ราวกับทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกับหรงจือจือ แต่ขณะเดียวกัน เรื่องต่างๆ ก็สาวมาถึงตัวหรงจือจือไม่ได้ขณะที่กำลังไตร่ตรองก็มีเหงื่อเย็นซึมทั่วร่าง ท้องเริ่มบิดปวดเพราะความกังวล “ข้าไม่สบายท้อง ประคองข้ากลับไปพัก…”ซี่อวี่ “เจ้าค่ะ!”หรงจือจือหันกลับไปมองเงาหลังของอวี้ม่านหวาปราดหนึ่ง แววตาเย็นยะเยียบ กลัวแล้วหรือ? กลัวแล้วก็ดี!กลัวแล้วจะได้ร้อนใจ และเมื่อร้อนใจก็จะได้ก้าวพลาดเข้าไปยังหลุมพรางที่ท่านราชเลขาธิการเตรียมไว้เพื่อนางกับผู้เหลือรอดจากแคว้นเจา!คนอื่นๆ ในสกุลฉีแยกย้ายกันไปเช่นกันแต่จะปล่อยให้นางถานนอนบนพื้นอยู่แบบนี้ก็คงไม่ใช่ ฉีอวิ่นสั่งว่า “ลากนางกลับไปที่เรือนตัวเอง ปล่อยให้รอความตายอยู่ที่เรือนของนางเองนั่นแหละ!”“เมื่อก่อนนี้หญิงรับใช้เฉินภักดีต่อนางที่สุดมิใช่หรือ? บอกให้หญิงรับใช้เฉินมาดูแลนางในวาระสุดท้าย! ถือเป็นความเมตตาที่ข้าเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้!”หรงจือจือเกือบหัวเราะออกมา ไม่ว่าจะฉีอวิ่นหรือนางถานก็ไม่มีทางคาดคิดแน่ว่าตอนนี้หญิงรับใช้เฉินเกลียดชังนางถานเข้ากระดูกดำ วาระสุดท้ายของนางถานไม่มีทางเป็นสุขแน่!บัดนี้แววตาของนางถานว่างเปล่า น
หรงจือจือฟังจบแล้วหัวเราะเยาะ “ใต้เท้าฉีช่างปฏิเสธความรับผิดชอบได้หมดจดยิ่งนัก! ท่านคิดจริงๆ หรือว่าทั้งหมดเป็นความผิดของท่านแม่ท่าน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลย?”“มีครั้งใดที่ท่านมาทำร้ายข้าเพราะฟังคำของมารดาโดยไม่ใช่การตัดสินใจของท่านเองบ้าง? คงไม่ได้ถูกผีสิงกระมัง?”ฉีจื่อฟู่ตอบอย่างเร่งรีบ “ข้าทำไปเพราะความกตัญญู…”หรงจือจือหัวเราะเยาะหนักกว่าเดิม “กตัญญูหรือ? หากท่านกตัญญูต่อนางจริง เหตุใดไม่ดูแลนางให้ดีกว่านี้สักหน่อย? เหตุใดไม่รู้จักไปเรียนรู้การนวดด้วยตัวเอง? เหตุใดไม่ทำอะไรเพื่อให้นางมีความสุขบ้างล่ะ?”“วิธีเอาใจนางที่ท่านใช้มีเพียงการเข้าข้างนางซ้ำๆ บอกว่าข้าไม่ควรทำให้นางโมโห ทั้งยังบอกให้ข้าไปนวดให้นาง”“ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่ท่านสละล้วนแต่เป็นแค่ ส่วนตัวท่านเองกลับแทบไม่ได้ทุ่มเทอะไรเลย ใต้เท้าฉีช่างเป็นบุตรกตัญญูยิ่งนัก มักจะใช้ผู้อื่นในการตอบแทนบุญคุณ เชื่อว่ามารดาของท่านต้องตื้นตันใจไปจนตายเป็นแน่!”ฉีจื่อฟู่พูดไม่ออกเมื่อได้ยินถ้อยคำของหรงจือจือเนิ่นนานก่อนจะพูดว่า “จือจือ สามีภรรยากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ข้ากตัญญูหรือเจ้ากตัญญูแล้วมันต่างกันอย่างไร?”หรงจื
“ของเสียพวกนั้นเป็นของที่นางเพิ่งขับออกมา ท่านรออยู่นอกฉากกั้นก่อน ด้านในนี้ค่อนข้างเหม็น บ่าวจะทำความสะอาดให้ก่อน เสร็จแล้วท่านค่อยพบนางนะเจ้าคะ!”ความจริงแล้วของเสียถูกทิ้งไว้มาสองวันแล้ว ไม่ได้เพิ่งขับออกมาแต่อย่างใด หญิงรับใช้เฉินกำลังโกหกหรงจือจือเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่นางจะสนใจหรือ? นางพยักหน้ายิ้มว่า “ลำบากเจ้าแล้ว!”ไม่นานหญิงรับใช้เฉินก็ทำความสะอาดอย่างลวกๆ แล้วพูดกับหรงจือจือด้วยความเคารพ “ฮูหยินน้อย คิดว่าท่านจะมีเรื่องอยากคุยกับนังแก่นี่ เช่นนั้นบ่าวจะถอยออกไปก่อนนะเจ้าคะ?”หรงจือจือ “รู้ใช่หรือไม่ว่าตัวเองควรไปที่ใด?”หญิงรับใช้เฉินฟังดังนี้ก็เข้าใจโดยพลัน “บ่าวทราบเจ้าค่ะ!”นางเดินถอยออกไปที่ประตูเรือนแทนที่จะยืนรออยู่ที่ประตูห้อง เช่นนี้จะไม่ได้ยินที่หรงจือจือคุยกับนางถานแม้แต่น้อยเจาซีถอยออกไปเฝ้าหน้าประตูเช่นกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้หรงจือจือยืนอยู่ข้างเตียง มองไปยังแม่สามีที่ใช้คำว่ากตัญญูมากดขี่ทรมานนางตลอดสามปีหัวเราะเบาๆ ว่า “ท่านแม่ ท่านรู้สึกเศร้าใจบ้างหรือไม่? ทั้งบ้านนี้มีเพียงข้าที่มาเยี่ยมท่าน!”นางถานเริ่มน้ำตาไหลและส่งเสียงร้อง “อ้าๆๆ” พยา
นางถานโกรธจนดวงตาแทบจะถลนออกมา นางจ้องหรงจือจือ กัดฟันถามว่า “เพราะ…เพราะ เพราะ…”แต่บัดนี้นางเปล่งเสียงพูดได้แค่พยางค์เดียวหรงจือจือพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “อยากถามว่าเพราะเหตุใดหรือ? ที่แท้ ในวันที่เจ้าจงใจทำให้ท่านย่าของข้าสิ้นใจตาย เจ้าก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้สินะ?”นางถานโกรธหน้าแดงก่ำ แต่แล้วเมื่อได้ยินคำพูดนี้กลับตกใจหน้าขาวซีด!หรงจือจือค่อยๆ เดินไปใกล้เตียง “อะไรกัน? ที่แท้เจ้าก็รู้จักกลัวด้วยอย่างนั้นหรือ?”นางถาน “ชั่ว…ชั่ว…”หรงจือจือรู้ว่านางอยากด่าว่าอะไร นางอยากด่าตัวเองว่าหญิงชั่วนางแสยะยิ้มว่า “หากจะว่าด้วยเรื่องความชั่วร้ายแล้ว บนโลกนี้จะมีผู้ใดเทียบเจ้าได้? สามปีแล้ว ข้าทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อสกุลฉีของเจ้า ไม่เคยทำผิดต่อพวกเจ้าทั้งครอบครัวสักครั้ง”“แต่พวกเจ้าเล่า? จะรังแกข้า ดูหมิ่นข้า หรือหักหลังข้าก็ไม่เป็นไร แต่นี่เจ้ากลับไม่ปล่อยไปแม้แต่ท่านย่าของข้า!”“ตอนนั้นเจ้าคิดว่ากำจัดบุคคลเพียงผู้เดียวที่รักข้าออกไปแล้วข้าไม่มีครอบครัวให้พึ่งพาอีกต่อไปได้ใช่หรือไม่?”“เช่นนั้นเจ้ารู้สึกว่ามันเหมือนกับตัวเจ้าตอนนี้หรือไม่? บนโลกนี้ไม่เหลือครอบครัวที่รักเจ้าอีกต
“หากเจ้ารู้สึกว่ามีจุดใดที่ไม่สมบูรณ์แบบก็ไปรอข้าที่ปรโลกก่อนนะ อีกร้อยปีข้าจะตามไปสอนให้ใหม่!”นางถานตัวสั่น นางไม่รู้ว่าควรเกลียดชังหรงจือจือและแสดงออกว่าต่อให้ตายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปดี หรือว่าควรจะหวาดกลัวและหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องพบเจอปีศาจร้ายเช่นนี้ในดินแดนปรโลกอีกดี!ภายใต้ความโกรธแค้นและตื่นตระหนกลนลาน นางกุมทรวงอกตัวเอง รู้สึกหายใจไม่ออกมากขึ้นเรื่อยๆหรงจือจือพูดเสียงเบา “จุดจบของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว! ลูกๆ ของเจ้าเกลียดเจ้ามากขนาดนี้ คิดว่าพวกเขาคงจะไม่จัดงานศพให้ดีนักหรอก”“หลังจากที่เจ้าตาย ญาติของเจ้าจะเผากระดาษเงินให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ นางถาน เจ้านี่ช่างน่าสงสารจริงๆ เห็นด้วยหรือไม่?”นางหัวเราะเยาะนางถาน แต่ขณะเดียวกันก็กำลังหัวเราะเยาะตัวเองบัดนี้ไม่มีท่านย่าอีกต่อไปแล้ว ใต้หล้านางยังเหลือครอบครัวที่แท้จริงอีกที่ใดกัน? ผู้ใดจะเผากระดาษเงินให้นางได้?นางถานรู้ดีว่าตัวเองใกล้จะไม่ไหวแล้วนางทั้งยอมรับไม่ได้ ทั้งเคียดแค้นชิงชังในฐานะหมอ หรงจือจือรู้ดีว่าในยามที่คนเรากำลังจะตาย อวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะส่งพลังทั้งหมดมาไว้ที่เสียงเพื่อให้คนๆ ได้สั่งเสียหลัง
เจาซีโมโหเล็กน้อย จังหวะที่กำลังจะระเบิดอารมณ์หรงจือจือกลับพูดเสียงเบาอย่างยินดีปรีดา “เจาซี ไปหยิบป้ายคำสั่งดูแลบ้านมาให้อนุอวี้ ในเมื่อหลังจากนี้นางจะเป็นผู้ดูแลจวน เช่นนั้นเรือนหลันก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการในจวนอีก”ฉีจื่อฟู่อาจจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้นางสะอิดสะเอียนและเสียใจ หากเป็นเมื่อสามปีก่อน บางทีนางอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ นางไม่สนใจอีกต่อไปแล้วเจาซี “เจ้าคะ?”เจาซีสับสนงุนงง แต่อวี้ม่านหวาอยู่ที่นี่ นางไม่กล้าถามโดยพลการเดินไปหยิบป้ายคำสั่งดูแลบ้านมามอบให้อวี้ม่านหวาตามที่คุณหนูสั่งอวี้ม่านหวาสับสน แม้ว่านางจะมองว่าตัวเองเป็นคนฉลาด แต่เวลานี้กลับไม่เข้าใจว่าหรงจือจือคิดจะทำอะไรหรงจือจือเอ่ยปากส่งแขกส่ง “อนุอวี้ได้ของที่ต้องการแล้ว เหตุใดยังไม่ไปอีก? กระไร รอให้ข้าแสดงความยินดีรึ?”“เจ้าอยากได้ของสิ่งนี้ แต่ข้าไม่ต้องการแม้แต่น้อย ข้าใกล้จะไปจากสกุลฉีแล้ว! เจ้าเก็บไว้จัดงานศพให้นางถานเถอะ!”อวี้ม่านหวาเห็นหรงจือจือแสดงท่าทีรังเกียจตัวเองเหมือนปกติก็คลายความสงสัยในใจลงพูดเหน็บแนมว่า “ฮูหยินน้อยช่างใจกว้างยิ่งนัก! ตำแหน่งฮูหยินตราตั้งก็ไม่อยากได้ ป้ายคำสั่
เซี่ยอวี่ “…บ่าวสมควรทำอยู่แล้วเจ้าค่ะ”ฮูหยินน้อยมีบุญคุณต่อนาง ทั้งยังไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง ทว่าตัวนางกลับไม่กล้าเป็นพยานให้ฮูหยินน้อย นี่เป็นเรื่องที่นางรู้สึกผิดต่อฮูหยินน้อยมาโดยตลอดแต่ดูจากท่าทีของฮูหยินน้อยแล้วเหมือนจะไม่ถือโทษนางหรงจือจือไม่ถือโทษนางก็จริง แต่ก็จะไม่วางแผนอนาคตเพื่อนางเช่นกัน พวกนางทั้งสองไม่มีอะไรติดค้างกันอีก วันหน้าเซี่ยอวี่จะเป็นอย่างไรก็ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับตัวเซี่ยอวี่แทนทั้งสิ้นหลังจากที่เซี่ยอวี่จากไป เจาซีก็พูดด้วยความโมโหว่า “คุณหนู บ่าวรู้สึกว่าผู้สมรู้ร่วมคิดต้องเป็นอวี้ม่านหวาแน่นอน! แม้ว่ายามที่นางถานวางแผน อวี้ม่านหวาจะยังไม่แต่งเข้ามาในจวน แต่ไม่แน่ว่าจะหาทางติดต่อกันไว้ก่อนแล้วก็เป็นได้!”นางมองว่าอวี้ม่านหวาเป็นผู้ที่ทำร้ายคุณหนูอย่างสาหัสที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงคิดเชื่อมโยงไปถึงอวี้ม่านหวาแววตาของหรงจือจือหม่นลงเล็กน้อย “ผู้ใดจะรู้กัน! แท้จริงแล้วผู้สมรู้ร่วมคิดอาจจะไม่ได้อยู่ในสกุลฉีก็ได้ เจ้าลืมไปแล้วหรือ? สาวใช้ที่หลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจากสกุลหรงเมื่อตอนนั้นตายอย่างง่ายดายเพียงใด!”เจาซีตกใจกลัว “ท่านหมายถึงว่า…อาจจะเป็นฝีมือข
แม้หรงจือจือจะรู้อยู่แล้วว่าฉีจื่อฟู่เป็นคนที่น่ารังเกียจมาก ทว่าตอนนี้นางก็ยังรู้สึกรังเกียจอยู่ดีนางไม่ได้มีสีหน้าโกรธเคืองแต่อย่างใด เพียงแค่เลิกคิ้วว่า “ข้าใส่ร้ายนางหรือ? ใต้เท้าฉีมีหลักฐานหรือไม่?”แววตาของเฉินจื่อฟู่จมลง เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ม่านหวาอ่อนแอถึงเพียงนี้ นอกจากข้าแล้วนางก็ไม่มีที่พึ่งในแคว้นต้าฉีอีก จะไปทำเรื่องเลวร้ายได้อย่างไร?”“ผิดกับเจ้าที่มีมหาราชครูหรงหนุนหลัง เขามีทั้งตำแหน่งและอำนาจ หากจะกล่าวหาคนผู้หนึ่งก็ง่ายนิดเดียวไม่ใช่หรือไร?”หรงจือจือพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว! ในสายตาใต้เท้าฉี ขอเพียงแสดงท่าทีอ่อนแอบอบบางก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์สินะ”“เพียงแค่มีอำนาจมีอิทธิพลก็จะถือว่ามีความผิดทันที ถือเป็นพวกที่กระทำแต่เรื่องชั่วร้าย”“ยกตัวอย่างเช่นบิดาของข้า ตอนนี้ใต้เท้าฉีไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้นแต่กลับปรักปรำบิดาของข้าว่าจัดฉากทำร้ายผู้อื่น”ฉีจื่อฟู่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ต้องมาพูดแบบนี้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบม่านหวามาโดยตลอด”“แต่ข้ารับปากเจ้าแล้วว่าสามารถส่งนางไปอยู่ชนบท เหตุใดเจ้าต้องทำรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย?”อวี้ม่
ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา
เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า
“ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท
เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่
เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค
เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช
เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ
หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ
“แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง