ซาบริน่าตกใจกับการกระทำของเซบาสเตียน เธอกำลังจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเซบาสเตียน แต่แอร์ก็ร้องไห้ออกมาและคุกเข่าลงต่อหน้าซาบริน่าทั้งน้ำตา “คุณซาบริน่าคะ ได้โปรดเมตตาปล่อยฉันไปสักครั้งเถอะนะคะ?”ซาบริน่าพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง“คุณคะ คุณเปลี่ยนท่าทางเร็วจัง” ซาบริน่าพูด “ในห้องน้ำ คุณเป็นคนสั่งให้ฉันถือรองเท้าของคุณไว้ คุณเป็นคนที่ด่าว่าฉันเพราะฉันไม่รู้ว่าคุณคือใคร และคุณก็ดูหมิ่นฉันต่อหน้าทุกคนที่นี่ด้วย ตอนนี้ คนที่คุกเข่าลงต่อหน้าฉันและร้องไห้สะอื้นก็คือคุณอีกเหมือนกัน ตัวจริงของคุณคือคนไหนกันแน่คะ? ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดิ้นรนใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน เป็นผู้หญิงที่ต่อสู้ทุกวันเพื่อชีวิตของตัวเอง ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นใคร? ผิดมากไหมคะที่ฉันไม่รู้จักคุณ? พวกคนจากสังคมชั้นสูงรังแกคนอื่นแบบนี้เหรอคะ?”แอร์ไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนั้นเอง แอร์ตระหนักว่าซาบริน่าไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเป็นดาราในวงการบันเทิงแอร์วางมือทั้งสองข้างบนขาของซาบริน่าและอ้อนวอน “คุณซาบริน่าคะ ฉันสมควรตาย มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรรังแกใครแบบนั้น ได้โปรดไว้ชีวิตฉันสักครั้งเถอะนะคะ ฉันขอร้องคุณค่ะคุณซ
เซบาสเตียนพูดซ้ำ “ดาราภาพยนตร์เหรอ? ราชินีคนใหม่แห่งวงการบันเทิงงั้นเหรอ? เธอคิดว่าทุกคนควรรู้จักเธอใช่ไหม? ให้ฉันบอกเธอตอนนี้นะ เธอควรลาออกจากวงการภาพยนตร์ไปสักสามปี เธอสมควรได้รับอนุญาตให้รับงานโฆษณาด้วยซ้ำ!”นั่นเป็นการลงโทษที่เบาที่สุดที่เซบาสเตียนสามารถให้แอร์ได้ หลังจากได้รับรางวัลแสนภาคภูมิใจ บุคคลที่มีแต่แสงไฟส่องสว่างตามตัวไปทุกที่คนนี้สั่งให้ผู้หญิงอีกคนถือรองเท้าของเธออย่างนั้นเหรอ! ด้วยคุณธรรมแบบนั้น การปลดเกษียณถือเป็นการกระทำที่ใจกว้างมากแล้ว“ผู้อำนวยการฟอร์ด… ” แอร์รู้สึกสิ้นหวัง “ฉัน… ฉันเต็มใจจะดื่มค่ะ ฉันจะดื่มเก้าสิบแก้ว นะคะ? โปรดอย่าส่งฉันไปที่ไหนเลย อย่าให้ฉันต้องหยุดแสดงเลยนะคะ”การให้เธอต้องหยุดงานเป็นเวลาสามปีและไม่ยอมให้มีแม้แต่งานโฆษณา จะทำให้อาชีพการงานของเธอสิ้นสุดลง เธอจะไม่สามารถเติบโตในวงการบันเทิงได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากทำร้ายเซบาสเตียนแล้ว เธอก็จะไม่สามารถรวมตัวกับสังคมชั้นสูงได้อีกต่อไป แอร์กัดฟันขอร้องเซบาสเตียนให้เขายอมให้เธอดื่มเก้าสิบแก้วเป็นการลงโทษไวน์เก้าสิบแก้ว อาจไม่แรงเท่าสุราทั่วไป แต่มันตั้งเก้าสิบแก้ว ขวดหนึ่งสามารถเติมได้เจ็ดถ
แอร์ถูกพาตัวออกไปหลังจากขึ้นแท็กซี่แล้ว แอร์ที่มึนเมาก็โทรหาออทัมน์ พูล ภรรยาของแซคอีกด้านหนึ่ง ออทัมน์ถามอย่างกระวนกระวายไปว่า “แอร์ สวัสดีค่ะ เป็นยังไงบ้าง? สามีของฉันได้พูดคุยกับเซบาสเตียนไหม?”แอร์ส่งเสียงเล็ดลอดออกไปที่ปลายสายอีกด้าน “ซาบริน่าที่น่ารังเกียจนั่น! มันเป็นแม่มด นางแม่มดตัวร้าย!”หลังจากนั้น เธอก็วางสายและผล็อยหลับไปในรถแท็กซี่ออทัมน์พูดไม่ออกและโทรหาอเล็กซ์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ อเล็กซ์กำลังดื่มอวยพรให้เซบาสเตียนขณะที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาหยิบออกมาดูหมายเลขโทรศัพท์แล้วมองที่แซคซึ่งนั่งอยู่คนเดียวอย่างไม่สบายใจ อเล็กซ์ยื่นโทรศัพท์ให้ “เมียคุณโทรมา”แซครับโทรศัพท์แล้วเดินออกไป “ออทัมน์ โทรมามีอะไร?!”ออทัมน์กระแทกเสียงใส่ “แซค สมิธ! คนไร้ประโยชน์! ฉันหาโอกาสดี ๆ ที่คุณจะได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกพี่ลูกน้องของฉันและแวดวงของเซบาสเตียน แต่คุณไม่สามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองไว้ได้จริง ๆ! คุณถูกซาบริน่ายั่วยวนใช่ไหม! ลูกพี่ลูกน้องของคุณถูกเธอทำให้แปดเปื้อนยังไม่เพียงพออีกเหรอ?!”แซคโกรธจัด “นางผู้หญิงหน้าโง่! ฉันมันตาบอดจริง ๆ ที่เลือกแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธ
ต่อให้คนคนนั้นจะต้องเจอกับความเลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ตาม!เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ ฉันยังมีโอกาสจะได้ทำงานด้านสถาปัตยกรรมจริง ๆ เหรอคะ?”"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เธอไม่เคยคิดจะหางานทำในภาคสนามเลยเหรอ?” อเล็กซ์แซวเธอยังสามารถหางานทำได้อีกจริง ๆ เหรอ? ซาบริน่าส่ายศีรษะอย่างเศร้าหมอง“ถ้าไม่ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทำงานได้หรือไม่” อเล็กซ์กล่าว ซาบริน่ากัดริมฝีปากเพราะความลังเลในจิตใจเซบาสเตียนกลับมาอยู่เคียงข้างซาบริน่าแล้ว เมื่อมองดูเวลา เขาก็พูดว่า “มันดึกแล้ว”มันดึกแล้วเหรอ? หัวใจของซาบริน่าจมลง เซบาสเตียนจะมอบเธอให้ใคร? คุณพูล?คุณพูลพูดคุยกับเธอมากที่สุด หรือจะเป็นคุณเฮิร์บที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า? ซาบริน่าไม่รู้ แต่เธอก้มหน้าลง กลายเป็นหุ่นยนต์เย็นชาไร้หัวใจเซบาสเตียนยืนขึ้นโดยเอาแขนโอบไหล่ของเธอ “ไปกันเถอะ ลูกรอเราอยู่ที่บ้านนะ เราต้องกลับก่อน”“บ๊ายบายค่ะพี่สาว ถ้ามีเวลา ก็มีสังสรรค์กันสักหน่อยนะ เราน่าจะไปนวดหน้าด้วยกันก็ได้นะคะ” เจนยิ้มให้ซาบริน่าสาว ๆ คนอื่น ๆ ก็พูดขึ้น “ถ้ามีโอกาสในอนาคต สาว ๆ อย่างเราทั้งสี่คนเนี้ยน่าจะตั้งกลุ่มเพื่อเล่นไพ่ด้วยกันได้นะ”เจนยิ้ม “รู้ไ
ซาบริน่าพูดไม่ออก "ขึ้นรถ!" เซบาสเตียนตะโกนขึ้นซาบริน่าขึ้นรถอย่างว่าง่าย เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน ดังนั้น คิงส์ตันจึงเปิดเครื่องทำความร้อนเอาไว้ ในพื้นที่แคบ ๆ ของรถ ใบหน้าเล็ก ๆ ของซาบริน่าเป็นสีแดง เธอไม่ได้พูดอะไรออกสักคำ และเซบาสเตียนก็ไม่พูดด้วย คิงส์ตันเริ่มกังวลเรื่องของเจ้านายมากขึ้น เขาแอบมองเซบาสเตียนจากกระจกมองหลัง นายน้อยกำลังงีบหลับคิงส์ตันกระแอม “อืม… นายหญิงครับ”ซาบริน่ามองไปที่คิงส์ตัน“วันนี้… คนที่อยู่กับนายน้อยไม่กี่ท่านนี้เป็นพี่น้องที่ดีของเขาทั้งหมดครับ ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อกันนั้นใกล้ชิดกว่าความสัมพันธ์ของนายน้อยกับนายท่านผู้อาวุโสฟอร์ดเสียอีกนะครับ” คิงส์ตันกล่าว“โอ้…” ซาบริน่าไม่เข้าใจสิ่งที่คิงส์ตันพยายามจะสื่อเธอฉลาดมากเมื่อหกปีที่แล้ว แม้ว่าจะไม่พูดมากในขณะนั้น แต่เธอก็สามารถมองทะลุผ่านทุกสิ่งได้ แต่ตอนนี้ซาบริน่าไม่อยากจะคาดเดาอะไรอีก เมื่อหกปีก่อน หลังจากผ่านชีวิตและความตาย ขาของเซย์นก็กลายเป็นอัมพาต และตอนนี้เขาถูกส่งไปต่างประเทศแล้ว เธอยังถูกเซบาสเตียนจับตัวมา และลูกสาวของเธออยู่ในเงื้อมมือของเซบาสเตียนเธอไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อีก?
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พึมพำกับตัวเองว่า “เราไม่รู้จริง ๆ ว่านายหญิงกำลังอยู่ในเงื้อมมือของนายน้อยหรือนายน้อยกำลังถูกนายหญิงบงการอยู่กันแน่ ทั้งสองคนรักกันจริง ๆ แต่ก็ยังทรมานความรู้สึกของกันและกันอยู่อีก… ”เขาควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีเล่า?ซาบริน่าเอามือคล้องคอเซบาสเตียนขณะที่ชายหนุ่มอุ้มเธอไปที่ลิฟต์ เธอพึมพำ “ดีจริง ๆ เลยนะคะ”เซบาสเตียนจ้องมองเธอ "อะไร?"ใบหน้าของเธอแดงเพราะอากาศที่ไม่ค่อยไหลเวียนภายในรถ เธอรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อยกับคอที่เย็นยะเยือกของเขา มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน เธอรู้สึกสบายมากและเขายังรู้สึกอบอุ่นอีกด้วย“คุณไม่ได้ปฏิบัติต่อฉันแย่ขนาดนั้น คุณไม่ได้พาฉันไปกับผู้ชายคนไหนเลย และคุณก็ดีกับไอโนะด้วย คุณยอมให้เธอไปโรงเรียนอนุบาลด้วย” เธอพึมพำ “ฉันรู้สึกขอบคุณมากเลยนะคะ”เซบาสเตียนพูดไม่ออก เขาต้องการจะวางเธอลงและจับเธอเขย่าตัวแรง ๆ และตะโกนใส่เธอ “เธอรู้จักฉันมาหกปีแล้วนะ! เธอเคยเห็นฉันดีกับผู้หญิงไหนไหม?! หรือว่าพอท้องแล้ว สติเลยเลอะเลือนไปด้วยเลย!”แต่ก่อนที่เซบาสเตียนจะพูดอะไร ลิฟต์ก็หยุดและประตูก็เปิดออก เด็กน้อยยืนอยู่หน้าลิฟต์"
ดวงตาของไอโนะเป็นประกาย “เจ้าตูดหมึก… คุณจะซื้อของขวัญให้หนูเหรอ?”"ใช่!" เซบาสเตียนพูดอย่างจริงจังเขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ดังนั้นน้ำเสียงของเขาจึงเข้มงวดเหมือนกับตอนที่เขาคุยกับลูกน้องในบริษัทไอโนะไม่เชื่อ “ไม่ขี้จุ๊แน่นะ?”“ฉันพูดความจริงเสมอ!” เซบาสเตียนกล่าวเธอยังเรียกเขาว่า 'ตูดหมึก'! ตัวเขาเหม็นขนาดไหนกัน! เขาหันกลับมาและเข้าไปในห้องโดยปล่อยให้ ซาบริน่าและไอโนะยืนอยู่ด้านนอก ไอโนะกะพริบตาและมองไปยังซาบริน่า “แม่จ๋า หนูควรหยุดเลิกเรียกเขาว่าเจ้าตูดหมึกดีไหมคะ?”ซาบริน่าหัวเราะใส่ลูกสาวตัวน้อย เธอคุกเข่าลงกระซิบข้างหูลูกสาวว่า “ไอโนะ เห็นไหมลูก พอหนูขอของขวัญ เขาก็บอกว่าจะหามาให้ลูกเลย เพราะฉะนั้นอย่าเรียกเขาว่าเจ้าตูดหมึกอีกนะ อย่างน้อยก็อย่าเรียกคำนี้ต่อหน้าเขาอีกนะ เข้าใจไหมคะ?”ไอโนะมีความสุขมาก ที่จริง เธอไม่ต้องการเรียกเซบาสเตียนว่าเจ้าตูดหมึกในวันนั้นเลย เหตุผลเดียวที่เธอทำคือแสดงให้แม่เห็นเพราะเธอไม่ต้องการให้แม่ของเธอเสียใจ เมื่อแม่บอกว่าเธอไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว ไอโนะก็มีความสุขมากล้น “เข้าใจค่ะ หนูจะไม่เรียกเขาว่าเจ้าตูดหมึกแล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ คุ
ซาบริน่าซึ่งกำลังหิวอยู่แล้วได้กลิ่นเรียกน้ำย่อยเช่นนี้ ทำให้กระตุ้นความอยากอาหารอย่างมาก เธอนั่งลงและเห็นว่าเซบาสเตียนนั่งลงตรงหน้าเธอซาบริน่าพูดไม่ออก เขามารับประทานข้าวกับเธอเหรอ? เธอไม่กล้าถาม เธอรู้สึกอึดอัด“นั่งทำอะไรอยู่? ตักสตูว์ให้ฉันหน่อย!” เซบาสเตียนสั่ง สีหน้าไม่เปลี่ยน"ค่ะ" ซาบริน่ายืนขึ้นอย่างเชื่อฟังเขาจ้องมองเธออย่างไร้อารมณ์ ทำให้เธอกังวล มือของเธอสั่นระรัวขณะที่เธอตักสตูว์ออกมา ทำให้น้ำสตูว์กระเด็นลงบนโต๊ะเซบาสเตียนคว้ากระบวยตักจากเธอ “เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เธอก็ยังทำไม่ได้ แต่เธอก็ยังคิดจะไปคบหากับผู้ชายคนอื่นอยู่ตลอดเนี้ยนะ!”ซาบริน่าพูดไม่ออก คลื่นแห่งความคับข้องใจท่วมท้นในหัวใจ เขาเป็นคนบอกเองว่าเธอต้องจ่ายคืนสิบล้าน! และเธอต้องจ่ายเงินคืนด้วยตัวของเธอเอง! ตอนนี้เขากำลังโทษเธออยู่อย่างนั้นเหรอ? น้ำตาเริ่มไหลรินออกจากดวงตา แต่ซาบริน่าไม่ต้องการให้เซบาสเตียนเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ เธอก้มศีรษะลง กลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่เธอเห็นสตูว์ชามหนึ่งผลักมาอยู่ตรงหน้าเธอ“พอแล้วรึยัง?” เซบาสเตียนถามซาบริน่าไม่ได้ยิน เธอคิดว่าเขากำลังถามเธอว่าทำไมเธอจึงก้มศีรษะลง เธอคิดว่าเ