สีหน้าของฉีจื่อฟู่คล้ำดำเขียว “อวี่เยียน! เจ้าหลีกไปเสีย!”ทว่าในตอนนี้ฉีอวี่เยียน คล้ายกับเป็นบ้าไปแล้ว ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิดนางกดปิ่นปักผมตรงคอของตนเอง เลือดซิบออกมาแล้ว ก่อนจะกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่มีทาง! หากทิ้งสินเดิมเอาไว้ ข้าก็จะหลีก! ไม่เช่นนั้นข้าจะนองเลือดอยู่ตรงนี้เสีย!”หรงจือจือกล่าวเตือนชืด ๆ “ความเป็นตายของเจ้า ขู่ได้แค่ผู้ที่สนใจความเป็นความตายของเจ้าเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าสนใจหรือ?”ฉีอวี่เยียนสำลึก ก่อนจะกล่าวประชดประชัน “ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะไม่สนใจชื่อเสียงของท่าน!”หรงจือจือยิ้มอ่อน ๆ “ข้าหย่าแล้ว ในเมืองหลวงจะยังมีชื่อเสียงดี ๆ ได้อีก?”ในใจของฉีอวี่เยียนพลันไม่แน่ใจขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งปิ่นปักผมไปด้านหน้าอีกครั้ง แววตาหวาดระแวงและบ้าคลั่ง “อย่างไรก็ดีกว่าบีบให้อดีตน้องสามีให้ตายโขกระมัง?”มหาราชครูหรงเองก็ขมวดคิ้วมุ่นอันที่จริงเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนสกุลฉีจะไร้ยางอายเช่นนี้ สินเดิมของบุตรสาวตน ตามเหตุผลตามกฎมณเทียรบาลแล้ว ในเมื่อหย่ากันแล้วก็ไม่ควรทิ้งเอาไว้สิ่งนี้ทำให้แววตาดูถูกของเขาก็มองไปที่ฉีอวิ่นเช่นกันใน
มหาราชครูหรงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ด่าทอพี่ชายและอดีตพี่สะใภ้ต่อหน้าธารกำนัล ขู่เข็ญเอาชีวิตเพื่อเรียกร้องสินเดิมของอดีตพี่สะใภ้ การสั่งสอนของตระกูลฉี ข้าได้ประจักษ์แล้วจริงๆ!”“ก็ใช่น่ะสิ! มีมารดาอย่างนางถานที่คบชู้ จะมีลูกหลานที่ได้เรื่องได้อย่างไร?”“หากลูกสาวของข้าทำตัวน่าอับอายขายหน้าเช่นนี้ ข้าคงจะโบยจนตายนานแล้ว!”“ฉีอวิ่น เจ้าจงจำไว้ สองตระกูลเรามิใช่เพียงหย่าร้าง แต่เป็นการตัดขาด! ครอบครัวเจ้าทำให้แม่ข้าเสียใจ สองตระกูลเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันอีกต่อไป”“ต่อไปนี้ หากเจ้าเจอข้า จงเรียกข้าว่าใต้เท้าด้วยความเคารพ! ถ้าครอบครัวเจ้ายังมีชีวิตรอดเจอข้าในภายภาคหน้า!”พูดจบ มหาราชครูหรงก็สะบัดแขนเสื้อ “กลับจวน!”หากไม่ใช่เพราะตัวต้นเหตุอย่างนางถานได้ตายไปแล้ว เขาคงจะสาดคำพูดร้ายๆ ใส่มากกว่านี้ ก่อนจะยุติเรื่องหรงจือจือขึ้นรถม้า ท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของฉีจื่อฟู่เจาซีที่ถือกระเป๋าน้ำร้อนขึ้นไปปรนนิบัติ พูดอย่างโกรธเคือง “คุณหนู ฉีอวี่เยียนนี่มันไม่ใช่คนจริงๆ!”หรงจือจือ “ไม่ต้องโกรธ ต่อไปนี้ตระกูลฉีจะดีจะร้าย ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอีกแล้ว”เจาซีพยักหน้า “ก่อนหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดของนางหวัง เจาซีก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ คนข้างนอกก็รังแกคุณหนู พอกลับมาถึงบ้าน ฮูหยินก็ยังไม่ยอมหยุดมหาราชครูหรงขมวดคิ้ว มองไปที่นางหวัง กำลังจะเอ่ยปากนางหวังรีบพูดว่า “ท่านพี่ ข้าทราบว่าท่านทำตามคำสั่งเสียของฮูหยินผู้เฒ่า จึงอยากให้จือจือกลับเข้าจวนทางประตูหน้า แต่สตรีที่หย่าร้างกลับเข้าทางประตูหน้า จะทำให้โชคลาภของตระกูลเราเสียหาย”“หากว่าคุณหนูคนอื่นๆ ในตระกูล ได้รับเคราะห์ร้ายจากนาง วันหน้าต่างคนต่างหย่าร้างกลับมา จะทำอย่างไรดี ท่านพี่ว่าจริงหรือไม่?”“ผู้อาวุโสในตระกูลก็ไม่พอใจที่เราไม่ได้มอบผ้าขาวให้นางแขวนคอตายอยู่แล้ว การให้นางเข้าทางประตูหลัง ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติพวกท่านแล้ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น มหาราชครูหรงก็ลังเลเมื่อเห็นดังนั้น นางหวังก็มองหรงจือจือด้วยสายตาเย่อหยิ่งหรงจือจือเข้าใจดีว่า นางหวังไม่พอใจที่ครั้งก่อนนางสั่งให้ตนเองกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่ตนเองไม่ทำตาม นี่เป็นการจงใจข่มขู่นางเพื่อที่จะให้นางรู้ว่า แม้ว่านางจะกลับมาที่ตระกูลหรงแล้ว คนที่กุมอำนาจในบ้านหลังนี้ก็คือนางหวังหากนางไม่อนุญาต นางจะไม่สามารถแม้แต่จะเข้าทางประตูหน้าไ
ขันทีอาวุโสหยางไม่เปิดโอกาสให้หรงจือจือได้ตั้งตัว รีบเดินจากไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขถึงแม้เขาจะเป็นคนใกล้ชิดฝ่าบาทที่สุด แต่ก็รู้ดีว่าฝ่าบาททรงให้ความเคารพต่อตำท่านเสนาบดีราวกับบิดาบังเกิดเกล้า ไม่มีผู้ใดสามารถยุแหย่ความสัมพันธ์นี้ได้ แล้วเขาเพียงเป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง จะเอาอะไรไปเทียบได้เล่า?ภายภาคหน้า หากนางหรงได้รับการแต่งตั้งเป็นมารดาบุญธรรมของฝ่าบาท เช่นนั้นเขาจะกล้าก้าวล้ำหน้านางนี้ได้อย่างไร?เงินก้อนนี้ รับไว้ไม่ได้จริงๆ!ทันทีที่ขันทีอาวุโสหยางจากไปนางหวังปรายตามองหรงจือจือด้วยความไม่พอใจ ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย! เจ้าเป็นหญิงที่หย่าร้างไปแล้ว จะได้ตำแหน่งท่านหญิงไปเพื่ออันใด?”“หากเจ้ารีบไปบอกเสนาบดีเสียแต่แรก ให้ท่านมอบเกียรตินี้แก่เจียวเจียว วันหน้าหากนางมีเกียรติยศรุ่งโรจน์ เจ้าก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วยมิใช่หรือ?”หรงจือจือฟังแล้วกลับยิ้ม นางช่วยชีวิตผู้คนจนได้รับเกียรติยศนี้มาเองแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องยกให้แก่น้องสาว แล้วยังต้องรอพึ่งบารมีของน้องเพื่อให้ตนได้อาศัยแสงส่องอีกหรือ?นางผู้นี้ที่เรียกตัวเองว่าแม่ ช่างลำเอียงเสียจนหัวใจแทบจะหลุดออกมานอ
“ไม่เสียใจ” เฉินเยี่ยนซูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเขามีเพียงสามสิ่งที่ปรารถนาในชีวิตนี้ประการแรก ให้แคว้นต้าฉีแข็งแกร่งเหนือผู้ใด ปวงประชาอยู่ดีมีสุข ดังนั้นแม้จะรู้ดีว่า การสละบัวไหมสวรรค์ไป จะทำให้ตนเองเหลืออายุขัยเพียงสามถึงสี่ปี แต่ก็ยังรวดเร็วและเด็ดขาดดั่งสายฟ้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ผนวกแคว้นเป่ยเจียง แคว้นเซวีย และแคว้นเจาเข้าด้วยกัน ทำให้แคว้นต้าฉี่แข็งแกร่งและมั่งคั่งฝ่าบาทได้รับการฝึกฝนจนสามารถรับมือกับทุกสิ่งได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งในราชสำนักก็ได้ปูทางให้ฝ่าบาทเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เขาเป็นอะไรไป เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ฝ่าบาทก็ยังสามารถเสด็จขึ้นว่าราชการล่วงหน้าได้ และแม้แต่แคว้นอื่นก็ยังไม่กล้ารุกรานแม้แต่น้อยความปรารถนาประการที่สองคือการสร้างคุณูปการ ฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเขาได้ทำสำเร็จไปนานแล้วปรารถนาประการที่สาม ก็คือให้ผู้ที่เก็บไว้ในใจ ได้รับทุกสิ่งที่นางปรารถนา ทุกเรื่องราวล้วนราบรื่น และมีชีวิตปลอดภัยตลอดปีตลอดชาติสำหรับเขาแล้ว ความยาวนานของชีวิตไม่สำคัญเท่ากับการเติมเต็มปณิธานทั้งหมดในช่วงเวลาที่มีอยู่ ตราบใดที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ย
เขาจ้องมองหรงจือจือกล่าวว่า “ดูท่าว่าที่ผ่านมาพ่อคงมองเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าต้องการให้ใครสักคนตาย คงจะง่ายดายมากใช่หรือไม่?”หรงจือจือเงยหน้าขึ้นสบตากับมหาราชครูหรงแล้วถามตรงๆ ว่า “ท่านพ่อกำลังกังวลเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”แท้จริงแล้ว หรงจือจือเข้าใจดีว่าการพบกันครั้งนี้ มิใช่เพื่อชื่นชมว่านางทำเรื่องราวได้อย่างงดงาม แต่เป็นเพื่อหยั่งเชิงและเฝ้าระแวงมหาราชครูหรงชะงักเล็กน้อย ไม่ได้ตอบทันทีหรงจือจือว่า “ท่านพ่อกังวลว่าข้าฉลาดเกินไป มิหนำซ้ำยังใจแข็งเหลือเกิน หากมีผู้ใดในจวนปฏิบัติต่อข้าไม่ดี ข้าจะคำนวณคิดแผนการกับเขาให้หมดหนทางรอด เฉกเช่นตอนที่ข้าทำต่อตระกูลฉีนั่นหรือ?”มหาราชครูหรงราวกับถูกจี้กลางใจ จึงเบือนสายตาหนีนาง “ทั้งมารดาและพี่น้องของเจ้า บิดาย่อมรู้แก่ใจ ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือเจ้าเลย”หรงจือจือว่า “แต่ก่อนพวกเขาไม่ดีกับข้า ท่านพ่อเคยเห็นข้าจัดการพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมบ้างหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนี้ มหาราชครูหรงจึงค่อยคลายใจลงอยู่บ้างรีบปรับสีหน้าเป็นบิดาผู้เมตตาแล้วกล่าวว่า “คิดไปแล้วก็เป็นพ่อเองที่คิดมากเกินไป เจ้าเพิ่งกลับจวนในวันนี้ คงเหนื่อยนัก ไปพักก่อนเถิด”หรงจื
“ตอนนี้น้องสาวของเจ้าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไม่สามารถแต่งงานได้ แต่ตามกฎแคว้นต้าฉี การแลกใบเทียบดวงชะตาเพื่อกำหนดไว้ชั่วคราวก่อนก็สามารถทำได้”หรงจือจือรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หรงเจียวเจียวอยากจะพูดคุยเรื่องแต่งงานกับท่านเสนาบดีเสิ่น? นางนึกถึงคนที่เย็นชาและสูงศักดิ์ผู้นั้นขึ้นมา พลางนึกถึงน้องสาวที่เหมือนจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่ความจริงกลับโง่เขลาและร้ายกาจคนนั้นความจริงเป็นเรื่องยากมากที่จะคิดว่า สองคนนี้เหมาะสมกันเพียงแต่เรื่องแต่งงาน ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะสามารถแทรกแซงได้ ดังนั้นคำพูดเหล่านี้ยิ่งไม่อาจพูดออกไปได้นางจึงแค่พยักหน้าพลางกล่าว “ท่านพ่อวางใจ ลูกไม่เคยมีความคิดเหลวไหลเช่นนั้นเจ้าคะ”แม้พระชายาอ๋องเฉียนดูเหมือนจะชอบตนเอง ทว่านางเซี่ยล้วนไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปในเรือน ยิ่งไปกว่านั้นจวนเสนาบดียังมีความขัดแย้งกับสกุลหรงอีกเพียงแต่นางกลับคิดไม่ถึงว่า ท่านพ่อที่ไม่เคยชอบเสิ่นเยี่ยนซูเลย จะมีความคิดอยากให้ท่านเสนาบดีเป็นลูกเขยขึ้นมาได้มหาราชครูหรงพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ “เจ้ากลับไปเถอะ!”......หรงจือจือกลับมายังเรือนอี่เหมยซึ่งเป็นที่อาศัยก่อนตนเองจะแต่งงานออกไปกลับคิด
นางหวังกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เก็บไว้ที่ห้องข้าง หากอับชื้นขึ้นมาจะทำเช่นไร? เจ้าให้จือจือทำความสะอาดเสียหน่อย และอาศัยอยู่ห้องข้างก็ได้แล้ว”อวี้หมัวมัวขมวดคิ้วแน่น เพราะคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางหวังจะไร้เหตุผลเช่นนี้ให้ความสำคัญกับคุณหนูสามมากกว่าคุณหนูใหญ่ก็แล้วไป แต่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นของคุณหนูสาม ก็ยังสำคัญกว่าคุณหนูใหญ่อย่างนั้นหรืออวี้หมัวมัวยิ้มพลางกล่าว “ฮูหยิน คำพูดนี้ของท่าน หากคนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน ยังจะคิดว่าท่านเป็นมารดาที่ไม่เมตตา และลำเอียงเข้าข้างคุณหนูสามอีกนะเจ้าคะ”เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยนางหวังจะคำนึกถึงชื่อเสียงเสียหน่อยคิดไม่ถึงว่านางหวังจะหัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าว “ข้าจะลำเอียงแล้วมันทำไมหรือ? เจียวเจียวของข้าเป็นคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ สิ่งของที่เอาออกสู่สังคมไม่ได้อย่างจือจือคนนั้นก็สามารถเทียบได้เช่นนั้นหรือ?”หรงเจียวเจียวก็ส่งเสียงฮึในลำคอ และกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “นางไร้ค่าที่เพิ่งหย่าร้างและกลับมาบ้าน ยังจะทำตัวเย่อหยิ่งในจวนอีกหรือ?”“การที่ให้นางอาศัยอยู่ห้องข้างของเรือนอี่เหมยได้ ถือเป็นการให้เกียรติจากท่านแม่แล้ว นางยังคิดจะเอาเช่นไรอีก? ให้นางมาอ
ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา
เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า
“ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท
เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่
เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค
เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช
เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ
หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ
“แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง