ซาบริน่านั่งอยู่คนเดียวในห้องพักที่ด้านล่าง และตรวจดูกองชุดคอสตูมที่อยู่ตรงหน้า แต่ละชุดและทุกชิ้นทำจากผ้าราคาถูก ซึ่งมีราคาถูกกว่าที่ซื้อได้จากตลาดนัดตอนกลางคืนเสียอีก และที่สำคัญที่สุด ชุดคอสตูมพวกนี้มีผ้าปกปิดน้อยชิ้นมาก จนซาบริน่าสามารถจินตนาการได้ว่าเธอจะโดนดูถูกขนาดไหนถ้าใส่ชุดพวกนี้เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเลือกชุดนักเรียนที่ค่อนข้างดูปกปิดเนื้อหนังของเธอได้มากที่สุดเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว ช่างแต่งหน้าก็ช่วยเธอแต่งหน้าซึ่งเป็นการแต่งหน้าที่ดูไม่ได้มากที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะแต่งออกมาได้ ก่อนที่ซาบริน่าจะออกไปพร้อมกับถาดรองและพบว่ามินดี้กำลังรออยู่มินดี้สำรวจดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูด “โอ้ มาในลุคเด็กสาวใส ๆ อย่างนั้นเหรอ? คิดให้ดี ๆ นะ ภาพลักษณ์ไร้เดียงสาไม่ช่วยให้เธอได้เงินเยอะขึ้นหรอกนะ” มินดี้จับมือของซาบริน่าและพาเธอไปยังกลุ่มคนจากตระกูลที่ร่ำรวยพร้อมแก้วไวน์ในมือ“เอาล่ะ ฟังทางนี้! ฉันขอเสนอนักแสดงพาร์ทไทม์ที่ฉันจ้างให้มาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับทุกคน นี่คือคุณสก๊อตต์ คุณสก๊อตต์คนนี้เป็นมืออาชีพในแวดวงนี้เลยเชียวละ ดังนั้นเชิญสั่งเธอให้แต่งตัวตามที่พ
ซาบริน่าเงยหน้าขึ้นและพบว่าตัวเองกำลังมองเซบาสเตียน สีหน้าของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนไป ไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงปรากฏตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะไม่มา นั่นเพราะการล่องเรือสำราญนี้เต็มไปด้วยเด็กที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอยู่แล้วชุดสูทของเซบาสเตียนปกคลุมบนร่างกายของซาบริน่า ขณะที่เขาดึงเธอเข้าไปกอด จ้องมองไปที่คนอื่น ๆ ด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรเรือสำราญที่อึกทึกก็พลันเงียบไปในทันทีไม่มีใครบนเรือสำราญลำนั้นที่ไม่กลัวเซบาสเตียนเลยหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว น้อยคนนักที่จะเคยได้ยินชื่อของเซบาสเตียน และน้อยคนที่จะกลัวเขา อย่างไรก็ตาม ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน เซบาสเตียนได้เข้าครอบครองตระกูลฟอร์ดทั้งหมดโดยยึดตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุดในกลุ่มฟอร์ด ราวกับว่าเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เหตุการณ์ที่สำคัญของเรื่องราวนี้ก็คือ ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของกลุ่มบริษัททั้งหมดอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีสัญญาณของความวุ่นวายหรือความระส่ำระสายภายในบริษัทเลยนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงการมองการณ์ไกล และการเตรียมความพร้อมที่ไม่ธรร
“ไนเจล ช่วยพวกเราด้วย!”“ในตอนนี้ มีแต่คุณเท่านั้นที่สามารถพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องของคุณได้”“ฉันขอร้องล่ะไนเจล ถ้าคุณเต็มใจที่จะช่วยฉัน ฉันจะยอมยกรถสปอร์ตรุ่นโปรดใหม่ล่าสุดให้...โดยไม่มีเงื่อนไขเลยก็ได้!”ไนเจลยังคงยิ้มขณะตอบ “พูดแบบนั้นเองนะ!”“เออสิ!”“เอาล่ะ ฉันจะให้คำมั่นสัญญากับพวกคุณทั้งหมด มันจะต้องไม่เป็นไร! พวกคุณจะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน ลูกพี่ลูกน้องของฉันจะไม่ขัดขวางครอบครัวที่มีอิทธิพลของพวกคุณเพียงเพราะผู้หญิงที่ดูเหมือนขอทานแบบนั้นอย่างแน่นอน เขายุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องของตัวเองมาก เขาจะมีเวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกคุณทุกคนได้ยังไง?”“แค่เล่นต่อกันไปเลย… ทุกคน ขอให้สนุกนะ”“ก็ดี ถ้าไนเจลพูดแบบนั้น ฉันได้สบายใจมากขึ้น”“ให้ไนเจลเป็นผู้จัดงานหลักในกิจกรรมต่อไป แบบนี้ เราจะได้เล่นสนุกจนหนำใจไปเลย”“ขอบคุณนะ ไนเจล!”“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่!” ไนเจลยิ้มอย่างมีเลศนัยแม้ว่าการล่องเรือจะหรูหราและยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้พวกเขาขาดใครบางคน เช่นซาบริน่าที่พวกเขาสามารถเล่นด้วยเพื่อความบันเทิงได้ ยิ่งไปกว่านั้น การมาของเซบาสเตียนทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก และพวกเขาไม่รู้สึกสนุกอีกต่อ
ซาบริน่าเงยหน้าขึ้นขณะที่เธอจ้องไปที่เซบาสเตียน ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรถึงอย่างนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหินจนดูเหมือนเย็นชา “คุณฟอร์ดคะ คุณกำลังพยายามจะพูดอะไรกันแน่? แผนการของฉัน แผนการที่ฉันวางไว้ใช้กับคุณ คุณยังไม่รู้อีกรึไง? ในเมื่อคุณเป็นคนเปิดโปงฉันเอง แล้วยังจะมาถามอะไรฉันอีก?”“ดูเหมือนเธอจะลืมสิ่งที่ฉันเคยเตือนเธอไปแล้ว” เสียงของชายผู้นั้นดูโหดร้ายน้อยกว่าเมื่อก่อน“ฉันไม่ได้ลืม” ซาบริน่าก้มศีรษะลง ยิ้มจาง ๆ เป็นการตอบรับเซบาสเตียนเตือนเธอว่าอย่าไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นในขณะที่เธอยังคงมีความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสกับเขา แม้จะไม่มีคำเตือนของเขา แต่เธอจะไปคบกับใครได้ล่ะ?ในบรรดาชายหญิงบนเรือสำราญ ไม่มีใครมองว่าเธอเป็นมนุษย์ แม้แต่ไนเจลที่ปฏิบัติต่อเธออย่างเหมาะสม ก็มีสายตาที่ดูเหมือนเขากำลังเล่นตลกกับเธอในสายตาของพวกเขา เธอเป็นแค่เรื่องตลกที่น่าสมเพช“ฉันแค่อยากจะหาเงินแค่นั้นเอง น่าเสียดายที่เงินกำลังจะลอยเข้ามาหา แต่ฉันถูกคุณมาขัดจังหวะ”ซาบริน่าพูดตามความจริง แต่ไม่มีเสียงบ่นใด ๆ ในน้ำเสียงของเธอ กลับดูเหมือนว่าเธอกำลังอธิบายตัวเองอยู่มีเพียงความรู้สึกหมดหนทาง
เหลือเพียงเซบาสเตียนที่ยืนอยู่ตรงนั้นวันต่อมาซาบริน่าตื่นนอนแต่เช้าตามปกติ และกำลังเตรียมที่จะออกไปหลังจากล้างหน้า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้มีโอกาสเดินออกไป เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากข้างหลังเธอ“เดี๋ยวก่อน”ซาบริน่าหันกลับไปหาเซบาสเตียนที่สวมสูทและรองเท้าหนัง กำลังถือกระเป๋าเอกสาร ซาบริน่ามองเขาด้วยความสับสน“เช้านี้เราไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลกัน” เซบาสเตียนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลซาบริน่าพูดไม่ออกเธอเดินตามหลังเซบาสเตียนไปอย่างเชื่องช้า เดินออกมาจากลิฟต์และเห็นรถของคิงส์ตันจอดอยู่บริเวณทางเข้าซาบริน่าเดินผ่านหน้ารถโดยไม่ตั้งใจจะลดความเร็วลง ขณะที่เธอเกือบจะผ่านประตูไปแล้ว เซบาสเตียนก็คว้าแขนของเธอไว้ซาบริน่าตัวสั่นด้วยความประหลาดใจ“ขึ้นไปสิ” เขาพูดอย่างใจเย็นขณะเปิดประตูรถ โบกมือให้เธอเข้าไปก่อนที่เขาจะเปิดประตูให้ตัวเอง และเคลื่อนตัวเข้าไปนั่งข้างเธอการกระทำที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้ซาบริน่ารู้สึกผิดปกติเธอคุ้นเคยกับการที่เขาปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชา เธอไม่คาดคิดว่าพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เซบาสเตียนดูเหมือนจะไม่ได้หงุดหงิดอะไร
ซาบริน่าเงยหน้าขึ้นมองหน้าเซบาสเตียน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเมื่อรับประทานขนมปังเสร็จแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นจากไปโดยไม่สนใจซาบริน่าเธอถึงกับพูดไม่ออกจู่ ๆ คิงส์ตันที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ผละตัวเข้ามาใกล้และพูดขึ้น “คุณสก๊อตต์ครับ ตอนที่คุณมีท่าทีเขินอายและงุนงงเล็กน้อย คุณดูดีขึ้นมากเลยนะครับ”จากนั้น เขาก็เดินตามเจ้านายของเขาออกจากร้านอาหารไปซาบริน่ากลืนอาหารก่อนจะจากไปเช่นกัน ขณะที่เธอไม่เห็นรถของเซบาสเตียนนอกร้านอาหาร เธอคิดว่าเซบาสเตียนออกไปแล้ว เธอยืนอยู่คนเดียวที่ทางเข้าร้านอาหาร คิดกับตัวเองอยู่เงียบ ๆไม่ไกลนัก เซบาสเตียนสังเกตซาบริน่าจากในรถเธอยืนอยู่คนเดียวแบบนั้น และดูเหมือนใบไม้บาง ๆ ในสายลม ท่าทีของเธอดูเหมือนจงใจเล็กน้อย แต่ไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เมื่อครู่มากกว่าเขายังคงเห็นหญิงสาวที่โดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่งคนหนึ่งอีกด้วย“ไปสืบดูว่าเด็กในท้องเธอเป็นลูกของใคร” จู่ ๆ เขาก็บอกกับคิงส์ตันคิงส์ตันเริ่ม “จากไหนครับ... ผมควรเริ่มต้นที่ตรงไหนดีครับ? ถ้าเธอไม่อยากบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกใคร ผมกลัว… ”“ตระกูลลินน์” เซบาสเตียนพูด “เธออยู่กับครอบครัวลินน์มาแปดปี พวกเขาต้องรู้ท
ชีวิตเธอในตอนนี้ต้องหาบางสิ่งค้ำจุนเอาไว้ การได้ให้กำเนิดลูกน้อยถือว่าเป็นความสำคัญสูงสุดของเธอผู้อำนวยการออกไปทันทีหลังจากที่เธอพูดจบซาบริน่านั่งเงียบ ๆ ที่ที่นั่งของเธอ“ซาบริน่า!” คนเก่าแก่ของฝ่ายออกแบบ อแมนด้า คลาวด์ ตะคอกออกมาอย่างดุร้าย“คุณคลาวด์ ถ้าคุณมีงานอะไรให้ฉันทำ โปรดบอกให้ฉันทราบ และฉันจะทำให้เสร็จค่ะ”ซาบริน่าพูดตามความเป็นจริง ทำให้อแมนด้างงงวงยคำพูดของซาบริน่าทำให้อแมนด้าตกใจ "เธอ…"ซาบริน่ารอคำสั่งของอแมนด้าโดยไม่พูดอะไรอีกรอยยิ้มที่เย็นชาและโหดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอแมนดา "รีบไปสิ! รับข้อมูลที่เรารวบรวมจากซัพพลายเออร์ นำตัวอย่างทุกชิ้นไปที่ไซต์ก่อสร้างและให้วิศวกรตรวจดู เนื่องจากผู้อำนวยการไม่อยู่ เราจึงไม่สามารถใช้รถของบริษัทได้ ขึ้นรถสาธารณะพร้อมกับของพวกนี้ไปเองแล้วกันนะ!”ซาบริน่าพูดไม่ออกตัวอย่างวัสดุก่อสร้าง อิฐ ถังดินซิลิกอน หรือแม้แต่ไดอะแกรม ของพวกนี้ทั้งหมดถูกมัดรวมกันเป็นก้อน ซาบริน่าจ้องมองพวกเขาโดยรู้ว่าเธอต้องใช้กระสอบใบใหญ่เพื่อขนของทั้งหมดนี้แต่จะขนของทั้งหมดนี้ขึ้นรถขนส่งสาธารณะจริง ๆ เหรอ?อแมนด้ามองไปยัวซาบริน่าด้วยใบหน้าซึ่งเป
แขนอันแข็งแรงของไนเจลพยุงเธอเอาไว้ ในขณะที่เขาปล่อยเธอนั่งลงบนพื้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขายังคงอยู่บนใบหน้า จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “เพียงเพราะฉันบอกว่าเธออยากจะหลอกล่อชอว์บนเรือสำราญและไม่ได้ไปช่วยเธอแค่นั้น เธอก็เริ่มจะเกลียดฉันแล้วเหรอ?”“ฉันเปล่าค่ะ” ซาบริน่าพูดอย่างตรงไปตรงมาเธอไม่ได้โกรธจริง ๆไนเจลกับเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกันล่ะ?เธอจะเกลียดเขาไปทำไม? ซาบริน่าเป็นคนที่วิเคราะห์ทุกอย่างอยู่ฝ่ายเดียว“นี่แม่สาวบ้านนอก! ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ วันนั้นสายตาของเธอมีแต่เงิน เธอเป็นคนที่ยอมให้ตัวเองถูกคนอื่นเอาไปเป็นของเล่นเอง ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ ถ้าฉันเผลอทำแบบนั้นลงไป แน่นอนแหละว่าฉันลนหาทีไปเป็นศัตรูกับพวกลูกรวยในเมืองเซ้าท์ ซิตี้เอง”ไนเจลพูดตรง ๆ กับซาบริน่าโดยไร้ซึ่งความสงสารแม้แต่น้อย“นอกจากเซบาสเตียน ลูกพี่ลูกน้องของฉันแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ แถมมันยังเป็นแค่เกมตามข้อตกลงระหว่างเธอกับมินดี้ว่าพอเสร็จงานแล้ว มินดี้จะจ่ายเงินให้ เธอไม่สิทธิจะเรียกร้องอะไรเหมือนว่าเธอเป็นฝ่ายที่โดนกระทำหรอกนะ”ซาบริน่ารักษาท่าทางสงบไว้ “ไนเจล ฉันไม่ได้เกลียดคุณจริง ๆ นะคะ”“อย่างนั้น
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