แชร์

บทที่ 114

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
ภายใต้โทสะถึงขีดสุด ซิ่นหยางโหวหันไปตบนางถานอีกครั้ง

ตบจนใบหน้าทั้งสองข้างของนางถานสมดุลกัน บวมจนเหมือนโป๊ยก่ายที่ผู้ล่วงลับท่านหนึ่งเขียนอยู่ในไซอิ๋ว

นางถานกุมใบหน้าของตัวเอง ร้องขึ้นมาด้วยความระทม “ท่านโหว!”

นางรู้เสียที่ไหนเล่า ในสายตาของทุกคน เมื่อครู่หรงจือจือมีท่าทางของศรีภรรยาที่น่าสงสารจับใจ หวังดีต่อครอบครัวพยายามอย่างสุดความสามารถ

แต่นางกลับมีท่าทางที่ตะคอกสุดชีวิต ดูแล้วราวกับคนวิปลาสอย่างไรอย่างนั้น

นางบ้าที่อยากให้ครอบครัวนี้จบเห่!

ตอนนี้หรงจือจือดูเหมือนกำลังขอร้อง แต่ความจริงกำลังปลุกปั่น “ท่านพ่อ! ท่านอย่าได้ตบหน้าท่านแม่อีกเลย! ต่อให้ท่านแม่แค้นน้องเสียนกับน้องเยียน ทั้งยังเกลียดชังข้า แต่อย่างไรนางก็คือผู้อาวุโสของพวกเรานะเจ้าคะ!”

ไม่ขอร้องยังดี พอขอร้องซิ่นหยางโหวก็ยิ่งโมโหโกรธา

เขาตวาด “ผู้อาวุโสหรือ? เจ้าเห็นนางมีความเป็นอาวุโสสักกิ่งก้อยหรือไม่? เหมือนกับหญิงวิปลาสก็ไม่ปาน! เจ้าเห็นนางเป็นผู้อาวุโส นางเห็นเจ้าอยู่ในสายตาสักนิดหรือ?”

“วันนี้นางทำร้ายจื่อเสียนกับอวี่เยียน เจ้าก็ไม่ได้หาเรื่องนาง นางยังจะอาละวาดกับเจ้าอีก!”

นางถานเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 115

    ครอบครัวนี้เอะอะก็หาถ้อยคำมาทำให้นางรังเกียจ เพราะเหตุใด?คิดว่าทำให้นางรังเกียจแล้ว นางจะไม่พูดอะไรหรือ? สำหรับมารดาคนหนึ่ง ที่จริงแล้วเรื่องที่โหดเหี้ยมที่สุด ก็คือการลบหลู่บุตรของพวกนาง เพราะมันทำให้พวกนางทรมานเสียยิ่งกว่าการด่าพวกนางเองแน่นอน ที่ไม่รักมารดาของตัวเองอย่างนางหวังคือข้อยกเว้นซึ่งมีจำนวนน้อยยิ่งนางถานกลับรักบุตรของตัวเองดังคาด ครั้นนางถานได้ฟังก็ไอโขลก แม้แต่คำพูดคำจาก็ไม่สมบูรณ์ “เจ้า เจ้า...หรงจือจือ เจ้า...”หลี่หมัวมัวก็กล่าวเช่นกัน “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านความหมายว่าอย่างไร? หากให้ข้างนอกล่วงรู้คำพูดเหล่านี้ของท่าน พวกเขาจะคิดกับท่านอย่างไร?”หรงจือจือหัวเราะอย่างเสียดสี “ข้างนอกจะคิดกับข้าอย่างไร? ข้างนอกก็เห็นแต่ท่านย่าของข้าเพิ่งสิ้นอายุขัย ยังถูกบีบให้ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านหลังท่านแม่ในงานเลี้ยงชมดอกไม้อีกนะสิ”“ข้างนอกรู้เพียงท่านย่าของข้าโมโหคนสกุลฉีจนสิ้นใจ ข้ายังทุ่มเทใจวางแผนเรื่องแต่งงานของฉีอวี่เยียน มิใช่บุตรสาวคนดีของบ้านมารดา แต่เป็นลูกสะใภ้แสนดีของสกุลฉี”“อย่าว่าแต่ข้างนอกเลย แม้แต่คนอื่นในบ้านหลังนี้ก็รู้กันทั้งนั้น ข้ายังวางแผนให้กับทุกคน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 116

    ทว่านางถานผิดหวังแล้วหรงจือจือมองนางพลางยิ้มเยาะน้อย ๆ “นั่นก็ไม่รบกวนให้ท่านเป็นกังวลแล้ว! นางถาน ท่านต้องอายุยืนยาวนะ หากตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ ข้าจะรู้สึกว่าท่านอ่อนหัดนัก!”พูดจบนางก็พาเจาซีเดินออกไปข้างนอกนางถานโกรธจนไอออกมาเป็นเลือด เคียดแค้นนาง ก่อนจะตะเบ็งเสียงก่นด่า “หรงจือจือ เจ้ามันนางแพศยา เจ้าหยุดนะ! เจ้าถึงกลับกล้าพูดเช่นนี้กับข้า...ใครก็ได้ ขวางนางเอาไว้! วันนี้ข้าต้องตีนางให้ตายให้ได้” ครั้นนางตะเบ็งเสียงเช่นนี้ ก็มีบ่าวไพร่หลายคนเข้ามาหรงจือจือพูดราบเรียบอย่างไม่คิดเช่นนั้น “นางถาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ? ตอนนี้ท่านกำลังถูกกักบริเวณอยู่นะ ข้าเป็นคนตัดสินใจงานในเรือนทั้งหมด!”“ด้วยฐานะฮูหยินซื่อจื่อ ฐานะบุตรสาวในภรรยาเอกของสกุลหรงของข้า บ่าวไพร่คนใดจะกล้าลงมือกับข้า? หลี่หมัวมัว เจ้าหรือ? หรือว่าเจ้าฮวาหมัวมัว?สายตาเย็นเยียบของนางกวาดมองมา หมัวมัวทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับหรงจือจือหากเป็นเฉินหมัวมัวและเฉียนหมัวมัว ด้วยที่นางถานให้ความสำคัญต่อพวกนางในอดีต หรงจือจือกลับเชื่อว่าพวกนางจะปกป้องนาย ทว่าสองคนนั้นไม่ได้ปรนนิบัติอยู่ข้างตัวนางถานแล้วนี่?หลี่หมัวมัวรีบ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 117

    ……หรงจือจือพาเจาซีกลับถึงเรือนหลันแล้วเจาซีตื่นเต้นจนใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ “คุณหนู วันนี้สะใจยิ่งนัก บ่าวเพิ่งจะเคยเห็นนางถานโมโหโทโสจนเป็นเช่นนั้นครั้งแรกเลยเจ้าค่ะ! ไม่นึกว่าท่านโหวผู้นี้ยังมีช่วงเวลาที่มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน”หรงจือจือหัวเราะ “มีเหตุผล? เขาแค่รู้สึกว่าข้ามีประโยชน์ก็เท่านั้น ถ้ามีเหตุผลจริง ด้วยการกระทำในวันนี้ของฉีจื่อเสียน เขาต้องให้ฉีจื่อเสียนขอขมาข้าแล้วมิใช่หรือ?”“เจ้าไม่ได้สังเกต วันนี้ข้าดูเหมือนจะชนะ แต่ความจริงข้าถูกคนสกุลฉีหยามเกียรติแล้ว ทำให้รังเกียจแล้ว ซิ่นหยางโหวยังรู้สึกเป็นเรื่องที่สมควรอยู่เลย คิดว่าข้าควรวางอนาคตให้ลูก ๆ ของเขาต่อ”ฉีจื่อเสียนว่านางว่าแสดงเก่งกว่าผู้หญิงโรงงิ้ว ซิ่นหยางโหวยังไม่ให้เขายกน้ำชาขอขมานาง นี่คือการกระทำของบิดาสามีที่รู้แจ้งในเหตุผลหรือ?เจาซีใจเย็นลงทันที “คุณหนู ท่านพูดถูกเจ้าค่ะ! มิน่าตอนนั้นบ่าวถึงรู้สึกสะใจ แต่ก็รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ค่อยถูกอยู่ บอกไม่ถูกว่าปัญหาอยู่ตรงไหน”อวี้หมัวมัวยกรังนกพุทราเข้ามายื่นให้หรงจือจือ “คุณหนูรีบดื่มตอนร้อนๆ เจ้าค่ะ! บ่าวได้ยินว่าหลังจากนั้นซื่อจื่อไประบายอารมณ์กับชุนเซิงแล้ว”

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 118

    อวี้ม่านหวา “นี่...นี่จะไม่เหมาะสมหรือเปล่าเจ้าคะ? ข้าเกรงว่าฮูหยินซื่อจื่อจะไม่พอใจ”ฉีจื่อฟู่ขมวดคิ้วพูด “นางมีอันใดให้ไม่พอใจ? นี่ไม่เพียงแต่เพื่อเจ้า ยังเพื่อเด็กในท้องของเจ้าด้วย อย่าว่าแต่เตาอุ่นมือใบเดียวเลย ถ้าเจ้าอยากอยู่เรือนหลัน นางก็ควรย้ายออกมาให้เจ้า!”อวี้ม่านหวารีบพูด “ข้าไม่กล้า ท่านพี่อย่าได้พูดคำนี้ออกไปเชียวนะเจ้าคะ ข้าเป็นแค่อนุคนหนึ่ง ไหนเลยจะคู่ควรพักเรือนของฮูหยินซื่อจื่อ?”ฉีจื่อฟู่ได้ยินอวี้ม่านหวากล่าวเช่นนี้แล้วกลับตาโตหากเขาให้จือจือย้ายออกจากเรือนหลัน นางต้องรู้ตัวแน่ว่าใครกันที่เป็นใหญ่ในจวนแห่งนี้ วันหน้าจะกล้าทำให้เขาเสียหน้าบ่อย ๆ หรือ?เอาไว้อีกสองวันเขาหยุดราชการจะไปพูดเรื่องนี้กับจือจือวันนี้เขายังโกรธอยู่ ปล่อยนางไปก่อนสักสองสามวัน นางทำเช่นนี้ ไหนเลยจะมีสิทธิ์ได้พบเขาผู้เป็นสามี?เขาคิดแล้วจึงกุมมือของอวี้ม่านหวา “อย่าคิดมากไปเลย เจ้าคือองค์หญิง ก็แค่เรือนเรือนหนึ่ง มีอันใดไม่เหมาะสม? ข้าบอกว่าเจ้าคู่ควร เจ้าก็คู่ควรสิ”อวี้ม่านหวายิ้มกริ่ม “ท่านพี่ฟู่ ท่านดีกับข้าจริง ๆ!”ฉีจื่อฟู่เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งอารมณ์ดี ม่านหวาพอใจง่ายเช่นนี้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 119

    ในที่สุดจางหมัวมัวก็เริ่มไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นก็ขอให้ฮูหยินซื่อจื่อมีอนาคตที่สดใสก็แล้วกันเจ้าค่ะ”หลังจากกล่าวทิ้งท้ายแล้วก็ตะบึงตะบอนออกไปเจาซีมองจางหมัวมัวออกไปแล้วก็ตาแดงระเรื่อ “คุณหนูที่น่าสงสารของข้า นี่คือการแต่งงานที่ดีกว่าชัด ๆ...”ในตอนที่คุณหนูปฏิเสธครั้งแรก จางหมัวมัวถึงขั้นบอกว่าอีกสองสามวันจะมาถามใหม่ พอให้เห็นว่าให้ความสำคัญแต่ต้องโทษที่นางเซี่ยยอมรับคุณหนูไม่ได้อวี้หมัวมัวรีบโบกมือ “อย่าร้องไห้นะ ก็เพราะวัน ๆ เอาแต่ร้องไห้ เสนียดจัญไรจึงมาเกาะ! พวกเจ้ายังเด็ก ไม่เข้าใจ หากเรื่องดีตรงหน้าไม่ราบรื่น เช่นนั้นก็เพราะยังดีไม่พอ ต้องมีที่ดีกว่าอยู่ข้างหลังแน่”หรงจือจือกลับเห็นต่างเรื่องแต่งงานอันใด เรื่องดีหรือไม่ นางไม่สน เวลานี้ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าความแค้นของท่านย่าอีกแล้วจางหมัวมัวไปได้ไม่นานฉีอวี่เยียนก็มา “พี่สะใภ้ ข้าเข้าไปแล้วนะ...”หรงจือจือพยักหน้ากับบ่าวไพร่ ไม่ได้ให้คนขวางนางไว้ฉีอวี่เยียนมาถึงตรงหน้าหรงจือจือด้วยความประหลาดใจ ทั้งยังมีถานผิงถิงที่รุ่นราวคราวเดียวกับฉีอวี่เยียนมาด้วยอีกคนถานผิงถิงคือบุตรสาวพี่ชายบ้านมารดานางถาน แต่พี่ชายขอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 120

    หรงจือจือเห็นฉีอวี่เยียนรีบร้อนจากไปจึงทำเป็นตะโกนอย่างร้อนรน “น้องเยียน เจ้าอย่าก่อเรื่องเป็นอันขาดนะ กลับมาเร็ว!”ทว่าตัวกลับไม่แยกออกจากเก้าอี้ ไม่มีท่าทางเหมือนจะไปรั้งคนด้วยตัวเองสักนิดส่วนฉีอวี่เยียนหลังจากได้ยินเสียงของหรงจือจือแล้วก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก ราวกับกลัวจะถูกถ่วงอนาคตอันสวยงามของตัวเองหรงจือจือถอนหายใจทีหนึ่ง “เฮ้อ นี่จะทำอย่างไรดี...”การแสดงออกเช่นนี้ของนางกลับทำให้ถานผิงถิงตาค้างไปวันนี้หรงจือจือเป็นอันใดไป? เหตุใดจึงไม่คิดขัดขวางอย่างจริงจัง ไม่ให้ฉีอวี่เยียนออกไปจากบ้าน?ถึงตอนนั้นนางจะได้แอบเป่าหูฉีอวี่เยียนอีกที เช่นนั้นฉีอวี่เยียนจะมิเคียดแค้นหรงจือจือ ไม่พอใจพี่สะใภ้คนนี้มากขึ้นหรือ? ระหว่างที่นางนิ่งไป หรงจือจือยังปรายตามองนาง “น้องถิง เจ้าไม่ไปกับอวี่เยียนหรือ? ยังไม่รีบไปเป็นเพื่อนนางอีก?”หลังจากได้ยินการไล่แขกนี้แล้ว ถานผิงถิงก็จุกอกนางก็กลัวเหมือนกันว่าฉีอวี่เยียนจะไปก่อเรื่องจริง ๆ ถึงตอนนั้นหากอาหญิงรู้ว่านางยุแยงตะแคงรั่ว จะตำหนินางได้ จึงรีบหมุนตัวตามไปห้ามฉีอวี่เยียนทว่านางห้ามฉีอวี่เยียนในเวลานี้ได้ที่ไหน?หลังจากพวกนางพี่น้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 121

    นางเซี่ย “ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดทั้งนั้น ตราบใดที่เจ้ายังเป็นลูกสาวของนางถาน เจ้าก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับลูกชายข้า! ข้าเกลียดแม่ของเจ้าเข้าไส้ ดูถูกไปทุกสิ่ง”นางยังจำได้ว่าตนรับปากอะไรกับหรงจือจือเอาไว้ ยังปัดความรับผิดชอบไปให้นางถานดังเดิมเมื่อนางเซี่ยกล่าวจบ ก็สาวเท้ามุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องผู้ใดจะไปรู้ได้ว่าฉีอวี่เยียนจะตัดสินใจโหดเหี้ยม หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา แล้วกัดนิ้วจนเลือดออกเสียตรงนั้นเลย “พระชายาซื่อจื่อ ข้าจะเขียนหนังสือเลือดตัดขาดกับท่านแม่ของข้าเสีย!”นางเซี่ยมีชีวิตอยู่มาจนอายุปูนนี้ เคยเห็นอะไรมามากมาย ทว่าไม่เคยเห็นผู้ใดทำอย่างฉีอวี่เยียนถานผิงถิงเองก็ตกตะลึง แม้นางจะคอยเสี้ยมมาโดยตลอด ทว่าคนที่นางชิงชังจริง ๆ มีเพียงหรงจือจือเท่านั้น นางยังคิดทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าอาหญิงและฉีอวี่เยียน เช่นนี้ถึงจะพอมีหวังได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตนหากฉีอวี่เยียนก่อเรื่องจนถึงขั้นนั้น กลับไปหากอาหญิงรู้ว่าตนกล่าวสิ่งใดออกไป ไม่ก่นด่าตนจนหูแตกสิถึงจะแปลกนางรีบเอ่ยปากขึ้นทันที “อวี่เยียน อย่าบุ่มบ่าม! อาหญิงคือแม่แท้ ๆ ของเจ้านะ...”ฉีอวี่เยียนกล่าวอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่มีท่านแม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 122

    ฉีอวี่เยียนหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด พยายามอยากจะฟัง ทว่าสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวดที่หูซ้ายพร้อมกับเสียงอื้ออึง จากนั้นก็ค่อย ๆ ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงอื้ออึงแล้ว ราวกับถูกฝ้ายอุดเอาไว้ก็มิปาน และยังปวดหัวอย่างรุนแรงตามมาด้วยส่วนซิ่นหยางโหวยังเดือดดาลขึ้นศีรษะครั้นเห็นชาวบ้านที่หัวเราะเยาะพูดคุยกันเป็นเรื่องตลกโดยรอบเหล่านั้น เพลิงโทสะชั่วร้ายก็ยิ่งพุ่งขึ้นยอดหัวกะโหลก เขาหวดแส้ไปที่ฉีอวี่เยียนทีหนึ่งจนต้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด!หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ลากนางลูกไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวนี่กลับไปที่จวนโหวเสีย!”บรรดาบ่าวรับใช้ “ขอรับ”เจาซีมารายงานข่าวพวกนี้กับหรงจือจือ ในใจผุดความปลื้มปีติที่พูดออกมาไม่ได้ “ท่านโหวลากนางไปที่สวนฉางโซ่ว พร้อมด่านางถานไปด้วย บอกว่าเป็นเพราะลูกสาวตัวดีที่นางสั่งสอนมา!”“นางถานยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกท่านโหวฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอีก ใบหน้าที่กว่าจะยุบอย่างยากเย็นแสนเข็ญในก่อนหน้านี้ กลับต้องบวมอีกครั้ง”“หลังจากนั้นเมื่อนางถานรู้ว่า ฉีอวี่เยียนไปสาบานร้ายแรง เขียนหนังสือเลือดตัดขาดกับนาง สีหน้าก็คล้ำดำเขียวครึ่งซีดเผือดครึ่ง แล้วก็ไม่แยแ

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 132

    หรงจือจือคิดไม่ถึงว่าฉีจื่อฟู่จะมีความคิดที่จะทรมานนางเช่นกัน สายตานางจ้องมองไปที่ฉีจื่อฟู่พลางถามด้วยเสียงราบเรียบ “หมายความว่า ซื่อจื่อสำนึกและเสียใจกับสิ่งที่พูดกับข้าก่อนหน้านี้หรือ?”สีหน้าของฉีจื่อฟู่เปลี่ยนไป หากเขายอมรับว่าสำนึกและเสียใจกับคำพูดพวกนั้น ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมไม่ใช่หรือไร?แม้ปากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้หรงจือจือรักษา ทว่าแท้จริงแล้วภายในใจกลับให้ความสำคัญมากนี่ทำให้เขาหงุดหงิดหรงจือจือเล็กน้อย ในเมื่อรักเขาก็ไปคุกเข่าแทนเขาสิ จะถามเช่นนี้ให้มากความทำไม? นี่มันต่างอะไรกับการทำให้เขาผู้เป็นสามีต้องอับอาย?เขาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “สิ่งใดที่ข้าพูดไปแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียใจ”“ข้าเพียงแต่คิดว่า เจ้าเห็นข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าจะในฐานะฮูหยินซื่อจื่อ หรือในฐานะว่าที่โหวฮูหยินในอนาคต เจ้าก็คงไม่รู้สึกสบายใจนัก ด้วยเหตุนี้จึงได้ให้โอกาสเจ้าไปสวดภาวนาเพื่อข้าก็เท่านั้น”“เจ้าแต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ คนในสกุลฉีล้วยแต่ดีกับเจ้าไม่น้อย เท่านี้ก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”“หากข้าไม่เป็นห่วงอนาคตของเจ้า จะผิดคำพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 131

    หมอเทวดาเล่นตามน้ำว่า “ใช้ความรุนแรงให้น้อย โมโหให้น้อยก็พอ”หรงจือจือ “นี่ เฮ้อ…”เดิมทีสองพ่อลูกซิ่นหยางโหวยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เพราะฉีจื่อฟู่ไม่ได้ดีกับหรงจือจือ อีกทั้งหมอเทวดาก็ไม่ได้ตรวจโดยละเอียด แต่เมื่อเห็นหรงจือจือถามโดยละเอียดเช่นนี้ก็คลายความสงสัยเหล่านี้ลงก็จริง อย่างไรจื่อฟู่ก็เป็นสามีของหรงจือจือ นางจะไม่อยากให้เขาได้ดีได้อย่างไร?หมอเทวดาประสานมือพูดว่า “ไปเชิญคนอื่นมาตรวจเถิด! ข้าขอตัว!”หรงจือจือ “ข้าจะไปส่ง”นางเดินไปส่งหมอเทวดาออกจากจวนโหว หลังจากเดินห่างออกมาหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงคนในจวนหมอเทวดาถึงค่อยมองหรงจือจือด้วยความชื่นชม “เจ้าไม่ได้เลอะเลือน”ตอนที่ได้ยินว่าหรงจือจือกลับมาที่จวนซิ่งหยางโหวก่อนหน้านี้ ทั้งยังช่วยวางแผนให้ครอบครัวนี้ เขาก็โมโหแทบอกแตกตายครั้งนี้เขามาโดยอ้างว่ามาช่วยตรวจฉีจื่อฟู่ ทว่าความจริงแล้วต้องการมาด่าหรงจือจือต่างหากเคราะห์ดีที่เขาทำการจับชีพจรก่อน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เข้าใจหรงจือจือผิดแต่ก็ไม่แปลก คนนอกอาจจะไม่รู้ถึงวิชาแพทย์ของจือจือ แต่เขากลับรู้ดีว่านางเก่งกาจกว่าเขาผู้เป็นอาจารย์เสียอีก หากคิดจะช่วยฉีจื่อฟู่จริงๆ ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 130

    หนังหน้าเขาตึงเปรี๊ยะ คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาจะไม่ไว้หน้าขนาดนี้ และพูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้ทว่าตอนนี้ยังต้องขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยบุตร จึงระเบิดอารมณ์ไม่ได้ ได้แต่กล่าวว่า “ขอท่านหมอเทวดาช่วยลูกข้าด้วย เขาคือซื่อจื่อแห่งจวนโหว เป็นสามีของจือจือ...”หมอเทวดาหยิบเข็มเงินออกมา แล้วแทงฉีจื่อฟู่ให้ตื่นอย่างไม่เกรงใจมิหนำซ้ำยังจงใจไม่ออมแรงอีกด้วย แทงจนเขามีเลือดออกมามากมายซิ่นหยางโหวที่เห็นดังนั้นขมวดคิ้วมุ่น แต่อย่างไรเขาก็ไม่เป็นวิชาแพทย์ และไม่มั่นใจว่าเลือดนี่ไม่ไหลไม่ได้หรือเปล่า จึงไม่กล้าพูดมากแต่อย่างใดทว่าหมอประจำจวนที่เข้าใจวิชาแพทย์ซึ่งดูอยู่ข้าง ๆ ยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่ คิดเพียงว่าที่หมอเทวดาแทงเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลของหมอเทวดาเองหลังฉีจื่อฟู่ฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินหมอเทวดากล่าวว่า “พักผ่อนสักพัก ก็ลุกจากเตียงได้แล้ว เพียงแต่เมื่อเป็นเพราะโรคเก่ากำเริบ หลังจากนี้อาจจะอ่อนแอลงทุกวัน อาการกำเริบอยู่เป็นระยะ กลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน กระทั่งถึงแก่ความตาย”คำพูดของพ่อบุญธรรม ย่อมอยู่ในการคาดคะเนของหรงจือจือเช่นกันเมื่อฉีจื่อฟู่อาการกำเริบครั้งแรก หลังจากนั้นก็จะถี่ขึ้นเรื่อย ๆ กระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 129

    เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ครั้นซิ่นหยางโหวฟังการร่ำไห้ของอวี้ม่านหวาจบ สายตาที่ไม่สบอารมณ์ก็ตกไปบนหน้าของหรงจือจือ กำลังจะตำหนินางว่าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถึงกลับอาละวาดจนวุ่นวายไปหมดทั้งจวนทว่าหรงจือจือเอ่ยปากกับอวี้ม่านหวาก่อน “เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่ดีก็ดี! ในจวนเตาอุ่นมือแบบไหนจะไม่มีเลยหรืออย่างไร?”“เป็นแค่อนุผู้หนึ่ง ดันจะยังยุยงให้ท่านพี่ไปแย่งของภรรยาเอก ก่อเรื่องจนวุ่นวายไปทั้งจวน ไม่รู้ว่าฮองเฮาของแคว้นเจาองค์ก่อน สั่งสอนเจ้ามาอย่างไร!”“น้องเสียนทนเห็นไม่ได้ จึงไปเอากลับมา ข้าโน้มน้าวอย่างก็โน้มน้าวไม่ได้ ช่างเถิด มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ เจาซี เอาเทียบของข้ามา เชิญท่านพ่อบุญธรรมมาดูซื่อจื่อที่จวน!”เจาซี “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”แน่นอนว่าพ่อบุญธรรมที่หรงจือจือกล่าวถึง หมายถึงหมอเทวดาลูกบุญธรรมของนายหญิงผู้เฒ่าหรงในตอนนี้ซิ่นหยางโหวกล้าด่านางเสียที่ไหน?กลับหันหน้าไปมองอวี้ม่านหวา และด่าอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาจริง ๆ!”ฉีจื่อเสียนเองก็ยังไม่ลืมว่าตอนนั้น เหตุใดตนถึงต่อยตีกับพี่ชายขึ้นมา จึงเอ่ยขานรับ “ไม่ใช่เพร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 128

    อวี้ม่านหวาตกตะลึง “ท่านพี่ฟู่...”ฉีจื่อเสียนกลับไม่แยแสสถานการณ์ของฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อย คิดเพียงว่าที่อีกฝ่ายเป็นลมหมดสติไป เพราะตนกล้าหาญไร้ที่เปรียบ ทักษะการต่อสู้โดดเด่นเขายกเตาอุ่นมือของหรงจือจือขึ้นมา แล้วเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอวี้ม่านหวารีบเอ่ยขึ้นว่า “เร็วเข้า รีบไปเชิญหมอประจำจวนมา!”...ก่อนที่ฉีจื่อเสียนจะกลับมา อวี้หมัวมัวได้บอกสถานการณ์ทางนั้นกับหรงจือจือเรียบร้อยแล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงของฉีจื่อเสียน “ท่านพี่สะใภ้ ท่านดูสิข้าเอาอะไรกลับมาให้ท่าน”หรงจือจือกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางมองเตาอุ่นมือที่หวนคืนสู่เจ้าเดิม ก่อนจะแสร้งเอ่ยขึ้นด้วยความตื้นตันใจ “ต้องขอบคุณน้องเสียนมาก ๆ น้องเสียนรู้เหตุรู้ผลอย่างที่คิดจริง ๆ”เจาซีรีบไปรับเตาอุ่นมือมาฉีจื่อเสียนเขียวช้ำไปทั้งหน้า เขามองหรงจือจือ “เช่นนั้น...เช่นนั้นเรื่องหาอาจารย์ใหม่ให้ข้า ที่ท่านพี่สะใภ้พูดก่อนหน้านี้...”หรงจือจือ “เจ้าวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนของท่านเจียงด้วยตัวเอง ขอร้องให้เขาช่วยแนะนำให้ ไม่รู้ว่าน้องเสียนมีอาจารย์ที่ดูไว้ในใจหรือไม่?”แววตาของฉีจื่อเสียนเปล่งประกาย “ย่อมมีอยู่แ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 127

    ฉีจื่อฟู่ถูกท้าทายความน่าเกรงขามในฐานะผู้เป็นพี่ ยอมให้เขาเอาไปเสียที่ไหน รีบยื่นมือออกไปขวางทันที “ในเมื่อข้าเอาเตาอุ่นมืออันนี้มาแล้ว ก็ต้องเป็นของม่านหวา!”ฉีจื่อเสียนถนัดเรื่องการพูดหาประโยชน์ใส่ตัวที่สุด “ท่านพี่ ของสิ่งนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของท่านพี่สะใภ้ ท่านพี่เอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านพี่สะใภ้ เอาไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมย! ท่านพี่มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่านี่เป็นของอนุอวี้?”ฉีจื่อฟู่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ฉีจื่อเสียน ข้าไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า! เจ้ารีบออกไปเสีย!”ฉีจื่อเสียน “ข้าไม่ไป! ท่านพี่ ท่านพี่เลอะเลือนไปเอง ทิ้งอนาคตเพื่อปิศาจจิ้งจอกตัวเดียวก็ช่างเถอะ ท่านพี่ยังจะทำลายอนาคตข้าด้วยหรือ?”“ท่านพี่ก็คิดเสียว่าทำเพื่อข้า คืนของสิ่งนี้ให้ท่านพี่สะใภ้แล้วจะเป็นอะไรไป? เรื่องหาอาจารย์ยังต้องหวังพึ่งนาง ท่านพี่เป็นพี่แท้ ๆ ของข้าจริง ๆ หรือ?”ประโยคนี้ทำเอาฉีจื่อฟู่ลังเลไปครู่หนึ่งทว่าขณะนี้ ในใจของอวี้ม่านหวาเองก็เคียดแค้นฉีจื่อเสียนยิ่งนักนางพูดเสี้ยมด้วยท่าทางน่าสงสาร “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะข้าชีวิตต่ำต้อย ไม่คู่คว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 126

    ในตอนนี้เจาซีถึงเข้าใจความคิดของคุณหนู นางพลันดีใจกระโดดโลดเต้น “คุณหนู สมแล้วที่เป็นคุณหนู! กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว ก็ทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงได้!”แสดงละครตบตากับฉีจื่อเสียนอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ปากแห้งคอแห้งหรงจือจือยกแก้วชาขึ้นมา แล้วจิบคำหนึ่ง “นี่เพิ่งจะเท่าไรเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่เจ้าคิด มีเรื่องสนุก ๆ รออยู่หลังจากนี้!”ช่วงนี้ฉีจื่อเสียนหุนหันพลันแล่นเป็นอย่างมาก อาจจะแลกหมัดกับพี่ชายเขาขึ้นมาก็เป็นได้ทว่าตอนนี้ร่างกายของฉีจื่อฟู่ ไม่สามารถต้านทานการต่อยตีได้...แต่เมื่อฉีจื่เสียนไปถึงห้องของฉีจื่อฟู่ กลับหาเขาไม่เจอ ครั้นถามบ่าวรับใช้ถึงได้รู้ว่า ฉีจื่อฟู่ไปเรือนจวี๋ ที่พักของอวี้ม่านหวาสีหน้าของฉีจื่อเสียนยิ่งคล้ำดำหมองเข้าไปใหญ่เขาไม่รู้เลยว่าพี่ชายของตนหลงผิดหรือเปล่า บุรุษแต่งภรรยา หรือว่าไม่ได้เพื่อช่วยตนเอง ช่วยยกระดับทั้งตระกูลตน?อวี้ม่านหวาผู้นั้นมีอะไรดีกันแน่ ถึงทำให้ท่านพี่ไม่ไว้หน้าหรงจือจือเและทำลายตนเช่นนี้!ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเดือดดาลกระทั่งบุกเข้าไปในห้องของอวี้ม่านหวาเลยโดยไม่รอให้คนใช้ไปรายงานเช่นนี้ทำเอาสองคนนั้นตกตะลึงก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 125

    อนุส่วนใหญ่ได้รับความรักและความโปรดปรานของสามี จึงกระวนกระวายได้ง่าย สร้างปัญหาโดยไร้สาเหตุนางกระตุกรอยยิ้มเย็นเยือกมุมปาก “ฉีจื่อฟู่ทำเช่นนี้ ยิ่งเป็นการมอบหมากที่ดีแก่ข้าตัวหนึ่ง ข้าย่อมต้องยิ่งใช้มันให้ดี”หลังจากนั้นนางก็มองเจาอู้ “ไปห้องคุณชายสี่ บอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปหาอาจารย์ให้เขา เชิญเขามาหารือว่าจะเลือกใคร”เจาอู้ “เจ้าค่ะ!”เจาซีตามหรงจือจือกลับเรือนหลันด้วยความฉงน เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณชายสี่อีก?ครั้นเห็นหรงจือจือกลับมา อวี้หมัวมัวก็รายงานอีกว่า “คุณหนู ทางสวนฉางโซ่วมีเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว ฉีอวี่เยียนเอาเชิงเทียนไปทำให้ถานผิงถิงเสียโฉม หมอประจำจวนบอกว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าแน่นอน”เจาซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูด “มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?”จะว่าไปแล้ว หลังคุณหนูมาถึงจวนสกุลฉีแห่งนี้ ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้ว่าถานผิงถิงนั่น หาเรื่องมาให้คุณหนูเท่าไรแล้ว ผ่านไปสามปี เรื่องกึ่งหนึ่งในบ้านก็เป็นเพราะนางคนชั้นต่ำนั่นยุแยงตะแคงรั่วตอนนี้ถือว่ากรรมตามสนองแล้วอวี้หมัวมัว “นั่นน่ะสิ ตอนนี้ถานผิงถิงกำลังร้องไห้โวยวายอยู่ที่สวนฉางโซ่ว บอกว่าจะจับตัวฉีอวี่เยียนส่งทางการ บ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 124

    คิ้วตาของอวี้หมัวมัวขยับเล็กน้อย ทว่าอย่างไรนางก็สุขุมกว่าเจาซีหน่อย ในฐานะบ่าวรับใช้ แม้จะไม่พอใจ ก็ไม่มีทางโวยวายกับเจ้านายง่าย ๆ หากยั่วจนฉีจื่อฟู่สั่งสอนตน จะเป็นการสร้างความลำบากให้คุณหนูโดยไม่มีสาเหตุเปล่า ๆจึงไม่ได้พูดอะไรมากความ นางเอ่ยเพียง “ท่านซื่อจื่อ เตาอุ่นมือนี้ ปกติฮูหยินซื่อจื่อโปรดปรานเป็นอย่างมาก”ฉีจื่อฟู่ “นั่นแล้วอย่างไร? หรือว่าความชอบเล็กน้อยนั่นของนาง มันสำคัญกว่าเด็กในท้องของม่านหวา?”พูดจบก็ไม่สนใจอวี้หมัวมัวอีก จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปอวี้หมัวมัวชะงักไป ก่อนจะมองเจาอู้ทีหนึ่ง “คิดว่าคุณหนูคงออกมาจากห้องท่านโหวแล้ว เจ้าไปบอกเรื่องนี้กับคุณหนูซะ”กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว อวี้หมัวมัวรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ที่จริงคุณหนูก็ไม่ได้ขาดแคลนเลยทว่าการกระทำของฉีจื่อฟู่ กลับทำคนสะอิดสะเอียนอย่างไร้สาเหตุเจาอู้ “เจ้าค่ะ!”…ในวินาทีนี้หรงจือจือออกมาจากห้องหนังสือของซิ่นหยางโหวพร้อมกับเจาซีแล้วจริง ๆครั้นเห็นว่ารอบข้างปลอดคน เจาซีก็กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า “ภาพเหมือนที่คุณหนูให้พวกเรารวบรวมในก่อนหน้านี้พวกนั้น บ่าวยังรู้สึกข้องใจไม่หายเลยเจ้าค

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status