สมาชิกผู้บริหารระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนมาหาเซบาสเตียนในช่วงที่เหลือของวัน ไม่ว่าจะเพื่อหารือเรื่องสนธิสัญญาหรือโครงการที่พวกเขากำลังทำงานร่วมกันอยู่ทว่า เมื่อเห็นป้ายหน้าห้องทำงาน พวกเขาทั้งหมดต่างต้องนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยที่ผู้อำนวยการพามาที่สำนักงานเมื่อเช้าวันนี้พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนมีไหวพริบที่ดีมากพอจะรู้ว่าเมื่อเด็กสาวตัวน้อยคนนั้นปรากฏตัวมา แสดงว่าแม่ของเธอก็ต้องอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอนในที่สุด ซาบริน่าก็ฟื้นคืนสติเมื่อย้ายไปนั่งข้างหน้าต่างห้องนอนด้านใน พวกเขาอยู่บนชั้น 66 ของอาคาร และเธอสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้โดยไม่มีอะไรมากขวางกั้น และคนอื่นภาพนอกก็สามารถมองเข้ามาได้เช่นกันถ้าเลือกจะทำเช่นนั้นซาบริน่ารู้สึกราวกับว่าเธอกำลังโกหกตัวเองมาทั้งชีวิต และผู้หญิงในปัจจุบันคือตัวตนที่แท้จริงของเธอเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจกับตัวตนที่แท้จริงของเธอมากเสียจนไม่กล้าเผชิญกับความจริงที่ว่าผู้ชายอย่างเซบาสเตียนเป็นคนที่กระชากตัวตนนั้นของเธอออกมาลมหนาวพัดพาความคิดของเธอให้ปลอดโปร่ง และในที่สุด เธอก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์เธอรีบเอาแขนที่โอบรอบคอของชายผู้นั้นไ
“หนูอยากเจอแม่!” ไอโนะตะโกนโดยไม่ลังเลประตูเปิดออกทันที และคิงส์ตันก็เปิดค้างไว้เป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะออกไป ไอโนะก้าวเข้าไปราวกับว่าแม่หนูตัวน้อยเป็นเจ้าของสถานที่และพบว่าแม่ของตนกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนอน“แม่คะ ทำไมมานอนบนเตียงอีกแล้วล่ะ?” เธอถามด้วยความสงสัย“อืม แม่รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ ลูกรัก ไหนบอกแม่หน่อยสิว่าสเต๊กอร่อยไหม?” ซาบริน่าเอ่ยถาม“แม่จ๋า ไอโนะกินเยอะจนท้องป่องเลย สนุกสุด ๆ เลย ลุงคิงส์ตันเล่าให้หนูฟังตั้งเยอะเลยด้วย” ไอโนะพูด แม้ว่าเธอเริ่มคิดว่าลุงคิงส์ตันและเจ้าตูดหมึกน่ารำคาญน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอกลัวผู้ชายคนนี้ ไอโนะอาจเริ่มเรียกเจ้าตูดหมึกว่า ‘พ่อ’“แม่คะ ไม่สบายรึเปล่าคะ? เป็นไข้รึเปล่าคะ?” ไอโนะแตะหน้าผากของซาบริน่าอย่างกังวลใจ“แม่ไม่เป็นไรจ้ะ” ซาบริน่าลดเสียงลง รู้สึกผิดขณะพูด “แม่แค่รู้สึกเสียใจที่แม่ลืมนึกถึงหนูกับคุณลุงของหนูไปชั่วขณะน่ะจ้ะ”"ไอโนะ แม่ของหนูต้องพักผ่อน ออกมาซะ!" เซบาสเตียนสั่งด้วยท่าทีเคร่งขรึมแม้ว่าไอโนะจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวเจ้าตูดหมึกเล็กน้อยและไม่กล้าโต้เถียง เธอพยักหน้าอย่างว่าง่ายและยอมให้เซบ
“ว้าว แม่จ๋าสวยมาก ๆ เลยค่ะ แม่เป็นแม่ที่สวยที่สุดในโลกเลย!” ไอโนะยืนอยู่ด้านหลังเซบาสเตียนเงยหน้ามองขึ้นไปที่แม่ของจนด้วยความประหลาดใจ "ใครเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้แม่เหรอคะ? มันน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ"“พวกเขาเอามาจากพ่… ” ซาบริน่าไม่แน่ใจว่าเธอควรตอบคำถามอย่างไรดี ในทางกลับกัน เซบาสเตียนดูทำท่าทางทะเล้นขณะรอคำตอบของซาบริน่าซาบริน่าก้มศีรษะลงเล็กน้อย เธอต้องยอมรับว่าเสื้อผ้าที่เขาส่งมานั้นเหมาะกับเธอมาก ทั้งในด้านขนาดและสไตล์ เขายังสามารถหาชุดชั้นในที่เหมาะสมกับเธอได้ด้วย ความใส่ใจในรายละเอียดของชายผู้คนนี้นั้นช่างไม่ธรรมดาเสียจริง“เจ้าตูดหมึก! เจ้าตูดหมึกเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้แม่เหรอ?” ไอโนะสืบทอดความฉลาดของเซบาสเตียนมา แม้ว่าแม่ของเธอจะยังไม่ทันพูดจบประโยค แต่เธอก็คิดได้ทันทีว่าแม่ของเธอกำลังจะพูดถึงเซบาสเตียน“เข้าชุดกันดีนิ” เซบาสเตียนแสดงความคิดเห็นขณะสำรวจซาบริน่า เสียงของเขาต่ำลงอย่างมีนัยแฝง "เธอนอนหลับเต็มอิ่มแล้วใช่ไหม?"“ค่ะ” ซาบริน่าตอบเสียงเบา“มานี่สิ” เซบาสเตียนจับมือไอโนะด้วยมือซ้าย และยื่นมือขวาไปจับมือของซาบริน่า และเธอก็ยื่นมือของตนออกไปจับมือเขาเอาไว้ต
“ฉันลงหมดหน้าตักเลยว่าสาวงามทั้งสองจะต้องเป็นหัวหน้าของผู้อำนวยไปตลอดชีวิตแน่ ๆ!”“ผู้อำนวยการต้องตายแน่ ๆ เลยถ้ากล้าหือกับพวกเธอ เนี่ย ฉันอิจฉาจนไม่รู้ว่าเย็นนี้จะกระเดือกข้าวลงแล้วรึเปล่า”การพูดคุยในสำนักงานไม่ได้ระมัดระวังนัก และบางความคิดเห็นก็ได้ยินทั้งเซบาสเตียนและซาบริน่า แต่เซบาสเตียนตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อพวกเขาในทางกลับกัน ซาบริน่าหันกลับมาทันทีแม้ว่าทั้งสามจะอยู่ห่างจากทางเข้าไม่กี่เมตรการนินทาอย่างเผ็ดร้อนหยุดลงทันทีเมื่อทุกสายตาต้องตกตะลึงกับรูปลักษณ์หน้าตาของเธอความงามของเธอเปรียบได้กับความงามของเทพีอโฟรไดท์ เทพแห่งความงามในตำนาน ความบริสุทธิ์ ความสงบ ความเฉยเมย และความเปราะบาง คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ดูเหมือนจะผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อสร้างรูปลักษณ์ของเธอให้ดูน่าหลงใหลขนาดนี้ไม่มีคำอธิบายใดจะเหมาะสมกับความงามของเธอได้เลย ซึ่งใกล้เคียงกับคำว่าแก่นแท้แห่งความงามทั้งมวลที่มนุษย์เดินดินรู้จัก แม้ว่ามันจะซับซ้อนและลึกซึ้ง แต่ความงามของเธอก็บริสุทธิ์ในเวลาเดียวกันสายตาที่เหลียวหลังกลับไปมองไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกตื่นตระหนกเลย แต่กลับกัน ทุกสายตาที่สบกันดวงตาของเธอ
“เขาพยายามป้อนข้าวต้มฉันเหรอ?” ซาบริน่ารู้สึกไม่สบายใจกับความคิดนั้น แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ เซบาสเตียนก็ตักโจ๊กปลาเข้าปากของเธอไปแล้วหนึ่งช้อนเต็ม ๆ ซาบริน่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนโจ๊กเข้าไปอย่างว่าง่ายข้าวต้มอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งทำให้กลืนง่าย รสชาติถูกปรุงมาเป็นอย่างดี และชิ้นเนื้อปลาก็มีเนื้อสัมผัสที่เด้งนุ่มลิ้นเมื่ออาหารถึงท้อง เธอรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเธออบอุ่นขึ้น นอกจากนี้เธอยังรู้สึกงุนงงกับการท่าทีแบบนั้น ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่รักกันจริง ๆ หรือสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันด้วยความเข้ากันได้ดีมาเป็นเวลาหลายปีเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้น เซบาสเตียนกลอกตาไปมองซาบริน่า และยื่นมือไปสัมผัสแขนเรียวเล็กของเธอ“ผอมเกินไปแล้วนะ” เขาเยาะเย้ย “หนังหุ้มกระดูกแบบนี้ ไม่น่ากอดเลยนะ”"..." ซาบริน่าไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร จนกระทั่ง เซบาสเตียนป้อนข้าวต้มให้เธออีกคำหนึ่ง ตอนนั้นเธอนึกอะไรบางอย่างได้และหัวเราะเยาะภายในใจตัวเองผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นห่วงเธอจริง ๆ เขาแค่ไม่พอใจที่เธอกอดไม่ได้และขายได้ในราคาที่ไม่ดี แค่เธอคิดว่าเขาห่วงใยเธอ หัวใจของเธอก็จมอยู่กับความ
เขาพาเธอไปที่บริษัทของเขาและแนะนำให้เธอรู้จักกับผู้จัดการทุกคนที่มีความสำคัญในการสร้างตัวตนของเธอในฟอร์ด กรุ๊ปเขาให้คิงส์ตันพาเธอไปที่ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์เพื่อรับประทานสเต๊กสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เขายังให้นักออกแบบที่เก่งที่สุดในวงการมาเตรียมชุดให้เธอ และสิ่งเดียวที่เขาได้ตอบแทนมาคือการถูกเรียกว่า "พ่อตูดหมึก"“ว่า” เซบาสเตียนตอบรับด้วยความจำยอม อย่างน้อยไอโนะก็ใช้คำว่า "พ่อ" นับได้ว่าเป็นพัฒนาการที่ดีหลังจากเรียก "เจ้าตูดหมึก" มานาน“แม่หนูหลับอยู่รึเปล่า?” เขาถามต่อ ไอโนะพยักหน้า“งั้นหนูก็ไปนอนเองเถอะ ตอนนี้หนูโตแล้วนะ หนูต้องเริ่มหัดทำอะไรด้วยตนเอง และนอนคนเดียวได้แล้ว!” เซบาสเตียนกำชับ วิธีสอนลูกของพ่อถูกกำหนดให้แตกต่างไปจากวิถีของแม่“ก็ได้…” ไอโนะเชื่อฟังคำสั่งของพ่ออย่างน่าประหลาดใจ แต่เมื่อเขาอุ้มซาบริน่าและหันหลังเดินออกไป ไอโนะก็ดูกังวลและถามอย่างเร่งรีบว่า “พ่อ...ตูดหมึกจะพาแม่จ๋าไปไหน?”“หนูต้องนอน แม่หนูก็เหมือนกัน” เซบาสเตียนไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย“อย่ามายุ่งกับแม่หนูนะ!”“ถ้าฉันไม่ได้ยุ่งอะไรกับแม่หนู หนูก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ซาบาสเตียนโต้กลับ“…” ไ
ในตอนนั้นเอง ซาบริน่าสังเกตเห็นว่าเขากำลังเกร็งกล้ามเนื้อราวกับว่ากลั้นหายใจ และอุณหภูมิร่างกายเขาก็สูงขึ้น ซาบริน่ากังวลว่าเขาจะเป็นไข้ เธอถามทันทีว่า "อะไรน่ะ...คุณเป็นอะไรไป?"“หยุดขยับตัวสักที!” เขาตะคอก“คุณไม่สบายรึเปล่า? เราไปหาหมอกันดีกว่าไหม? คือฉัน...ฉันอุ้มคุณไปไม่ไหวแน่”"..." เซบาสเตียนลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไรและผละตัวไปให้ห่างจากซาบริน่าเพื่อลุกจากเตียง ทันใดนั้นซาบริน่าก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเธอ ชายคนนั้นเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก้าวลงจากเตียงอย่างสบายใจและสวมรองเท้าแตะต่อหน้าซาบริน่า ขณะที่ซาบริน่านั้นกลายเป็นสีแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างนั้นแหละ” เขาสูดลมหายใจและเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับรองเท้าแตะ ตามด้วยเสียงดัง “ปัง!” ของประตูซาบริน่าห่มผ้าแน่นและตัวสั่นในความเงียบ เธอคิดว่าเขาอาจจะโผเข้ากอดเธอได้ทุกเมื่อ เธอรออย่างใจจดใจจ่อเมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงโดยที่ชายคนนั้นไม่ก้าวออกมาจากห้องน้ำเลย ห้องพักเงียบสนิท ยกเว้นเสียงน้ำไหลในห้องอาบน้ำซาบริน่ารู้สึกประหม่าเกินกว่าจะกลับไปนอนต่อ ดังนั้นเธอจึงรอ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุด
อาหารเช้าของพวกเขาเป็นอาหารไม่หนัก ซาบริน่าประหลาดใจที่พบว่าความอยากอาหารของเธอมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน และไอโนะก็มีความสุขกับการรับประทานอาหารเช้าทุกคำ“แม่คะ บ้านของเจ้าตูดหมึกกินอาหารเช้าดีกว่าที่บ้านเก่าเราอีกนะ” ไอโนะอุทาน เธอตั้งใจจะกลับไปเรียกเซบาสเตียนว่า "เจ้าตูดหมึก" ต่อหน้าแม่ของเธอเซบาสเตียนเริ่มชินกับการเรียกชื่อแบบนั้นแล้ว และไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเมื่อไอโนะเรียกเขาว่า "เจ้าตูดหมึก" เขาจดจ่อกับข้าวต้มโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขารับประทานอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่เคยชอบพูดคุยระหว่างมื้ออาหาร“ไอโนะ กินเสร็จยัง?” เซบาสเตียนมองไปที่ไอโนะด้วยท่าทางเย็นชาตามปกติ“ค่ะ เสร็จแล้ว” ไอโนะตกใจและพยักหน้าตอบทันทีจากนั้นเซบาสเตียนก็หันไปมองซาบริน่า “แล้วเธอล่ะ?”“เสร็จแล้วค่ะ” ซาบริน่าหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างระแวดระวังว่า “ถ้าคุณจะพาฉันไปด้วย จำเป็นไหมที่ไอโนะจะต้องไปด้วย?”เขาไม่ตอบคำถามและลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาเปลี่ยนเป็นชุดทำงานและหยิบกระเป๋าเอกสารของเขา ซาบริน่าไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะถามต่อและล้มเลิกความคิดที่จะพูดอะไรต่อ เธอจับมือไอโนะและตามชายคนนั้น
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