แชร์

ตอนที่ 4 : นางทำอันใดอยู่

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-20 14:56:23

ตอนที่

[4]

นางทำอันใดอยู่

 หลังจากที่ซูซีหลินได้ก้าวเท้าเข้าสู่วังวนวังหลัง ชีวิตก็คล้ายถูกมือมืดของใครบางคนคอยชักจูงอยู่เสมอ ด้วยความเกลียดชัง อคติและความคิดอันตื้นเขิน หญิงสาวจึงมักจะคิดว่าเป็นฝีมือของช่ายเฟิ่งจิ่วอยู่ร่ำไป ทว่าแท้จริงกลับเป็นบุคคลที่ซูซีหลินแทบจะไม่ค่อยได้ไปข้องเกี่ยวเลยด้วยซ้ำ

 แต่บัดนี้เห็นทีจะต้องไปพัวพันด้วยเสียแล้ว เพื่อที่จะทำให้ซูซีหลินในชาตินี้หรือก็คือตัวนางเองไม่ต้องถูกใส่ร้ายและลงเอยด้วยความตาย รวมถึงเด็กคนนั้นก็ไม่ต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือจนสุดท้ายก็ต้องตายอย่างน่าสงสารเช่นกัน 

 องค์ชายจูจิ่งหลง วัยห้าหนาว พระโอรสขององค์ชายรัชทายาทแคว้นจ้าวและองค์หญิงอวี๋กงเชี่ยน หรือก็คือพระขนิษฐาร่วมอุทรของอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ ทว่าชีวิตของทั้งคู่ช่างสั้นนัก แคว้นจ้าวถูกแคว้นหมิงโจมตีอย่างรุนแรง ส่งผลให้แคว้นทั้งแคว้นต้องล่มสลายลงในเวลาไม่นาน แต่ทว่าก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น องค์ชายจูจิ่งหลงได้ถูกพระบิดาและพระมารดาได้เอาตัวไปซ่อนไว้ในที่หลบภัย โดยหลังจากนั้นทั้งคู่ได้ไหว้วานคนที่ไว้ใจได้ให้นำเด็กน้อยไปส่งให้ผู้เป็นลุงอย่างอวี๋กงซูฮ่องเต้ดูแล นับแต่นั้นมาองค์ชายจูจิ่งหลงจึงได้มาอยู่ที่แคว้นหลิวหยวน ในความดูแลของอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ เรื่องราวไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อต่อมาคนชั่วแคว้นหมิงยังคิดจะรุกรานฉกชิงเอาดินแดนชายแดนของแคว้นหลิวหยวนต่อ ด้วยเหตุเหล่านี้ทำให้โอรสสวรรค์บังเกิดโทสะพวยพุ่งขึ้นอย่างขีดสุด จนถึงขั้นคิดจะไปออกรบด้วยตนเอง แต่ทว่าเหล่าขุนนางต่างคัดค้านอย่างหนัก วังหลวงจะต้องมีฮ่องเต้อยู่ มิเช่นนั้นแคว้นหลิวหยวน จะต้องเกิดความไม่มั่นคงเกิดขึ้นเป็นแน่ 

ในจังหวะเดียวกันนั้น แม่ทัพซูก็เขียนแผนการจัดการแคว้นหมิงได้สำเร็จพอดี พร้อมทั้งอาสาจะออกไปจัดการคนชั่วแคว้นหมิงด้วยตนเอง ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงเล็กน้อย แม่ทัพซูใช้เวลาราวปีกว่าจะจัดการแคว้นหมิงได้อย่างสิ้นซาก แต่ทว่าน่าเสียดายที่เชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งแคว้นกลับเหลือเพียงองค์ชายจูจิ่งหลงวัยห้าหนาวที่เป็นผู้ที่รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็เพราะเขาถูกส่งตัวมาที่แคว้นหลิวหยวนก่อนนั่นเอง

 เนื่องด้วยเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของน้องสาวอันเป็นที่รัก เด็กน้อยจึงเป็นที่รักและหวงแหนของเสด็จลุงของตนไม่น้อย

 และด้วยจุดนี้เองที่ทำให้คนบางคนใช้เด็กน้อยที่ไร้บิดามารดาผู้นี้มาเล่นงานซูซีหลิน

 หากว่าซูซีหลินรอบคอบและฉลาดเฉลียวสักนิด ทุกอย่างคงไม่ต้องจบลงเช่นนั้น บิดามารดา พี่ชาย ไม่สิ ทั้งตระกูลซูก็ไม่ต้องจบชีวิตลงด้วยข้อหาก่อกบฏต่อแว่นแคว้นเช่นนั้น

 ใช่แล้วเรื่องราวมันเลวร้ายถึงเพียงนั้น 

 หลังจากที่ซูซีหลินถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นผู้สังหารองค์ชายจูจิ่งหลง พร้อมทั้งได้ถูกเปิดเผยความชั่วร้ายว่าได้คิดแผนร้ายต่อช่ายเฟิ่งจิ่วและสตรีผู้อื่นที่คิดจะเข้าหาอวี๋กงซู่อย่างไรบ้าง เหล่าขุนนางและเหล่าบัณฑิตได้ส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้พระราชทานโทษให้ซูกุ้ยเฟยอย่างสาสมกับความผิดที่ได้ก่อ

 ขณะเดียวกันนั้นแม่ทัพซูพร้อมครอบครัวก็เร่งเดินทางมาจากเมืองชายแดน แต่ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว ซูกุ้ยเฟยถูกประหารไปแล้ว เพราะมีคนปลอมแปลงราชโองการของฮ่องเต้สั่งลงโทษประหารซูกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่ต้องสืบความอันใด

 ครอบครัวตระกูลซูไม่ได้รู้เรื่องนี้ รู้แต่เพียงว่าฮ่องเต้สั่งประหารบุตรสาวของตนทั้งที่ยังไม่ได้สืบหาความจริง ไหนจะเหล่าขุนนางและเหล่าบัณฑิตที่ยั่วยุ ด้วยความเสียใจและความโกรธเข้าครอบงำจิตใจ แม่ทัพซูจึงได้เรียกรวมทหารของตนให้มารวมกันเพื่อถล่มวังหลวงและคนที่เกี่ยวข้องให้สิ้นซากไป 

 ทัพใดในแคว้นหลิวหยวนจะแข็งแกร่งเท่ากองทัพเจี้ยนคังของแม่ทัพใหญ่ 

แต่สุดท้ายความแข็งแกร่งก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเล่ห์กลคนชั่ว เพราะถูกนำจุดอ่อนเรื่องบุตรสาวว่าแท้จริงซูซีหลินยังมีชีวิตอยู่มาลวงหลอก ทั้งยังถูกช่วยชีวิตไว้และพาไปยังที่แห่งหนึ่งแล้ว ให้แม่ทัพใหญ่รีบไปช่วยบุตรสาวโดยด่วน ครอบครัวตระกูลซูที่รู้เรื่องนี้ต่างก็มีความหวังโดยไม่ทันได้ระวังสิ่งใด ทั้งที่ความจริงแล้ว ทั้งหมดนี้กลับเป็นแผนหลอกล่อให้ครอบครัวตระกูลซูติดกับ ตีวงล้อมให้ถูกคนชั่วจัดการ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตกว่าจะรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร ก็ไม่สามารถที่จะทำอันใดได้ต่อไปแล้ว…. 

 ตระกูลซูทั้งตระกูลและกองทัพเจี้ยนคังถูกกล่าวหาว่าก่อกบฏลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้และเข่นฆ่าประชาชนราวผักปลา จึงต้องโทษประหารชีวิตและเสียบศีรษะประจานหน้าประตูเมืองหลวงเป็นเวลาเจ็ดวัน

 เรื่องราวที่แท้จริงในนิยายที่กว่าจะเปิดเผยก็เป็นช่วงท้ายของเนื้อเรื่องที่พระเอกและนางเอกของเรื่องอย่างช่ายเฟิ่งจิ่วและข่ายเชี่ยนหยุนที่ร่วมกันจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นจนรู้ความจริงด้วยความบังเอิญ คนที่ทำผิดที่แท้จริงจึงได้ถูกจัดการไป ส่วนอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ก็มีการปฏิรูปจัดระเบียบกองทัพและในวังหลวงอีกหลาย ๆ อย่างจนทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทาง รวมถึงที่เลือกจะปล่อยวางเรื่องราวของช่ายเฟิ่งจิ่วลง เพราะช่ายเฟิ่งจิ่วและข่ายเชี่ยนหยุนต่างก็มีใจตรงกัน และพวกเขามีส่วนช่วยอย่างมากที่จัดการความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่วนชีวิตหลังจากนั้นของเขาในนิยายไม่ได้กล่าวถึงมากนัก โดยส่วนมากจะเน้นเรื่องราวของพระนางหลังผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้วมากกว่า

 

 เฮ้อ แม้ว่าคนที่ถูกประหารในตอนนั้นจะไม่ใช่นาง แต่ยามที่นางนึกถึงเรื่องราว ก็รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ที่คอไม่น้อย 

 ถูกตัดหัวเลยนา 

 จะไม่ให้รู้สึกอะไรได้ยังไง 

 ซูซีหลินนอนคิดทบทวนเรื่องราวไปมา ไม่นานก็ผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกทีก็พบว่าท้องฟ้าด้านนอกนั้นเริ่มจะไร้แสงสว่างเสียแล้ว 

 นอนกินบ้านกินเมืองจริง ๆ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินแม้กระทั่งข้าวเช้า อ่า ข้าวเที่ยงด้วย ถึงว่ารู้สึกหิวขนาดนี้

 “จินจูข้าหิวววววว” หญิงสาวลากเสียงยานคางแกมออดอ้อนนางกำนัลคนสนิทด้วยกิริยาที่เคยชอบทำกับเหล่าพี่ ๆ พยาบาลที่เคยดูแลครั้นยังเป็นผู้ป่วยติดเตียงในโลกเก่า

 จินจูทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ พระสนมเปลี่ยนไปมากจริง ๆ แต่ก่อนมีหรือที่จะทำน้ำเสียงออดอ้อนเช่นนี้ เพราะหากพระนางทำจริง ๆ เกรงว่าจะมิได้เป็นการออดอ้อน หากแต่เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังไม่พอใจและจะลงโทษนางไม่ก็ใครสักคนมากกว่า คิดได้ดังนั้นจึงรีบเอ่ยออกไป

 “พระสนมรอสักครู่นะเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปสั่งการให้นางกำนัลด้านนอกนำอาหารมาเพคะ”

 “อื้ม เร็ว ๆ นะข้าหิว” ตายแล้ว ต้องตายแน่ ๆ จินจูคิดในใจเช่นนั้นพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

 ทว่าหลังจากที่ผู้เป็นนายกินอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ไม่ได้มีอันใดเกิดขึ้น หนำซ้ำพระนางยังชำระกายเองพลางฮัมเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนคล้ายอารมณ์ดีอีกต่างหาก จากนั้นก็ขึ้นเตียงบรรทมไม่พอยังกวาดขาไปมาราวกับรู้สึกผ่อนคลายหนักหนา 

 จินจูขมวดคิ้วมุ่นนี่มันเกิดอะไรขึ้น? 

 ที่จริงซูซีหลินไม่ได้สบายใจอะไรถึงเพียงนั้น แต่แค่นางอยากทำตัวให้ผ่อนคลายที่สุดเพื่อเตรียมรับมือกับความหนักหนาและเตรียมแผนการรับมือต่าง ๆ สำหรับเรื่องในอนาคตต่างหาก และเตียงของกุ้ยเฟยที่ทั้งใหญ่และนุ่มชวนให้นอนสบายกายเช่นนี้ นางจะสงวนท่าทีไปเพื่ออันใด ดังนั้น กว่าที่หญิงสาวจะตื่นเวลาก็ล่วงเลยไปถึงปลายยามเฉิน (บริบทนี้คือแปดโมงเช้า) เลยทีเดียว

 เรื่องนี้สร้างความแตกตื่นและประหลาดใจให้กับคนตำหนักซิ่วอิงรวมถึงห้องเครื่องที่ต้องทำน้ำแกงทุกเช้าเตรียมพร้อมให้ซุกุ้ยเฟยนำไปถวายให้ฝ่าบาทเป็นอย่างมาก เพราะพระนางจะเสด็จมารับน้ำแกงนี้ด้วยพระองค์เองและตรวจสอบทุกอย่างจึงจะวางใจ แต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของพระองค์ มิใช่มีเพียงแค่คนกลุ่มนี้ที่แปลกใจแม้แต่คนที่อยู่ในตำหนักเฉินไท่ยังขยับหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ 

 “วันนี้ไม่มีน้ำแกง?” 

 “ทูลฝ่าบาทไม่มีพ่ะย่ะค่ะ” เผยกงกงกล่าวเพียงเท่านั้น ผู้ที่กำลังจับพู่กันตวัดอักษรก็นิ่งไป อวี๋กงซู่นั้นไม่ได้อยากจะกินน้ำแกงของซูซีหลินแต่อย่างใด เพราะที่นางทำมานั้นเขาก็ให้นางวางไว้ที่หน้าห้องทรงอักษร ก่อนจะให้คนนำไปเททิ้งในภายหลังเช่นนี้ทุกวัน แต่วันนี้แค่แปลกใจเท่านั้น เมื่อวานนางกล่าวว่าจะไม่มาวุ่นวายกับเขา แล้ววันนี้นางก็ทำเช่นนั้นจริง คนน่ารำคาญอย่างซูซีหลินที่เอาแต่ตามติดเขาผู้นั้นน่ะหรือจะห่างจะเขาได้ ช่างทำให้น่าแปลกใจไม่น้อย 

 “นางไม่นำน้ำแกงมาให้ข้า แล้วตอนนี้นางกำลังทำอันใดอยู่” 

 “เอ่อ คือว่า” ทันใดนั้นจักรพรรดิก็เลื่อนพระพักตร์กลับมาจดจ้องกงกงคนสนิทมากยิ่งขึ้น

 “อ้ำอึ้งอันใดกัน หรือว่าซูซีหลินกำลังคิดแผนการอื่นเพื่อเข้าหาเรา?” ต้องใช่แน่ ๆ หึ ว่าแล้วเชียว 

 ด้านเผยกงกงคิดว่าตนไม่ควรชักช้าจึงได้รีบรายงานไป กระนั้นก็ยังคงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่น้อย 

 “ทูลฝ่าบาทพระสนมยังไม่ตื่นจากบรรทมพ่ะย่ะค่ะ….” 

 “…..”

 “ท่านว่ายังไงนะ” ด้วยเป็นกงกงที่เคยรับใช้พระบิดามาก่อน อวี๋กงซู่จึงเรียกอีกฝ่ายราวกับให้เกียรติส่วนหนึ่ง

 “เอ่อ ซูกุ้ยเฟยยังไม่ได้ตื่นจากบรรทมพ่ะย่ะค่ะ” เผยกงกงกล่าวแล้วลอบปาดเหงื่อ

 เพียงเท่านั้นพระเนตรลึกล้ำก็หรี่ลงพร้อมกันนั้นหากสังเกตจะเห็นว่าหางคิ้วของนายเหนือหัวนั้นกระตุกไม่น้อย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 5 : ไปตำหนักซิงเยียน

    ตอนที่[5]ไปตำหนักซิงเยียน ในที่สุดก็เผยธาตุแท้แล้วสินะ ที่ผ่านมาคงเป็นแค่การเสแสร้ง ชอบตื่นเช้าอันใด นางเพียงแค่แสร้งเอาใจเขาเท่านั้น ดีแล้วที่เขาไม่สนใจนาง สตรีที่ไม่จริงใจเช่นนี้ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ อวี๋กงซู่ฮ่องเต้เหยียดยิ้มออกมานัยน์ตาแฝงความเย้ยหยัน โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้คิดในมุมหนึ่งเลยสักนิด หากว่าวันนี้ซูกุ้ยเฟยยกน้ำแกงมาเช่นเดิมจริง เขาก็จะคิดว่านางไร้ซึ่งสัจจะ เชื่อถือไม่ได้ นี่แหละหนา ที่เรียกว่าอคติ อีกทั้งซูซีหลินเคยทำไม่ดีมาไว้มากก็ยากที่จะเชื่อใจได้ง่าย ๆ เรื่องที่นางลอบส่งคนไปลอบทำร้ายช่ายเฟิ่งจิ่ว เขายังไม่ได้จัดการนางเลย กว่าที่ซูซีหลินจะตื่นนอนเวลาก็ล่วงเลยไปถึงยามซื่อ (เก้าโมงเช้า) ยามที่ลุกขึ้นมานางไม่คิดจะลงจากเตียงโดยทันที เอาแต่บิดซ้ายบิดขวาไปมาด้วยท่าทางแปลกประหลาดและไม่รักษามารยาทใด ๆ จินจูนั้นยังไม่ชินกับท่าทางเช่นนี้เลยสักนิด แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้ แม้ว่าซูกุ้ยเฟยจะไม่ได้มีท่าทางเจ้าอารมณ์แบบไม่กี่วันก่อนที่ได้ยินว่าแผนการบางอย่างล้มเหลว แต่ผู้ใดจะรู้ว่าพระองค์จะมีโทสะเช่นนั้นขึ้นมาอีกเมื่อไร “จินจูวันนี้มีของอร่อยอะไรกินบ้างหรือ” นับตั้งแต่ที่ได้มาอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 6 : พี่สาวไว้ใจได้นะ 1/1

    ตอนที่[6]พี่สาวไว้ใจได้นะ หลังจากที่เด็กน้อยผู้นั้นวิ่งหนีไป ซูซีหลินก็ไม่ได้คิดติดตามอีกฝ่ายไป กลับสำรวจทิศทางเล็กน้อยหญิงสาวก็กลับไปวางแผนที่ตำหนักของตนใหม่ จวบจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเมื่อสบโอกาสก็กลับไปยังตำหนักซิงเยียนอีกครั้ง ครานี้ก็พบกับเด็กน้อยผู้นั้นกำลังเขียนอักษรบางอย่างอยู่เพียงผู้เดียวในห้องนอนที่อยู่ส่วนลึกของตำหนัก เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็นำแผ่นกระดาษเหล่านั้นเผาใส่กระถางด้านข้างที่มีไฟทีละแผ่น ซูซีหลินและจินจูมองหน้ากันด้วยความสงสัยจึงได้ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้จนสามารถเห็นตัวอักษรที่อยู่บนนั้นได้อย่างชัดเจน จินจูเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ “พระสนม….” มิใช่แค่จินจูที่ตกใจ แม้นางจะเคยอ่านเนื้อหาในนิยายมาแล้ว แต่ก็เป็นการกล่าวผ่าน ๆ หาได้ลงรายละเอียดอย่างชัดเจนเช่นนี้ ในกระดาษทุกแผ่นที่องค์ชายจูจิ่งหลงเขียน คือคำว่า ‘ซูกุ้ยเฟยเป็นสตรีชั่วช้า ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด’ นอกจากนั้นยังมี ‘หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้บอกว่า ข้าเกลียดเจ้า’ หากแต่นางยังมองเห็นอีกแผ่นที่เด็กน้อยแอบซ่อนเอาไว้ ‘อย่าทำร้ายข้าเลย ข้ากลัวแล้ว’ นางไม่โกรธที่เด็กน้อยผู้นี้เขียนถ้อยคำเช่นนี้ต่อนาง แต่โกรธผู้ที่ปลูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 7 : พี่สาวไว้ใจได้นะ 1/2

    ตอนที่[6]พี่สาวไว้ใจได้นะแต่ทว่าด้วยเห็นใจในคำว่า ‘ข้ากำลังหนีคนมา’ ของอีกฝ่าย จูจิ่งหลงจึงได้สับสน เพราะว่านางอาจจะกำลังรู้สึกหวาดกลัวใครสักคนเช่นเขาก็ได้ “จะ เจ้าหนีผู้ใดมาหรือ” แต่กระนั้นก็ยังเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว ซูซีหลินเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยอมพูดกับตนแล้วจึงได้ถอนหายใจ “เป็นคนที่ใจร้ายมาก” ว่าแล้วก็ปล่อยมือจากเขาก่อนจะแสร้งทำเป็นเศร้าใจ จูจิ่งหลงยามนี้คิดในใจหรือว่านางกำนัลผู้นี้จะถูกซูกุ้ยเฟยรังแกมา โครก ทว่ายังไม่ได้กล่าวสิ่งใดเสียงท้องร้องของเด็กน้อยก็ดังขึ้น ใบหน้าของเขาขึ้นซับสีด้วยความอับอาย เจ้าท้องนี่มาร้องอะไรยามนี้ น่าอายชะมัด จูจิ่งหลง และจังหวะนี้เองที่ซูซีหลินหยิบขนมที่ตนตั้งใจทำออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นจึงลากเด็กน้อยไปนั่งกินด้วยกัน “ข้านำขนมมาด้วย มากินด้วยกันเถิด” ว่าแล้วก็ยัดขนมชิ้นใหญ่ใส่มือของเขา จูจิ่งหลงที่เดิมก็ระแวงทุกอย่างอยู่แล้วจึงมองผู้มาใหม่อย่างไม่ไว้ใจ ซูซีหลินจึงทำเป็นไม่สนใจเขา แล้วกัดกินขนมด้วยความเอร็ดอร่อย เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ท่าทางการกินของคนตรงหน้าและขนมในมือนี่ช่างน่ากินเสียจริง สุดท้ายเด็กน้อยก็ยังคงเป็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 8 : เริ่มแผนการ 1/1

    ตอนที่[7]เริ่มแผนการ ในช่วงเช้าของตำหนักซิงเยียน นางกำนัลที่รับหน้าที่ในการดูแลองค์ชายจูจิ่งหลงในช่วงเช้าได้เข้าไปทำหน้าที่ประจำของตนอย่างที่เคยทำ หากแต่วันนี้องค์ชายน้อยที่เวลานี้มักจะจัดการตนเองในช่วงเช้ากลับไม่มีการมีอยู่แม้เพียงเงา ไม่ว่าจะเดินหาที่ใดของห้องก็ไม่พบ แม้กระทั่งบริเวณรอบ ๆ ตำหนักก็ไร้วี่แววแย่แล้ว!!นางกำนัลน้อยใบหน้าซีดเผือด “เกิดอะไรขึ้น!” และยิ่งสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจของผู้ที่ดูแลตำหนักแห่งนี้ดังขึ้น “เอ่อ คือว่า”หลังจากที่ได้ยินคำรายงาน ฝ่ามือที่นิ้วข้างหนึ่งสวมแหวนแกะสลักลวดลายอสรพิษเคี้ยวคดไปมา ก็ฟาดลงไปบนแก้มบอบบางของนางกำนัลเต็มแรง เพียะ! “ใช้ไม่ได้จริง ๆ!!” “พวกเจ้าเอานางไปโบย 30 ที โทษฐานที่ดูแลองค์ชายไม่ดี ส่วนคนที่เหลือรีบไปตามหาองค์ชายเดี๋ยวนี้!!”ฝูมามาสั่งการอย่างรวดเร็วไม่บิดพลิ้วแม้แต่น้อย นางกำนัลกรีดร้องขอความเห็นใจไปจนสุดเสียง การที่นางทำเช่นนี้ หากผู้ใดที่ไม่รู้คงคิดว่านางเป็นห่วงองค์ชายจูจิ่งหลงหนักหนา แต่ทว่านางเพียงไม่อยากให้เขาหลุดมือไปเพื่อกล่าวอันใดที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ต่างหาก“แย่แล้ว องค์ชายจูจิ่งหลงตกน้ำ!!”ในที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 9 : เริ่มแผนการ 1/2

    ตอนที่[7]เริ่มแผนการ จูจิ่งหลงเมื่อได้ยินว่าเสด็จลุงสอบถามตน ริมฝีปากก็เม้มเป็นเส้นตรง เขามองหน้าฝูมามาที มองหน้าสหายคนใหม่ที ก่อนที่จะกลับไปสบพระเนตรของผู้เป็นลุง “เสด็จลุง หลานได้ยินนางกำนัลพูดกันว่า ในช่วงเช้าดอกบัวจะงดงามนัก วันนี้จึงได้คิดเดินออกมาดู เพราะในแต่ละวันนอกจากอยู่ในตำหนักหลานก็ไม่ค่อยได้ออกไปที่ใดจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่ค่อยได้ออกไปที่ใดงั้นหรือ” “เอ่อ องค์ชายคงหมายถึงด้วยองค์ชายเป็นคนมักเก็บตัว ไม่ค่อยออกไปที่ใด อาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายบ้างเพคะ เดิมทีหากองค์ชายเบื่อหม่อมฉันก็มักจะให้นางกำนัลพาเดินไปเปิดหูเปิดตาอยู่แล้วเพคะ” ฝูมามาเห็นว่าฮ่องเต้เกิดความสงสัยจึงได้รีบอธิบาย พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย วันนี้ทำไมองค์ชายถึงได้ทำตัวแปลกกว่าเดิมนัก “แล้วครานี้เหตุใดไม่พานางกำนัลไปด้วยเล่าหลงเออร์” พระพักตร์หล่อเหลาที่ยังไม่คลายจากความสงสัยเอ่ยถามหลานชายทันที ทันทีที่เขาได้ยินว่าเกิดสิ่งใดกับหลานชาย เขาก็รีบเร่งมาเป็นการด่วน หากว่าหลานชายตัวน้อยเป็นอันใดไป เขาคงรู้สึกผิดกับพระขนิษฐาเป็นอย่างมาก ที่อุตส่าห์วางแผนส่งบุตรชายมาหาเขาอย่างยากลำบาก “เสด็จลุง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 10 : อาหารเป็นเหตุ

    ตอนที่[8]อาหารเป็นเหตุ “เจ้ากลัวข้าหรือไม่” หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย แม้กระทั่งฮ่องเต้ผู้ที่มีแต่ความเคลือบแคลงต่อนางผู้นั้นให้ออกจากตำหนักนางไป เมื่ออยู่ตามลำพังสองคนกับเด็กน้อยหลังจากที่ให้คนพาเขาไปอาบน้ำสวมอาภรณ์ใหม่ นางไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามคำถามกับเขา“ทะ ท่านคือซูกุ้ยเฟยจริง ๆ หรือ เหตุใดจึงไม่บอก…” องค์ชายน้อยจูจิ่งหลงไม่กล้าเงยหน้าสบตาคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย มิใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เขาเคยคิดว่านางเป็นเพียงนางกำนัล แต่นางเป็นถึงซูกุ้ยเฟย คนที่เขาหวาดกลัวมาโดยตลอด “ข้ายังเป็นสหายคนเดิมของเจ้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” “เหตุใดตอนนั้นท่านถึงบอกว่าตนเองกำลังหนีคนผู้หนึ่งมา” เด็กน้อยคล้ายจะกล้าพูดคุยขึ้นมาบ้างหลังได้ยินประโยคก่อนหน้าของซูซีหลิน “ข้าก็กำลังหนีจริง ๆ ก็หนีฝูมามาเพื่อไปหาเจ้าอย่างไรเล่า” “เหตุใดต้องมาหาข้าหรือ” เขาและนางไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “เพราะข้าคิดว่าเจ้าอยู่คนเดียวอาจจะเหงา จึงอยากชวนเจ้ามาเล่นกับข้าบ้าง ที่ตำหนักข้ามีเรื่องสนุกให้ทำมากมาย แต่เมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วเจ้าเป็นอยู่อย่างไร จึงได้คิดที่จะพาเจ้ามาอยู่ด้วย แล้วเหตุใดเจ้าจึงเล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 11 : โง่ไปคนเดียวเถิด 1/1

    ตอนที่[9]โง่ไปคนเดียวเถิด “ฝูมามาเหตุใดจึงกล่าวหาข้าเช่นนั้นเล่า มิใช่ว่าวันนั้นท่านเป็นคนมาบอกข้าด้วยตนเองมิใช่หรือ ว่าองค์ชายชอบเสวยอาหารรสจัดและของทอดต่าง ๆ กินได้ชนิดที่ว่าผู้ใหญ่ยังยอมแพ้ แต่นี่องค์ชายเพิ่งเสวยไปไม่เท่าไรเอง จะเกิดอันใดขึ้นได้อย่างไร” “กุ้ยเฟยอย่าปรักปรำหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันไม่เคยบอกอะไรเช่นนั้นไปเลย” ดวงตาของฝูมามาเริ่มมีน้ำตาคลอ ใบหน้าเลื่อนไปทางฮ่องเต้ราวกับขอความยุติธรรม ระหว่างนั้นหมอหลวงก็มาถึง ทันทีที่เขาได้ตรวจอาหารขององค์ชายดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น “นี่องค์ชาย!!” ฝูมามาที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของหมอหลวงก็ลอบเหยียดยิ้มในใจ ก่อนจะแสดงท่าทางเดือดดาล “ซูกุ้ยเฟย พระองค์มันสตรีร้ายกาจ หม่อมฉันก็หลงดีใจคิดว่าพระองค์จะดีต่อองค์ชาย จึงได้ทำใจปล่อยองค์ชายให้มาอยู่กับพระองค์ แต่นี่พระองค์คิดจะเอาชีวิตองค์ชายเลยหรือ หม่อมฉันจะไม่ยอมให้พระองค์ทำร้ายองค์ชายเด็ดขาด” ฝูมามาว่าแล้วก็ปรี่จะเข้าทำร้ายซูซีหลินทันที “ฮ่า ๆ ๆ” ทว่าระหว่างนั้นกลับได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบจากอีกด้านหนึ่ง “ฝ่าบาท….” อวี๋กงซู่ฮ่องเต้นั้นแม้จะแย้มพระสรวลแต่สายพระเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20
  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 12 : โง่ไปคนเดียวเถิด 1/2

    ตอนที่[9]โง่ไปคนเดียวเถิด“แต่ฝูมามา ทุกคนไม่ได้โง่จนมองแผนการของท่านไม่ออกหรอกนะ” ฮ่องเต้เผยรอยยิ้มเหยียดหยาม“แต่ฝ่าบาทองค์ชายยามนี้ก็ไม่เป็นอันใดไม่ใช่หรือเพคะ หากองค์ชายมีภาวะเช่นนั้นจริง เมื่อครู่กินอาหารไปมากมายเหตุใดยามนี้จึงยังคงยืนได้ปกติเช่นนั้น” “เพราะเขาไม่ได้กินอาหารที่ว่าอย่างไรเล่า!!” “เป็นไปไม่ได้” สมองของฝูฉางอินตีรวนไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น“เมื่อครู่ ท่านเร่งเข้ามาโวยวายให้ซูกุ้ยเฟยจนไม่ได้ดูเลยแม้แต่น้อยว่าบนโต๊ะอาหารถึงจะมีอาหารรสจัดมากมาย แต่อาหารที่องค์ชายเสวยกลับไม่ใช่อาหารพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย และอาการที่เขาเป็นเมื่อครู่ก็เพื่อทำให้ท่านเผยแผนการทั้งหมดออกมาก็เท่านั้น “…..”“อย่าพยายามแก้ต่างอันใดให้ตัวเองเลย จากนี้ก็ไปเฝ้ารอในคุก เพื่อรอดูจุดจบว่าเราจะมอบความตายแบบใดให้ท่านเถิด” ฝูมามาถูกควบคุมตัวไปพร้อมกับคนในตำหนักซิงเยียนมากมาย คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างลอบสูดหายใจในสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ที่แท้ฝูมามาคนเก่าแก่ของไทเฮาก็เป็นผู้ที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กน้อยที่ตนดูแลอยู่ทุกวัน ผู้ใดก็รู้ว่าองค์ชายจูจิ่งหลงเป็นพระราชนัดดาที่ฝ่าบาทเอ็นด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-20

บทล่าสุด

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 2 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/2

    ตอนพิเศษที่[2]ฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว จะเห็นได้ว่าสีหน้าของคนทั้งสี่ปราศจากแววตาล้อเล่นสนุกสนานดังที่เคยไป หนำซ้ำยังแดงก่ำราวกับคนจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ อวี่กงซู่อยากจะห้ามแต่เขาเห็นความหวังและความมุ่งมั่นในตาของลูก ๆ จึงได้แต่ปล่อยเด็ก ๆ ไปด้วยกัน “พวกเจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี ห้ามเป็นอันใดไปเด็ดขาด” มิได้บอกเพียงลูก ๆ แต่อวี๋กงซู่ยังบอกจู่จิ่งหลงด้วย “พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”“เนื่องจากว่าวันนี้มืดค่ำแล้ว พวกเราต้องรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะออกเดินทางได้” ก่อนออกเดินทางจู่จิ่งหลงรีบหันไปสั่งการบางอย่างกับคนของตน ก่อนจะเผยแววตาอันเยือกเย็นเต็มไปด้วยรังสีสังหารแผ่ออกมา ใครกล้าคิดร้ายกับเสด็จป้าของเขามันต้องไม่ตายดี!! จากนั้นห้าคนพี่น้องรวมถึงผู้ติดตามจึงได้พากันเดินทางไปยังป่าทางตอนใต้ของแคว้นที่มีความชื้นมากเป็นพิเศษ ค้นหาอยู่ทั้งวันก็ไม่พบสิ่งที่ใกล้เคียงกับสมุนไพรที่ว่านั้นเลย ระหว่างที่หลายคนเริ่มใจเสีย หางตาของจูจิ่งหลงก็หันไปพบกับบางอย่าง ทว่าระหว่างที่เขากำลังคิดจะไปเก็บมัน กลุ่มคนร้ายกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น “ฝ่าบาทในที่สุดก็มาถึงวันนี้ วันที่ข้าไม่ต้องก้มหัวให้กับเด็กน้อยปากไม่สิ้นน

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 2 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/1

    ตอนพิเศษที่[2]ฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว นับตั้งแต่ที่วันนั้นเดินทางจากที่ที่เคยเติบโตมากว่าสิบปีเพื่อมาอยู่ที่แคว้นที่ตนกำเนิดมา เด็กน้อยที่เคยผอมแห้งแรงน้อยและหวาดกลัวผู้คนบัดนี้ได้เติบใหญ่สูงสง่า ท่าทางองอาจ รูปลักษณ์หล่อเหลาไม่แพ้ผู้เป็นพระปิตุลาที่อยู่แคว้นหลิวหยวนเลยแม้แต่น้อย จูจิ่งหลงฮ่องเต้ จักรพรรดิที่ปกครองแผ่นดินด้วยอายุน้อยที่สุดของแคว้นจ้าว ครองราชย์ตั้งแต่พระชนม์มายุสิบหกชันษา จากวันนั้นผ่านมาเจ็ดปี บัดนี้ก็ยี่สิบสองชันษาแล้ว แม้เหล่าขุนนางและคนภายนอกจะมองว่าเขามากความสามารถและน่าเกรงขามเพียงใด แต่ยามนี้พระพักตร์หล่อเหลากลับเต็มไปด้วยการรอคอย ราวกับเด็กน้อยที่รอเพื่อจะได้กินของอร่อยที่สหายคนแรกเคยแอบนำมาให้ เมื่อครั้งยังอยู่ที่ตำหนักซิงเยียน ใช่แล้ว เขากำลังรอคอยสหายหรือยามนี้ที่เขาเรียกว่าเสด็จป้า เดินทางมาเยี่ยมเยียนเขาที่แคว้นจ้าวเฉกเช่นทุกปี ยามนี้คงใกล้ถึงแล้วกระมัง “พี่จิ่งหลงพวกเรามาแล้ว” และคนที่เขารอคอยก็มาถึง เริ่มต้นด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเหล่าลูกลิงทั้งสี่ แม้จะเติบใหญ่กันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำตัวเป็นเด็กน้อยที่สดใส โดยเฉพาะอวี๋กงจวิ้นที่แม้จะอายุเ

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 1 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/2

    ตอนพิเศษที่[1]ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้“ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านทั้งสองด้วยนะ ขอให้พวกท่านครองรักกันตลอดไปไร้ซึ่งอุปสรรค”“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา ไว้หม่อมฉันส่งเมล็ดพันธุ์พืชที่น่าสนใจจากด้านนอกมาให้ฮองเฮาปลูกอีกนะเพคะ” ช่วงนี้นางกำลังชื่นชอบการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ช่ยเฟิ่งจิ่วก็ชอบส่งเมล็ดพันธุ์พืชที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาให้นางเรื่อย ๆ“ดีจริง ขอบใจเจ้าล่วงหน้าด้วยนะ” ซูฮองเฮาฉีกยิ้มด้วยความดีใจพลางจับมือของช่ายเฟิ่งจิ่วเอาไว้ คราแรกช่ายเฟิ่งจิ่วไม่คิดอะไร แต่ทว่าเมื่อเห็นพระเนตรของฮ่องเต้แล้ว จึงทำท่าขยับกายเข้าใกล้ฮองเฮาแล้วกระซิบบางอย่าง หากมองจากมุมที่ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมา คงคล้ายกับว่านางกำลังหอมแก้มฮองเฮากระมัง “องค์รัชทายาทดูแลคู่หมายของท่านให้ดี อย่าได้มายุ่งกับคนของผู้อื่น!” อวี๋กงซู่รีบเดินเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่ราวกับไม่ทันใจเขาจึงได้ช้อนกายของฮองเฮาลอยหวิวขึ้น “ว้าย” “กลับตำหนักเรากันเถิด” แม้ว่าซูซีหลินจะทุบไปที่ต้นแขนเขาอย่างไร เขาก็ไม่ปล่อยนางลงด้านข่ายเชี่ยนหยุนและช่ายเฟิ่งจิ่วที่มองภาพนั้นจากด้านหลังทั้งคู่ พวกเขาหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา “พระองค์สัญญากับ

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนพิเศษ 1 : ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ 1/1

    ตอนพิเศษที่[1]ผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้ นับตั้งแต่ที่มีการแต่งตั้งฮองเฮาก็เป็นอันรู้กันจนทั่วเมืองหลวงว่าฮ่องเต้นั้นมีความรักลึกซึ้งต่อซูฮองเฮามากเพียงใด ไม่ว่าจะเสด็จไปประพาสที่ใดก็มักจะพาซูฮองเฮาไปด้วยเสมอ ทั้งสองพระองค์มักจะพากันไปกินของอร่อยที่เป็นร้านรวงของชาวบ้านตามสถานที่ต่าง ๆ โดยฝ่าบาทมักจะเป็นฝ่ายคีบอาหารให้ฮองเฮาด้วยพระพักตร์เปื้อนรอยยิ้มเสมอ ภายนอกผู้คนมักมองว่าสองผู้สูงศักดิ์ช่างรักใคร่กลมเกลียวต่อกันยิ่งนัก และยามนี้อวี๋กงซู่ก็เป็นที่ชื่นชมของประชาชนหลายคนในความมั่นคงที่มีรักเดียว เหล่าสตรีได้แต่คิดว่าหากมีสามีก็ต้องการหาบุรุษที่เป็นเฉกเช่นฮ่องเต้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเกินจริงแต่อย่างใด ทว่ามันกลับมีหลายอย่างที่มากกว่านั้น “จินจู เจ้าลองกินขนมนี้ดู ข้าว่าอร่อยมาก” ระหว่างที่ซูฮองเฮากำลังยื่นขนมไปป้อนให้นางกำนัลคนสนิทกลับพบว่าผู้ที่รับขนมนั้นไปมิใช่จินจูแต่เป็นพระสวามี “ฝ่าบาท!” “ทำไมเห็นเราจะต้องตกใจด้วย” “ก็ฝ่าบาทมาไม่ให้สุ้มให้เสียงจะมิให้ตกใจได้อย่างไรเพคะ” “เป็นเจ้าที่ไม่สนใจการมาของเรามากกว่า มัวแต่ไปป้อนขนมให้ผู้อื่น” จินจูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ร

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 34 : นางร้ายที่ได้เริ่มต้นใหม่ (ตอนจบ)

    ตอนที่[24]นางร้ายที่ได้เริ่มต้นใหม่ (ตอนจบ) วันเวลาผันผ่านไปอีกหลายปีทว่าคนในวังหลวงของแคว้นหลิวหยวนกลับยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ รักใคร่ปรองดองกัน โดยเฉพาะอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ที่หลังจากว่างเว้นจากงานบ้านเมืองก็มักจะพาตนเองมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้ ที่เป็นตำหนักที่ประทับของซูฮองเฮาและพระราชโอรสทั้งสอง ผ่านไปห้าปีมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ซูฮองเฮาหลังได้รับการแต่งตั้งก็ถูกย้ายจากตำหนักซิ่วอิงมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้ เหตุผลนั่นก็เพราะตำหนักหงอี้อยู่ใกล้กับตำหนักเฉินไท่ของฝ่าบาทมากที่สุด ที่จริงฮ่องเต้ผู้นั้นอยากจะย้ายตนเองมาอยู่ที่ตำหนักหงอี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด ติดก็ตรงที่เผยกงกงเอาแต่บอกว่าไม่เหมาะสม ๆ อยู่นั่น “เผยกงกงขัดใจอันใดมาหรือเพคะ” ซูซีหลินเอ่ยถามพระสวามีที่มีพระพักตร์บูดบึ้งราวกับไม่พอใจบางอย่าง ซึ่งไม่ต้องเดาว่าเรื่องอันใด ต้องเป็นฝีมือเผยกงกงเป็นแน่ “ก็เผยกงกงบอกว่าเรามาค้างที่ตำหนักหงอี้มากเกินไป เดี๋ยวพวกขุนนางเฒ่าจะหาว่าข้าลุ่มหลงในฮองเฮาได้ แล้วมันไม่จริงหรืออย่างไร ก็เราลุ่มหลงในตัวเจ้าจริง ๆ” จากใบหน้าบูดบึ้งจู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์ หนำซ้ำมือปลาหมึกยังเลื้

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 33 :ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด 1/2

    ตอนที่[23]ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด “เจ้าก็ควรถอดเช่นกันนะ” “…..” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงนิ่ง ชายหนุ่มก็คิดว่าตนไม่อาจรั้งรอได้อีก จึงได้ถือวิสาสะเข้าไปช้อนกายภรรยาก่อนจะรีบพาไปที่เตียงทันที “หลินเออร์ คืนนี้เรามาสร้างความแนบแน่นกันเถิด” “…..” “แล้วก็หากเจ้าได้เราแล้ว ก็ห้ามทิ้งเราไปที่ใดเล่า” นี่มันอันใดกัน ใครได้ใครกันแน่ ในเมื่อสายตาของเขาตอนนี้แทบจะกลืนกินนางทั้งตัวแล้ว! “เหตุใดจึงเงียบ รับปากเราสิ” ระหว่างที่รอคำตอบพระเนตรของจักรพรรดิก็เอาแต่จับจ้องริมฝีปากของฮองเฮาอย่างไม่ละสายตา และยามที่นางเอื้อนเอ่ย “หม่อมฉัน อื้อ” “ข้ารอไม่ไหวแล้ว” ริมฝีปากหนารีบเข้าฉกชิงความหอมหวานจากริมฝีปากของอีกฝ่ายทันที ลิ้นของเขาพยายามเกี่ยวกระหวัดและหยอกล้อหญิงสาวอยู่เนิ่นนาน มือที่ว่างอยู่ก็พยายามแตะไปยังจุดอ่อนไหวของภรรยาจนทั่วร่าง “ฝ่าบาท” รู้ตัวอีกทีซูซีหลินก็ไม่เหลืออาภรณ์ปิดกายแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว “เจ้างดงามและหอมหวานถึงเพียงนี้ ก็อย่ามาโทษว่าเราเอาแต่ใจเล่า” ว่าแล้วก็ก้มใบหน้าลงไปฉกฉวยบุปผางามที่พยายามชูช่อดึงดูดสายตาของเขาอย่างอดใจไม่ไหว และไม่เพียงแค่บุปผางามที่ทั้งขาว

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 32 :ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด 1/1

    ตอนที่[23]ฮองเฮาพวกเราเข้าหอกันเถิด หลังแล้วเสร็จงานเลี้ยงฉลองที่โจวหย่วนถูกประกาศว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว แคว้นหลิวหยวนก็มีพิธีการที่สำคัญจัดขึ้นอีกหนึ่งพิธีการ นั่นก็คือการแต่งตั้งฮองเฮา มารดาแผ่นดินผู้ที่จะอยู่เคียงข้างกับองค์จักรพรรดิเพื่อปกครองแผ่นดินร่วมกัน ซูฮองเฮานั้น ยามที่หลายคนได้แอบเงยหน้าตนเพื่อยลโฉมอีกฝ่ายก็ได้พบกับความจริงว่าฮองเฮานั้นเป็นสตรีที่อยู่เหนือผู้คนจริง ๆ และข่าวลือต่าง ๆ ที่ร่ำลือกันมาตลอดหลายเดือนก็เป็นอันต้องเงียบไป ตั้งแต่ฝ่าบาทครองราชย์กลับมีสตรีเพียงคนเดียวคือซูกุ้ยเฟย ข่าวลือต่าง ๆ ได้เล่าลือว่า ที่ตำแหน่งฮองเฮายังว่างก็เพราะว่าฝ่าบาทรอสตรีในดวงใจเพื่อที่จะมอบตำแหน่งฮองเฮาให้กับสตรีผู้นั้น แต่วันนี้สตรีที่รับการแต่งตั้งคือสตรีที่เคยเป็นกุ้ยเฟยในอดีต เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่าสตรีที่อยู่ในใจฝ่าบาทมาตลอดนั่นก็คือซูฮองเฮาอย่างไรเล่า ทั้งฝ่าบาทยังได้เปรย ๆ ออกมาว่าซูฮองเฮาจะเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่อยู่เคียงข้างพระองค์ตลอดไปอีกด้วย ราชบัลลังก์เดิมก็แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีสตรีมากหน้าหลายตามาคอยคานอำนาจหร

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 31 :ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น 1/3

    ตอนที่[22]ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น “หม่อมฉันรับรู้มาว่าโจวหย่วนร่วมมือกันกับฝูมามา สุดท้ายก็จะสังหารหม่อมฉันแล้วโยนความผิดให้ฝ่าบาท ทั้งหมดนี้ก็เพียงหวังยั่วยุให้ท่านพ่อยกกองทัพเจี้ยนคังมาที่เมืองหลวงเพื่อก่อกบฏ ทว่าที่แท้จริงเขานั่นแหละที่จะก่อกบฏเสียเอง แล้วโยนความผิดให้ท่านพ่อและอัครเสนาบดีช่าย จากนั้นเขาก้คิดจะจัดการฝ่าบาทแล้วขึ้นครองบัลลังก์เสียเอง” “นี่….” เรื่องนี้เกินความคาดหมายของอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ เขารู้ว่าโจวหย่วนผู้นั้นคิดไม่ซื่ออยู่ตลอด เรื่องคิดจะก่อกบฏเขาก็รู้ แต่เรื่องที่ว่าจะสังหารซูซีหลินเพื่อเรียกให้แม่ทัพใหญ่เข้ามาเป็นหนึ่งในหมากนั้นเขาไม่รู้เลยสักนิด ถึงว่านางถึงพยายามจะจากไป แล้วในจดหมายฉบับนั้นที่นางเขียนถึงครอบครัว ที่บอกว่าห้ามมาเมืองหลวงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจแล้ว “แต่หม่อมฉันไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะต่างออกไป ที่ท่านพ่อนำทัพมาเมืองหลวงภายใต้การร่วมมือกับฝ่าบาท และยังมีการช่วยเหลือของตระกูลช่าย จึงทำให้ตลบหลังโจวหย่วนได้เพียงในไม่กี่ชั่วยาม” ย้อนไปในตอนที่นางไปพบกับครอบครัวที่โถงรับรองเมื่อวานนี้ ‘ท่านพ่อ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า

  • ใครจะอยากเป็นนางร้ายที่ต้องตายกัน   ตอนที่ 30 :ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น 1/2

    ตอนที่[22]ตำแหน่งฮองเฮาเป็นของเจ้าเท่านั้น ด้านอวี๋กงซู่และซูซีหลินเมื่อกลับเข้าไปในราชรถม้าเรียบร้อย เขาก็จับมือหญิงสาวมากอบกุมเอาไว้อีกครั้ง ครานี้ไม่คล้ายมีแววล้อเล่นหากทว่าเต็มไปด้วยความเปิดเปลือยความในใจ“หลินเออร์ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดตั้งแต่ที่ข้าเลิกให้ความสนใจในตัวของคุณหนูช่าย แรกเริ่มข้าประทับใจในความเก่งกาจรอบด้านของนาง และนางไม่มีนิสัยเฉกเช่นสตรีในห้องหอ อีกทั้งยามนั้นเจ้าก็ทำตัวไม่น่ารัก นั่นทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน ทว่าหลังจากวันนั้นที่เราไปหาเจ้าและทำข้อตกลงกับเจ้าที่ตำหนักซิ่วอิง มันก็ทำให้เห็นว่าเจ้าไม่เหมือนเดิมและความไม่เหมือนเดิมนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ข้าอยากเข้าใกล้เจ้ามากยิ่งขึ้น” “ยิ่งมีเรื่องของหลงเออร์เข้ามา นั่นทำให้ข้าเห็นว่าเจ้ามิใช่สตรีร้ายกาจที่นึกถึงแต่ตนเอง เจ้ายังเป็นห่วงผู้อื่น ถึงขั้นวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อช่วยเหลือ หากไม่เกิดความประทับใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว” ว่าแล้วก็ขยับกายเข้าไปใกล้หญิงสาวจนตัวแทบจะติดกัน “เอ่อ ไม่ต้องเข้ามาใกล้เช่นนี้ก็ได้เพคะ หม่อมฉันได้ยินที่พระองค์ตรัสอยู่” “ไม่ล่ะ เราอยากให้เจ้าเห็นความจริงใจของเรา รู้ตั

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status