Share

วิชาแฝดมิติ

Auteur: Sanassetong
last update Dernière mise à jour: 2025-01-19 18:21:54

พอได้ผลหยางเหมยมาแบบชอบธรรมแล้วจางซินก็นำมาปรุงสมุนไพรรักษาลมปราณทันที และขอให้จินเป่ามาช่วย เพราะยามใดมีจินเป่าลงมือปรุงสมุนไพรจะออกมาเป็นจำนวนหลายเม็ด เขาจึงสรุปเอาเองว่าจินเป่าได้พรสวรรค์มาจากตระกูลจาง ส่วนตัวเขาเองเหมือนจะเก่งด้านนี้แต่น่าจะมาจากการฝึกฝนเองทั้งนั้น

"จางซินข้าเห็นเหมือนว่าเจ้ามีมิติล่องหนเลยทำไมเจ้าไม่ลองนำสมุนไพรพวกนี้ไปปรุงในมิติเล่ามันอาจจะได้หลายเม็ดก็ได้"

จินเป่ากล่าวขึ้น

"ข้ารู้แล้วแหละว่าเจ้าต้องรู้เพราะการรักษาคุณชายใหญ่และซิงอีตอนที่อยู่มิติสามัญนั้นมันต้องใช้ผู้ที่มีมิติล่องหลรักษาเท่านั้น"

ซินจางกล่าวขึ้น

"ข้าสงสัยเจ้าตั้งแต่อยู่หุบเขาแห่งบรรพกาลแล้วล่ะ แต่ที่ข้าแน่ใจก็วันก่อนที่เราจะออกเดินทางจากจวนห่าวอู๋มานั่นแหละ เพราะว่าน้ำอมฤตนั้นเป็นของข้าและข้าก็รู้ว่าเจ้าเอาน้ำอมฤตออกข้าเข้าไปในมิติล่องหลและเจ้าก็เอามันออกมา"

จินเป่ากล่าว

"เจ้าจะรู้ได้อย่างไรเจ้าเก่งขนาดนั้นเชียว"

จางซินกล่าวขึ้นโดยไม่เดือดร้อนเพราะต่อไปนี้ตนไม่มีสิ่งใดที่จะปกปิดต่อน้องสาวของตัวเองอยู่แล้ว

"แล้วเจ้ามีมิติล่องหนจะเรียนรู้อะไรกับมิติล่องหนของเจ้าบางที่ทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าการ
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เคร็ดวิชาเรียกพายับ

    "ท่านพ่อสหายจากมิติสามัญต้องการที่จะหาสถานที่ฝึกวรยุทธกัน ลูกคิดว่าให้พวกเขาไปฝึกวรยุทธที่ตำหนักร้างดีหรือไม่ขอรับ เราก็ให้คนของเราไปดูแลพวกเขาอยู่รอบนอก ถ้าพวกเขาขาดเหลือสิ่งใดเราก็ส่งให้ ถ้าท่านพอไม่ไว้ใจพวกเขาก็ให้ลูกไปฝึกกับพวกเขาก็ได้นะขอรับ"องค์ชายหกกล่าวขอผู้เป็นบิดาให้หาที่ฝึกวรยุทธให้กับสหายจากมิติสามัญ เพราะพวกเขาบอกว่าที่มาจากมิติสามัญนั้นก็เพื่อที่จะหาประสบการณ์และฝึกวรยุทธให้เข้มแข็งขึ้นก่อนที่จะไปยังมิติเชื่อมจิต"เจ้ายังมีความต้องการที่จะเดินทางไปยังมิติอื่นอีกอยู่หรือ เจ้าไม่เห็นพี่ชายของเจ้าหรือขนาดอยู่ที่ดีๆยังมีคนปองร้ายเขาถึงขนาดนั้น โลกแห่งนี้ไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ ดูพี่ชายเจ้าเป็นตัวอย่างสิในคืนแต่งงานแท้ๆอยู่ดีๆเขาก็ต้องนอนเป็นผักอยู่ตั้งหลายปี"ท่านประมุขของมิตินิมิตกล่าวกับบุตรชายของตน"ท่านพ่อไม่รู้อะไรเสียแล้ว ในโลกที่ผู้มีวรยุทธเป็นใหญ่แบบเราผู้ใดที่แข็งแรงกว่าผู้นั้นก็กำปั้นหนักกว่าเสมอสามารถชี้ไปทิศใต้ทิศเหนือได้ ข้าต้องการฝึกประสบการณ์กับสหายจากมิติสามัญนั้นจริงๆขอรับ เผื่อวันข้างหน้าถ้าเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก พวกเราก็จะได้แก้ไขไ

    Dernière mise à jour : 2025-01-19
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ตำหนักร้าง

    "องค์ชายหก ข้าว่าพวกเราทั้งเจ็ดคนเร่งเดินทางไปกันเถอะแล้วท่านจะส่งคนไปคุ้มครองพวกเราก็ให้พวกเขาตามหลังไปไม่อย่างนั้นพวกเราจะเกิดความล่าช้า ถ้าจะให้พวกเรานั่งรถม้าเหมือนที่มาเมืองหลวงนี้ข้าเกรงว่าอาจจะฝึกวิชาได้ไม่ถึงครึ่งของตำราก็จะต้องกลับมาแล้ว"จินเป่ากล่าวขึ้นเพราะนางเองต้องการที่จะฝึกเคล็ดวิชาแฝดมิติให้เร็วที่สุด"งั้นก็รีบออกเดินทางกันเถอะข้าเองก็อดรนทนรอที่จะฝึกวิชาพิชิตมังกรไม่ไหวอยู่แล้ว"องค์ชายหกกล่าวและเดินไปหาองครักษ์เพียงสี่ถึงห้าคนและสั่งให้องครักษ์ที่เหลือตามไป ทั้งเจ็ดเดินทางออกจากวังและมีองครักษ์เพียงห้าคนเท่านั้นที่ติดตามไป ส่วนที่เหลือก็ต้องขนของขนเสบียงไปตามหลัง ทั้งสิบสองเร่งออกเดินทางหลังออกจากวังหลวงแล้วก็จะเห็นเป็นร้านค้าข้างทางทั้งสองฟาก ผู้คนต่างมองทั้งสิบสองคน พวกเขาต่างรู้ดีว่าเป็นคนในวังเดินออกมาเที่ยวเล่นแต่ไม่รู้ว่าจะไปทิศทางใดกันได้แต่เหลียวมองพอลับตาก็หันมาขายของของตัวเอง จางซินก็ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศร้านค้าแผงลอยที่อยู่สองฟากทางมาก แต่เขาก็ไม่ได้เดินไปซื้อของ ได้แต่มองซ้ายมองขวา หลังจากเดินไปจนพ้นหมู่บ้านสักพักก็เป็นทางขึ้นเขาซึ่งมีต้นไม้เล็กใหญ่ตา

    Dernière mise à jour : 2025-01-20
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เคล็ดวิชาแฝดมิติ

    เมื่อเข้ามาในห้องที่ตัวเองเลือกแล้วจินเป่ากับจางซินก็ปิดประตูและหน้าต่างทุกบานดังที่องค์ชายหกเคยบอกไว้ตอนที่กินข้าวกัน เมื่อทั้งสองปิดลงเสร็จแล้วก็มานั่งตรงกลางของห้องก็พบว่าประตูและหน้าต่างทุกบานปิดสนิทดี ทางด้านของซิงอีเข้าห้องที่เลือกแล้วก็ปิดไม่ได้จึงย้ายห้องราวๆสามห้องน่าจะได้"เจ้าก็ไม่พบห้องที่เหมาะสมกับตัวเจ้าเองหรอกหรือ"เสียงบุรุษกล่าวขึ้น ซิงอีจึงหันไปมองก็เห็นจางหยง ที่กำลังเดินเข้ามาตัวนาง"หรือว่าท่านก็ไม่พบห้องที่เหมาะสมเหมือนกับข้า"ซิงอีถามกลับ"ใช่แล้วล่ะข้าก็ไม่พบห้องที่เหมาะสมเหมือนกับเจ้านั่นแหละข้ากำลังจะออกไปถามคุณชายหกอยู่พอดีว่าทำไมถึงไม่พบห้องที่เหมาะสมแต่ข้าก็เห็นจินเป่ากับคุณชายทั้งสองและน้องของข้าเข้าห้องไปแล้วปิดสนิทดีนิ"จางหยงกล่าวขึ้น ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินมาหาคุณชาย หกที่ด้านหน้าของตำหนักร้าง"มันไม่แปลกหรอกที่พวกท่านทั้งสองจะไม่พบกับห้องที่ตรงตามที่ตนกำลังจะฝึกฝน"คุณชายหกกล่าวขึ้นตามองไปหาห่าวอู๋อวี่ที่ตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม่ขนาดใหญ่ทางขวามือ เขาหลับตาและมีแสงสีรุ่งจางๆวนรอบๆร่างกายเขา"ท่านห่าวอู๋อวี่ก็ออกมาฝึกด้านนอกหรือ"ซิงอีกล่าวถา

    Dernière mise à jour : 2025-01-20
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สำเร็จเคล็ดวิชาเรียกพายัพ

    ทางด้านคุณชายหกเมื่อสั่งการให้ทหารไปประจำจุดต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวเองก็วิ่งเข้าด้านในเพื่อที่จะหาห้องที่จะฝึกวิชาพิชิตมังกรดั่งใจที่ตัวเองหวัง แต่เขานั่งทุกห้องแล้วก็ไม่สามารถที่จะปิดสนิทได้"ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้นะ เสด็จพี่รัชทายาทเข้าไปอยู่ด้านในแล้วสามารถฝึกฝนได้ทุกวิชาไงหรือเป็นเพราะว่าห้องตรงกลางของตำหนักร้างแห่งนี้ถูกสตรีสองนางนั้นจับจองไปแล้วจึงทำให้ผู้อื่นต้องไปฝึกด้านนอกกันแน่"องค์ชายหกบ่นเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกมา และกำหนดจิตว่าตนจะฝึกวิชาพิชิตมังกรที่ใดดี อยู่ๆร่างขององค์ชายหกก็พุ่งเข้าสู่ป่าและนั่งอยู่ตรงโขดหินทันที องค์ชายหกที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียวเขานั้นจึงหลับตาแล้วนั่งต่อไป ในใจก็ยังบ่นอยู่ที่ไม่มีความยุติธรรมสำหรับองค์ชายหกอย่างเขาเลยเป็นถึงเจ้าของถิ่นแท้ๆ แต่กลับถูกส่งตัวมายังจุดที่ห่างไกลผู้คนขนาดนี้ แล้วเขาก็ไม่สามารถกลับไปได้เป็นแน่ถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนในครั้งนี้ เขาจึงพยายามทำให้จิตใจสงบและท่องเคล็ดวิชาที่ได้รับมา ไม่นานเขาก็เข้าสู่ภวังค์ฝน ทางด้านห่าวอู๋อวี่หลังจากศึกษาเคล็ดวิชาเรียกพายับจนหมดทุกหน้าแล้ว เขาจึงเริ่มที่จะนั่งข

    Dernière mise à jour : 2025-01-21
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ฝึกวิชาจนสำเร็จ

    ห่าวอู๋อวี่นั่งมองไปยังหน้าตำหนักที่ไม่ไกลนัก ก็เห็นซิงอียืนอยู่แล้วก็ใช้แส้ฟาดซ้ายฟาดขวาฟาดหน้าฟาดหลังเหมือนรำท่ากระบี่แต่ใช้แส้แทนยังไงยังไง ห่าวอู๋วี่ได้แต่คิดในใจว่าแม่นางซิงอีกำลังจะสำเร็จวิชาแส้มหากาฬที่จินเป่าเลือกให้ซิงอีเป็นแน่ ตอนนี้นางกำลังที่จะทดสอบว่าผ่านหรือไม่ แต่มองมองดูแล้วเหมือนซิงอีจะเริ่มบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย นางน่าจะสู้ไม่ได้เป็นแน่ ไม่นานนางก็นั่งลงและขัดสมาธิดังเดิม อ่าวอู๋อวี่ก็มองไปรอบๆก็เห็นพี่ชายของตนกำลังกำลังรำกระบี่อยู่ด้านข้างของตำหนัก ซึ่งแต่ละท่าของกระบี่นั้นช่างหนักหน่วงน่าดู สงสัยท่านพี่กำลังทดสอบเกร็ดวิชากระบี่ปฐพีที่ได้มาจากวังหลวงเป็นแน่ ห่าวอู๋อวี่นั่งมองดูพี่ชายของตนรำกระบี่อย่างเพลิดเพลิน พี่ชายของเขารำกระบี่ซ้ำกันถึง สามคราก็ไม่สามารถที่จะจบลงได้สักพักพี่ชายของตนก็นั่งขัดสมาธิอีกรอบ ห่าวอู๋อวี่จึงเลื่อนสายตาไปหาผู้อื่นแต่ก็ไม่เห็นมีใครแล้วสักพักใหญ่ๆก็เห็นคุณชายจางหยงเดินออกมาจากด้านหลังของตำหนักร้างแห่งนี้"ท่านบรรลุวิชาเรียกพายัพของท่านแล้วหรือ"เสียงของจางหยงถามขึ้นก่อนที่ตัวเขาจะมาถึงห่าวอู๋อวี่เสียอีกและนั่งลงตรงโต๊ะด้านข้างของเขา"ข้าฝึกสำ

    Dernière mise à jour : 2025-01-21
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ฟินิกซ์เพลิงและจิงจอกเก้าหาง

    เมื่อทั้งห้านั่งคุยกันได้สักพักก็มีลมสายใหญ่พุงเขามาห่าวอู๋อวี่พุ่งตัวขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ทุกคนก็ทำตามห่าวอู๋อวี่ สักพักก็มีฟินิกซ์ตัวหนึ่งสีแดงเพลิงทะลุหลังคาตำหนักร้างออกมาโผบินราวกับเต้นรำเหมือนจะพันรอบสัตว์ชนิดหนึ่งที่เป็นตัวสีขาวราวกับหิมะ พวกมันทั้งสองกำลังร่ายรำเหมือนกำลังเกี้ยวพาราสีกันยังไงอย่างงั้น สัตว์อสูรทั้งสองร่ายรำพร้อมกับปล่อยอนุภาคที่รุนแรงออกมาอย่างต่อเนื่อง มนตราทั้งหลายปะทะออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งสอง องค์ชายหกลุกขึ้นยื่นพร้อมกับจะท่องบทพิชิตมังกร"อย่า!! นั้นมันสัตว์อสูรของน้องข้า"เสียงจางหยงและซิงอีร้องขึ้นพร้อมกัน พวกเขามองหน้ากัน ทุกคนที่ตกใจอยู่ตั้งใจปกป้องตัวเองด้วยเกาะวรยุทธของตัวเอง ทางด้านในหลังจากทั้งสองนั้นหมดสติด้วยความเจ็บปวดพลันตื่นขึ้นมาซึ่งความเจ็บปวดนั้นได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ทั้งสองตื่นมามองหน้ากันพวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าสำเร็จเคล็ดวิชาแฝดมิติแล้วหรือยังด้วยซ้ำ ไม่นานทั้งสองก็รับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตในมิติติดกายของตัวเองเคลื่อนไหว จินเป่าหันเข้าไปมองในมิติก็เห็นจิ้งจอกเก้าหางขนสีน้ำผึ้งของนาง ที่ตอนนี้ได้ผสมผสานกับหัวใจหิมะแล้วจึงทำให้ขนขอ

    Dernière mise à jour : 2025-01-22
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   รอหน้าตำหนักร้าง

    องค์ชายหกที่วิ่งเข้ามาคนสุดท้ายยืนตะลึงกับภาพที่เห็นซิงอีกำลังวิ่งเข้าไปกอดจินเป่า และอีกมือก็ดึงสตรีอีกคนที่สวมชุดขาวราวหิมะยืนอยู่ด้านข้างเข้าไปกอด สตรีนางนี้มีใบหน้าที่สวยคมคายผิวสีออกเหลืองน้ำผึ้งนวลไม่ขาวมาก ปากนิดจมูกหน่อยดังองค์เทพออกมาจากนิยาย แต่เขาก็คิดได้ว่าทำไมอยู่ๆดีๆจะมีสตรีสองคนเพิ่มขึ้นมา อีกคนนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าจางซิน ซึ่งสตรีนางนั้นใส่ชุดสีแดงเพลิงที่ตัดกับผิวขาวๆของนางช่างดูหน้ามองเหลือเกิน"สตรีสองคนนี้มาจากที่ใดกันหรือทำไมมาอยู่ในตำหนักร้างแห่งนี้ได้"องค์ชายหกกล่าวขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เขากำลังมองไปที่ลีหลินที่กำลังกอดอยู่กับจินเป่าและซิงอี"ไม่ใช่ว่าองค์ชายหกก็ไม่รู้หรือว่าแม่นางสองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ และเหมือนกับท่านกำลังสนใจสัตร์อสูรของพวกนางอยู่"ห่าวอู๋มูลี่กล่าวขึ้น"เจ้าทำสำเร็จกันแล้วหรือทำไมเมื่อตะกี้พวกข้าเห็นสัตว์อสูรสองตนนั้น กำลังต่อสู้กันอยู่บนตำหนัก"ซิงอีถามขึ้นเมื่อพละออกจากจินเป่าและลี่หลิน"ซินเออร์สัตว์อสูรของเจ้ามันแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วหรือ เจ้าทำอย่างไรกับมันถึงแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ข้านึกว่าฟินิกซ์เพลิงของเจ้าจะเป็นตัวผู้เสียอีกทดูท่าทางม

    Dernière mise à jour : 2025-01-22
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เมืองขมิ้น

    หลังจากวางแผนกันเสร็จทุกคนก็ออกจากตำหนักพร้อมกัน หลังจากแยกกันออกเดินทางทั้งสามกลุ่มก็ถูกโจมตี แผนของพวกเขาคือล่อให้ทั้งกลุ่มกระจายตัวกันเพื่อจะต่อสู้ได้ง่าย และเป้าหมายคือเมืองขมิ้น ทั้งสามกลุ่มทำท่าต่อสู้เล็กน้อยก็ล่าถอยออกไปตามทางที่วางแผนไว้ ซิงอีกับจางหยงมุ่งไปเมืองขมิ้นกลุ่มเขาต่อสู้กับนักยุทธ์ราวๆสิบคน ทั้งสองไม่ได้ต่อสู้เอาจริงเอาจังพวกเขาหลอกล่อสู้บ้างถอยบ้าง แกล้งถอยให้พวกเขาไล่ตาม ไม่นานทั้งสองก็หลอกล่อพวกนักยุทธ์จากมิตินิมิตไปได้ไกล หนึ่งในกลุ่มจึงคิดขึ้นได้"ทำไมคนพวกนั้นมันแปลกๆจังเลย แยกกลุ่มกันออกเดินทางเหมือนหลอกล่อเรายังไงยังงั้น"บุรุษผู้หนึ่งถามสหายขึ้นเพราะรู้สึกแปลก"จะไปสนใจอะไรล่ะจับตัวพวกมันแล้วพามันไปรวมตัวกันก็สิ้นเรื่อง"บุรุษผู้หนึ่งพูดขึ้น"แต่ข้าว่ามันไม่ใช้ทางที่พวกมันต้องการไปหรือป่าว คนพวกนั้นต้องการกลับวังหลวง ไม่ใช่ว่าสองคนนี้แค่หลอกล่อแล้วให้องค์ชายหกกลับไปยังวังหลวงก่อนหรอกหรือ เราน่าจะไล่ตามจับองค์ชายหกไม่ดีกว่าหรอกหรือ"บุรุษคนเดิมยังไม่วายที่จะคิดถึงเรื่องที่คุ้มกว่ากัน จึงให้บุรุษอีกคนที่ตั้งใจจะจับทั้งสองที่หลบหนีมาฝั่งนี้ให้ได้คล้อยตามแล้ว

    Dernière mise à jour : 2025-01-23

Latest chapter

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แหวน

    เพื่อพวกเขาเข้ามาเสร็จแล้วก็ต้องพบกับความประหลาด ด้านในนี้มีแก้วแหวนเงินทองอยู่มากมาย ตรงกลางโถงกว้างมีไข่ขนาดใหญ่หนึ่งใบวางอยู่ ลวดลายของใข่ใบนั้นมีลวดลายที่งามวิจิตรยิ่งนัก และไอวิเศษที่เข้มข้นก็ไหลออกมาจากไข่ใบนี้นี้เอง แต่ช่างแปลกเมื่อพวกเขาทั้งเจ็ดเข้ามาในนี้แล้ว ไอวิเศษนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายใดๆกับพวกเขาทั้งเจ็ดนั้นได้ "ไข่นั้นมันเป็นไข่อะไรกัน ลวดลายแปลกตาจัง"ซิงอีถามขึ้นเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน"มันน่าจะเป็นไข่มังกรข้าเคยศึกษามา น่าจะเป็นไข่มังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ รวดลายของมันช่างมากมายขนาดนี้ มันน่าจะเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นที่สูงๆเป็นแน่ แต่เราจะนำมันออกจากไข่ได้อย่างไรกัน หรือว่าเราจะพามันออกจากถ้ำนี้ได้อย่างไร"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น ซิงอีจึงพยายามลองเก็บของที่อยู่ในนี้ดู เหมือนของเหล่านี้จะไม่ยอมเข้ามาในมิติของนางเลยสักชิ้น รวมถึงไข่ที่ต้าเหว่ยบอกว่าเป็นไข่มังกรด้วย มันไม่ยอมเข้ามาเลยสักนิด "ข้าเกรงว่าสมบัติที่อยู่ในนี้พวกเราไม่สามารถที่จะครอบครองมันได้ รวมทั้งไข่มังกรที่เจ้าว่าด้วย"จางซินกล่าวขึ้น ด้านข้างนอกนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงของพญาวานรนั้นกำลังอาละวาดอยู่ เพร

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ช่องลับ

    ความเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรตัวใหญ่นั้นเงียบลงแล้ว แสดงว่ามันน่าจะสงบลงพวกเขาจึงวางแผนกันใหม่ว่าจะเข้าไปยังถิ่นที่อยู่ของมันได้อย่างไรเนื่องจากไอวิเศษที่เข้มข้นพวกเขาไม่สามารถที่จะทนกลับไอวิเศษที่อยู่รอบๆตัวของมันได้เลย "ข้าว่าหากพวกเราเข้าไปใกล้ๆมันแล้วไอวิเศษนั้นมันเข้มข้นมากพวกเราจะไม่ตายเพราะไอวิเศษนั้นหรอกหรือ มันมีสิ่งใดบ้างที่จะทำให้ไอวิเศษนั้นลดน้อยลงได้หรือว่าเราสัมผัสกับไอวิเศษนั้นได้น้อยลงล่ะ"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"มันไม่น่าจะลดไอวิเศษนั้นได้เนื่องจากว่าเรานั่งเสพไอวิเศษนั้นอยู่สามวันมันก็ยังไม่ลดเลยใครมีวิธีดีๆบ้างล่ะ"ไป๋อวิ้นกล่าวถามคนอื่น"เราใช้วิธีหลอกล่อดีหรือไม่ ให้คนกลุ่มนึงอยู่ฝั่งด้านในโน้น หากว่าคนกลุ่มหนึ่งหลอกล่อมันออกไปยังจุดนี้แล้ว คนกลุ่มที่อยู่ด้านในนั้นก็เคลื่อนตัวเข้าไปดูว่าข้างในมีสิ่งใด วิธีนี้พวกเราจะแบ่งกันเป็นสามคนและสี่คนดีหรือไม่"จางหยงกล่าวขึ้น"แล้วมันจะไม่รู้หรือว่ายังมีอีกกลุ่มที่อยู่ด้านในถ้ำนี้ไม่ได้หลอกล่อมันออกไปนอกถ้ำ"ต้าเหว่ยถามขึ้น"ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่ามันตาบอดเพียงแค่เราอยู่ด้านไหนและกบกินกายของเราแล้วเราอยู่เฉยๆอะไรการเคลื่อนไหว

