ฉันอึ้งเล็กน้อย "ก็อาจจะ"โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อีกทั้งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การกระทำคำพูดของอีกฝ่าย ใครต่างก็รู้แก่ใจเพียงแต่ สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่การตบหัวลูบหลังมันน่าเบื่อไม่อาจเข้าใจกันและกันได้ งั้นก็ต่างคนต่างอยู่ นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดวันนี้เราไม่ได้นัดดื่ม แต่นัดเล่นไพ่ตอนไปถึงหน้าห้องวีไอพี ฉันอยากเข้าห้องน้ำ เลยบอกกับเจียงไหล จากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำหลังจากจัดการธุระส่วนตัว ขณะเดินออกจากห้องน้ำเลี้ยวตรงมุมก็หันไปเห็นลู่สือเยี่ยนเขาก็บังเอิญเห็นฉันพอดีและเลิกคิ้วยิ้มกล่าว "ผมเห็นแซ่ฟู่กรุ๊ปเสนอรายชื่อเข้าแข่งแล้ว มีคุณอยู่ด้วย ผมรอวันที่เราจะได้ทำงานด้วยกันอยู่นะ"ฉันรู้สึกเกรงใจและยิ้มกลับ "รุ่นพี่ ฉันแค่ได้มีโอกาสเข้าแข่ง ส่วนจะได้หรือไม่..."พูดมาได้ครึ่งนึง มือใหญ่ข้างหนึ่งจู่ๆ ก็โอบวางบนไหล่ฉัน กอดฉันไว้แน่นชายคนนั้นจ้องลู่สือเยี่ยนด้วยแววตาดุดันแข็งกร้าว แสร้งทำเป็นยิ้ม"คุณมีนิสัยชอบร่วมงานกับภรรยาคนอื่นหรอ?""คุณพูดบ้าอะไร?"ฉันถลึงตามองเขา มองลู่สือเยี่ยนอย่างขอโทษ "รุ่นพี่ เขาแค่ล้อเล่น อย่าเอาไปใส่ใจ""ผมล้อเล่นรึเปล่า เรารู้ดีแก่ใจ"
เป็นแบบนี้อีกแล้วพอเถียงแพ้ก็จูบฉันเขาจับปลายคางของฉัน จูบดูดดื่มรุนแรง มือสองข้างลงมาจับเอวฉัน ลูบไล้จนสั่นไปทั้งตัวฉันรู้ดี หากขืนปล่อยให้เขาทำต่อไป ตอนฉันออกไปจากห้องนี้ สภาพฉันคงไปเจอใครไม่ได้แล้วแต่ว่า ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับฉันเขาเป็นคนจอมบงการ ชอบใช้กำลัง พละกำลังของผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันราวฟ้ากับเหวพอขัดขืนสู้ไม่ไหว ฉันก็นึกได้เขาชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เลยได้แต่ก้มหน้าขอร้องเขา "ฟู่ฉีชวน คุณอย่าทำแบบนี้ ไม่งั้นฉันจะไปเจอคนอื่นยังไง...""เจอใคร? ลู่สือเยี่ยน?"เขาทั้งจูบและพูดไปด้วย เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากฟันและริมฝีปากช่างเซ็กซี่น่าค้นหามาถึงขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าฉันไม่ได้ขัดขืนเขา ได้แต่ถูกบังคับให้เขาจูบฉัน พยายามหาช่วงโอกาสพูดอธิบาย "ฉัน ฉันกับเขาไม่มีอะไรจริงๆ...ก็แค่การแข่งออกแบบของ MS เลยถึง....อื้อ....""คุณแค่ใช้ประโยชน์เขา?"ความคิดของเขาชัดเจนมาก ฉันได้ยินน้ำเสียงเขาฟังดูไม่ได้หงุดหงิดแล้วต้องรีบหนีออกจากที่นี่ ฉันเลยได้แต่ตามน้ำเขาไป "คุณจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้..."เขาค่อยๆ คลายกอด ให้พื้นที่ฉันได้หายใจ แววตาดูอันตรายแต่อ่อนโยน นิ้วโป้งลูบไล้ตรงริมฝี
