"ยัง ยังไม่หิว"ฉันปฏิเสธ "ฉันมาหยิบของ""อันนั้นน่ะเหรอ?"เขาชี้นิ้วไปยังถุงใส่อาหารเดลิเวอรี่ใบหนึ่งบนโต๊ะฉันรู้สึกอายเหมือนโกหกแล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา ฉันปัดจมูก "คนส่งอาหารไม่ได้กดกริ่งไม่ใช่หรอ""เขาไม่ได้กดกริ่งหรอก""คุณรู้ได้ไงเขามาส่งแล้ว?""เขาเคาะประตู""..."ฉันกระแอมเบาๆ รู้เหลือสุดจะทนกับความฉลาดของคนส่งอาหารตอนฉันเดินเข้าไปเปิดถุงเตรียมรับประทาน ฟู่ฉีชวนก็เอาโจ๊กทะเลร้อนๆ หอมฟุ้งมาวางไว้ตรงหน้าฉัน"คุณปู่บอกว่าคุณแทบไม่ได้ทานอะไรเลย เลยให้คนเอาอาหารทะเลที่เหลือมาส่ง""แล้วโจ๊กชามนี้...""ผมทำเอง"ฟู่ฉีชวนนั่งตรงข้ามฉัน สีหน้าจริงจังเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นสงบ "ผมอาบน้ำแล้ว อาบเสร็จก็ไปทำให้ คุณไม่สบายไม่ใช่หรอ ช่วงนี้ควรลดทานอาหารเดลิเวอรี่"พอฟังเขาพูด ฉันชะงักไปเล็กน้อย หลังจากได้สติก็อดประหลาดใจไม่ได้เขากำลังบอกฉันเขาอาบน้ำจนสะอาดแล้วไปต้มโจ๊กให้ฉัน เพื่อไม่ให้ฉันรังเกียจเขางั้นหรอฉันก้มหน้าลงมองโจ๊กร้อนๆ ด้วยสายตาเหม่อลอย พอตักโจ๊กทานได้สองสามคำ อารมณ์ก็สงบลง"ฟู่ฉีชวน ที่จริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้"คุณทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันลังเลตัดใจไม่ไ
ตั้งแต่หลังจากท้อง นี่เป็นครั้งที่ฉันนอนหลับไม่เต็มอิ่มที่สุดฉันตอกย้ำบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเขาคืออดีตสามี แต่สุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดีวันรุ่งขึ้น ตอนต้องออกไปทำงานพร้อมกับขอบตาดำ ขณะกำลังเดินไปเปิดประตูก็ถูกฟู่ฉีชวนเรียกเขาสวมสูทธสีเทาเงินแบบพิเศษ สั่งตัดพอดีตัว เสริมให้บรรยากาศรอบตัวดูเข้าหายาก แต่รูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบกลับดึงดูสายตามากขึ้นเขาเอากระเป๋าเก็บอุณหภูมิยื่นให้ฉันอย่างไม่อาจปฏิเสธพร้อมกับเสียงราบเรียบ "เอาอาหารเช้าไปด้วย""อืม"ฉันรับไว้ไม่ได้ปฏิเสธฉันเองจะได้ไม่ต้องซื้อข้าวเช้าด้วย เขาฐานะพ่อของเด็กในท้อง ทานอาหารเช้าของเขาสักมื้อไม่ใช่เรื่องใหญ่พอเห็นเช่นนั้น มุมปากของเขาก็เผยยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว "ผมต้องไปบริษัทด้วย ไปด้วยกัน""อย่าเลย ไม่อยากเป็นที่ต้องสงสัย เดี๋ยวคนรักคุณมาหาเรื่องฉันอีก""เธอไม่หาเรื่องหรอก""คุณยอมรับว่าเธอคือคนรักคุณ?"น้ำเสียงฉันเยาะเย้ย พอพูดจบก็เดินออกจากห้อง เดินไปเข้าลิฟต์ในลานจอดรถชั้นล่าง รถ Maybach สีดำคุ้นตาจอดอยู่ข้างๆ รถฉันฉันทำเป็นไม่เห็นและขึ้นรถของตัวเอง ขณะกำลังสตาร์ทรถ ฉินเจ๋อทำหน้ายิ้มแย้มเดินมาเคาะกร
"คุณไม่มองฉันจะรู้ได้ไงฉันมองคุณ?""ผมมองภรรยาผม ผิดตรงไหน"เขาพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกอายคำถามที่ฉันอยากถามเขา กลายเป็นไม่กล้าถามตึกสูงตระหง่านของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป รอบตึกล้วนเป็นกระจกรอบด้านราวกับเพชรเจียระไน สะท้อนแสงของอาทิตย์ฉินเจ๋อนำรถไปจอดยังโรงเก็บ ตอนลงจากรถ ฉันอยากจะหนีออกไปจากตรงนั้น"พี่หนานจือ อรุณสวัสดิ์!"หลินเนี่ยนจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาหาแต่ไกล ทักทายฉันอย่างครึกครื้นฉันยิ้มให้และลากเธอเดินออกมา "อรุณสวัสดิ์ รีบไปกันเถอะ อากาศหนาวแล้ว""หนานจือ คุณลืมอาหารเช้า"ด้านหลัง ฟู่ฉีชวนเปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับเรียกฉันฉันสูดหายใจเข้าลึกหันหลังไปหยิบอาหารเช้า พูดดูให้ห่างเหินมากที่สุด "ขอบคุณค่ะ รองประธานฟู่""พี่ พี่กับรองประธานฟู่..."หลินเนี่ยนคล้องแขนของฉัน โน้มเข้ามาใกล้พร้อมส่งสายตามีเลศนัย "พวกคุณเมื่อไหร่จะคบกันสักที? พี่คงไม่ใช่เมียแอบแต่งของรองประธานฟู่ใช่ไหม!""ไม่..."ฉันไม่อยากมีเรื่องก่อนหย่า ถ้าไปถึงหูฟู่จินอันขึ้นมา ก็ไม่รู้จะบานปลายขนาดไหน ฉันปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิดขณะพูดคุย ฟู่ฉีชวนอาศัยขาสูงยาวของตน โดนตามขึ้นมาเบียดไหล่พวกเธอคำพูดของหลินเนี่ยน
พอมีเรื่องแบบนี้มาแทรก ฉันมักเหม่อลอยตลอดช่วงเช้าในหัวเหมือนมีมนุษย์จิ๋วสองคนเถียงกันคนหนึ่งบอก "เธอดูสิ เขาที่จริงใส่ใจมาก ขนาดวันแรกที่ได้รู้จักกันก็ยังจำได้"อีกคนก็บอก "เขาเมื่อก่อนยังลืมเลยว่าเธอจบจากม.เจียง เขาจะจำวันครบรอบได้ไง? เขาต้องถามเฮ่อถิงไม่ก็คนอื่นแน่นอน เลิกบ้าเพราะความรักบังตาสักที!"ตอนกลางวัน ฉันสลัดความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ นัดเจียงไหลไปทานที่โรงอาหารเมื่อก่อนฉันมักสั่งเดลิเวอรี่ไม่ก็ออกไปทานข้างนอกแต่ตอนนี้แม้แต่จะก้าวเท้าก็ยังขี้เกียจ ถ้าสั่งเดลิเวอรรี่สู้ทานอาหารถูกสุขอนามัยของโรงอาหารดีกว่า ดังนั้นก็เลยทานที่โรงอาหารพอเดินมาถึงโซนออฟฟิส ไม่รู้ใครเอาอาหารห่อขึ้นมาทาน พอฉันได้กลิ่นก็รู้สึกคลื่นไส้ เลยรีบไปอาเจียนที่ห้องน้ำสำรอกจนทุกอย่างในท้องออกมาจนเกลี้ยง อาเจียนจนปากขมไปหมด ฉันยันกำแพงเพื่อพยุงตัวเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าท้องแล้วจะเป็นเรื่องลำบากแต่พอนึกถึงชีวิตน้อยๆ ในท้อง นางก็รู้สึกพร้อมจะทนลำบาก"คุณอาเจียนอีกแล้วหรอ?"เดิมคิดว่าตอนนี้ คนคงไปทานข้าวกันหมดแล้ว แต่พอออกจากห้องน้ำ ก็เห็นฟู่จินอันยืนตรงอ่างล้างมือฉันรู้สึกใจหายทันทีถ้าเธอรู้ว่า
"แบบนั้นยิ่งไม่มีทาง"นอกเสียจาก เขารู้ความจริงการจากไปของแม่เขา บางทีเขาอาจปฏิบัติกับฟู่จินอันเปลี่ยนไปแต่กว่าเขาจะรู้ความจริง คงจะยากมากพอพูดถึงตรงนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจทำไมท่านปู่ถึงไม่บอกฟู่ฉีชวน วันไหนกลับไปคฤหาสน์เก่าของตระกูลคงจะต้องถามตอนใกล้ทานอาหารเสร็จ ฉันก็ถามเข้าเรื่อง "ใช่ ไหลไหล เธอได้บัตรคอนเสิร์ตหรือยัง?"เจียงไหลมีเส้นสายในบริษัทมากกว่าฉันหลังเรื่องคอนเสิร์ตจัดการลงตัว ฉันก็ไหว้วานให้เธอช่วยหาบัตรให้เจียงไหลใช้นิ้วชี้เพดานและพูดแซะ "บัตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มีแค่รองประธานเท่านั้นที่มี แต่ละคนได้แค่คนละใบ ไม่มีใครได้มากกว่านั้น""มีแค่รองประธานที่มีหรอ?""ใช่น่ะสิ ถ้าเธออยากได้จริงๆ ทำไมไม่อาศัยโอกาสตอนฟู่ฉีชวนกำลังสนใจเธอ ขอจากเขาสิ อยากได้กี่ใบเขาก็ให้""งั้นก็ช่างมันเถอะ"ฉันกับฟู่ฉีชวน ทางที่ดีควรเส้นแบ่งให้ชัดเจนแต่ว่า นี่ก็แค่ความคิดของฉันฝ่ายเดียวพอกลับมาถึงออฟฟิส ฟู่ฉีชวนก็โทรศัพท์มาหาฉันเดินไปคุยโทรศัพท์ตรงริมหน้าต่าง เสียงผู้ชายในสายน่าฟังมาก"คืนวันเสาร์ว่างรึเปล่า ไปดูคอนเสิร์ตกันไหม?""คุณมีบัตรหลายใบใช่ไหม?"ฉันคงต้องเป
ถูกหลอกให้ดื่มก็แค่พูดให้ดูดีที่จริงแล้วคือถูกวางยา เป็นยาอันตรายทำให้รู้สึกทรมานเจียนตายด้วยนิสัยเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดของฟู่ฉีชวนในด้านธุรกิจ พอพรุ่งนี้เขาฟื้นขึ้นมา อีกฝ่ายก็คงจะจบไม่สวยแต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลากังวลเรื่องนั้นพอเห็นใบหน้าแดงก่ำผิดปกติของฟู่ฉีชวน ฉันก็กังวลว่าเขาจะไม่รอดคืนนี้ขณะตกที่นั่งลำบาก มือถือบนโซฟาก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมา ฉันก็เหมือนได้เจอทางสว่าง รีบรับโทรศัพท์ทันที"สุดที่รัก ฉันหาบัตรได้แล้ว เฮ่อถิงเขามีบัตร...""ไหลไหล!"ฉันขัดจังหวะเธอพูดในทันที "เธอรู้ไหมว่าหากทานยานั้นเข้าไปต้องทำยังไง?""ยานั้น?""ยาไหน?""ก็ยา ยาปลุกเซ็กส์ไง...."ฉันกัดฟันพูดอย่างลำบากเจียงไหลคงกำลังดื่มเหล้าและสำลักจนไอหลายครั้ง เธอรีบตอบ "แค่กๆ ทำไมจู่ๆ ถามแบบนี้ หรือว่าเธอ...แค่กๆๆๆ เธอ...""ไม่ใช่อย่างนั้น"ฉันนึกถึงชายบนโซฟาซึ่งร้อนไปทั้งตัว เลยไม่คิดอะไรมากและพูดไปตรงๆ "คือฟู่ฉีชวน""...เขาตอนนี้อยู่ไหน?""ห้องรับแขก""แล้วเธออยู่ไหน?""อยู่ในห้อง"ฉันถูกเธอถามจนจับต้นชนปลายไม่ถูก "เธอบอกฉันก่อนว่าต้องทำยังไง""รีบล็อคห้องของเธอ""เอ๋?""รีบไปล็อคสิ
แต่พวกเราอย่ากันแล้วฉันอยากผลักเขาออกไปแต่ไม่มีแรง จนฉันอยากร้องไห้ "อย่านะ ฟู่ฉีชวน อย่าทำฉัน!""อย่าร้องสิ...ไม่อยากได้จริงๆ หรอ?" ลูกกระเดือกขยับขณะกล่าว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ เหลือบมองฉันอย่างลึกซึ้ง เห็นได้ฃัดว่าพยายามโน้มน้าว"อืม...""งั้นก็ได้"เขาหลับตาลง ตรงขมับปูดขึ้นมาชัดเจน เขาหายใจหอบแรง ทว่ากลับค่อยๆ คลายกอดออกฉันกำมือเบาๆ "งั้น คุณ...""หนานจือครับ"เขาจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา เขายังคงมีความใคร่ อีกทั้งยังมากยิ่งขึ้น เขาคว้าฉันเข้ามากอด ริบฝีปากไซร้ตรงข้างใบหู "ช่วยผม ได้ไหม?"อาจเพราะความคิดกระเจิดกระเจิง ฉันกลับเข้าใจว่าประโยคนั้นหมายความว่าขอให้ช่วยเหลือเขาฉันใจเต้นโครมคราม "ให้ช่วย ยังไงคะ?"พอฉันถามออกไป ชายคนนี้ก็คิดว่าฉันอนุญาต เขาโน้มตัวช้อนมือไว้ใต้เข่าอุ้มฉันขึ้นมาจู่ๆ ถูกอุ้มจนตัวลอย ฉันก็กอดคอเขาเหมือนเป็นสัญชาตญาณ กลายเป็นว่าอยู่ในท่าที่น่าอายมากเขาก้าวเพียงสองก้าวก็มาถึงโซฟาในห้องนอนนั่งลง ขาสองข้างคร่อมตรงเอวของเขาฉันรู้สึกร้อนมากจนต้องหดเท้ากลับเขาเหลือบลงมามองฉันอย่างกระหายพร้อมกับเสียงแหบพร่า "คุณทำกางเกงผมแฉะหมดแล้ว"ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง จ
เรื่องนี้ ฉันลืมไปเสียสนิทเลยไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้ฉันใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้า "ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไร"เขาขมวดคิ้ว "เมื่อคืนคุณไม่สบายไม่ใช่หรอ?""..."ฉันคงบอกหมอไม่ได้ ทั้งๆ ที่หมอกำชับแล้วว่าช่วงท้องสามเดือนแรกห้ามมีอะไรกันเลยตอบบ่ายเบี่ยง "ตอนนี้หายดีแล้ว"เขาสงสัย "จริงเหรอ?"ถ้าไปหาหมอ ฉันต้องไปโรงพยาบาลเอกชนของตระกูลฟู่แน่นอน บริการด้วยช่องทางพิเศษไม่ต้องรอคิว รายงานผลตรวจก็ออกไวแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะไม่สามารถปกปิดเรื่องท้องได้ไม่ว่าไงฉันก็จะไม่ไปฉันหลบสายตาเขา "ไม่อยากไป ไม่ชอบไปโรงพยาบาล""หนานจือ"ฟู่ฉีชวนหรี่ตาลง "คุณไม่ได้ปิดบังอะไรผมใช่ไหม?""ตุบ!"เขาจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ฉันใจหายจนขวดครีมบำรุงผิวในมือหล่นกระทบพื้นกระเบื้องหิน ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นท่าทางร้อนตัวเห็นชัดมากเขาเดินเข้ามาพยุงตัวฉัน ดวงสีดำราวกับมองทะลุทุกอย่าง "คุณมีเรื่องปิดบังผมจริงๆ สินะ?""ฟู่ฉีชวน..."เขาสงสัยพร้อมกับมุ่ยปาก "คุณ...ไม่สบายใช่ไหม?"ฉันถอนหายใจยาว "ใช่ ดังนั้นพวกเราควรรีบหย่า ต่างคนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา""ไม่มีทาง!"เขาจู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่ เขาสั่นจนยากจะสังเก
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที