องมองมาด้วยตาที่เบิกกว้างจากความโกรธ เพร้อมจะพุ่งเข้าหาฉัน แต่ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ได้ ฟู่ฉีชวนก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ สีหน้าของเขาเย็นชา ขณะที่เขาดึงเธอไว้ข้างหลัง ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเพื่อคลุมเธอแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายที่พร้อมปกป้องภรรยาแม่เสิ่นมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน หน้าอกของเธอขึ้นลงด้วยความโกรธ "จับเธอไว้ใ