แชร์

บทที่ 616

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หยวนหยงอี้ที่ได้ยินเช่นนั้น ทั้งรู้สึกดีใจ และเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน

ที่น่ากังวลนั่นเป็นเพราะการที่อ๋องฉู่และฉู่หมิงชุ่ยพบกันนั้นจริง และไม่ได้บอกอ๋องฉีให้รับรู้

แต่ที่น่าดีใจก็คือ อ๋องฉู่ถูกหลอกให้มาพบนาง เมื่อรู้ว่าถูกหลอกถึงได้โกรธมากเช่นนี้

หากกลับไปบอกอ๋องฉีเพียงแค่นี้ อ๋องฉีจะไม่คิดเคลือบแคลงใจขึ้นมาหรอกหรือ?

หยวนหยงอี้ที่คิดไตร่ตรองดูแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้นั้น เลยตรงไปหาหยวนชิงหลิง

หยวนชิงหลิงโกรธจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเบิกตากว้าง ในแววตานางเต็มไปด้วยไฟโทสะ “จะไปอยู่แล้วยังมาทำให้พี่น้องบาดหมางกันอีก ช่างเป็นตัวปัญหาจริง ๆ”

หยวนหยงอี้เองก็โกรธมาก และพูดว่า “ถ้าไม่ใช่ว่านางจะไปแล้วล่ะก็ ข้าคงลงมือไปนานแล้ว แค่อยากหลีกเลี่ยงเรื่องที่อาจคาดไม่ถึงที่จะเกิดขึ้นได้ หากทำร้ายนาง นางก็คงก่อนเรื่องวุ่นวาย และไม่ยอมจากไปเป็นแน่”

หยวนชิงหลิงมองนาง และกล่าวต่อไปว่า “ผู้หญิงคนนี้เปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย เจ้าทำร้ายนาง ไม่รู้ว่านางจะเล่นสกปรกอะไรกับเจ้าอีก”

นึกถึงเรื่องในวังหลวง คนชั่วช้าอย่างนางที่เข้าไปทูลฟ้องก่อนแล้วนั้น ผู้หญิงคนนี้ปากว่าตาขยิบ เล่ห์เหลี่ยมมารยาของนางช่างย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 617

    นางยื่นมืออกไปลูบคันฉ่องนั้น และฉีกยิ้มกว้างออกมาราวกับต้องมนต์สะกดหลังจากหยวนหยงอี้กลับมาแล้ว ก็เอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกอ๋องฉีตามตรงหลังจากที่อ๋องฉีได้ฟังแล้ว ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีกหยวนหยงอี้จึงดึงเก้าอี้แถวนั้นมานั่ง แล้วกล่าวว่า “มาคุยกัน?”อ๋องฉีเงยหน้าขึ้น “คุยเรื่องอะไรรึ?"หยวนหยงอี้มองตรงไปที่เขา “ท่านยังสนใจเรื่องนี้อยู่หรือ?”“แล้วไม่ควรสนหรอกหรือ?” อ๋องฉีเอ่ยถามกลับหยวนหยงอี้จึงเอ่ยขึ้น “ท่านแค่สนว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับท่าน แต่ว่าจากที่ข้าไปตรวจสอบที่โรงเตี้ยมเยวี่ยเต๋อ อ๋องฉู่โมโหมากที่พบว่าตัวเองถูกฉู่หมิงชุ่ยหลอกให้ไปพบที่โรงเตี้ยมเยวี่ยเต๋อ เขาไม่บอกท่านเรื่องนี้ คงได้คิดไตร่ตรองถึงความรู้สึกของท่าน มันคงลำบากใจที่จะมาบอกท่านว่า พระชายาของท่านให้เขาไปพบเป็นการส่วนตัว? แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าท่านเลยมิใช่หรือไร?”อ๋องฉีเงยหน้าขึ้นมองนาง “ข้าดีกับเจ้าไหม?”หยวนหยงอี้ตกใจ นี่นอกเรื่องไปไหนกัน?“ดีไหม?” อ๋องฉีเอ่ยย้ำถามหยวนหยงอี้ที่รู้สึกว่าอารมณ์ในตอนนี้ของเขาไม่ค่อยมั่นคงนัก ดังนั้นจึงนึกคำดี ๆ และเอ่ยตอบไปว่า “ก็ไม่เลวเท่าไหร่”อ๋องฉีส่ายหน้า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 618

    อ๋องฉีมองไปที่นาง “คืนนี้เจ้าไปเชิญพี่ห้ามาที่นี่”“จะทำอะไรรึ?” หยวนหยงอี้เอ่ยถามอ๋องฉีพูดว่า "แทนที่จะให้นางนำหน้าเรา ถ้าหากพวกเราลองนำหน้านางดูก่อนสักก้าวหนึ่ง ดูสิว่านางจะทำอะไรกันแน่”ถึงหยวนหยงอี้จะเป็นคนที่มุทะลุอยู่บ้าง แต่นางก็เป็นคนที่คิดการได้ละเอียดรอบคอบ แค่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็เข้าใจแล้ว “ท่านจะทำสิ่งที่นางต้องการ โดยเผชิญหน้ากับอ๋องฉู่ หลังจากนั้นก็ดูว่านางต้องการทำอะไรสินะ ? ”อ๋องฉีมองนางอย่างชื่นชมยกย่อง “เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ แต่ว่าเดาถูกแค่ครึ่งเดียว ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่านางจะทำอะไรต่อ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ข้าออกไปประจันหน้ากับพี่ห้าเป็นไปดั่งใจนางแล้ว ก็เป็นอันบรรลุเป้าหมายของนางแล้ว คงไม่ทำเรื่องยืดเยื้อการหย่าร้างนี้อีก ข้าคิดจะรีบตัดปัญหาน่ารำคาญนี่ซะ นางอยู่ที่นี่นานขึ้นหนึ่งวัน ข้ามักคิดว่านางจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีก”หยวนหยงอี้หัวเราะออกมา “หรือว่าบางที ท่านกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน?”อ๋องฉีดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว และพูดอย่างเฉยชาว่า "อืม ก็กลัวอยู่”หยวนหยงอี้พยักหน้า "เช่นนั้นก็ดี ข้าจะไปด้วยตัวเอง ไปพูดกับพี่หญิงฉู่หวางให้เข้าใจสถานการณ์ก่อน”“เจ้าไป

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 619

    คนที่อยู่ตรงนั้นคือหยวนหยงอี้ นางไมไว้ใจฉู่หมิงชุ่ย นางคิดเสมอว่าคนผู้นี้นิสัยชั่วร้าย ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรออกมาอีกคำพูดของฉู่หมิงชุ่ยที่ดังเข้ามาในโสตประสาทอย่างแจ่มชัดแววตาของนางเย็นเยือกขึ้นในทันที พร้อมแรงกระตุ้นที่คิดจะสังหารฉู่หมิงชุ่ยไปซะวันรุ่งขึ้น นางไปจวนอ๋องฉู่ และนำคำพูดนั้นไปบอกเล่าให้อาซื่อฟัง และกล่าวว่า “ช่วงนี้พระชายาออกไปข้างนอก ทางที่ดีเจ้าควรอยู่ข้างกายนาง อย่าได้ลดการระมัดระวังโดยเด็ดขาด”อาซื่อกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “นี่นางยังคิดจะฆ่าพระชายาอีกรึ? ทำไมนางไม่ตาย ๆ ไปซะ? นางยังมีหน้ามีชีวิตอยู่อีกหรือไร?” หยวนหยงอี้จึงกล่าวต่อไป “คนบางคนถ้าไม่ตาย ก็จะกลายเป็นหายนะในที่สุด เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว อย่าให้นางมีช่องว่างฉวยโอกาสมาทำร้ายพระชายาได้”อาซื่อเอ่ยถามนาง “จะไม่บอกพระชายาหรือ?”หยวนหยงอี้คิดอยู่พักหนึ่ง “บอกท่านอ๋องเถอะ อย่าได้บอกพระชายาเลย ทำให้นางตกใจเสียเปล่า”อาซื่อจึงตอบกลับ “ใช่ ทำพระชายาตกใจไม่ได้ ช่วงนี้อารมณ์นางไม่ค่อยดีนัก”หยวนหยงอี้เป็นห่วงพี่หญิงฉู่หวาง “เรื่องราวในจวนอ๋องฉีช่วงนี้ จวนอ๋องฉู่ต้องพลอยมาเดือดร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 620

    หยวนชิงหลิงเหลือบตามองนางที่อยู่ด้านข้าง นางยิ้มแย้มอ่อนหวานอ่อนโยนเหมือเทพธิดา แวบแรกที่ได้เห็นรู้สึกชวนขนลุกนัก ทำให้ใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอวี่เหวินห่าวไม่มองนาง และจูงมือหยวนชิงหลิงเดินเข้าไปด้วยกันข้างในอ๋องซุนนั้นสวมชุดพญางูสีน้ำเงินที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดี เพื่อแสดงถึงฐานะ ที่เอวคาดด้วยเข็มขัดทองคำ และหยกคาดเอวประดับรอบหน้าท้องกลมเอาไว้ เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธาน ฟังพระชายาซุนที่อยู่ด้านข้างพูดคุยด้วยแววตาที่เป็นประกายพระชายาซุนที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นเปล่งรัศมีกล้าหาญ ดูน่าเกรงขาม กลับกันกับอ๋องซุนที่ดูตัวเล็ก อ่อนแอ น่าสงสาร ใสซื่อ และยังอ้วนท้วมอีกด้วยเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา แววตาเขาก็เปล่งประกายขึ้น และรีบกล่าวว่า "ไม่ต้องพูดหรอก แขกก็ยิ่งมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ”พระชายาซุนหันกลับมาเห็นพวกเขา ก็รีบลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าจับมือหยวนชิงหลิง “ทำไมเพิ่งมากันเล่า? นึกว่าพวกเจ้าจะมาเร็วกว่านี้ซะอีก”หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เก็บกวาดนานไปหน่อย เลยมาช้าน่ะเพคะ”พระชายาซุนจูงนางไปข้าง ๆ และพูดเสียงเบาลงว่า “พระชายาฉีเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนางถึ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 621

    หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ไม่ต้อง ให้อาซื่อไปกับข้าก็ได้แล้ว อาซื่ออยู่หน้าประตู ท่านอยู่คุยกับพี่รองก่อนเถิด”อ๋องซุนสอดมือกอดอกในแขนเสื้อของตัวเอง และกล่าว “ไม่ต้อง ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักครู่”ในแขนเสื้อเขาซ่อนขนมรังนกไว้อยู่นานแล้วอวี่เหวินห่าวกับหยวนชิงหลิงออกไป เมื่อเห็นว่าฉู่หมิงชุ่ยที่อยู่ในนั้น เขาจึงตามประกบหยวนชิงหลิงไม่ให้ห่างกาย และไม่ให้คลาดสายตาทั้งคู่ยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน เห็นองค์หญิงหลายพระองค์เสด็จมา และฉู่หมิงชุ่ยก็ก้าวออกไปทักทายก่อนหยวนชิงหลิงสังเกตฉู่หมิงชุ่ยจากระยะไกลนางสวมชุดกระโปรงหรูฉวินปักลายกุหลาบแดงพันเถา คลุมทับด้วยผ้าคลุมปักลายดอกไม้ เกล้ามวยผมทรงเมฆลอย ประดับปิ่นเมฆา และปิ่นทองดอกไม้ไหว ทุกการเคลื่อนไหวดูสง่างามหรูหรา ไม่เสียเสน่ห์ของหญิงสาวไปเลยแม้แต่หน่อยนางหันกลับมามองตัวเองในชุดกระโปรงจับจีบสีแดงตัวหลวม คลุมด้วยเสื้อคลุมเนื้อหนา ซึ่งให้ความอบอุ่นกำลังดี แต่ไม่มีความงดงามเลยแม้แต่น้อย เปิดเสื้อคลุมซ่อนเจ้าห้าได้ถึงสองคนด้วยซ้ำองค์หญิงเหวินจิง องค์หญิงฉินผิง และองค์หญิงลั่วผิงต่างมาพร้อมพระราชบุตรเขย อวี่เหวินหลิงที่หลบอยู่หลังองค์หญิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 622

    อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าคำพูดของหยวนหยงอี้น่าสงสัยอยู่บ้าง ในตอนที่จะเอ่ยถามนั้น อวี่เหวินหลิงก็โผล่งออกมา "คุณพระ พี่สามพาผู้หญิงคนนั้นมาจริง ๆ ด้วย”ทุกคนรีบหันไปมองทางนั้นอ๋องเว่ยสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน และรองเท้าบูทสีดำ ร่างกายสูงสง่าเผยเสน่ห์กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างกายเขา สวมชุดกระโปรงผ้าต่วนเนื้อนุ่ม และเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกกันลม เกล้าผมทรงหวูม่าน ปักปิ่นผีเสื้อไหว และใส่ต่างหูหยกทองคำ ที่คอสวมสร้อยลูกปัดหยกเนื้อดีเม็ดกลมเกลี้ยงเพียงแต่รูปลักษณ์ของหญิงสาวนางนี้กลับดูธรรมดา หางที่ดูคิ้วสั้นนั้นต้องวาดหางคิ้วเพิ่ม แค่มองปราดเดียวก็มองได้ชัดเจนจมูกแบน ริมฝีปากบาง คางเหลี่ยม สิ่งเดียวที่ดูโดดเด่นคือดวงตาคู่นั้น ดวงตาไม่ได้โต แต่ในแววตาที่เหมือนมีน้ำคลออยู่ในนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนดั่งแสงจันทร์สลัวชวนโศกา ชวนให้รักใคร่ สงสารน่าเวทนาการที่อ๋องเว่ยมาปรากฏตัวพร้อมผู้หญิงที่ไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ ทำให้พระชายาซุนรู้สึกขายหน้ายิ่งนักเรื่องของพวกเขาสามีภรรยาลือไปถึงในราชสำนักมานานแล้ว คิดว่าเขาคงไม่คิดเหลวไหลแต่งตั้งนางเป็นชายารองได้คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้กลั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 623

    พระชายาซุนหันมามองหยวนชิงหลิง “เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเจ้าสามทีเถิด”หยวนชิงหลิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นางจะเกลี้ยกล่อมยังไง ? นางกับอ๋องเว่ยไม่สนิทกันเลยสักนิดผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อกู้จือกุมมืออ๋องเว่ยไว้ และหลุบตาลงต่ำ “หม่อมฉันจะกับไปทูลเชิญพระชายามาที่นี่แทน ท่านอ๋องอย่าได้ทรงกริ้วไปเลยนะเพคะ”อ๋องเว่ยยื่นมือไปกอดเอวนาง และจ้องไปที่อ๋องซุนอย่างดื้อรั้น “วันนี้ข้าจะให้นางอยู่ที่นี่ นางตั้งครรภ์ลูกของข้า ถึงไม่ใช่ชายาเอกก็เป็นชายารองแล้ว ถ้าท่านรับนางไม่ได้ ก็อย่านับว่าข้าเป็นน้องของท่านอีกต่อไป”มารดาของอ๋องเว่ยเป็นพระสนมเสียนเฟยองค์หนึ่ง หลังจากให้กำเนิดอ๋องเว่ยได้ไม่นาง นางก็ได้จากโลกนี้ไป จักรพรรดิหมิงหยวนจึงยกอ๋องเว่ยให้พระสนมจิ้งเฟย มารดาของอ๋องซุนเป็นคนเลี้ยงดู ดังนั้นสองพี่น้องจึงสนิทชิดเชื้อราวกับพี่น้องแท้ ๆ คลานตามกันมา“เจ้า...” อ๋องซุนโกรธจนไขมันบนหน้าสั่นกระเพือม “เจ้าอยากทำให้เสด็จแม่ทรงกริ้วจนอกแตกตายรึ” “ข้าจะไปอธิบายให้เสด็จแม่ฟังด้วยตัวเอง” อ๋องเว่ยเม้มริมฝีปาก และกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ เสด็จแม่ต้องทรงยินดี เพราะนางกำลังจะได้อุ้มหลานเร็ววันนี้ ไม่ต้องไปอิจฉาเสด็จแม่เ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 624

    หยวนชิงหลิงหันออกไปดู เมื่อเห็นไม่มีใครเข้ามาจึงกล่าวต่อว่า “เช่นนั้นท่านเล่าเรื่องในตอนนั้นของพวกเขาให้ข้าฟังหน่อยสิ”"เรื่องของพวกเขามีอะไรน่าเล่ากัน? ลวี่หยาเจ้าเด็กทึ่มนั้น” อวี่เหวินห่าวยื่นมือไปลูบหน้านาง วันนี้นางแต่งหน้ามาบางเบา แต่เห็นชัดเลยว่าลวี่หยาไม่ได้ใส่ใจ แป้งยังไม่จางดีเลยด้วยซ้ำ“ข้าเป็นคนแต่งหน้าเอง” หยวนชิงหลิงดูตัวเอง รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองไม่สวยเท่าคนอื่น แต่ผู้หญิงท้องโตขนาดนี้ไม่มีอะไรน่ามองอยู่แล้ว “ท่านเล่าเถอะ ข้าอยากฟัง”อวี่เหวินห่าวนั่งขัดสมาธิบนตั่งไม้ และหยิบลูกวอลนัทมาสองสามลูก ก่อนจะแกะเนื้อของมันให้หยวนชิงหลิงและเล่าว่า “ตอนนั้น เดิมทีพี่สะใภ้สามมาคุยกับคนอื่น คิดไม่ถึงว่าพี่สามได้พบนางก็ตกหลุมรักในทันที ทูลขอให้พระสนมจิ้งเฟยไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เพื่อสู่ขอคุณหนูตระกูลชุยมาเป็นภรรยา ตระกูลชุยก็ถือว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง และสามีในอนาคตของพี่สะใภ้สามก็คืออ๋องอันจุน จะให้เกิดเรื่องถอนหมั้นได้อย่างไรกัน เรื่องนี้หาทางออกไม่ได้อยู่นาน พี่สามก็ไปหาว่าที่สามีในอนาคตของพี่สะใภ้สามเพื่อท้าประลอง ว่าใครชนะคนนั้นได้แต่งกับพี่สะใภ้สาม เพื่อการประลอง

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status