ที่แท้ฉันก็ไม่ได้คิดไปเอง และฉันก็ไม่ได้เข้าใจผิดแต่แม้กระทั่งสามีฉัน ยังทำเหมือนฉันไม่ควรออกไปเจอใครตลอดความสัมพันธ์นี้ทั้งสงสัยถามถึงความสัมพันธ์ของฉันกับลู่สือเยี่ยนทั้งให้ฉันแอบหลบหลังประตูไม่ให้ออกไปน่าขำสิ้นดี"ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด"ฟู่ฉีชวนยื่นมือมาจับใหล่ฉัน ฉันถอยห่างในทันที มองเขาอย่างว่างเปล่า ฉันไม่ได้อยากร้องไห้ แต่เพียงกระพริบตาหยาดน้ำตาก็รินไหล "อย่ามาจับฉัน"อย่ามาจับฉันฉันสับสนมึนงง ในหัวเหลือเพียงความคิดเดียว"หนานจือ คุณอย่าคิดฟุ้งซ่าน ผมแค่หวังว่า...""ปังๆๆ..."เสียงทุบประตูดังขึ้นเป็นไปตามคาด ขัดจังหวะพูดของเขาฟู่จินอันคงเข้าไปโวยวายในห้องวีไอพีทุกห้อง เธอยังไงก็ต้องหาฟู่ฉีชวนและฉันให้เจอไม่งั้นคงไม่ช้าขนาดนี้"กลับบ้านไปรอผม ผมจะอธิบายให้คุณฟัง"ฟู่ฉีชวนก่อนเปิดประตูออกไปก็พูดทิ้งท้ายด้วยเสียงทุ้มฉันตั้งสติได้อีกครั้ง ด้านนอกโวยวายเสียงดังขึ้นมา ประตูถูกปิดอย่างแรงและล็อคไว้ ข้างในออกไปไม่ได้ ด้านนอกก็ผลักเข้ามาไม่ได้ไม่ใช่แค่ฉันที่อยากออกไป แต่คนข้างนอกก็เข้ามาไม่ได้"คุณขวางฉันไว้ทำไม ฉันยังไม่ทำอะไรเลย! อาชวน คุณชอบเธอแล้วใช่ไหม? คุณ
[ได้อยู่แล้ว ได้ยินว่าเธอเดินไปกับฟู่ฉีชวน เกิดอะไรขึ้น? เขารังแกเธออีกแล้วเหรอ?]เธอสติ๊กเกอร์หน้าโมโหมาให้ฉันยังไม่ทันส่งข้อความกลับ หน้าจอโทรแชทก็เด้งขึ้นมา ฉันตัดสายทิ้ง [ฉันไม่เป็นไร ตอนนี้อยู่บนรถ เธอกลับมาแล้วค่อยคุย]ตลอดทาง ลู่สือเยี่ยนรู้ว่าฉันอึดอัดใจ เลยปล่อยให้ฉันอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พยายามหาเรื่องคุยกับฉันให้พื้นที่ฉันได้ปลบปล่อยอารมณ์ความคิดก่อนลงจากรถ ฉันปลดเข็มขัดนิรภัย "รุ่นพี่ คำพูดของเขาวันนี้ คุณอย่าไปใส่ใจ"เขาค่อยๆ แตะเบรคจนสุดพร้อมกับยิ้ม "ไม่หรอก ผมดีใจมากกว่า""หือ?"ฉันไม่เข้าใจลู่สือเยี่ยนหันหน้ามามองฉันพร้อมกับพูดหยอกล้อ "คุณไม่รู้ตัวหรอ วันนี้คุณไม่ได้พูดคำว่าขอบคุณกับผม"ฉันเม้มปาก "อันที่จริงวันนี้ฉันควรพูด...""ผมไม่ได้เจตนาเตือนคุณให้ขอบคุณผม"เขายิ้มกล่าวขัดจังหวะฉัน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "เป็นเพื่อนกัน ทำไมต้องพูดเกรงใจขนาดนั้น?"ฉันหัวเราะ "งั้นหลังจากนั้นหากอยากให้ฉันช่วยอะไร ก็มาหาฉันได้ ฉันขอตัวก่อน""อืม"เขาพยักหน้า จนฉันเดินเข้าไปในตึก ก็ได้ยินเสียงรถเคลื่อนตัวออกไปฉันกลับมาถึงบ้านของเจียงไหล ขนาดไฟยังไม่อยากเปิด ฉ
ฉันเดาว่าคนที่คุยกับเจียงไหลคือเฮ่อถิงความโมโหของเจียงไหลยังระบายออกมาไม่หมด"อ๋อ ใช่สิ ฟู่จินอันเป็นผู้หญิงท้อง! หรวนหร่วนเป็นไอรอนแมนฟันแทงไม่เข้า หัวใจของเธอบอบช้ำมานานแล้ว พวกนายทำไมยังทำร้ายหัวใจของเธออีก""อ้าว ได้สิ หวังว่าจากนี้ฟู่ฉีชวนจะไม่เสียใจแล้วกัน""ถ้าลูกหลานในครอบครัวพึ่งพาคนนอกให้ช่วย จากนี้ถ้าเขาเสียใจก็สมควรแล้ว""ไปให้พ้น อย่าหวังว่าฉันจะช่วยเขาพูดกับหรวนหร่วน หรวนหร่วนหย่ากับเขา มันก็ไม่ได้หนักหัวฉัน"……ฉันหายใจเข้าลึก ฉันยันพิงกำแพงและนั่งใต้หน้าต่างฉันหยิบมือถือส่งไลน์ไปหาหลินเนี่ยนหลินเนี่ยนตอบกลับในเสี้ยววิ [พี่หนานจือ พี่รู้แล้วสินะ...ใช่ครับ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนตอนบ่าย ท่านพ่อของรองประธานฟู่มาที่บริษัท ย้ายผอ.ฟู่ไปทำหน้าที่รองประธาน][ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้จะบอกกับเธออย่างไร เธอกับรองประธานฟู่ดีกันอยู่ใช่ไหม...]ฉันอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดในใจ ขณะกำลังตอบกลับเธอ เจียงไหลจู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามา เธอแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ฉัน "หรวนหร่วน เธอทำอะไรอยู่? อยู่บ้านอุดอู้มาสองวันแล้ว ออกไปข้างนอกกันไหม?"ฉันรีบล็อคหน้าจ
ด้วยเหตุนี้ต้นทุนการรักษาผู้ป่วยจึงสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐดังนั้น คนที่มาพบแพทย์จึงไม่ได้เยอะมากขณะรอเรียกพบแพทย์ ฉันรู้สึกว่าช่วงล่างมีอะไรไหลออกมา "ไหลไหล เธอช่วยไปซื้อผ้าอนามัยให้หน่อยสิ""เลือดไหลอีกแล้ว?"เจียงไหลตื่นตระหนกลุกจากเก้าอี้ในทันที "ฉันไปซื้อให้ ถ้ามีเรื่องด่วนรีบโทรหาฉัน เข้าใจไหม? ถ้าเธอพบแพทย์เสร็จแล้วฉันยังไม่กลับมา เธอก็นั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนล่ะ""อืม"ฉันพยักหน้าอย่างอ่อนแรงก่อนอาการตกเลือด รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากตอนไม่ตั้งครรภ์ เว้นเสียแต่อาการแพ้ท้องตอนนี้ถึงมารู้สึกว่าเหนื่อยจนทนไม่ไหว ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย"บัตรคิว 36 หร่วนหนานจือ เชิญพบแพทย์ห้อง 3 ค่ะ"ฉันนั่งตรงหน้าห้อง ลุกขึ้นเดินเข้าไปและยื่นผลตรวจให้กับหมอ "หมอคะ รบกวนช่วยดูให้ที วันนี้ฉันจู่ๆ ก็ตกเลือด""ตกเลือด?"หมอก้มมองผลการตรวจ สีหน้าหมอวิตกกังวล จากนั้นก็ง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ "สองวันก่อนรายงายผลการตรวจของคุณก็ปกติดีไม่ใช่หรอ ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมตกเลือด? คุณทำงานเหนื่อยเกินไปรึเปล่า? หรือทานของช่วยระบายเลือดลมรึเปล่า? หรือว่ามีเพศสัมพันธ์กันรุนแรง ตึงเค
เดิมทีฟู่ฉีชวนท่าทางดูเย็นชาและกำลังกำลังก้่มหน้าเล่นมือถืออยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองทันทีฉันไม่ได้รู้สึกว่าต้องหลบซ่อนและได้แต่กัดฟันเดินสวนออกไปฟู่ฉีชวนสีหน้าชะงักเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง "คุณมาโรงพยาบาลได้ไง?"ต่างอย่างสิ้นเชิงกับน้ำเสียงเย็นชาที่พูดกับฟู่จินอันเมื่อครู่หากเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าฉันอาจรู้สึกว่าเขายังรักฉันเพราะความคลั่งรักของฉันเองตอนนี้เหลือแค่ความรู้สึกเยาะเย้ยถากถางฉันยังไม่ทันได้พูด ฟู่จินอันก็เหลือบมองรายละเอียดของแพทย์แสดงตรงหน้าห้องตรวจ ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างมีเลศนัย "เธอทำไมถึงมาหาแพทย์เฉพาะทางล่ะ คงไม่ใช่ว่าติดเชื้อ HPV อะไรหรอกใช่ไหม โรคนี้หากไม่มีอะไรกันไม่ได้ป้องกันก็คงจะติดเชื้อ"นางจงใจขึ้นเสียงเพื่อถากถาง ดึงดูดสายตาดูถูกหลายคนหันมามองฉันฉันกลับถอนหายใจ สายตาเหลือบมองป้าย พบว่าอาจเพราะช่วงเปลี่ยนเวรของหมอ ป้ายกำกับหน้าห้องเลยไม่ใช่แพทย์ที่ฉันนัดเข้าพบกว่ารู้สึกตัว แม้ฉันจะมาตรตวจครรภ์ แต่ว่ายังไม่ครบสามเดือนดี เลยได้แต่ต้องมาพบแผนกสูตินรีเวช ไม่ใช่สูติแพทย์ถ้าเป็นแผนกสูติแพทย์ ฉันตอนนี้คงไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ ฟู่ฉีช
ไม่ไกลนัก เสียงที่ฉันคุ้นหูก็ดังขึ้นมาพ่อสามีฉันสวมแว่นกันแดดสะท้อนฉูดฉาด สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกกสาวเสร็จกลับมาจากเกาะไหนสักแห่งเป็นหนุ่มเพลย์บอยทั่วไปซึ่งชอบถากถากคนอื่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่ตอนนี้แก่แล้ว คงต้องเรียกคุณพ่อเพลย์บอยฟู่จินอันพอเห็นเขา น้ำตานองราวกับต้องหยาดฝนในทันที "คุณพ่อ...ในที่สุดท่านก็มา ฮือๆๆๆ หนูถูกคนอื่นรังแก""ฉีชวนรังแกงั้นรึ?"พ่อสามีฉันถอดแว่นถัดไว้บนหัวและหันไปมองฟู่ฉีชวน "พ่อพูดกับแกเป็นร้อยรอบ ให้แกดูแลจินอันให้ดี ฉันไม่อยู่แค่สองวัน เธอทำไมถึงมาโรงพยาบาล?"……ฉันอดกระวนกระวายใจไม่ได้ อยากอาศัยช่วงเวลานี้ปลีกตัวออกไปพ่อสามีฉันจู่ๆ ก็เห็นว่าฉันอยู่ด้วยพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ "หนานจือ? หนูก็มาด้วยหรอ""คุณพ่อ"เพื่อเป็นมารยาท ฉันเลยกล่าวทักเขาถึงแม้ว่าในสายตาฉัน เขาไม่เหมาะสมจะเป็นพ่อสามีของฟู่ฉีชวนก็ตามพ่อสามีฉันพยักหน้า "พวกเธอสมควรดูแลจินอัน""..."สำหรับฟู่จินอัน ฉันมีเหตุผลหนักแน่นมากพอจะเถียงแต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่ฉันเลยได้แต่พูด "หนูยังมีธุระ งั้นขอตัวก่อน"พอฟู่ฉีชวนได้ยิน เขาก็ผลักฟู่จินอันไปให้พ่อของเขาและกล่าวน้ำเ
เสียงของเธอเป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าเสิ่นซิงหยูจะกลัวเขาเล็กน้อยท่าทางเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเธอหายไปโดยสิ้นเชิง เธอเบ้ปากและพูดอย่างเขิอาย: "ลู่สือเยี่ยน ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนี้ ฉันแค่มาคุยกับคุณหร่วนบ้างไม่ได้หรือไง?"ลู่สือเยี่ยนยกคิ้วขึ้น “แล้วเสร็จหรือยัง?”"ใช่ ฉันคุยเสร็จแล้ว"เสิ่นซิงหยูตอบอย่างประหม่า แต่เมื่อเธอเห็นว่าลู่สือเยี่ยนยังคงไม่มีอารมณ์ เธอก็โกรธขึ้นมาทันใดและพูดอย่างโกรธเคืองว่า "ทำไมคุณถึงเป็นเหมือนไอ้งั่งอย่างโจวฟางที่คอยรังแกฉัน! อีกสองวันพ่อแม่ของฉันจะมามาดูกันว่าฉันจะยังกลัวคุณอยู่ไหม!"หลังจากพูดคำหยาบเหล่านี้ เธอก็เดินออกไปด้วยรองเท้าส้นสูงเธอเดินอย่างโกรธจัดและจงใจก้าวเท้าออกไปอย่างดังหลังจากที่เธอหันหลังและหายไป ลู่สือเยี่ยนมองไปที่ฉากนองเลือดนอกบ้านของฉันและหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อกดโทรออก โดยขอให้บริษัททำความสะอาดจัดหาคนมาทำความสะอาดให้ต่อมา เขาจ้องมาที่ฉันอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "คุณไม่ได้กลัวใช่ไหม?""พูดตามตรง มีตอนแรกนิดหน่อย"ฉันยิ้มและหันไปให้เขาเข้ามา ฉันหยิบรองเท้าแตะคู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้าและพูดว่า "คุณกินข้าวหรือยัง ฉันทำซุปเสร็
เป็นเสิ่นซิงหยูเธอยืนอยู่ท่ามกลางเลือดในรองเท้าบู๊ตสีขาวของเธอ และเมื่อเธอเห็นว่าฉันหยุดปิดประตู เธอก็ค่อยๆ ดึงมือของเธอออกและโอบรอบหน้าอกของเธอ "หร่วนหนานจือ ฉันแนะนำให้คุณยอมแพ้และเจียมตัวเองซะ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ฉีชวนอีก"เธอพบที่อยู่ของฉันอย่างรวดเร็วฉันขมวดคิ้วและพูดว่า "ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือฟู่จินอัน หากพวกคุณป่วย ก็ควรไปโรงพยาบาลหรือไปหาฟู่ฉีชวนดีกว่า อย่ามายุ่งกับฉัน""โอ้ เลิกเสแสร้งสักที"เธอเหลือบมองเข้าไปในบ้านแล้วพูดจาเหยียดหยาม "ฉันตรวจสอบดูแล้ว และถ้าคุณไม่ได้แต่งงานกับพี่ฉีชวน คุณจะซื้อบ้านที่มีทะเบียนบ้านชำรุดได้กี่ชั่วอายุคน ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงความเย่อหยิ่งที่ไม่เหมือนใครของเศรษฐีอย่างเต็มที่ฉันหมดความอดทนและพูดอย่างเย็นชา "โอ้ แล้วเธอล่ะ? เธอโชคดีแค่ไหนที่ถูกอุปการะจากตระกูลเสิ่น เธอถึงยืนอยู่ตรงนี้แล้วพูดแบบนี้ได้ และก้าวก่ายการแต่งงานของคนอื่นอย่างหยิ่งผยอง"ใครก็โดนแทงใจดำกันได้เธอหักหน้าฉัน ก็อย่าโทษฉันที่หยาบคาย"หร่วนหนานจือ!!!"ทันใดนั้น ท่าทางอันสูงส่งของเสิ่นซิงหยูก็กลายเป็นดุร้าย เธอยกมือขึ้นและต้องการตบหน้าฉัน
ฝ่ามือของฟู่จินอันกำแน่นขึ้นอย่างเงียบๆ แววตาแห่งความเสียใจปรากฏบนใบหน้า เธอพูดติดขัดและสารภาพว่า "ฉัน... ฉันรู้สึกอายเกินกว่าจะถูกเธอตีและดุด่าต่อหน้าสาธารณะในตอนนั้น เป็นช่วงเวลาแห่งความโกรธและความหงุดหงิดที่ทำให้ฉันพูดคำเหล่านั้นที่ใส่ร้ายแม่ของฉัน! ฉันผิดไปแล้ว... อาชวน"ทักษะการแสดงของเธอนั้นดีมาก ถ้าฉันไม่รู้ความจริงจากปู่ของฉันก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะเชื่อคำพูดของเธอก็ได้สายตาของฟู่ฉีชวนจับจ้องไปที่ฟู่เหวินไห่ ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "คุณคิดยังไง?"“ฉันคิดยังไง?”ฟู่เหวินไห่เกร็งคอ "ถ้าเธอเป็นเป็นเมียน้อยจริงๆ เราจะแต่งงานกันได้ยังไงหลังจากแม่ของแกเสียชีวิตไปห้าปีพอดี"ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกฟู่ฉีชวนยังคงสงสัยและมองไปที่หมอ "สาหัสไหม?""ประธานฟู่"หมอเดินออกไปโดยถอดหน้ากากออกด้วยสีหน้าจริงจัง "เสียเลือดไปมากพอสมควร โชคดีที่ส่งตัวมาทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย ผมกลัวว่าจะหมดหวัง"เมื่อมองเห็นด้วยตาเปล่า ร่างกายที่แข็งเกร็งของฟู่ฉีชวนผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉันขมวดคิ้ว เป็นไปได้ไหมที่จะยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อการแสดงเช่นนี้.....ถ้าไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเซิ่งซิน ฉ
ฆ่าตัวตาย?การฆ่าตัวตายจึงเป็นทักษะทั่วไปของแม่ลูกทั้งสองคนประเภทที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น?ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมีความคิดแบบนี้ ฉันจึงถามไปอย่างอธิบายไม่ถูกว่า "คุณต้องการให้ฉันไปด้วยไหม?"บางทีฉันอาจต้องการดูว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จหรืออาจเป็นเพราะความกลัว... ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ฟู่ฉีชวนก็ไม่มีใครให้ไว้ใจได้เลยฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างไม่คาดคิดและพูดว่า "จะไม่เป็นไรใช่ไหม?""ไปเถอะ"ฉันหยิบกระเป๋าแล้วไปโรงพยาบาลกับเขาเมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล เวินฟางยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน และเป็นฟู่จินอันและฟู่เหวินไห่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกฉากนี้ทำให้ฉันรู้สึกตลกมากในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนี้ ฉันไม่ควรหัวเราะ ฉันจึงนึกถึงเรื่องเศร้าๆ ในชีวิตของฉันในใจฟู่ฉีชวน ฟู่จินอัน ฟู่เหวินไห่ และเวินฟางในห้องฉุกเฉินหากคุณวาดแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสี่คนนี้ มันควรจะคล้ายกับใยแมงมุม วุ่นวายและสับสนฟู่จินอันรีบวิ่งเข้ามาและผลักฉัน "หร่วนหนานจือ แกหัวเราะอะไร แม่ของฉันประสบอุบัติเหตุ แกมีความสุขที่ได้มาที่นี่เพื่อดูความตื่นเต้นหรือไง?!"ใช่ ฉันพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก แต่ก็ยังทำไม่ไ
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค