Share

ตอนที่ 2 : ต่อรองกับมัจจุราช

last update Last Updated: 2025-03-20 14:55:11

ตอนที่

[2]

ต่อรองกับมัจจุราช

 ร่างสูงในอาภรณ์สีทองลวดลายมังกรดูทรงอำนาจกำลังจดจ้องมาที่นางด้วยสีหน้าที่สามารถดูออกได้ว่ากำลังโกรธเกรี้ยวด้วยเห็นโทสะที่พวยพุ่งขึ้นที่เหนือศีรษะของเขา

 หากแต่สิ่งที่นางสนใจมิใช่อารมณ์แต่เป็นใบหน้าของเขา บุรุษตรงหน้าของนางนี้หากว่าอยู่ในโลกก่อนต้องไม่พ้นเป็นพระเอกแถวหน้าอย่างแน่นอน ดวงหน้าได้รูป ดวงตาลึกล้ำทรงอำนาจ คิ้วพาดเฉียง จมูกโด่งนั้นดูเชิดขึ้นบ่งบอกว่าเป็นคนเอาแต่ใจไม่น้อย ริมฝีปากไม่หนาหรือบางเกินไป รวม ๆ แล้วกล่าวได้ว่าหล่อเหล่าเกินคน 

 หากว่านี่ไม่ใช่พระรองที่หล่อเหล่าที่สุดแล้วละก็….ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่ายังไงแล้ว 

 ใช่แล้ว ตรงหน้าของนางคือ สามีของนาง ไม่สิ สามีของซูซีหลินคนก่อน เขาเป็นพระรองที่กึ่งจะไปทางตัวร้ายด้วยซ้ำ อวี๋กงซู่ฮ่องเต้ พระรองที่เกลียดนางร้ายในเรื่องยิ่งกว่าสิ่งใดและทุ่มหัวใจทั้งหมดให้กับนางเอกนิยายอย่าง ช่ายเฟิ่งจิ่ว อย่างไม่เหลือพื้นที่ใดอีก แม้ว่าช่ายเฟิ่งจิ่วจะรักพระเอกอย่าง ข่ายเชี่ยนหยุน จนหมดหัวใจก็ตาม 

 นางร้ายเรื่องนี้แปลกนัก มิได้หลงรักพระเอก แต่กลับหลงรักพระรองเสียอย่างนั้น รักจนกระทั่งทำสิ่งที่โง่ที่สุดแม้กระทั่งถูกคนหลอกใช้ก็ยังไม่รู้ตัว 

 แต่บัดนี้นางยังมีโอกาสพลิกวิกฤติก่อนที่จะถูกสั่งประหาร ต้องตายอย่างอเนจอนาถเช่นนั้น แม้ว่าคนตรงหน้าดูเหมือนพยายามจะกินหัวนางในยามนี้มากแล้วก็ตาม 

 “เหตุใดจึงไม่ตอบข้า เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วหรือ ถึงได้คิดแผนชั่วทำเรื่องชั่วเช่นนั้นกับคุณหนูช่ายได้!” 

 นางถูกดึงเข้ามาในเวลาที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้เพิ่งสั่งคนไปลอบทำร้าย ช่ายเฟิ่งจิ่วมา โดยมีคำสั่งว่าหากตายยิ่งดี เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกลับมาเมืองหลวงได้สำเร็จ

 แต่แน่นอนว่ามันไม่สำเร็จและสิ่งต่อไปที่ซูซีหลินจะต้องเจอคือฮ่องเต้ผู้นี้จะสั่งขังนางที่ตำหนักเย็นเจ็ดวัน 

 อวี๋กงซู่ลอบมองสตรีตรงหน้าที่อยู่ในท่าทางผิดแปลกจากเดิมด้วยสายตาพินิจพิจารณา แน่นอนว่าไม่ไว้ใจ โดยทั่วไปแล้วหากเจอเรื่องเช่นนี้ซูซีหลินคงจะโหวกเหวกโวยวายตีอกชกตัวพร้อมทั้งขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วยการแสดงที่แสนโง่เขลาและไม่เป็นธรรมชาติ แต่บัดนี้กับนิ่งเงียบไม่กล่าวอันใดเพียงครึ่งคำ เขาเกือบจะถูกใบหน้าที่เปิดเปลือยไร้สิ่งประทินโฉมของอีกฝ่ายทำให้ไขว้เขวเพราะมันน่ามองกว่าทุกวัน  แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่คือซูซีหลิน สตรีที่ชั่วร้ายทำร้ายคุณหนูช่ายไม่นานโทสะของเขาก็พวยพุ่งขึ้นอีกครั้งและยิ่งกว่าเดิม 

 “หึ ปฏิเสธกับสิ่งชั่วร้ายที่ตนเองทำลงไปไม่ได้สินะ เราเคยเตือนเจ้าแล้ว ว่าหากเจ้าแตะต้องคุณหนูช่ายแม้เพียงปลายเล็บก็อย่าหาว่าเราไม่เตือน ตอนนี้อย่าว่าแต่ตำแหน่งฮองเฮาเลย แม้แต่ตำแหน่งกุ้ยเฟยของเจ้าก็อย่าหวังว่าจะรักษาเอาไว้ได้!! เผยกงกง….”

 ก่อนที่เขาจะสั่งลงโทษอันใด ซูซีหลินไม่รอช้ารีบยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาหยุดการกระทำของตนเองก่อน

 “ฝ่าบาทก่อนที่ฝ่าบาทจะลงโทษหม่อมฉัน หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเพคะ” 

 “คนกระทำผิดเช่นเจ้าสามารถที่จะต่อรองอันใดด้วยหรือ” อวี๋กงซู่ฮ่องเต้เชิดพระพักตร์ขึ้น พระเนตรเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ไม่ไว้ใจและความไม่ชอบใจ หญิงสาวคล้ายจะรับรู้ถึงสายตาเหล่านั้นจึงได้คิดที่จะรีบพูดเพื่อให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว

 “ฟังหม่อมฉันก่อนสักนิดเถิดเพคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอน คล้ายกับว่าเขารำคาญไม่นานก็ตอบตกลงฟังที่นางจะกล่าว

 “ว่ามา แต่หากคำพูดเจ้ามีอันใดที่ไม่เข้าท่าอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” นี่ก็ขู่เก่งเหลือเกิน 

 “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะว่าที่ผ่านมานั้นเป็นหม่อมฉันที่ดึงดันทุกอย่างไปเองคนเดียว จนทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายมาถึงขั้นนี้” 

 “ก็รู้นี่” อวี๋กงซูฮ่องเต้

 “…..”

 นางทำเป็นไม่สนใจท่าทางของเขาก่อนจะกล่าวต่อ 

 “ดังนั้นหม่อมฉันจึงคิดว่าจะขอเวลาพระองค์เพียงแค่สองเดือนเท่านั้นในการอยู่ตรงนี้เป็นซูกุ้ยเฟย จากนั้นหม่อมฉันจะไม่ขอแย่งชิงใด ๆ อีก จะกลับไปที่จินโจวเพื่ออยู่กับท่านพ่อท่านแม่ที่นั่นเพคะ” ฮ่องเต้หนุ่มได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงอย่างไม่ไว้วางใจ

 “เหตุใดต้องรอถึงสองเดือน” เขาร้อนใจจะแย่แล้ว อยากจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนที่คุณหนูช่ายจะกลับมา เพื่อที่นางจะได้เห็นว่าเขาไม่มีผู้ใดและรอคอยเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น

 “เพราะหากหม่อมฉันถอนตัวไปตอนนี้ ตำแหน่งสตรีเคียงข้างพระองค์ก็จะว่างเว้น เหล่าขุนนางก็คงจะไม่วายหยิบยกเรื่องแต่งตั้งฮองเฮาขึ้นมาอีก ยามนั้นเกรงว่าพระองค์จะถูกกดดันและต้องทำอันใดสักอย่างก่อนที่คุณหนูซูจะมาถึงเมืองหลวงเป็นแน่เพคะ” 

“แต่หากหม่อมฉันยังอยู่ อย่างน้อยตอนนี้เหล่าขุนนางก็ยังคงเกรงใจในบิดาของหม่อมฉัน” แน่ล่ะ บิดาของซูซีหลินเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น ทำผลงานได้มากมายในตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาจึงทำให้เหล่าขุนนางยำเกรงไม่น้อย และด้วยเพราะผลงานบิดานี่เองที่สามารถทำให้ซูซีหลินได้กลายมาเป็นซูกุ้ยเฟยในทุกวันนี้ และพิธีแต่งตั้งกุ้ยเฟยเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อหกเดือนที่แล้ว เหล่าขุนนางจึงยังไม่กล้ากระโตกกระตากที่จะเสนอสตรีให้กับฮ่องเต้เพิ่มในยามนี้ 

 อวี๋กงซู่แม้จะไม่ไว้ใจ แต่ก็คิดว่าคำพูดของซูซีหลินนั้นมีเหตุผลไม่น้อย ขุนนางเฒ่าพวกนั้นจ้องแต่จะยื่นมือมาวุ่นวายกับหลังบ้านเขาอยู่เรื่อย ๆ 

 แต่แผนการนี้มาจากซูซีหลินเช่นนั้นหรือ มันช่าง….

 “แล้วเราจะไว้ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะจากไป รวมถึงไม่คิดทำร้ายคุณหนูช่ายอีก” 

 “หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้พระองค์เชื่อถือ แต่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายหรือทำอันใดให้พระองค์รำคาญใจอีกแล้วเพคะ และเมื่อคุณหนูช่ายมาถึงเมืองหลวง หม่อมฉันก็จะรีบหลีกทาง หรือไม่ก็อาจจะช่วยพระองค์รีบเชื่อมวาสนากับคุณหนูช่ายให้สำเร็จด้วย”

 “ขอเพียงเจ้ายอมจากไป เรื่องเชื่อมวาสนาคงไม่ต้องให้เจ้ายื่นมือเข้ามายุ่งอันใด” 

 ผู้ใดจะอยากยุ่งกัน นางก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง

 “แสดงว่าพระองค์รับปากแล้วหรือเพคะ” 

 “อย่าคิดว่าข้าเชื่อถือในคำพูดของเจ้า แต่ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากครั้งนี้เจ้ายังมีลูกไม้อันใด แม้แต่บิดาของเจ้าก็อย่าได้คิดว่าจะช่วยเจ้าได้!”

 ขู่อีกแล้ว 

 “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะ ขอพระองค์โปรดวางใจ” ซูซีหลินค้อมศีรษะลงเล็กน้อย อวี๋กงซู่หรี่ตาลงเพื่อประเมินหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นไม่พูดอันใดอีกก็สะบัดพระวรกายจากไปทันที

 ฟู่ว ไปเสียที 

คล้อยหลังชายหนุ่ม ซูซีหลินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่มิใช่แค่ซูซีหลินที่กดดันแม้แต่จินจูนั้นก็แทบจะมุดหน้าลงไปฝังที่พื้นเสียแล้ว แม้ว่าเมื่อครู่ใบหน้าของตนก็แทบจะแนบสนิทติดกับพื้นอยู่แล้วก็ตาม

 รัศมีของผู้ปกครองแผ่นดินนี่ช่างอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

 เมื่อหันไปลอบมองผู้เป็นนายก็เห็นเพียงว่าพระองค์เอาแต่ถอนหายใจออกมาไม่หยุดไม่รู้แท้จริงคิดอย่างไรอยู่

เฮ้อ สองเดือนคงจะเพียงพอที่นางจะรักษาชีวิตตนเองและคนผู้นั้นเอาไว้ได้ ซูซีหลิน

 อวี๋กงซู่ฮ่องเต้หลังจากที่กลับมายังห้องทรงพระอักษรของตนเองแล้วก็ได้แต่สบสายตาขันทีคนสนิทอย่างเผยกงกง ก่อนจะถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยออกไป

 “เผยกงกง ท่านว่าสิ่งที่นางพูดนั้นมีความจริงกี่ส่วน” 

 นาง ที่ว่าหมายถึงผู้ใดไม่ต้องเดา เผยกงกงประมวลคำถามและคำตอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ตอบอย่างระมัดระวัง 

 “ซุกุ้ยเฟยนั้น มีใจผูกติดกับฝ่าบาทมานานหลายปี ความฝังลึกนั้นผู้ใดก็ล้วนแต่รับรู้ เฉกเช่นเดียวกับที่ฝ่าบาทรู้สึกเช่นเดียวกับคุณหนูช่าย กระหม่อมจึงคิดว่า…พระนางไม่น่าจะสามารถตัดใจได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาเพียงสองเดือนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” 

 “ท่านคิดว่านางโกหก?” 

 “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบสังเกตดูพระนางดูไม่คล้ายคนโกหก” 

 “ตกลงว่านางโกหกหรือไม่โกหก” อวี๋กงซู่ฮ่องเต้ฮึดฮัดขัดใจไม่น้อย 

 เผยกงกงจึงได้คุกเข่าลงก่อนจะรีบกล่าวต่อ 

 “กระหม่อมแม้ไม่แน่ใจว่าพระสนมคิดอย่างไร แต่พระนางดูไม่คล้ายจะปฏิบัติกับพระองค์เช่นเดิมพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น ไหน ๆ พระองค์ก็รับปากพระสนมไปแล้ว ระหว่างนี้ก็รอดูท่าทีไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เผยกงกงกล่าวแล้วลอบปาดเหงื่อในใจ เขารอดหรือยังนะ

 “เช่นนั้นเราจะคอยดูท่าทีของนาง แต่หากว่านางไม่คิดทำดังปากว่า ก็อย่าหาว่าเราใจร้ายก็แล้วกัน!” จักรพรรดิตรัสแล้วก็ตวัดสายพระเนตรดุดันไปยังทิศทางตำหนักของสตรีที่ตนเพิ่งจากมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 3 : ทำไมไม่เคยชนะ

    ตอนที่[3]ทำไมไม่เคยชนะ หลังจากที่สามารถต่อรองกับฮ่องเต้หน้ายักษ์สำเร็จ ซูซีหลินก็นอนแผ่กายบนเตียงอย่างไม่รักษากิริยาใด ภาพนี้ทำให้จินจูทนไม่ไหวต้องรีบไล่เหล่านางกำนัลออกไปด้วยไม่อยากให้เกิดเสียงซุบซิบเกี่ยวกับกุ้ยเฟยที่ไม่ดีออกไป แม้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับกุ้ยเฟยที่คนภายนอกตำหนักกล่าวถึงในยามนี้จะไม่ค่อยดีอยู่แล้วก็ตาม แต่ทว่าตั้งแต่ที่กุ้ยเฟยตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไหนจะข้อตกลงกับฝ่าบาทนั่นอีก พระนางจะยอมจากไปจริงหรือ นับตั้งแต่ที่ตนได้มีโอกาสรับใช้อีกฝ่ายมา ซูกุ้ยเฟยนั้นเอาใจผูกติดกับตำแหน่งมารดาแผ่นดินมากเพียงใดเหตุใดตนจะไม่รู้ จินจูใช้สายตาลอบมองผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะรีบหลุบสายตาลง ซูซีหลินไม่ได้รับรู้ถึงความคิดของนางกำนัล นางเพียงทบทวนเรื่องราวของนิยายและข้อมูลเกี่ยวกับซูซีหลิน เพื่อจะได้วางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซูซีหลินคือบุตรสาวคนรองของแม่ทัพซู ซูซีซาน แม่ทัพใหญ่ของแคว้นที่ประจำการอยู่ที่เมืองชายแดนอย่างเจินโจว เพื่อรักษาความสงบที่นั่น นานทีปีหนถึงจะได้เข้ามาเมืองหลวง อาจจะเพราะด้วยเจ้าตัวไม่ได้ชื่นชอบบรรยากาศของเมืองหลวงมากนัก

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 4 : นางทำอันใดอยู่

    ตอนที่[4]นางทำอันใดอยู่ หลังจากที่ซูซีหลินได้ก้าวเท้าเข้าสู่วังวนวังหลัง ชีวิตก็คล้ายถูกมือมืดของใครบางคนคอยชักจูงอยู่เสมอ ด้วยความเกลียดชัง อคติและความคิดอันตื้นเขิน หญิงสาวจึงมักจะคิดว่าเป็นฝีมือของช่ายเฟิ่งจิ่วอยู่ร่ำไป ทว่าแท้จริงกลับเป็นบุคคลที่ซูซีหลินแทบจะไม่ค่อยได้ไปข้องเกี่ยวเลยด้วยซ้ำ แต่บัดนี้เห็นทีจะต้องไปพัวพันด้วยเสียแล้ว เพื่อที่จะทำให้ซูซีหลินในชาตินี้หรือก็คือตัวนางเองไม่ต้องถูกใส่ร้ายและลงเอยด้วยความตาย รวมถึงเด็กคนนั้นก็ไม่ต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือจนสุดท้ายก็ต้องตายอย่างน่าสงสารเช่นกัน องค์ชายจูจิ่งหลง วัยห้าหนาว พระโอรสขององค์ชายรัชทายาทแคว้นจ้าวและองค์หญิงอวี๋กงเชี่ยน หรือก็คือพระขนิษฐาร่วมอุทรของอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ ทว่าชีวิตของทั้งคู่ช่างสั้นนัก แคว้นจ้าวถูกแคว้นหมิงโจมตีอย่างรุนแรง ส่งผลให้แคว้นทั้งแคว้นต้องล่มสลายลงในเวลาไม่นาน แต่ทว่าก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น องค์ชายจูจิ่งหลงได้ถูกพระบิดาและพระมารดาได้เอาตัวไปซ่อนไว้ในที่หลบภัย โดยหลังจากนั้นทั้งคู่ได้ไหว้วานคนที่ไว้ใจได้ให้นำเด็กน้อยไปส่งให้ผู้เป็นลุงอย่างอวี๋กงซูฮ่องเต้ดูแล นับแต่นั้นมาองค์ชายจูจิ่งหลงจึงไ

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 5 : ไปตำหนักซิงเยียน

    ตอนที่[5]ไปตำหนักซิงเยียน ในที่สุดก็เผยธาตุแท้แล้วสินะ ที่ผ่านมาคงเป็นแค่การเสแสร้ง ชอบตื่นเช้าอันใด นางเพียงแค่แสร้งเอาใจเขาเท่านั้น ดีแล้วที่เขาไม่สนใจนาง สตรีที่ไม่จริงใจเช่นนี้ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ อวี๋กงซู่ฮ่องเต้เหยียดยิ้มออกมานัยน์ตาแฝงความเย้ยหยัน โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้คิดในมุมหนึ่งเลยสักนิด หากว่าวันนี้ซูกุ้ยเฟยยกน้ำแกงมาเช่นเดิมจริง เขาก็จะคิดว่านางไร้ซึ่งสัจจะ เชื่อถือไม่ได้ นี่แหละหนา ที่เรียกว่าอคติ อีกทั้งซูซีหลินเคยทำไม่ดีมาไว้มากก็ยากที่จะเชื่อใจได้ง่าย ๆ เรื่องที่นางลอบส่งคนไปลอบทำร้ายช่ายเฟิ่งจิ่ว เขายังไม่ได้จัดการนางเลย กว่าที่ซูซีหลินจะตื่นนอนเวลาก็ล่วงเลยไปถึงยามซื่อ (เก้าโมงเช้า) ยามที่ลุกขึ้นมานางไม่คิดจะลงจากเตียงโดยทันที เอาแต่บิดซ้ายบิดขวาไปมาด้วยท่าทางแปลกประหลาดและไม่รักษามารยาทใด ๆ จินจูนั้นยังไม่ชินกับท่าทางเช่นนี้เลยสักนิด แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้ แม้ว่าซูกุ้ยเฟยจะไม่ได้มีท่าทางเจ้าอารมณ์แบบไม่กี่วันก่อนที่ได้ยินว่าแผนการบางอย่างล้มเหลว แต่ผู้ใดจะรู้ว่าพระองค์จะมีโทสะเช่นนั้นขึ้นมาอีกเมื่อไร “จินจูวันนี้มีของอร่อยอะไรกินบ้างหรือ” นับตั้งแต่ที่ได้มาอ

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 6 : พี่สาวไว้ใจได้นะ 1/1

    ตอนที่[6]พี่สาวไว้ใจได้นะ หลังจากที่เด็กน้อยผู้นั้นวิ่งหนีไป ซูซีหลินก็ไม่ได้คิดติดตามอีกฝ่ายไป กลับสำรวจทิศทางเล็กน้อยหญิงสาวก็กลับไปวางแผนที่ตำหนักของตนใหม่ จวบจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเมื่อสบโอกาสก็กลับไปยังตำหนักซิงเยียนอีกครั้ง ครานี้ก็พบกับเด็กน้อยผู้นั้นกำลังเขียนอักษรบางอย่างอยู่เพียงผู้เดียวในห้องนอนที่อยู่ส่วนลึกของตำหนัก เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็นำแผ่นกระดาษเหล่านั้นเผาใส่กระถางด้านข้างที่มีไฟทีละแผ่น ซูซีหลินและจินจูมองหน้ากันด้วยความสงสัยจึงได้ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้จนสามารถเห็นตัวอักษรที่อยู่บนนั้นได้อย่างชัดเจน จินจูเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ “พระสนม….” มิใช่แค่จินจูที่ตกใจ แม้นางจะเคยอ่านเนื้อหาในนิยายมาแล้ว แต่ก็เป็นการกล่าวผ่าน ๆ หาได้ลงรายละเอียดอย่างชัดเจนเช่นนี้ ในกระดาษทุกแผ่นที่องค์ชายจูจิ่งหลงเขียน คือคำว่า ‘ซูกุ้ยเฟยเป็นสตรีชั่วช้า ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด’ นอกจากนั้นยังมี ‘หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้บอกว่า ข้าเกลียดเจ้า’ หากแต่นางยังมองเห็นอีกแผ่นที่เด็กน้อยแอบซ่อนเอาไว้ ‘อย่าทำร้ายข้าเลย ข้ากลัวแล้ว’ นางไม่โกรธที่เด็กน้อยผู้นี้เขียนถ้อยคำเช่นนี้ต่อนาง แต่โกรธผู้ที่ปลูก

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 7 : พี่สาวไว้ใจได้นะ 1/2

    ตอนที่[6]พี่สาวไว้ใจได้นะแต่ทว่าด้วยเห็นใจในคำว่า ‘ข้ากำลังหนีคนมา’ ของอีกฝ่าย จูจิ่งหลงจึงได้สับสน เพราะว่านางอาจจะกำลังรู้สึกหวาดกลัวใครสักคนเช่นเขาก็ได้ “จะ เจ้าหนีผู้ใดมาหรือ” แต่กระนั้นก็ยังเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว ซูซีหลินเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยอมพูดกับตนแล้วจึงได้ถอนหายใจ “เป็นคนที่ใจร้ายมาก” ว่าแล้วก็ปล่อยมือจากเขาก่อนจะแสร้งทำเป็นเศร้าใจ จูจิ่งหลงยามนี้คิดในใจหรือว่านางกำนัลผู้นี้จะถูกซูกุ้ยเฟยรังแกมา โครก ทว่ายังไม่ได้กล่าวสิ่งใดเสียงท้องร้องของเด็กน้อยก็ดังขึ้น ใบหน้าของเขาขึ้นซับสีด้วยความอับอาย เจ้าท้องนี่มาร้องอะไรยามนี้ น่าอายชะมัด จูจิ่งหลง และจังหวะนี้เองที่ซูซีหลินหยิบขนมที่ตนตั้งใจทำออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นจึงลากเด็กน้อยไปนั่งกินด้วยกัน “ข้านำขนมมาด้วย มากินด้วยกันเถิด” ว่าแล้วก็ยัดขนมชิ้นใหญ่ใส่มือของเขา จูจิ่งหลงที่เดิมก็ระแวงทุกอย่างอยู่แล้วจึงมองผู้มาใหม่อย่างไม่ไว้ใจ ซูซีหลินจึงทำเป็นไม่สนใจเขา แล้วกัดกินขนมด้วยความเอร็ดอร่อย เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ท่าทางการกินของคนตรงหน้าและขนมในมือนี่ช่างน่ากินเสียจริง สุดท้ายเด็กน้อยก็ยังคงเป็

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 8 : เริ่มแผนการ 1/1

    ตอนที่[7]เริ่มแผนการ ในช่วงเช้าของตำหนักซิงเยียน นางกำนัลที่รับหน้าที่ในการดูแลองค์ชายจูจิ่งหลงในช่วงเช้าได้เข้าไปทำหน้าที่ประจำของตนอย่างที่เคยทำ หากแต่วันนี้องค์ชายน้อยที่เวลานี้มักจะจัดการตนเองในช่วงเช้ากลับไม่มีการมีอยู่แม้เพียงเงา ไม่ว่าจะเดินหาที่ใดของห้องก็ไม่พบ แม้กระทั่งบริเวณรอบ ๆ ตำหนักก็ไร้วี่แววแย่แล้ว!!นางกำนัลน้อยใบหน้าซีดเผือด “เกิดอะไรขึ้น!” และยิ่งสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจของผู้ที่ดูแลตำหนักแห่งนี้ดังขึ้น “เอ่อ คือว่า”หลังจากที่ได้ยินคำรายงาน ฝ่ามือที่นิ้วข้างหนึ่งสวมแหวนแกะสลักลวดลายอสรพิษเคี้ยวคดไปมา ก็ฟาดลงไปบนแก้มบอบบางของนางกำนัลเต็มแรง เพียะ! “ใช้ไม่ได้จริง ๆ!!” “พวกเจ้าเอานางไปโบย 30 ที โทษฐานที่ดูแลองค์ชายไม่ดี ส่วนคนที่เหลือรีบไปตามหาองค์ชายเดี๋ยวนี้!!”ฝูมามาสั่งการอย่างรวดเร็วไม่บิดพลิ้วแม้แต่น้อย นางกำนัลกรีดร้องขอความเห็นใจไปจนสุดเสียง การที่นางทำเช่นนี้ หากผู้ใดที่ไม่รู้คงคิดว่านางเป็นห่วงองค์ชายจูจิ่งหลงหนักหนา แต่ทว่านางเพียงไม่อยากให้เขาหลุดมือไปเพื่อกล่าวอันใดที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ต่างหาก“แย่แล้ว องค์ชายจูจิ่งหลงตกน้ำ!!”ในที

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 9 : เริ่มแผนการ 1/2

    ตอนที่[7]เริ่มแผนการ จูจิ่งหลงเมื่อได้ยินว่าเสด็จลุงสอบถามตน ริมฝีปากก็เม้มเป็นเส้นตรง เขามองหน้าฝูมามาที มองหน้าสหายคนใหม่ที ก่อนที่จะกลับไปสบพระเนตรของผู้เป็นลุง “เสด็จลุง หลานได้ยินนางกำนัลพูดกันว่า ในช่วงเช้าดอกบัวจะงดงามนัก วันนี้จึงได้คิดเดินออกมาดู เพราะในแต่ละวันนอกจากอยู่ในตำหนักหลานก็ไม่ค่อยได้ออกไปที่ใดจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่ค่อยได้ออกไปที่ใดงั้นหรือ” “เอ่อ องค์ชายคงหมายถึงด้วยองค์ชายเป็นคนมักเก็บตัว ไม่ค่อยออกไปที่ใด อาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายบ้างเพคะ เดิมทีหากองค์ชายเบื่อหม่อมฉันก็มักจะให้นางกำนัลพาเดินไปเปิดหูเปิดตาอยู่แล้วเพคะ” ฝูมามาเห็นว่าฮ่องเต้เกิดความสงสัยจึงได้รีบอธิบาย พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย วันนี้ทำไมองค์ชายถึงได้ทำตัวแปลกกว่าเดิมนัก “แล้วครานี้เหตุใดไม่พานางกำนัลไปด้วยเล่าหลงเออร์” พระพักตร์หล่อเหลาที่ยังไม่คลายจากความสงสัยเอ่ยถามหลานชายทันที ทันทีที่เขาได้ยินว่าเกิดสิ่งใดกับหลานชาย เขาก็รีบเร่งมาเป็นการด่วน หากว่าหลานชายตัวน้อยเป็นอันใดไป เขาคงรู้สึกผิดกับพระขนิษฐาเป็นอย่างมาก ที่อุตส่าห์วางแผนส่งบุตรชายมาหาเขาอย่างยากลำบาก “เสด็จลุง

    Last Updated : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 10 : อาหารเป็นเหตุ

    ตอนที่[8]อาหารเป็นเหตุ “เจ้ากลัวข้าหรือไม่” หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย แม้กระทั่งฮ่องเต้ผู้ที่มีแต่ความเคลือบแคลงต่อนางผู้นั้นให้ออกจากตำหนักนางไป เมื่ออยู่ตามลำพังสองคนกับเด็กน้อยหลังจากที่ให้คนพาเขาไปอาบน้ำสวมอาภรณ์ใหม่ นางไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามคำถามกับเขา“ทะ ท่านคือซูกุ้ยเฟยจริง ๆ หรือ เหตุใดจึงไม่บอก…” องค์ชายน้อยจูจิ่งหลงไม่กล้าเงยหน้าสบตาคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย มิใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เขาเคยคิดว่านางเป็นเพียงนางกำนัล แต่นางเป็นถึงซูกุ้ยเฟย คนที่เขาหวาดกลัวมาโดยตลอด “ข้ายังเป็นสหายคนเดิมของเจ้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” “เหตุใดตอนนั้นท่านถึงบอกว่าตนเองกำลังหนีคนผู้หนึ่งมา” เด็กน้อยคล้ายจะกล้าพูดคุยขึ้นมาบ้างหลังได้ยินประโยคก่อนหน้าของซูซีหลิน “ข้าก็กำลังหนีจริง ๆ ก็หนีฝูมามาเพื่อไปหาเจ้าอย่างไรเล่า” “เหตุใดต้องมาหาข้าหรือ” เขาและนางไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “เพราะข้าคิดว่าเจ้าอยู่คนเดียวอาจจะเหงา จึงอยากชวนเจ้ามาเล่นกับข้าบ้าง ที่ตำหนักข้ามีเรื่องสนุกให้ทำมากมาย แต่เมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วเจ้าเป็นอยู่อย่างไร จึงได้คิดที่จะพาเจ้ามาอยู่ด้วย แล้วเหตุใดเจ้าจึงเล

    Last Updated : 2025-03-20

Latest chapter

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 2 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/2

    ตอนพิเศษที่[2]ฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว จะเห็นได้ว่าสีหน้าของคนทั้งสี่ปราศจากแววตาล้อเล่นสนุกสนานดังที่เคยไป หนำซ้ำยังแดงก่ำราวกับคนจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ อวี่กงซู่อยากจะห้ามแต่เขาเห็นความหวังและความมุ่งมั่นในตาของลูก ๆ จึงได้แต่ปล่อยเด็ก ๆ ไปด้วยกัน “พวกเจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี ห้ามเป็นอันใดไปเด็ดขาด” มิได้บอกเพียงลูก ๆ แต่อวี๋กงซู่ยังบอกจู่จิ่งหลงด้วย “พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”“เนื่องจากว่าวันนี้มืดค่ำแล้ว พวกเราต้องรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะออกเดินทางได้” ก่อนออกเดินทางจู่จิ่งหลงรีบหันไปสั่งการบางอย่างกับคนของตน ก่อนจะเผยแววตาอันเยือกเย็นเต็มไปด้วยรังสีสังหารแผ่ออกมา ใครกล้าคิดร้ายกับเสด็จป้าของเขามันต้องไม่ตายดี!! จากนั้นห้าคนพี่น้องรวมถึงผู้ติดตามจึงได้พากันเดินทางไปยังป่าทางตอนใต้ของแคว้นที่มีความชื้นมากเป็นพิเศษ ค้นหาอยู่ทั้งวันก็ไม่พบสิ่งที่ใกล้เคียงกับสมุนไพรที่ว่านั้นเลย ระหว่างที่หลายคนเริ่มใจเสีย หางตาของจูจิ่งหลงก็หันไปพบกับบางอย่าง ทว่าระหว่างที่เขากำลังคิดจะไปเก็บมัน กลุ่มคนร้ายกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น “ฝ่าบาทในที่สุดก็มาถึงวันนี้ วันที่ข้าไม่ต้องก้มหัวให้กับเด็กน้อยปากไม่สิ้นน

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 2 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/1

    ตอนพิเศษที่[2]ฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว นับตั้งแต่ที่วันนั้นเดินทางจากที่ที่เคยเติบโตมากว่าสิบปีเพื่อมาอยู่ที่แคว้นที่ตนกำเนิดมา เด็กน้อยที่เคยผอมแห้งแรงน้อยและหวาดกลัวผู้คนบัดนี้ได้เติบใหญ่สูงสง่า ท่าทางองอาจ รูปลักษณ์หล่อเหลาไม่แพ้ผู้เป็นพระปิตุลาที่อยู่แคว้นหลิวหยวนเลยแม้แต่น้อย จูจิ่งหลงฮ่องเต้ จักรพรรดิที่ปกครองแผ่นดินด้วยอายุน้อยที่สุดของแคว้นจ้าว ครองราชย์ตั้งแต่พระชนม์มายุสิบหกชันษา จากวันนั้นผ่านมาเจ็ดปี บัดนี้ก็ยี่สิบสองชันษาแล้ว แม้เหล่าขุนนางและคนภายนอกจะมองว่าเขามากความสามารถและน่าเกรงขามเพียงใด แต่ยามนี้พระพักตร์หล่อเหลากลับเต็มไปด้วยการรอคอย ราวกับเด็กน้อยที่รอเพื่อจะได้กินของอร่อยที่สหายคนแรกเคยแอบนำมาให้ เมื่อครั้งยังอยู่ที่ตำหนักซิงเยียน ใช่แล้ว เขากำลังรอคอยสหายหรือยามนี้ที่เขาเรียกว่าเสด็จป้า เดินทางมาเยี่ยมเยียนเขาที่แคว้นจ้าวเฉกเช่นทุกปี ยามนี้คงใกล้ถึงแล้วกระมัง “พี่จิ่งหลงพวกเรามาแล้ว” และคนที่เขารอคอยก็มาถึง เริ่มต้นด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเหล่าลูกลิงทั้งสี่ แม้จะเติบใหญ่กันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำตัวเป็นเด็กน้อยที่สดใส โดยเฉพาะอวี๋กงจวิ้นที่แม้จะอายุเ

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 1 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/2

    ตอนพิเศษที่[1]ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้“ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านทั้งสองด้วยนะ ขอให้พวกท่านครองรักกันตลอดไปไร้ซึ่งอุปสรรค”“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา ไว้หม่อมฉันส่งเมล็ดพันธุ์พืชที่น่าสนใจจากด้านนอกมาให้ฮองเฮาปลูกอีกนะเพคะ” ช่วงนี้นางกำลังชื่นชอบการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ช่ยเฟิ่งจิ่วก็ชอบส่งเมล็ดพันธุ์พืชที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาให้นางเรื่อย ๆ“ดีจริง ขอบใจเจ้าล่วงหน้าด้วยนะ” ซูฮองเฮาฉีกยิ้มด้วยความดีใจพลางจับมือของช่ายเฟิ่งจิ่วเอาไว้ คราแรกช่ายเฟิ่งจิ่วไม่คิดอะไร แต่ทว่าเมื่อเห็นพระเนตรของฮ่องเต้แล้ว จึงทำท่าขยับกายเข้าใกล้ฮองเฮาแล้วกระซิบบางอย่าง หากมองจากมุมที่ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมา คงคล้ายกับว่านางกำลังหอมแก้มฮองเฮากระมัง “องค์รัชทายาทดูแลคู่หมายของท่านให้ดี อย่าได้มายุ่งกับคนของผู้อื่น!” อวี๋กงซู่รีบเดินเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่ราวกับไม่ทันใจเขาจึงได้ช้อนกายของฮองเฮาลอยหวิวขึ้น “ว้าย” “กลับตำหนักเรากันเถิด” แม้ว่าซูซีหลินจะทุบไปที่ต้นแขนเขาอย่างไร เขาก็ไม่ปล่อยนางลงด้านข่ายเชี่ยนหยุนและช่ายเฟิ่งจิ่วที่มองภาพนั้นจากด้านหลังทั้งคู่ พวกเขาหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา “พระองค์สัญญากับ

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 1 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/1

    ตอนพิเศษที่[1]ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ นับตั้งแต่ที่มีการแต่งตั้งฮองเฮาก็เป็นอันรู้กันจนทั่วเมืองหลวงว่าฮ่องเต้นั้นมีความรักลึกซึ้งต่อซูฮองเฮามากเพียงใด ไม่ว่าจะเสด็จไปประพาสที่ใดก็มักจะพาซูฮองเฮาไปด้วยเสมอ ทั้งสองพระองค์มักจะพากันไปกินของอร่อยที่เป็นร้านรวงของชาวบ้านตามสถานที่ต่าง ๆ โดยฝ่าบาทมักจะเป็นฝ่ายคีบอาหารให้ฮองเฮาด้วยพระพักตร์เปื้อนรอยยิ้มเสมอ ภายนอกผู้คนมักมองว่าสองผู้สูงศักดิ์ช่างรักใคร่กลมเกลียวต่อกันยิ่งนัก และยามนี้อวี๋กงซู่ก็เป็นที่ชื่นชมของประชาชนหลายคนในความมั่นคงที่มีรักเดียว เหล่าสตรีได้แต่คิดว่าหากมีสามีก็ต้องการหาบุรุษที่เป็นเฉกเช่นฮ่องเต้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเกินจริงแต่อย่างใด ทว่ามันกลับมีหลายอย่างที่มากกว่านั้น “จินจู เจ้าลองกินขนมนี้ดู ข้าว่าอร่อยมาก” ระหว่างที่ซูฮองเฮากำลังยื่นขนมไปป้อนให้นางกำนัลคนสนิทกลับพบว่าผู้ที่รับขนมนั้นไปมิใช่จินจูแต่เป็นพระสวามี “ฝ่าบาท!” “ทำไมเห็นเราจะต้องตกใจด้วย” “ก็ฝ่าบาทมาไม่ให้สุ้มให้เสียงจะมิให้ตกใจได้อย่างไรเพคะ” “เป็นเจ้าที่ไม่สนใจการมาของเรามากกว่า มัวแต่ไปป้อนขนมให้ผู้อื่น” จินจูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ร

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 34 : นางร้ายที่ได้เริ่มต้นใหม่ (ตอนจบ)

    ตอนที่[24]นางร้ายที่ได้เริ่มต้นใหม่ (ตอนจบ) วันเวลาผันผ่านไปอีกหลายปีทว่าคนในวังหลวงของแคว้นหลิวหยวนกลับยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ รักใคร่ปรองดองกัน โดยเฉพาะอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ที่หลังจากว่างเว้นจากงานบ้านเมืองก็มักจะพาตนเองมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้ ที่เป็นตำหนักที่ประทับของซูฮองเฮาและพระราชโอรสทั้งสอง ผ่านไปห้าปีมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ซูฮองเฮาหลังได้รับการแต่งตั้งก็ถูกย้ายจากตำหนักซิ่วอิงมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้ เหตุผลนั่นก็เพราะตำหนักหงอี้อยู่ใกล้กับตำหนักเฉินไท่ของฝ่าบาทมากที่สุด ที่จริงฮ่องเต้ผู้นั้นอยากจะย้ายตนเองมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด ติดก็ตรงที่เผยกงกงเอาแต่บอกว่าไม่เหมาะสม ๆ อยู่นั่น “เผยกงกงขัดใจอันใดมาหรือเพคะ” ซูซีหลินเอ่ยถามพระสวามีที่มีพระพักตร์บูดบึ้งราวกับไม่พอใจบางอย่าง ซึ่งไม่ต้องเดาว่าเรื่องอันใด ต้องเป็นฝีมือเผยกงกงเป็นแน่ “ก็เผยกงกงบอกว่าเรามาค้างที่ตำหนักหงอี้มากเกินไป เดี๋ยวพวกขุนนางเฒ่าจะหาว่าข้าลุ่มหลงในฮองเฮาได้ แล้วมันไม่จริงหรืออย่างไร ก็เราลุ่มหลงในตัวเจ้าจริง ๆ” จากใบหน้าบูดบึ้งจู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์ หนำซ้ำมือปลาหมึกยังเลื้

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 33 :ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด 1/2

    ตอนที่[23]ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด “เจ้าก็ควรถอดเช่นกันนะ” “…..” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงนิ่ง ชายหนุ่มก็คิดว่าตนไม่อาจรั้งรอได้อีก จึงได้ถือวิสาสะเข้าไปช้อนกายภรรยาก่อนจะรีบพาไปที่เตียงทันที “หลินเออร์ คืนนี้เรามาสร้างความแนบแน่นกันเถิด” “…..” “แล้วก็หากเจ้าได้เราแล้ว ก็ห้ามทิ้งเราไปที่ใดเล่า” นี่มันอันใดกัน ใครได้ใครกันแน่ ในเมื่อสายตาของเขาตอนนี้แทบจะกลืนกินนางทั้งตัวแล้ว! “เหตุใดจึงเงียบ รับปากเราสิ” ระหว่างที่รอคำตอบพระเนตรของจักรพรรดิก็เอาแต่จับจ้องริมฝีปากของฮองเฮาอย่างไม่ละสายตา และยามที่นางเอื้อนเอ่ย “หม่อมฉัน อื้อ” “ข้ารอไม่ไหวแล้ว” ริมฝีปากหนารีบเข้าฉกชิงความหอมหวานจากริมฝีปากของอีกฝ่ายทันที ลิ้นของเขาพยายามเกี่ยวกระหวัดและหยอกล้อหญิงสาวอยู่เนิ่นนาน มือที่ว่างอยู่ก็พยายามแตะไปยังจุดอ่อนไหวของภรรยาจนทั่วร่าง “ฝ่าบาท” รู้ตัวอีกทีซูซีหลินก็ไม่เหลืออาภรณ์ปิดกายแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว “เจ้างดงามและหอมหวานถึงเพียงนี้ ก็อย่ามาโทษว่าเราเอาแต่ใจเล่า” ว่าแล้วก็ก้มใบหน้าลงไปฉกฉวยบุปผางามที่พยายามชูช่อดึงดูดสายตาของเขาอย่างอดใจไม่ไหว และไม่เพียงแค่บุปผางามที่ทั้งขาว

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 32 :ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด 1/1

    ตอนที่[23]ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด หลังแล้วเสร็จงานเลี้ยงฉลองที่โจวหย่วนถูกประกาศว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว แคว้นหลิวหยวนก็มีพิธีการที่สำคัญจัดขึ้นอีกหนึ่งพิธีการ นั่นก็คือการแต่งตั้งฮองเฮา มารดาแผ่นดินผู้ที่จะอยู่เคียงข้างกับองค์จักรพรรดิเพื่อปกครองแผ่นดินร่วมกัน ซูฮองเฮานั้น ยามที่หลายคนได้แอบเงยหน้าตนเพื่อยลโฉมอีกฝ่ายก็ได้พบกับความจริงว่าฮองเฮานั้นเป็นสตรีที่อยู่เหนือผู้คนจริง ๆ และข่าวลือต่าง ๆ ที่ร่ำลือกันมาตลอดหลายเดือนก็เป็นอันต้องเงียบไป ตั้งแต่ฝ่าบาทครองราชย์กลับมีสตรีเพียงคนเดียวคือซูกุ้ยเฟย ข่าวลือต่าง ๆ ได้เล่าลือว่า ที่ตำแหน่งฮองเฮายังว่างก็เพราะว่าฝ่าบาทรอสตรีในดวงใจเพื่อที่จะมอบตำแหน่งฮองเฮาให้กับสตรีผู้นั้น แต่วันนี้สตรีที่รับการแต่งตั้งคือสตรีที่เคยเป็นกุ้ยเฟยในอดีต เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่าสตรีที่อยู่ในใจฝ่าบาทมาตลอดนั่นก็คือซูฮองเฮาอย่างไรเล่า ทั้งฝ่าบาทยังได้เปรย ๆ ออกมาว่าซูฮองเฮาจะเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่อยู่เคียงข้างพระองค์ตลอดไปอีกด้วย ราชบัลลังก์เดิมก็แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีสตรีมากหน้าหลายตามาคอยคานอำนาจหร

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 31 :ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น 1/3

    ตอนที่[22]ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น “หม่อมฉันรับรู้มาว่าโจวหย่วนร่วมมือกันกับฝูมามา สุดท้ายก็จะสังหารหม่อมฉันแล้วโยนความผิดให้ฝ่าบาท ทั้งหมดนี้ก็เพียงหวังยั่วยุให้ท่านพ่อยกกองทัพเจี้ยนคังมาที่เมืองหลวงเพื่อก่อกบฏ ทว่าที่แท้จริงเขานั่นแหละที่จะก่อกบฏเสียเอง แล้วโยนความผิดให้ท่านพ่อและอัครเสนาบดีช่าย จากนั้นเขาก้คิดจะจัดการฝ่าบาทแล้วขึ้นครองบัลลังก์เสียเอง” “นี่….” เรื่องนี้เกินความคาดหมายของอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ เขารู้ว่าโจวหย่วนผู้นั้นคิดไม่ซื่ออยู่ตลอด เรื่องคิดจะก่อกบฏเขาก็รู้ แต่เรื่องที่ว่าจะสังหารซูซีหลินเพื่อเรียกให้แม่ทัพใหญ่เข้ามาเป็นหนึ่งในหมากนั้นเขาไม่รู้เลยสักนิด ถึงว่านางถึงพยายามจะจากไป แล้วในจดหมายฉบับนั้นที่นางเขียนถึงครอบครัว ที่บอกว่าห้ามมาเมืองหลวงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจแล้ว “แต่หม่อมฉันไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะต่างออกไป ที่ท่านพ่อนำทัพมาเมืองหลวงภายใต้การร่วมมือกับฝ่าบาท และยังมีการช่วยเหลือของตระกูลช่าย จึงทำให้ตลบหลังโจวหย่วนได้เพียงในไม่กี่ชั่วยาม” ย้อนไปในตอนที่นางไปพบกับครอบครัวที่โถงรับรองเมื่อวานนี้ ‘ท่านพ่อ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 30 :ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น 1/2

    ตอนที่[22]ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น ด้านอวี๋กงซู่และซูซีหลินเมื่อกลับเข้าไปในราชรถม้าเรียบร้อย เขาก็จับมือหญิงสาวมากอบกุมเอาไว้อีกครั้ง ครานี้ไม่คล้ายมีแววล้อเล่นหากทว่าเต็มไปด้วยความเปิดเปลือยความในใจ“หลินเออร์ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดตั้งแต่ที่ข้าเลิกให้ความสนใจในตัวของคุณหนูช่าย แรกเริ่มข้าประทับใจในความเก่งกาจรอบด้านของนาง และนางไม่มีนิสัยเฉกเช่นสตรีในห้องหอ อีกทั้งยามนั้นเจ้าก็ทำตัวไม่น่ารัก นั่นทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน ทว่าหลังจากวันนั้นที่เราไปหาเจ้าและทำข้อตกลงกับเจ้าที่ตำหนักซิ่วอิง มันก็ทำให้เห็นว่าเจ้าไม่เหมือนเดิมและความไม่เหมือนเดิมนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ข้าอยากเข้าใกล้เจ้ามากยิ่งขึ้น” “ยิ่งมีเรื่องของหลงเออร์เข้ามา นั่นทำให้ข้าเห็นว่าเจ้ามิใช่สตรีร้ายกาจที่นึกถึงแต่ตนเอง เจ้ายังเป็นห่วงผู้อื่น ถึงขั้นวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อช่วยเหลือ หากไม่เกิดความประทับใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว” ว่าแล้วก็ขยับกายเข้าไปใกล้หญิงสาวจนตัวแทบจะติดกัน “เอ่อ ไม่ต้องเข้ามาใกล้เช่นนี้ก็ได้เพคะ หม่อมฉันได้ยินที่พระองค์ตรัสอยู่” “ไม่ล่ะ เราอยากให้เจ้าเห็นความจริงใจของเรา รู้ตั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status