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พญาวานร

    ทางด้านทั้งหกและสัตว์อสูรหนึ่งตนที่ตอนนี้กำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังงานภายในห่างพวกเขาออกไปหากเดินทางเข้าไปไม่เกินครึ่งก้านผู้พวกเขาต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่มีแรงกดดันมหาศาล อยู่ในนั้นพวกเขาเลือกจุดนี้เพราะว่าไอวิเศษนั้นมาถึงกลุ่มของพวกเขาทำให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากไอวิเศษของสิ่งเหล่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปส่มวันจู่ๆก็รู้สึกว่าตัวของเขานั้นเย็นวูบน่าจะสามครั้งได้ นางยิ้มด้วยความดีใจเพราะวรยุทธของนางอยู่เฉยๆก็เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะผู้เป็นนายของเขานั้นมีวรยุทธเพิ่มขึ้นก็ได้ ทุกคนมองหันมาที่ลี่หลินเพียงคนเดียวเพราะพวกเขาทุกคนสามารถรับรู้ถึงแรงกดดันก่อนที่วรยุทธนั้นจะเพิ่มขึ้น"ไม่ใช่ว่าเจ้าจะบรรลุวรยุทธอีก 3 ขั้นแล้วหรือ"ไป๋อวิ้นถามขึ้น"ข้านั่งฝึกวรยุทธภายในอยู่สามวัน ข้าไม่คิดว่าร่างกายของข้าจะเพิ่มวรยุทธขึ้นได้มากขนากนี้ ข้าคิดว่าผู้เป็นนายของข้าน่าจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นข้าถึงได้ผลประโยชน์ขนาดนี้"ลี่หลินพูดด้วยความดีใจ"ลี่หลินเจ้าเสื่อกับผู้เป็นนายของเจ้าได้แล้วหรือ พวกเขาอยู่ที่ใดกัน พวกเราจะรีบตามพวกเขาไป"ซิงอีกล่าวขึ้น ลี่หลินได้แต่ส่ายหัวมันรับ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผลขจี

    หลังจากกลุ่มของจินเป่าไปตกอยู่สถานที่หนึ่งนั้นราวๆสามวันพวกเขาทั้งสามนั้นก็รู้สึกตัว พวกเขาเหี่ยวสถานที่หนึ่งเหมือนเป็นกองฟางและมีแอ่งตรงกลางแต่กองฟางที่พวกเขานอนนั้นมองแล้วลักษณะเป็นสีขาวไข่มุก ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ใด ห่าวอู๋อวี่ลุกขึ้นได้จึงนั่งขับเคลื่อนวรยุทธของตัวเอง เส้นลมปานของเขานั้นเสียหายไปสามส่วน เลือดยังคลั่งอยู่ที่สมองเขาก็กระอักเลือดออกมาคำตอบ เจ้าอีกาดำสามขาจื่ออี้เฉินงั้นถึงกับปีกหักและขาที่สามของมันก็หักเลยทีเดียว ร่างกายของมันกระทบกับของแข็งประเภทใดตัวมันเองก็ยังไม่รู้ จินเป่าเมื่อลืมตาขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงคลื่นมหาศาลถาโถมเข้าตัวของตัวนางเอง นางรู้สึกเย็นวูบวาบสามครา นางลืมตาแล้วมองมือของตัวเองทั้งสองข้างวรยุทธของนางนั้นเพิ่มขึ้นอีกแล้วตั้งสามขั้น แต่นางสงสัยยิ่งนักวรยุทธของผู้อื่นนั้นสูงขึ้นนั้นจะเกิดทัฑคาด แต่ทำไมนางซึ่งวรยุทธสูงเลยระดับมามหาศักดิ์สิทธิ์มาเกินสามขั้นแล้ว นางยังไม่ถูกทัณฑฆาตเสียเลย นางมองไปรอบๆก็เห็นเจ้าอีกาดำสามขาที่นอนหมดแรงอยู่กับฟางสีขาวไข่มุกนั้น นางจึงหยิบยาสมุนไพรรักษาเส้นลมปราณธรรมดาออกมาให้มันกินไปพลางๆ และยื่นน้ำอมฤตให้ นางมองดูหน้าข

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ภาพเหมือน

    พญาหงส์ขาวที่กำลังต่อสู้นั้นหยุดชะงักและม้วนตัวพุ่งไปหาต้นขจีทันที ห่าวอู๋อวี่เองยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ พญาหงส์ขาวที่ต่อสู้กันอยู่ดีๆก็พุ่งไปหาจินเป่า จินเป่าที่ตอนนี้เห็นท่าไม่ดีเขากำลังอยู่ใกล้ต้นขจีเพียงนิดเดียวหากเขาหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าต้นขจีก็มัวแต่พลักดันนักยุทธให้ถ่อยกลับไปแต่มันไม่ได้ใช้ตามองจินเป่า เนื่องจากว่ากลิ่นอายของนางนั้นเป็นต้นหลิวต้องแสงจันทร์ในเมื่อนางนั้นได้กลืนกินพลังของต้นหลิวต้องแสงจันทร์แล้ว นางก็ปล่อยพลังของมันออกมา จึงทำให้ต้นขจีซึ่งเป็นพืชวิเศษเหมือนกันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นมนุษย์มันจึงไม่ได้ระวังตัวจากจินเป่าเลย แต่พญาหงส์ขาวรับรู้การไปของจินเป่าดีจึงพุ่งไปหานางและพ่นไฟใสทันที นางแบมือเก็บไฟดังเดิม แต่คราวนี้เจ้าพญาหงส์ขาวนั้นพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันระวังและเก็บมันเข้าไปในมิติทันที หลังจากที่มันเข้าไปในมิติแล้วจินเป่าจึงใช้กริชที่กรีดเลือดของตัวเองนั้นแทงเข้าไปยังรากของต้นขจีทันที "วี้ดๆๆๆๆๆๆ วี้ดๆๆๆๆ วี้ดๆๆๆๆๆ"เสี่ยงต้นขจีกรีดร้องและเอนไปเอนมาตอนนี้รากของมันถอนขึ้นจากดินเสียแล้ว จินเป่าได้ทีจึงโบกมือและเก็บต้นขจีก่อนที่มันจากอาละ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พญาหงส์ขาว

    ทั้งสองคุยกันอยู่สักพักก็เข้าใจกันส่าตะจัดการเช่นไร"นั่นไงทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นกำลังคุยกันอยู่แล้วแผนของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อล่ะลี่หลิน"จางซินกล่าวถาม"แผนของพวกเขาคือให้พวกเราทุกคนระวังตัวเองและแก้ไขสถานการณ์ไปตามเหตุการณ์ต่างๆ"ลี่หลินกล่าวขึ้น ทุกคนก็มองไปยังลี่หลินเพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่านางได้สื่อสารกับผู้เป็นนายจริงหรือไม่ เนื่องจากพอถามพบนางก็ตอบทันที "งั้นพวกเราก็ต้องดูแลตัวเองและปกป้องด้วยให้ได้ เพื่อที่จะไม่เป็นตัวถ่วงของพวกสองคนนั้น"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น"แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าสงสัยยิ่งนัก ทำไมข้าที่อยู่มิติแห่งนี้มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้เลยล่ะ เรื่องที่มีผลขจีสุกอะไรนั่น ทำไมหรือพอดูดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสัตว์อสูรต่างๆก็รายล้อมเข้ามา และนักยุทธต่างๆก็เหมือนสนใจสิ่งเหล่านี้ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่ามันเป็นสิ่งใด"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น"ข้าเองก็สงสัยว่าทางราชสำนักไม่ได้ส่งผู้ใดมาเข้าชิงผลขจีเลย เป็นไปได้หรือไม่ว่าทางราชสำนักนั้นไม่สนใจกับสมุนไพรชนิดนี้ เจ้าที่อยู่ในเมืองหลวงนั้นจึงไม่รู้ว่ามีของดีแบบนี้"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น ทุกคนขอพยักหน้าพร้อมที่จ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ต้นขจี

    เมื่อถึงยามเที่ยงคืนแล้วสัตว์อสูรตนนั้นก็ออกมาจากต้นขจีมันเป็นสัตว์อสูรสีขาวสว่างไสว มองไกลๆราวกลับนกกินรีสีขาวแต่พอมองดีๆก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่กินรีแต่อย่างใด"นั่นมันพญาหงส์นิสัตว์มหาอสูรที่เฝ้าอยู่ต้นขจีมันคือพญาหงส์นี่เอง"บุรุษกลุ่มที่จับตัวทั้งสองคนมากล่าวขึ้น "พวกเจ้าแกะมัดมือข้าทั้งสองได้แล้วกระมังข้าจะได้หาวิธีที่จะเอาชนะสัตว์มหาอสูรตนนั้น"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น กลุ่มคนที่จับตัวพวกเขามาจึงปรึกษากันไม่นานเขาก็แกะเชือกวิญญาณนั้นออก "ข้าทั้งสองจำเป็นที่จะต้องโจมตีพร้อมๆกันแล้วพวกเจ้ามีใครที่ต้องการที่จะลงมือบ้าง ข้าจะได้วางแผนเผื่อพวกเจ้า"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ทั้งหมดที่จับตัวทั้งสองคนมานั่นนั่งเงียบทันทีไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดเพราะไม่มีใครต้องการที่จะลงมือ "ทำไมพวกท่านไม่คิดที่จะลงมือเลยหรอ ในเมื่อต้องการของแต่ถ้าไม่ลงมือพวกท่านจะมีหน้ารับของพวกนี้ได้อย่างไร"จินเป่าถามขึ้ม"เอาเป็นว่าพวกข้าไม่ลงมือต่อสู้กับสัตว์มหาสูรแต่พวกข้าจะลงมือแย่งชิงกับผู้มียุทธเหล่านั้นเอง ถ้าพวกข้าได้ผลขจีมามากพอพวกข้าจะแบ่งให้พวกเจ้า "บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้น"ข้าเองจะไปสู้กับสัตว์อสูรเหล่านั้นแต่ข้าเอง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ตอบแทน

    เมื่อยามค่ำคืนเข้ามากล้ำกรายในห้องห่าวอู๋อวี่กับจินเป่านอนด้วยกันบนเตียงนอน"ข้าอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปจังที่เราสองคนได้นอนกอดกันบนเตียงนุ่มแบบนี้ หากเราช่วยท่านพ่อตากับแม่ยายได้แล้วเราแต่งงานกันนะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวออกมาอย่างหยอกล่อและจิงจังในท่าที จินเป่าไม่ได้กล่าวอะไรนางได้ยินเสียงกุกกักนอกประตูนางรู้ดีว่าห่าวอู่อวี่รับรู้ได้ก่อนนางเสียอีกแต่เขาก็แกล้งพูดไปต่างๆนานา เมื่อด้านนอกได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เขาก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้ามา ห่าวอู๋อวี่สังเกตเห็นถึงข้อนี้"ข้านอนแล้วนะเจ้าเองก็นอนเถอะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น เพื่อจะได้เดินตามแผนของกลุ่มคนที่มาดักจับสองคนเขา สักพักใหญ่ๆเสียงเคลื่อนไหวภายในห้องก็สงบลง บุรุษผู้หนึ่งโบกมือเป็นสัญญาณให้ผู้ที่อยู่ด้านหลังค่อยๆเปิดประตูโรงเตี้ยมให้ แล้วค่อยๆบุกเข้าไปจับตัวทั้งสองได้ เมื่อถูกจับทั้งสองคนก็แกล้งทำเป็นหลับไหลไม่ได้สติ จินเป่าทำท่าทางตกใจตื่นขึ้นมา"หวกเจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมาจับพวกข้าเช่นนี้ พวกข้าทั้งสองไปทำอะไรให้พวกเจ้าโกรธเคืองกัน"จินเป่าพูดขึ้น"แม่นางอย่าดิ้นรนเลย อย่าต่อรองกับการจับกุมในครั้งนี้ พวกเราวางแผนมานานแล้ว แล้วคนที่จับต

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แผน

    ป่ากระดังงาที่พวกเขาเดินทางเข้าไปนั้นร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่เล็กประปรายกันอยู่ มีโขดหินใหญ่โขดหินเล็กและมีเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมาย เสียงนกร้องสักพักและบินจากไปเพื่อหาอาหาร"เราจะอยู่ผจญภัยอยู่ที่ป่าอัสดงกันจนจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นเท่าใดดี เราต้องตั้งเป้าหมายและล่ะ"จางซินกล่าวขึ้น"ข้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรเท่าไหร่หรอก เอาเป็นว่าจนกว่าพวกเราทั้งจะพอใจกันดีกว่า"ห่าวอู๋มูลี่กล่าวขึ้น"แล้วต้าเสว่ยล่ะท่านคิดว่ามาผจญภัยยังภายนอกแล้วท่านยังคิดว่ายังอยากติดตามพวกเราต่อหรือไม่"จินเป่าถามขึ้น"ถ้าไปกับพวกเจ้าแน่นอน ข้ารู้สึกสนุกรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกท้าทายแล้วพวกเจ้าก็มีจิตใจที่ดีช่วยเหลือชาวบ้านถ้าคิดว่าข้าต้องติดตามพวกเจ้าไปให้ถึงที่สุด"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น พวกเขาเดินทางในป่ากระดังงาราวๆเจ็ดวันก็ออกจากป่ากระดังงา เดินทางด้วยความราบรื่นตอนกลางวันเดิน กลางคืนก็พักผ่อนพวกเขาไปถึงหมู่บ้านอัสดงในเวลาเที่ยงของวันที่เจ็ด เมื่อพวกเขาไปถึงก็หาโรงเตี้ยมเพื่อนั่งกินอาหารกัน และจะได้ฟังข่าวจากนักยุทฑท่านอื่นด้วย พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะกลางสุดเพราะจะได้ฟังเสียงข้างๆได้สะดวกยิ่งขึ้น "ป่าอัสดงทุกวันนี้ทำไมข้าไม

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status