Share

บทที่ 216

Penulis: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือฟังแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉีจื่อฟู่ไม่รู้จริง ๆ หรือแสร้งไม่รู้ ว่าการที่เขาพูดต่อหน้าคนอื่นว่าตนเองรังเกียจเขาเพราะตำแหน่งขุนนางที่ต่ำต้อย อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตนเองได้?

นางจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตนเองผู้นี้ เคยพูดเช่นนี้ต่อหน้าคนจำนวนมากในท้องพระโรงชิงเจิ้งมาแล้ว

ตอนนี้มีใต้เท้าบางส่วนที่วันนั้นไม่ได้เข้าร่วมประชุมเช้า ทั้งได้รับข่าวสารล่าช้า ใช้สายตาดูถูกและไม่เห็นด้วยมองมาที่ตนเอง

หรงจือจือยิ้มเล็กน้อย พลางมองฉีจื่อฟู่และกล่าว “ใต้เท้าฉีท่านพูดล้อเล่นแล้ว ตอนนั้นหมอหลวงบอกว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ข้ายังไม่รังเกียจท่านเลย แต่ตอนนี้ท่านเป็นขุนนางขั้นหกแล้ว ข้ามีอะไรให้ต้องรังเกียจอีกหรือเจ้าคะ?”

คำพูดนี้ ทำให้สีหน้าของฉีจื่อฟู่ชะงักไป นางเรียกตนเองว่าใต้เท้าฉีหมายความว่าอย่างไร?

บรรดาใต้เท้าคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ต่างก็เห็นด้วย ต้องรู้ไว้ก่อนหน้านี้ฉีจื่อฟู่ไม่แน่ว่าจะรอดชีวิต แต่สกุลหรงยังคงแต่งเข้ามา และไม่หวั่นเกรงต่อการเป็นหม้าย ช่างเป็นสตรีที่มีคุณธรรมเสียจริง

หากจะบอกว่านางรังเกียจตำแหน่งขุนนางที่ต่ำต้อยของฉีจื่อฟู่ ก็คงฟังไม่ขึ้นเสียเท่าใดน
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 1  

    เพื่อขอโอสถวิเศษช่วยชีวิตให้ผู้เป็นสามี หรงจือจือคุกเข่ามาแล้วทั้งสิ้นสามพันขั้นบันได ทว่าผู้เป็นสามีกลับลดขั้นนางจากภรรยาเอกเป็นอนุ เพื่อองค์หญิงจากแคว้นที่สิ้นเอกราช มิหนำซ้ำยังบอกว่านี่คือวาสนาของนาง! หลังจากนางหย่าขาดกับสามีแล้ว ก็สมรสกับท่านสมุหราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลกว้างใหญ่ไปทั่วแผ่นดิน กลางดึก ท่านสมุหราชเลขาธิการกับนางต่างพลอดรักดื่มด่ำลึกซึ้งบนผ้าห่มคู่รัก โดยที่มีสามีเก่าคุกเข่าอยู่นอกประตู ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ —— ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ผู้คนต่างหัวเราะเริงร่าครึกครื้นมีความสุข ทว่าในใจของหรงจือจือกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะสามีของตนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปี บัดนี้แม้นั่งอยู่ข้างกายนาง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เอาแต่หลบสายตาของตนเองอยู่ตลอด ไม่กล้าสบตากับตนเองโดยตรงเลยสักครั้ง คล้ายกับว่าเผลอทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดกับตนเองเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หรงจือจือรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ยามนั้นเอง ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมองหรงจือจือ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีใดจะทรงคุณธรรมมากไปก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 2  

    ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร? ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ” “เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!” นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 3  

    ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!” หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!” สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!” พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้! ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 4  

    หรงจือจือได้ยินมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันฉายประกายดูแคลนออกมา วันนี้ใครกันแน่ที่ทำให้สกุลหรงและจวนโหวต้องอับอายขายหน้า ดูเหมือนแม่สามีของตนเองคนนี้ จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉีจื่อฟู่ได้ยินคำพูดของนางถาน ใบหน้าพลันฉายประกายลังเลขึ้นมาหนึ่งส่วน “อากาศเย็นถึงเพียงนี้…” เจาซีเอ่ยขึ้นทันควัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ซื่อจื่อ อากาศเย็นเพียงนี้ จะให้ฮูหยินซื่อจื่อเดินกลับเองไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ฮูหยินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอบอบบาง จะทนไหวที่ไหนเจ้าคะ” เดิมทีนางคิดว่าหากพูดแบบนี้ออกไป ฉีจื่อฟู่จะเกิดความรู้สึกสงสาร และขอให้ฮูหยินโหวถอนคำสั่ง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฉีจื่อฟู่เมื่อได้ยินแล้ว จะหันมองหรงจือจือและเอ่ยว่า “จือจือ อย่างที่สาวใช้ของเจ้าบอก เจ้าทนลมหนาวเย็นเยือกเช่นนี้ไม่ไหวหรอก!” หรงจือจือทอดสายตามองไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามที่ดูคล้ายจะอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้นิ่ง ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านพี่หมายความว่า…” ฉีจื่อฟู่ : “ตราบใดที่เจ้ายอมรับปาก ว่าวันรุ่งขึ้นจะตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และแสดงเจตจำนงขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเอง ข้าจะขอให้ท่านแม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นรถม้า!” หรงจือจือเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 5  

    หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่ ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ? ช่างหน้าด้านเสียจริง! นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?” หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ” แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!” “หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 6  

    หรงจือจือไม่คิดเลยสักนิด ทั้งที่สองคนทะเลาะกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉีจื่อฟู่จะยังคิดถึงเรื่องร่วมเรือนหอได้อีก นางถอยหลังกลับไปอีกสามก้าว เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าเยือกเย็น “ท่านพี่ ก่อนที่จะจัดการเรื่องขององค์หญิงม่านหวา ท่านกลับไปที่เรือนของท่านก่อนเถิด!” ฉีจื่อฟู่เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง “หรือถ้าไม่ได้เป็นภรรยาหลวง แม้แต่สัมผัสตัวเจ้าก็ไม่ยอมให้ข้าสัมผัสแล้วหรือ?” หรงจือจือมิได้ให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่เอ่ยว่า “ท่านพี่เชิญกลับไปเถิด!” สีหน้าของฉีจื่อฟู่ ในที่สุดก็เยือกเย็นลงอย่างถึงที่สุดแล้ว “ดี! ทุกคนต่างบอกว่าเจ้ารักข้า ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อสกุลฉีเราด้วยความยินดี ข้ากลับมองว่าสิ่งที่เจ้ารักมากกว่า คือตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อ อย่างเจ้าก็แค่เห็นแก่ทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้นถึงได้ยอมสมรสกับข้า!” หรงจือจือเงียบเชียบไม่เอ่ยปาก เพียงแต่อยากหัวเราะออกมาเท่านั้น เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศและทรัพย์สมบัติอย่างนั้นหรือ? ในฐานะบุตรีสายตรงคนโตของมหาราชครูหรง ด้วยตำแหน่งของบิดา ณ วันนี้เวลานี้ ต่อให้นางจะแต่งเข้าจวนอ๋องเป็นพระชายาอ๋องก็ย่อมท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 7  

    นางถานยังคงรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ ก็ยังไม่เห็นคนของหรงจือจือ ขณะที่นางกำลังหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็รอจนกระทั่งสาวใช้กลับมารายงานว่า “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ!” นางถานที่ทนความหนาวเย็นมาเกือบครึ่งชั่วยามจนหน้าเขียวแล้ว ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “ว่าอย่างไรนะ?!” แล้วสิ่งที่ตนเองอุตส่าห์เตรียมการไว้ตลอดทั้งเช้านี้ จะสูญเปล่าไปดื้อ ๆ หรือ? เรื่องนี้ทำให้นางถานยิ่งมีโทสะ สิ่งที่น่าโมโหที่สุด คือสิ่งที่เตรียมไว้มิได้ใช้ทรมานนางหรง แต่กลับทรมานตนเองแทน แล้วจะไม่ให้เดือดดาลได้อย่างไร? หญิงชรารับใช้ที่วิ่งเต้นสืบข่าวมาเอ่ยว่า : “ได้ยินคนของหลันย่วนบอกว่า ฮูหยินซื่อจื่อเดินทางกลับเรือนมารดาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้เฉินฟังมาถึงตรงนี้ ก็วิตกกังวลขึ้นมาทันใด “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อคงมิได้กลับเรือนมารดาไป เพื่อร้องเรียนต่อท่านมหาราชครูหรอกนะเจ้าคะ?” นางถานฟังจบ ตอนแรกก็เครียดขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นก็กลับมาสงบเยือกเย็นลงอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลน “หาใช่เรื่องใหญ่อันใด มหาราชครูหรงคร่ำครึหัวโบราณมาแต่ไหนแต่ไร นางกลับไปก็มีแต่จะถูกก่นด่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 8  

    เจาซีได้ยินเช่นนี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดเผือดทันที ทว่าภายใต้ความขลาดกลัวและความดื้อรั้น ภายในใจกลับเกิดความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่กำลังคิดว่าในเมื่อฮูหยินจะตีตนเองให้ตายจริงแล้ว ก่อนที่นางจะต้องสิ้นใจตาย ต้องช่วยพูดเข้าข้างคุณหนูของตนเองสักสองประโยค กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหรงจือจือจะสืบเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว เอาตัวเข้าขวางหน้าเจาซีไว้ แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าห้ามมิให้ผู้ใดแตะต้องนาง เจาซีเห็นเงาแผ่นหลังบอบบางอ่อนแอของคุณหนู แต่กลับรู้สึกว่ากว้างใหญ่ไร้สิ่งใดเปรียบ ริมฝีปากของนางสั่นไหวเล็กน้อย ในดวงตากำลังรื้นคลอด้วยน้ำตา “คุณหนู…” บัดนี้ภายในใจของนางเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาจนจะตายให้ได้ คุณหนูคอยเตือนสตินางไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ให้เข้มแข็งหนักแน่น เงียบไว้อย่ามากวาจา เพราะด้วยฐานะของนางถึงอย่างไรแล้วก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ ถูกจับผิดง่าย แต่เหตุใดหนอตนเองถึงไม่รู้จักจำใส่หัวไว้บ้าง! นางหวังมองการกระทำของหรงจือจือ หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นมา พร้อมถากถางอย่างรังเกียจ “เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร? เจ้าคิดจะอกตัญญูต่อมารดา เพียงเพื่อปกป้องบ่าวชั้นต่ำคนหนึ่งหรือ?” หรงจือจือมิได้สนใจความเจ็บ

Bab terbaru

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 216

    หรงจือจือฟังแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉีจื่อฟู่ไม่รู้จริง ๆ หรือแสร้งไม่รู้ ว่าการที่เขาพูดต่อหน้าคนอื่นว่าตนเองรังเกียจเขาเพราะตำแหน่งขุนนางที่ต่ำต้อย อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตนเองได้?นางจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตนเองผู้นี้ เคยพูดเช่นนี้ต่อหน้าคนจำนวนมากในท้องพระโรงชิงเจิ้งมาแล้วตอนนี้มีใต้เท้าบางส่วนที่วันนั้นไม่ได้เข้าร่วมประชุมเช้า ทั้งได้รับข่าวสารล่าช้า ใช้สายตาดูถูกและไม่เห็นด้วยมองมาที่ตนเอง หรงจือจือยิ้มเล็กน้อย พลางมองฉีจื่อฟู่และกล่าว “ใต้เท้าฉีท่านพูดล้อเล่นแล้ว ตอนนั้นหมอหลวงบอกว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ข้ายังไม่รังเกียจท่านเลย แต่ตอนนี้ท่านเป็นขุนนางขั้นหกแล้ว ข้ามีอะไรให้ต้องรังเกียจอีกหรือเจ้าคะ?”คำพูดนี้ ทำให้สีหน้าของฉีจื่อฟู่ชะงักไป นางเรียกตนเองว่าใต้เท้าฉีหมายความว่าอย่างไร?บรรดาใต้เท้าคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ต่างก็เห็นด้วย ต้องรู้ไว้ก่อนหน้านี้ฉีจื่อฟู่ไม่แน่ว่าจะรอดชีวิต แต่สกุลหรงยังคงแต่งเข้ามา และไม่หวั่นเกรงต่อการเป็นหม้าย ช่างเป็นสตรีที่มีคุณธรรมเสียจริงหากจะบอกว่านางรังเกียจตำแหน่งขุนนางที่ต่ำต้อยของฉีจื่อฟู่ ก็คงฟังไม่ขึ้นเสียเท่าใดน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 215

    หรงจือจือกล่าวว่า “ข้าเองก็มีความรู้เรื่องแพทย์อยู่บ้าง หากใช้ยาพิษโดยจงใจให้ไปสะสมในครรภ์มารดา ตัวมารดาเองก็เพียงแต่จะอ่อนแอลงและรู้สึกหมดแรงอยู่บ้างเท่านั้น แต่จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต! ข้าไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะเป็นคนเช่นนี้...”เมื่อหรงจือจือกล่าวเช่นนี้ ผู้คนก็กระจ่างในทันทีนางถานยังคงปฏิเสธ “ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!”นางหลิวกล่าว “ไม่ได้ทำ? จดหมายที่ท่านเขียนถึงพี่ชายของท่าน ข้ายังเก็บมันไว้อยู่เลย! ข้าเก็บมันไว้เผื่อวันใดวันหนึ่งจะได้ใช้มันเล่นงานท่าน อยากให้ข้าเอาออกมาให้ทุกคนดูหรือไม่?”คราวนี้นางถานทรุดลงกับพื้นบรรดาฮูหยินต่างวิพากษ์วิจารณ์ “นางถานช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก เมื่อพี่ชายและบิดาของนางเซวียตายหมดแล้ว เหลือเพียงนางคนเดียว นางก็เป็นเพียงอนุภรรยาเท่านั้น แต่นางถานก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป”“เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร นายหญิงจะทนไม่ได้ที่สามีโปรดปรานอนุจนละเลยภรรยาเอก ก็พอจะเข้าใจได้อยู่บ้าง แต่เด็กน้อยไร้เดียงสาไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยนะ บุตรชายคนโตสายรองของนายท่านฉี ตอนนั้นยังเล็กขนาดไหนกัน?”พวกนางไม่ได้เห็นใจนางเซวียจริง ๆ หรอก บางคนเวลาจัดการอนุก็โหดเหี้ยมกว่าน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 214

    หรงจือจือคิดว่านางหลิวต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับนางถานแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถข่มขู่นางถานให้ทำเรื่องที่ไม่อยากทำได้ตลอดช่วงที่ผ่านมาในใจของนาง ความจริงก็แอบคาดเดาถึงเรื่องนี้ไว้แล้วเวลานี้ จึงจงใจยั่วยุนางหลิวขึ้นมาอีกหน่อย “ที่จริงแล้วข้าก็เชื่อนะ ท่านแม่ไม่ใช่คนเลว นางเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตาที่สุดในโลกนี้แน่นอน เป็นเพราะคนอันธพาลโลภเงินทองและความงามของนาง หลงใหลในหัวใจที่ขาวสะอาดไร้มลทินของนาง ถึงได้คิดร้ายกับนางเช่นนี้!”นางหลิว ในตอนนี้โกรธแค้นยิ่งนัก!ก่อนหน้านี้ ตนยังเชื่อใจสามีหนุ่มของตนอยู่ แต่เมื่อสาวใช้เปิดโปงความสัมพันธ์ลับระหว่างนางกับเขาแล้ว ตนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วตนถูกหลอก ทั้งความรู้สึกและเงินทอง?พังพินาศหมดสิ้น เงินก็หมด แล้วยังตั้งครรภ์ลูกสารเลว แถมชื่อเสียงก็ป่นปี้ไปแล้วในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครมีความสุขไปได้ โดยเฉพาะนางถาน คนที่ทำลายความสุขของนางและลากเอาความอับอายทั้งหมดมาประจานให้เห็น!เมื่อได้ยินหรงจือจือชมเชยนางถานเช่นนี้ นางจะยังทนได้อีกหรือ?ทันใดนั้นก็โกรธจัด พลางกล่าวว่า “นางน่ะหรือ? จิตใจเมตตา บริสุทธิ์ผุดผ่อง?

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 213

    หรงจือจือเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอตรงหางตา สีหน้าฉายแววน้อยใจ “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านไม่เคยชอบข้า แต่เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ท่านก็กล่าวหาข้าอย่างลอย ๆ ไม่ได้นะเจ้าคะ”“โชคดีที่ท่านพ่อทรงปรีชาสามารถ ตัดสินคดีออกมาอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของข้าคงป่นปี้หมด!”ฉีอวิ่นผู้ได้รับคำชมว่าปรีชาสามารถ แต่บนศีรษะกลับส่องประกายสีเขียว ถึงแม้จะได้รับคำยกย่อง ก็รู้สึกยินดีไม่ออก!นางถานหันไปมองนางหลิว ก่อนจะเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “ท่านได้ยินหรือไม่! เขาทำร้ายข้าเพราะโลภเงินของข้า ข้ามิเคยยั่วยวนเขาเลยสักนิด!”นางหลิวหน้าซีดเผือดไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าอันธพาลผู้นั้นจะหันไปพูดกับนางถานว่า “ข้าลงมือจริง แต่ข้ามิได้บังคับเจ้าเสียหน่อย! ตอนแรกเจ้ายังแสร้งขัดขืนอยู่พักหนึ่ง แต่พอผ่านไปไม่นาน เจ้ากลับตื่นเต้นขึ้นมาเองไม่ใช่หรือ?”“ฮ่า ๆ...” ไม่รู้ว่าขุนนางท่านใดเผลอหลุดขำออกมาฉีอวิ่นยิ่งรู้สึกว่าหมวกเขียวบนศีรษะตนส่องประกายเจิดจ้ากว่าเดิมนางถานรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็ยังตะโกนเสียงดัง “ข้าไม่ได้ทำ!”อันธพาลหัวเราะเยาะ “เจ้ายังจะปฏิเสธอีกหรือ? เหล่าฮูหยินที่อยู่ตรงนั้นล้วนได้ยินกันหมดแล้ว!”เรื่องมาถึงตอน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 212

    เมื่อนางพูดเช่นนั้น สายตาของคนจำนวนมากก็จับจ้องไปที่หรงจือจืออย่างไรก็ตาม หรงจือจือไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงท่าทีประหลาดใจ “ท่านแม่...ท่านช่างกล่าวหาข้าจริง ๆ ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย ฮูหยินทั้งหลายเป็นพยานให้ข้าได้!”นางสวีเป็นคนแรกที่พูดขึ้น “ที่จริงแล้ว ข้าถือถ้วยชาไม่มั่นคงเอง ทำให้น้ำชาหกใส่ท่านหญิง!”ฉีอวิ่นตะลึง “ท่านหญิง?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉีจื่อฟู่ก็รู้สึกอับอายขายหน้าเช่นกัน แต่เขาก็ยังอธิบาย “จือจือเคยช่วยท่านเสนาบดีไว้ ฝ่าบาทจึงทรงแต่งตั้ง และรอเพียงฤกษ์งามยามดี”ฉีอวิ่นอยากถามหรงจือจือมากว่าทำไมนางถึงไม่บอกคนในครอบครัวเรื่องที่นางช่วยท่านเสนาบดีไว้เร็วกว่านี้ คราวที่แล้วที่เขาถาม นางตอบว่าไม่รู้จักแต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้!เขาจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง แล้วหันไปมองนางถานอีกครั้ง “เจ้าเองก็ได้ยินแล้ว! ที่จือจือมาที่นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ!”นางถานพูดอย่างโกรธเคือง “ใครจะรู้ว่านางสมรู้ร่วมคิดกับนางสวีหรือไม่?"คราวนี้ นางสวีก็ไม่ยอม นางพูดกับฉีอวิ่น “นายท่านฉี นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของท่าน ตามหลักแล้วข้าไม่ควร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 211

    “แต่ตอนนี้... ท่านกลับเอาเงินของข้าไปเลี้ยงชู้รักของท่าน? แถมยังตั้งครรภ์ลูกของเขาอีกด้วย! ท่านแม่ ท่านทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร?”นางหลิวครานี้ก็ไม่พอใจเช่นกัน “ข้าทำอะไรผิดกัน? ข้าเลี้ยงเจ้ามาจนโต เอาสินสอดของเจ้ามาใช้แล้วอย่างไร? เจ้าก็ควรกตัญญูต่อข้าไม่ใช่หรือ?"นางถานที่มึนงงอยู่ก็เริ่มเข้าใจเรื่องราว จึงถามด้วยความเหลือเชื่อ “ถ้าเช่นนั้น นางหลิว สินสอดของข้าที่แบ่งไปครึ่งหนึ่ง ท่านเอาไปเลี้ยงชายอื่นหมดเลยหรือ? มิน่าล่ะ ลูกสาวของท่านถึงได้เอาแค่ของไร้ค่าเป็นสินเดิมเข้าบ้าน! ท่านทำแบบนี้กับพี่ชายข้าได้อย่างไร?”นางหลิวกล่าวว่า “เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือ? วันนี้เจ้าคบชู้กับเขาต่อหน้าต่อตาข้า แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าไม่ผิดกับใครเลยหรือ?”ฉีอวี่เยียนได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด เพราะนางเข้าใจแล้วว่า แม่ของนางทำเรื่องเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนมากมาย ในฐานะลูกสาวของนาง ชื่อเสียงของตนคงพังทลายอย่างสิ้นเชิง!ซิ่วไฉที่นางหมายปอง เกรงว่าคงไม่ยอมแต่งงานกับนางอีกแล้ว!เสียงเอะอะโวยวายดังขนาดนี้ฝั่งแขกชาย ไม่นานนักข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่ว ทุกคนไม่สนใจเรื่องการแยกชายหญิงอีกต่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 210

    นางหลิวเห็นสีหน้าของสาวใช้ ก็รู้ในทันทีว่าเกรงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว!ตอนนี้ยังได้ยินเสียงสามีหนุ่มของตนอีกต่างหาก นางยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก?เสียงครวญครางของนางถานยังแว่วดังออกมาอีกว่า “โอ๊ย! เจ้าอย่ามุทะลุเช่นนี้ แขนของข้ายังไม่หายดีเลยนะ เจ้าแตะถูกแผลแล้ว...”เหล่าฮูหยินที่อยู่ข้างหน้าต่างมองหน้ากัน ไหนเลยพวกนางจะฟังไม่ออก นั่นคือเสียงของนางถานหรงจือจือเองก็หน้าซีดเผือดไปหมด “นี่...”ในใจนางกลับเลื่อมใสอันธพาลผู้นั้นอยู่หลายส่วน ฟังจากเสียงนี้แล้ว ไม่คิดเลยว่านางถานจะถูกเขาทำให้หลงได้เร็วขนาดนี้? มิน่าล่ะถึงมีความสามารถหลอกฮูหยินได้มากมายขนาดนั้น!ในตอนนี้นางหลิวเดือดดาลจนจะบ้าแล้วนางพุ่งเข้าไปโดยตรง แล้วถีบเปิดประตูสาวใช้ที่อยู่ตรงหน้าประตูกล่าวเสียงดังว่า “ฮูหยิน ฮูหยินใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ...”นางหลิวใจเย็นลงเสียที่ไหน ถีบนางกระเดือนไปข้าง ๆ ด้วยบรรดาฮูหยินและคุณหนู ในใจกระวนกระวายราวกับถูกแมวข่วนก็มิปาน อยากเข้าไปดูเรื่องสนุก ทว่าก็กลัวเห็นภาพอะไรที่ไม่อาจทนดูได้ จนทำให้คนซุบซิบนินทาตนได้ดังนั้น พวกนางจึงเลือกวิธีที่อยู่ระหว่างกลาง : เอามือปิดหน้าแล้วแอบมองจ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 209

    ถานผิงถิงบอกสถานการณ์กับนาง ในใจนางไม่ชอบหรงจือจือ แต่เมื่อรู้ว่านางสวีเป็นคนไม่ได้ตั้งใจทำหกใส่ นางเองก็ไม่ควรที่จะพูดอะไรได้แต่ฉีกยิ้มพลางกล่าว “ข้าในฐานะเจ้าบ้าน ก็จะไปด้วยเช่นกัน!”หรงจือจือย่อมยิ่งไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วดูท่าสวรรค์กำลังช่วยตนอยู่ ไม่คิดเลยว่านางหลิวยังกลับมาพอดิบพอดีอีก คิดว่าเรื่องสนุกนี้จะยิ่งยอดเยี่ยมไปกันใหญ่...ทว่ากล่าวถึงนางถานที่ถูกสาวใช้พาไป มาถึงเรือนชิงเฟิงแล้วครั้นหญิงรับใช้แซ่หลี่เห็นสาวใช้ผู้นั้น ก็กล่าวขึ้นย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้ารออยู่ข้างนอกนี่แหละ ข้าเข้าไปปรนนิบัติฮูหยินก็พอแล้ว!”สาวใช้ “เจ้าค่ะ!”แม้หญิงรับใช้แซ่หลี่ไม่กล่าวออกมาเช่นนี้ นางเองก็จะเป็นฝ่ายเสนอออกมาก่อนอยู่ดี นางจะเฝ้าให้คุณชายอยู่ข้างนอกนางถานเริ่มเปลื้องผ้า ภายใต้การปรนนิบัติของหญิงรับใช้แซ่หลี่ทว่ามีคนผู้หนึ่ง ซุ่มซ่อนอยู่ในห้องนี้มานานแล้ว เข้ามาใกล้ช้า ๆ ฉวยโอกาสตอนที่หญิงรับใช้แซ่หลี่ไม่ทันสังเกต ตีท้ายทองของนางจากเบื้องหลังจนเป็นลมไปนางถานได้ยินเพียงเสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง กำลังจะหันหน้ากลับไปทว่าถูกคนโอบเอวเอาไว้อย่างแรง ครั้นเบือนศีรษะไปนางก็เ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 208

    นางถานไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก บวกกลับช่วงนี้เกลียดชังนางหลิวมากจริง ๆกล่าวทั้งหน้าคล้ำดำหมอง “ตอนนี้สกุลถานมีแต่คนไร้ประโยชน์เช่นเจ้าแล้วหรืออย่างไร? กระทั่งน้ำชายังถือไม่อยู่! นางหลิวดูแลจวนอย่างไรกันแน่?”ครั้นนางด่าเช่นนี้ออกมา คนที่อยู่ในงานต่างพากันเงียบกริบสาวรับใช้ผู้นั้นถือน้ำยังถือไม่อยู่มือ ก็เลอะเลือนนิดหน่อยจริง ๆ ทว่าสตรีที่แต่งงานออกไปอยู่ที่อื่นหลายปีเช่นนางถาน ว่าพี่สะใภ้ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ไม่มีกฎเกณฑ์และทำให้ผู้คนรังเกียจเป็นอย่างมากสาวใช้ผู้นั้นรีบหมอบกราบแล้วกล่าวว่า “ขอฮูหยินใจเย็น ๆ ด้วยเจ้าค่ะ!”ต่อให้นางถานเดือดดาลแค่ไหน แต่จะสวมเสื้อผ้าเปียกไปตลอดไม่ได้ จึงลุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นพาข้าไปเปลี่ยนชุดเสีย! เปลี่ยนชุดเสร็จค่อยมาจัดการทาสชั้นต่ำไร้ประโยชน์อย่างเจ้า!”สาวใช้กล่าวทั้งน้ำตาอาบหน้า “เจ้าค่ะ บ่าวจะนำทางให้ฮูหยินไปยังเรือนชิงเฟิงที่บรรดาแขกมีเกียรติเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน!”ก่อนไป นางถานยังนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางหันหน้ากลับไปมองทีหนึ่ง “ตำแหน่งประธานเป็นของข้า ท่านหญิงขั้นสองเป็นลูกสะใภ้ของข้า! เดี๋ยวหากผู้ใดนั่งตำแหน่งของข้า ก็ต

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status