"ยัง ยังไม่หิว"ฉันปฏิเสธ "ฉันมาหยิบของ""อันนั้นน่ะเหรอ?"เขาชี้นิ้วไปยังถุงใส่อาหารเดลิเวอรี่ใบหนึ่งบนโต๊ะฉันรู้สึกอายเหมือนโกหกแล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา ฉันปัดจมูก "คนส่งอาหารไม่ได้กดกริ่งไม่ใช่หรอ""เขาไม่ได้กดกริ่งหรอก""คุณรู้ได้ไงเขามาส่งแล้ว?""เขาเคาะประตู""..."ฉันกระแอมเบาๆ รู้เหลือสุดจะทนกับความฉลาดของคนส่งอาหารตอนฉันเดินเข้าไปเปิดถุงเตรียมรับประทาน ฟู่ฉีชวนก็เอาโจ๊กทะเลร้อนๆ หอมฟุ้งมาวางไว้ตรงหน้าฉัน"คุณปู่บอกว่าคุณแทบไม่ได้ทานอะไรเลย เลยให้คนเอาอาหารทะเลที่เหลือมาส่ง""แล้วโจ๊กชามนี้...""ผมทำเอง"ฟู่ฉีชวนนั่งตรงข้ามฉัน สีหน้าจริงจังเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นสงบ "ผมอาบน้ำแล้ว อาบเสร็จก็ไปทำให้ คุณไม่สบายไม่ใช่หรอ ช่วงนี้ควรลดทานอาหารเดลิเวอรี่"พอฟังเขาพูด ฉันชะงักไปเล็กน้อย หลังจากได้สติก็อดประหลาดใจไม่ได้เขากำลังบอกฉันเขาอาบน้ำจนสะอาดแล้วไปต้มโจ๊กให้ฉัน เพื่อไม่ให้ฉันรังเกียจเขางั้นหรอฉันก้มหน้าลงมองโจ๊กร้อนๆ ด้วยสายตาเหม่อลอย พอตักโจ๊กทานได้สองสามคำ อารมณ์ก็สงบลง"ฟู่ฉีชวน ที่จริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้"คุณทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันลังเลตัดใจไม่ไ
ตั้งแต่หลังจากท้อง นี่เป็นครั้งที่ฉันนอนหลับไม่เต็มอิ่มที่สุดฉันตอกย้ำบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเขาคืออดีตสามี แต่สุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดีวันรุ่งขึ้น ตอนต้องออกไปทำงานพร้อมกับขอบตาดำ ขณะกำลังเดินไปเปิดประตูก็ถูกฟู่ฉีชวนเรียกเขาสวมสูทธสีเทาเงินแบบพิเศษ สั่งตัดพอดีตัว เสริมให้บรรยากาศรอบตัวดูเข้าหายาก แต่รูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบกลับดึงดูสายตามากขึ้นเขาเอากระเป๋าเก็บอุณหภูมิยื่นให้ฉันอย่างไม่อาจปฏิเสธพร้อมกับเสียงราบเรียบ "เอาอาหารเช้าไปด้วย""อืม"ฉันรับไว้ไม่ได้ปฏิเสธฉันเองจะได้ไม่ต้องซื้อข้าวเช้าด้วย เขาฐานะพ่อของเด็กในท้อง ทานอาหารเช้าของเขาสักมื้อไม่ใช่เรื่องใหญ่พอเห็นเช่นนั้น มุมปากของเขาก็เผยยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว "ผมต้องไปบริษัทด้วย ไปด้วยกัน""อย่าเลย ไม่อยากเป็นที่ต้องสงสัย เดี๋ยวคนรักคุณมาหาเรื่องฉันอีก""เธอไม่หาเรื่องหรอก""คุณยอมรับว่าเธอคือคนรักคุณ?"น้ำเสียงฉันเยาะเย้ย พอพูดจบก็เดินออกจากห้อง เดินไปเข้าลิฟต์ในลานจอดรถชั้นล่าง รถ Maybach สีดำคุ้นตาจอดอยู่ข้างๆ รถฉันฉันทำเป็นไม่เห็นและขึ้นรถของตัวเอง ขณะกำลังสตาร์ทรถ ฉินเจ๋อทำหน้ายิ้มแย้มเดินมาเคาะกร
"คุณไม่มองฉันจะรู้ได้ไงฉันมองคุณ?""ผมมองภรรยาผม ผิดตรงไหน"เขาพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกอายคำถามที่ฉันอยากถามเขา กลายเป็นไม่กล้าถามตึกสูงตระหง่านของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป รอบตึกล้วนเป็นกระจกรอบด้านราวกับเพชรเจียระไน สะท้อนแสงของอาทิตย์ฉินเจ๋อนำรถไปจอดยังโรงเก็บ ตอนลงจากรถ ฉันอยากจะหนีออกไปจากตรงนั้น"พี่หนานจือ อรุณสวัสดิ์!"หลินเนี่ยนจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาหาแต่ไกล ทักทายฉันอย่างครึกครื้นฉันยิ้มให้และลากเธอเดินออกมา "อรุณสวัสดิ์ รีบไปกันเถอะ อากาศหนาวแล้ว""หนานจือ คุณลืมอาหารเช้า"ด้านหลัง ฟู่ฉีชวนเปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับเรียกฉันฉันสูดหายใจเข้าลึกหันหลังไปหยิบอาหารเช้า พูดดูให้ห่างเหินมากที่สุด "ขอบคุณค่ะ รองประธานฟู่""พี่ พี่กับรองประธานฟู่..."หลินเนี่ยนคล้องแขนของฉัน โน้มเข้ามาใกล้พร้อมส่งสายตามีเลศนัย "พวกคุณเมื่อไหร่จะคบกันสักที? พี่คงไม่ใช่เมียแอบแต่งของรองประธานฟู่ใช่ไหม!""ไม่..."ฉันไม่อยากมีเรื่องก่อนหย่า ถ้าไปถึงหูฟู่จินอันขึ้นมา ก็ไม่รู้จะบานปลายขนาดไหน ฉันปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิดขณะพูดคุย ฟู่ฉีชวนอาศัยขาสูงยาวของตน โดนตามขึ้นมาเบียดไหล่พวกเธอคำพูดของหลินเนี่ยน
พอมีเรื่องแบบนี้มาแทรก ฉันมักเหม่อลอยตลอดช่วงเช้าในหัวเหมือนมีมนุษย์จิ๋วสองคนเถียงกันคนหนึ่งบอก "เธอดูสิ เขาที่จริงใส่ใจมาก ขนาดวันแรกที่ได้รู้จักกันก็ยังจำได้"อีกคนก็บอก "เขาเมื่อก่อนยังลืมเลยว่าเธอจบจากม.เจียง เขาจะจำวันครบรอบได้ไง? เขาต้องถามเฮ่อถิงไม่ก็คนอื่นแน่นอน เลิกบ้าเพราะความรักบังตาสักที!"ตอนกลางวัน ฉันสลัดความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ นัดเจียงไหลไปทานที่โรงอาหารเมื่อก่อนฉันมักสั่งเดลิเวอรี่ไม่ก็ออกไปทานข้างนอกแต่ตอนนี้แม้แต่จะก้าวเท้าก็ยังขี้เกียจ ถ้าสั่งเดลิเวอรรี่สู้ทานอาหารถูกสุขอนามัยของโรงอาหารดีกว่า ดังนั้นก็เลยทานที่โรงอาหารพอเดินมาถึงโซนออฟฟิส ไม่รู้ใครเอาอาหารห่อขึ้นมาทาน พอฉันได้กลิ่นก็รู้สึกคลื่นไส้ เลยรีบไปอาเจียนที่ห้องน้ำสำรอกจนทุกอย่างในท้องออกมาจนเกลี้ยง อาเจียนจนปากขมไปหมด ฉันยันกำแพงเพื่อพยุงตัวเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าท้องแล้วจะเป็นเรื่องลำบากแต่พอนึกถึงชีวิตน้อยๆ ในท้อง นางก็รู้สึกพร้อมจะทนลำบาก"คุณอาเจียนอีกแล้วหรอ?"เดิมคิดว่าตอนนี้ คนคงไปทานข้าวกันหมดแล้ว แต่พอออกจากห้องน้ำ ก็เห็นฟู่จินอันยืนตรงอ่างล้างมือฉันรู้สึกใจหายทันทีถ้าเธอรู้ว่า
"แบบนั้นยิ่งไม่มีทาง"นอกเสียจาก เขารู้ความจริงการจากไปของแม่เขา บางทีเขาอาจปฏิบัติกับฟู่จินอันเปลี่ยนไปแต่กว่าเขาจะรู้ความจริง คงจะยากมากพอพูดถึงตรงนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจทำไมท่านปู่ถึงไม่บอกฟู่ฉีชวน วันไหนกลับไปคฤหาสน์เก่าของตระกูลคงจะต้องถามตอนใกล้ทานอาหารเสร็จ ฉันก็ถามเข้าเรื่อง "ใช่ ไหลไหล เธอได้บัตรคอนเสิร์ตหรือยัง?"เจียงไหลมีเส้นสายในบริษัทมากกว่าฉันหลังเรื่องคอนเสิร์ตจัดการลงตัว ฉันก็ไหว้วานให้เธอช่วยหาบัตรให้เจียงไหลใช้นิ้วชี้เพดานและพูดแซะ "บัตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มีแค่รองประธานเท่านั้นที่มี แต่ละคนได้แค่คนละใบ ไม่มีใครได้มากกว่านั้น""มีแค่รองประธานที่มีหรอ?""ใช่น่ะสิ ถ้าเธออยากได้จริงๆ ทำไมไม่อาศัยโอกาสตอนฟู่ฉีชวนกำลังสนใจเธอ ขอจากเขาสิ อยากได้กี่ใบเขาก็ให้""งั้นก็ช่างมันเถอะ"ฉันกับฟู่ฉีชวน ทางที่ดีควรเส้นแบ่งให้ชัดเจนแต่ว่า นี่ก็แค่ความคิดของฉันฝ่ายเดียวพอกลับมาถึงออฟฟิส ฟู่ฉีชวนก็โทรศัพท์มาหาฉันเดินไปคุยโทรศัพท์ตรงริมหน้าต่าง เสียงผู้ชายในสายน่าฟังมาก"คืนวันเสาร์ว่างรึเปล่า ไปดูคอนเสิร์ตกันไหม?""คุณมีบัตรหลายใบใช่ไหม?"ฉันคงต้องเป
ถูกหลอกให้ดื่มก็แค่พูดให้ดูดีที่จริงแล้วคือถูกวางยา เป็นยาอันตรายทำให้รู้สึกทรมานเจียนตายด้วยนิสัยเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดของฟู่ฉีชวนในด้านธุรกิจ พอพรุ่งนี้เขาฟื้นขึ้นมา อีกฝ่ายก็คงจะจบไม่สวยแต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลากังวลเรื่องนั้นพอเห็นใบหน้าแดงก่ำผิดปกติของฟู่ฉีชวน ฉันก็กังวลว่าเขาจะไม่รอดคืนนี้ขณะตกที่นั่งลำบาก มือถือบนโซฟาก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมา ฉันก็เหมือนได้เจอทางสว่าง รีบรับโทรศัพท์ทันที"สุดที่รัก ฉันหาบัตรได้แล้ว เฮ่อถิงเขามีบัตร...""ไหลไหล!"ฉันขัดจังหวะเธอพูดในทันที "เธอรู้ไหมว่าหากทานยานั้นเข้าไปต้องทำยังไง?""ยานั้น?""ยาไหน?""ก็ยา ยาปลุกเซ็กส์ไง...."ฉันกัดฟันพูดอย่างลำบากเจียงไหลคงกำลังดื่มเหล้าและสำลักจนไอหลายครั้ง เธอรีบตอบ "แค่กๆ ทำไมจู่ๆ ถามแบบนี้ หรือว่าเธอ...แค่กๆๆๆ เธอ...""ไม่ใช่อย่างนั้น"ฉันนึกถึงชายบนโซฟาซึ่งร้อนไปทั้งตัว เลยไม่คิดอะไรมากและพูดไปตรงๆ "คือฟู่ฉีชวน""...เขาตอนนี้อยู่ไหน?""ห้องรับแขก""แล้วเธออยู่ไหน?""อยู่ในห้อง"ฉันถูกเธอถามจนจับต้นชนปลายไม่ถูก "เธอบอกฉันก่อนว่าต้องทำยังไง""รีบล็อคห้องของเธอ""เอ๋?""รีบไปล็อคสิ
แต่พวกเราอย่ากันแล้วฉันอยากผลักเขาออกไปแต่ไม่มีแรง จนฉันอยากร้องไห้ "อย่านะ ฟู่ฉีชวน อย่าทำฉัน!""อย่าร้องสิ...ไม่อยากได้จริงๆ หรอ?" ลูกกระเดือกขยับขณะกล่าว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ เหลือบมองฉันอย่างลึกซึ้ง เห็นได้ฃัดว่าพยายามโน้มน้าว"อืม...""งั้นก็ได้"เขาหลับตาลง ตรงขมับปูดขึ้นมาชัดเจน เขาหายใจหอบแรง ทว่ากลับค่อยๆ คลายกอดออกฉันกำมือเบาๆ "งั้น คุณ...""หนานจือครับ"เขาจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา เขายังคงมีความใคร่ อีกทั้งยังมากยิ่งขึ้น เขาคว้าฉันเข้ามากอด ริบฝีปากไซร้ตรงข้างใบหู "ช่วยผม ได้ไหม?"อาจเพราะความคิดกระเจิดกระเจิง ฉันกลับเข้าใจว่าประโยคนั้นหมายความว่าขอให้ช่วยเหลือเขาฉันใจเต้นโครมคราม "ให้ช่วย ยังไงคะ?"พอฉันถามออกไป ชายคนนี้ก็คิดว่าฉันอนุญาต เขาโน้มตัวช้อนมือไว้ใต้เข่าอุ้มฉันขึ้นมาจู่ๆ ถูกอุ้มจนตัวลอย ฉันก็กอดคอเขาเหมือนเป็นสัญชาตญาณ กลายเป็นว่าอยู่ในท่าที่น่าอายมากเขาก้าวเพียงสองก้าวก็มาถึงโซฟาในห้องนอนนั่งลง ขาสองข้างคร่อมตรงเอวของเขาฉันรู้สึกร้อนมากจนต้องหดเท้ากลับเขาเหลือบลงมามองฉันอย่างกระหายพร้อมกับเสียงแหบพร่า "คุณทำกางเกงผมแฉะหมดแล้ว"ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง จ
เรื่องนี้ ฉันลืมไปเสียสนิทเลยไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้ฉันใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้า "ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไร"เขาขมวดคิ้ว "เมื่อคืนคุณไม่สบายไม่ใช่หรอ?""..."ฉันคงบอกหมอไม่ได้ ทั้งๆ ที่หมอกำชับแล้วว่าช่วงท้องสามเดือนแรกห้ามมีอะไรกันเลยตอบบ่ายเบี่ยง "ตอนนี้หายดีแล้ว"เขาสงสัย "จริงเหรอ?"ถ้าไปหาหมอ ฉันต้องไปโรงพยาบาลเอกชนของตระกูลฟู่แน่นอน บริการด้วยช่องทางพิเศษไม่ต้องรอคิว รายงานผลตรวจก็ออกไวแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะไม่สามารถปกปิดเรื่องท้องได้ไม่ว่าไงฉันก็จะไม่ไปฉันหลบสายตาเขา "ไม่อยากไป ไม่ชอบไปโรงพยาบาล""หนานจือ"ฟู่ฉีชวนหรี่ตาลง "คุณไม่ได้ปิดบังอะไรผมใช่ไหม?""ตุบ!"เขาจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ฉันใจหายจนขวดครีมบำรุงผิวในมือหล่นกระทบพื้นกระเบื้องหิน ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นท่าทางร้อนตัวเห็นชัดมากเขาเดินเข้ามาพยุงตัวฉัน ดวงสีดำราวกับมองทะลุทุกอย่าง "คุณมีเรื่องปิดบังผมจริงๆ สินะ?""ฟู่ฉีชวน..."เขาสงสัยพร้อมกับมุ่ยปาก "คุณ...ไม่สบายใช่ไหม?"ฉันถอนหายใจยาว "ใช่ ดังนั้นพวกเราควรรีบหย่า ต่างคนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา""ไม่มีทาง!"เขาจู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่ เขาสั่นจนยากจะสังเก
เขาจะต้องรับผลที่ตามมาจากการทำอะไรที่ไร้เหตุผลตระกูลเสิ่นเป็นคนจัดการยากเกินไป ฉันไม่อยากลากเขาลงไปในน้ำโคลนด้วยกันเขาหยุดคิดสักครู่แล้วพูดว่า "ดีแล้ว"น้ำเสียงของเธอยังคงอบอุ่นเช่นเคย แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ผิดหวังปนอยู่ก่อนจะวางสาย ผู้หญิงที่ดูเป็รผู้ใหญ่แลมีสติปัญญา ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าออฟฟิศของฉันทันทีฉันเกร็งตัวและพยักหน้าให้เธอเป็นการทักทาย ขณะที่เสียงของลู่สือเยี่ยนยังคงดังผ่านโทรศัพท์ “หนานจือ สักวันหนึ่งฉันจะปกป้องคุณอย่างดี”ฟังดูเหมือนคำสาบาน เหมือนคำสัญญาจริงใจถึงขั้นไร้สาระ ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะควักหัวใจของเขาออกมาและเปิดเผยมันให้ฉันรู้ถ้าไม่มีผู้หญิงตรงหน้าฉัน ฉันกลัวว่าหัวใจของฉันจะเต้นแรงในตอนนี้แต่ในชีวิตนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็ตอบเบาๆ ว่า "รุ่นพี่ ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย สักวันหนึ่งจะไม่มีใครรังแกฉันได้อีก"ดูเหมือนเขาจะรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของฉัน "หนานจือ..."อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่หน้าประตู ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะรออีกต่อไปและผลักประตูเปิดเพื่อเข้าไปฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขัดจังหวะ
วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ขึ้นตามปกติ ข่าวลือและข่าวซุบซิบก็ยังคงแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ในบริษัทก็มองมาที่ฉันด้วยความอยากรู้เล็กน้อยเมื่อคืนนี้ เจียงไหลไปที่บ้านของฉัน คืนกระเป๋าและโทรศัพท์ให้ฉัน พร้อมตำหนิตัวเองอีกครั้งเธอไปแจ้งความโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อคนอื่นได้ยินว่าเป็นตระกูลเสิ่น พวกเขาก็เลี่ยงที่จะรับแจ้งความทันที พูดง่ายๆ ก็คือ หากไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เธอยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความได้เปรียบของอำนาจและความรู้สึกหมดหนทางของการเป็นคนธรรมดาเธอยังล้อเล่นด้วยว่า ถ้าเธอรู้มาก่อน เธอคงไม่ยืนกรานที่จะเลิกกับเฮ่อถิง แม้ว่าจะหมายถึงการเป็นเมียน้อย แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เธอก็จะไม่เหลือใครให้หันไปขอความช่วยเหลือโง่จนกู่ไม่กลับในขณะนั้น เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศพร้อมกับกาแฟสองแก้ว วางแก้วหนึ่งไว้ตรงหน้าฉัน และดึงเก้าอี้ตรงข้ามฉันให้นั่งลงสีหน้าของเธอแทบจะเหมือนเดิมกับเมื่อคืนนี้ขณะที่ฉันกำลังร่างแบบสำหรับคุณย่าโจว ฉันถามด้วยความสงสัย "เกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เธออารมณ์เสีย"เธอลังเลก่อนจะพูดประโยคเดียวออกมา
ยังไม่ได้หลับฉันเม้มริมฝีปากและพูดอย่างจริงจัง "ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำกระปุกออมสินของคุณแตกในวันนั้น"เมื่อฉันพูดถึงเรื่องนี้ เขากระชากผ้าปิดตาลงด้วยความหงุดหงิด ดวงตาที่ดูอ่อนล้าสะท้อนความไม่พอใจออกมา "หร่วนหนานจือ คุณมักจะถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกเท่านั้น แต่พอมาอยู่กับฉันกลับรู้ดีนักว่า รู้วิธีทำให้ฉันทุกข์ใจได้ดีเชียวนะ.....""ไม่ใช่"ฉันรีบขัดจังหวะและหยิบกระต่ายน้อย ที่ช่างเซรามิกทำขึ้นออกมา พยายามสงบอารมณ์ของเขา "นี่...นี่เป็นกระต่ายที่ฉันให้ช่างทำตามแบบกระต่ายตัวนั้น มันค่อนข้างจะใกล้เคียงกับของจริง ฉันหวังว่ามันจะชดเชยความซุ่มซ่ามของฉันในวันนั้นได้"ในทางอารมณ์และตรรกะ ฉันไม่ควรแตะกระปุกออมสินของเขาเลยตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าถูกบังคับอย่างอธิบายไม่ถูก จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเอื้อมมือไปแตะข้าวของส่วนตัวของคนอื่นฉันใช้เวลาสองสามวัน ที่ผ่านมาแอบไปที่สตูดิโอปั้นเซรามิกเพื่อพยายามปั้นของที่เหมือนกันเพื่อมาแทนที่ แต่ฝีมือของฉันยังไม่ดีพอ และของที่ฉันปั้นก็ยังไม่น่าประทับใจเลยสุดท้าย ฉันก็ต้องขอความช่วยเหลือจากช่างปั้นเซรามิกโจวฟางตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องไป
คำถามสองข้อนั้น ค่อนข้างจะเฉียบแหลมแต่โจวฟางไม่แสดงท่าทีอึดอัดแม้แต่น้อย เขาใช้มือโบกมือเรียก “เข้ามาใกล้ๆ แล้วฉันจะบอกคุณ”ฉันเอนตัวไปเล็กน้อย เป็นเชิงสัญลักษณ์แล้วพูดว่า "พูดมา"พื้นที่ภายในรถกว้างขวางมากและไม่มีใครนอกจากคนขับ ทำไมถึงทำให้มันดูลึกลับขนาดนั้นเขายังเอนตัวไปด้านข้างนี้อีกสองสามเซนติเมตร พร้อมกับยิ้มในดวงตาและตีเขาอย่างสุดแรง: “ฉันทนคนที่โง่เกินไปไม่ได้จริงๆ”"......"ฉันนั่งตัวตรงและจ้องมองเขา “แล้วฉันควรจะขอบคุณคุณที่ทำให้ฉันรู้แจ้งหรือเปล่า”"ฉันไม่ถือสา"เขายิ้มอย่างสุภาพดูเย่อหยิ่งและน่ารำคาญเสมอถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถละเลยความจริงที่ว่าเขาช่วยฉันไว้ได้ ฉันมองต่ำลงเล็กน้อยและพูดว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อกี้"นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบาๆ ที่เฟรมหน้าต่าง "ถ้าฉันไม่โผล่มา พวกเขาคงปล่อยคุณไปอยู่ดี""แต่ไม่ใช่ก่อนที่จะทำให้คุณทรมานมากกว่านี้อีกหน่อย"แม่ลูกตระกูลเสิ่น คงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องอื้อฉาวทางออนไลน์เกิดขึ้น คุณนายเสิ่นคงระบายความโกรธทั้งหมดของเธอมาที่ฉันฉันระบายเสร็จแล้ว และฉันก็คงเกือบตายไปแล้ว"พวกเขาคงไม่กล้า
"ยังไหวอยู่"ฉันหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผม หลังจากที่ร่างกายเย็นๆ ของฉันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ฉันมองไปที่โจวฟางแล้วถามว่า "มีอะไรผิดปกติทางออนไลน์หรือเปล่า?"เขาโต้กลับว่า "นั่นไม่ใช่ฝีมือของคุณเหรอ?'"ว่ายังไงนะ?"ฉันถามคำถามนั้นอีกครั้งด้วยความสับสนเขาจ้องมาที่ฉันสักครู่ ยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "โอเค ฉันประเมินคุณสูงเกินไป"หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ ดูเอง“รหัสผ่าน?”“วันเกิดของคุณ”"?"ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะเขาเงยหน้าขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า "คุณกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่ วันเกิดของคุณเหมือนกับของเธอคนนั้น"“…โอ้ คราวหน้าก็พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”ฉันกลัวมากจนประมวลผลไม่ทันหลังจากปลดล็อกแล้ว ฉันก็พบเรื่องที่แม่เสิ่นถามถึงอย่างรวดเร็วเสิ่นซิงหยูถูกเปิดโปงทางออนไลน์ว่า เป็นเมียน้อยที่ใช้กลวิธีแอบแฝงเพื่อบังคับให้เมียหลวงยอมหย่า และวันนี้ เธอถูกกล่าวหาว่าวางแผนลักพาตัวเมียหลวงมีคนปล่อยวิดีโอจากที่จอดรถใต้ดินของโรงแรมเมืองเจียงเฉิงออกมาด้วย เป็นวิดีโอที่มีคนลักพาตัวฉันไป วิดีโอนี้ควรจะถูกลบโดยตระกูลเสิ่นไปแล้วความคิดเห็นของสาธารณชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอแต
ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอแต่เธอพูดช้ามากจนฉันอ่านริมฝีปากของเธอได้ก่อนที่ฉันจะละสายตาไป ก็มีร่างหนึ่งรีบเดินผ่านฉันไปเป็นพ่อเสิ่นไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงของบางสิ่งที่แตกกระจายก็ดังก้องมาจากห้องนั่งเล่นเสียงการโต้เถียงแผ่วเบาตามมาฉันได้ยินชื่อของตัวเอง ฉันยังได้ยินชื่อของฟู่ฉีชวนด้วยและข่าวลือบางอย่างบนอินเทอร์เน็ตในที่สุด เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากปากของพ่อเสิ่น "เธอเอาแต่ใจและดื้อรั้น แล้วคุณก็ยังยืนกรานที่จะตามใจเธอต่อไปงั้นเหรอ ปล่อยให้เธอคุกเข่าอยู่ข้างนอกต่อไปในวันที่หิมะตกและปล่อยข่าวลือให้คนอื่นได้ยิน...."ทันใดนั้น หิมะก็หยุดตกฉันตอบสนองชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกถึงเงาที่ปกคลุมศีรษะของฉันเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันเห็นร่มสีดำสนิทและดวงตาสีน้ำตาลไร้ก้นบึ้งของโจวฟาง!เขายังคงนิ่งเฉยและยื่นร่มให้ฉัน "คุณถือมันได้ไหม?"ฉันถูมือที่แข็งเล็กน้อยด้วยคำพูดว่า "พอได้..."ก่อนที่ฉันจะพูดจบ ด้ามร่มก็ถูกยัดเข้าไปในมือของฉันวินาทีต่อมา ชายในแจ็คเก็ตหนังสีดำคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นดินที่เป็นน้ำแข็ง และอุ้มฉันขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเริ่มเดินก้าวเด
ใบหน้าของเสิ่นซิงหยูแข็งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะเย็นช "ฉันตัดมันเอง แล้วไง?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉันก็หมดความสนใจที่จะยุ่งเกี่ยวต่อไปและมองไปที่แม่เสิ่นเท่านั้น "คุณนายเสิ่น ฉันคงไปได้แล้วสินะ?"ฉันคิดว่า เธอแค่ระบายความโกรธที่มีต่อลูกสาวของเธอตอนนี้ความจริงก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลยโดยไม่คาดคิด เธอจึงหยิกใบหน้าของเสิ่นซิงหยูด้วยความรักใคร่และพูดว่า "ลูกบ้าไปแล้วหรือ? ลูกไปเอาความบริสุทธิ์ของลูกไปเสี่ยงเพื่อใส่ร้ายเธอหรือไง?"เสิ่นซิงหยู่ทำปากยื่นและพูดเล่น "แม่ หนูผิดไปแล้ว! แต่เธอดื้อมาก หนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีนี้""พอได้แล้ว"แม่เสิ่นพูดอย่างเอาใจ “ขึ้นไปชั้นบนเถอะ แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”น้ำเสียงของเธออ่อนโยน ไม่มีวี่แววของการตำหนิใดๆเธออาจเป็นแม่ ที่ตามใจลูกมากที่สุดในวันนี้เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "แม่ แม่รักหนูที่สุดเลย!"หลังจากพูดจบ เธอก็เดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และแม่เสิ่นก็มองดูร่างของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอหลังจากร่างของเธอหายไป แม่เสิ่นก็ค่อยๆ ถอนสายตาออกและมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลั
ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านเสิ่นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่หิมะเริ่มตกโปรยจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ พัดนวนไปมาแล้วตกลงเป็นชิ้นๆหิมะสีขาวบางๆ ตกลงมากองอยู่ที่พื้นแล้วห้องนั้นอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อน แต่เมื่อฉันสบตากับแม่เสิ่นที่เย็นชา ฉันรู้สึกหนาวไปทั้งตัวพวกเธอได้ตรวจสอบฉันพวกเขายังตรวจทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนมาที่เมืองเจียงเฉิงด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ฉันถูกขังไว้ในห้องเก็บของและตัดไฟโดยตั้งใจเพื่อจัดการกับอดีตภรรยาอย่างฉัน พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่แม่เสิ่นจิบชาและมองมาที่ฉันอย่างดูถูก "เธออยากพิจารณาการออกจากเมืองเจียงเฉิงอีกครั้งไหม?"ฉันนั่งตัวตรงและถามว่า "แล้วครั้งนี้ เหตุผลคืออะไร?"คราวที่แล้ว เป็นการบังคับและติดสินบนคราวนี้เหตุผลอะไรอีก"หลังจากเริ่มทำธุรกิจ เสื้อผ้าชุกแรกที่เธอออกแบบมา ก็เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น"แม่เสิ่นเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเยาะเย้ย "เธอคิดว่าบริษัทของเธอจะยังอยู่รอดได้ไหม ทำไมไม่ไปต่างประเทศล่ะ? ใช้เวลาสองสามปีเพื่อเรียนรู้อะไรดีๆ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเอง"ฉันกำมือแน่นวันนั้นที่บ้านของตระกูลเสิ่น ฟู่ฉี่ชวนก็พูดแบบเดียวกันฃต้องการส่งฉัน
เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นฉันเย็บชุดด้วยตะเข็บที่เรียบและแน่น และชุดทั้งหมดก็ตัดเย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสายรัดจะขาด มันก็จะติดอยู่ในอกของเธอชั่วคราวและไม่หลุดออกทันทีเว้นแต่ว่าซิปด้านหลังจะขาดในเวลาเดียวกันแต่เป็นไปไม่ได้ซัพพลายเออร์ของผ้าและซิปได้ร่วมมือกับแซ่ฟู่กรุ๊ปตั้งแต่นั้นมา และคุณภาพก็เป็นไปตามมาตรฐานอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าเป็นงานแฮนด์เมดของฉันฉันคว้าเสื้อโค้ทของฉัน ลุกขึ้น และวิ่งขึ้นไปบนเวที เมื่อฉันพยายามช่วยเธอคลุม เธอก็คลั่งและตบหน้าฉัน!"เธอตั้งใจเทำให้ฉันรู้สึกอายในวันนี้เหรอ?"ฉันยกมือปิดหน้าที่แสบร้อนตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตบกลับไป"เสิ่นซิงหยู นยังไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งพอที่จะทำลายชื่อเสียงตัวเอง!"เสิ่นซิงหยู่จ้องมองมาด้วยตาที่เบิกกว้างจากความโกรธ เพร้อมจะพุ่งเข้าหาฉัน แต่ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ได้ ฟู่ฉีชวนก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ สีหน้าของเขาเย็นชา ขณะที่เขาดึงเธอไว้ข้างหลัง ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเพื่อคลุมเธอแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายที่พร้อมปกป้องภรรยาแม่เสิ่นมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน หน้าอกของเธอขึ้นลงด้วยความโกรธ "จับเธอไว้ใ