เซย์นไม่เคยพยายามบังคับให้ซาบริน่ามีความสัมพันธ์กับเขา ทั้งสองปฏิบัติต่อกันเปรียบเสมือนพี่น้องเมื่อเวลาผ่านไป ความผูกพันที่พวกเขาได้แบ่งปันกันพัฒนาไปสู่ความเป็นพี่น้องที่พวกเขาถือว่ามาจากสายเลือดเดียวกัน โดยลูกสาวของซาบริน่าก็ถือว่าเซย์นเป็นลุงของเธอด้วยสี่ปีผ่านไปและชีวิตของพวกเขาก็สงบสุขดี ซาบริน่าจะกลับบ้านทุกเย็นเพื่อดูแลเซย์น เธอจะช่วยเขาเข้าไปในบ้านและจัดเตียงให้กับเขา ก่อนที่จะออกไปรับลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาล โดยปกติแล้ว ลูกสาวจะไปกับลุงเซย์นในขณะที่เธอมุ่งหน้ากลับไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้างและทำงานจนถึงหกโมงครึ่ง แต่เมื่อเธอเพิ่งช่วยเซย์นเข้าบ้านเรียบร้อย โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น“สวัสดีค่ะ คุณวอลส์เหรอคะ?” เป็นสายเรียกเข้าจากครูของลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาล“คุณนายสก๊อตต์ คุณต้องมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ลูกสาวของคุณทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นของเธออีกแล้ว!” คุณวอลส์ขอร้องด้วยน้ำเสียงที่พูดอย่างหมดความอดทน“คะ โอเคค่ะ” ซาบริน่ารีบตอบกลับไป “ฉันจะไปที่นั่นให้เร็วที่สุดนะคะ!”เธอวางสายและกำลังจะรีบออกไป แต่แล้วเซย์นก็เรียกเธอไว้ก่อน “แซบบี้… ”“คะ?”“อย่ารุนแรงกับไอโนะมากนะ เข้าใจไหม?” เซย์
ชายอ้วนหันกลับมาเผชิญหน้ากับซาบริน่าและคำรามว่า "นางนี่ ขอโทษซะ! แกต้องคุกเข่าและขอโทษเดี๋ยวนี้!"“ฉันบอกให้ระวังปาก!” ซาบริน่าโต้กลับอย่างใจเย็น“ทำไม? สามีฉันพูดอะไรผิดเหรอ? หล่อนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่แค่นั้นแต่หล่อนยังเป็นแม่ที่ไม่ผ่านการแต่งงานด้วย! ผู้หญิงอย่างหล่อนเกิดมาเป็นแค่พวกราคาถูกและไร้ยางอาย! ลูกสาวหล่อนก็คนไร้ค่าที่จะเป็นเหมือนแม่มันนั่นล่ะ แล้วลูกหล่อนกล้าต่อยลูกชายฉันได้ยังไง? คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”ผู้หญิงที่ดูร้ายกาจซึ่งยืนอยู่ข้างชายอ้วนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอแต่งกายด้วยเสื้อโค้ตลายทางขาวดำที่ทำจากขนมิงค์ราวกับจะอวดว่าร่ำรวยเพียงใด เครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอหนามากจนแทบจะดูเหมือนจะแตกออกในตอนที่เธอตะโกนด่าซาบริน่า เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่เป็นเศรษฐีใหม่ที่ไม่มีการศึกษาและซาบริน่าไม่กลัวการมีอยู่ของพวกเขาเลย“ถ้าฉันจำไม่ผิด ลูกสาวของฉันอายุน้อยกว่าลูกชายของพวกคุณปีหนึ่งนิ เธอจะต่อยเขาได้ยังไง? อีกอย่าง เด็ก ๆ ก็แค่เล่นกัน บางครั้งก็อาจได้รับบาดเจ็บในระหว่างเล่นบ้าง จำเป็นต้องโวยวายด้วยเหรอคะ?” ซาบริน่ามองไอโนะ ลูกสาวของเธอ ก่อนที่จะหันไปมองลูกของพวกเขาทั้
“ปู่ย่าของลีโอเป็นผู้บริจาคที่ใจใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุนเงินกว่าสองแสนเหรียญให้กับโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ พวกเขาคือ…”“ว่ากันง่าย ๆ คุณกำลังพูดว่า” ซาบริน่าขัดจังหวะคุณครูวอลส์อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “ถ้าเราไม่ยอมขอโทษ ลูกสาวของฉันจะถูกห้ามไม่ให้เรียนต่อในโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ใช่ไหมคะ?”“ฉันเกรงว่า...” คุณครูวอลส์ตอบขณะที่เธอพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม “ฉันเกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้น แม้ว่าไอโนะจะลาออก เธอก็ยัง…ต้องขอโทษ”"เพื่อ?" ซาบริน่าขึ้นเสียง“คุณสก๊อตต์ คุณต้องเข้าใจว่าลูกสาวของคุณเป็นคนต่อยเพื่อนร่วมชั้นก่อน” คุณวอลส์กล่าว“ฉันบอกว่าขอดูภาพกล้องวงจรปิดไงคะ!” ซาบริน่าโกรธจัด ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เธออยู่ในเมืองนี้ เธอไม่เคยสร้างปัญหาใด ๆ และอุทิศตนให้กับงาน เธออาจดูเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและซื่อตรงมากกว่าที่จะประนีประนอม แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ยอมทนคือให้ใครก็ตามมารังแกลูกสาวของเธอ!“หากเราดูภาพกล้องวงจรปิดแล้วและมันเป็นความผิดของลูกสาวฉันจริง ๆ ฉันจะยอมขอโทษ” ซาบริน่าสัญญาด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่“ได้! เอาสิ! ให้เธอดูเลย!” ชายอ้วนร้องบอก เช่นนั้นคุณครูวอลส์จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องดำ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ นางตัวดี!” ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หลังส่วนล่างทำให้เขาไม่สามารถลุกยืนได้ เขาตะโกนขณะที่นั่งอยู่บนพื้น “นางนี่ เธอลองก้าวออกจากโรงเรียนอนุบาลนี้สิ ฉันรับรองได้เลยว่าเธอจะทุกข์ทรมานแน่ ผู้คนจะเห็นศพเน่า ๆ ของแกกับลูกสาวบนถนนอย่างแน่นอน!”การคุกคามนั้นทำให้ไอโนะสะดุ้งและมือของเธอก็เย็นเฉียบในอุ้งมือของแม่ซาบริน่ามองลูกสาวของเธอ หัวใจของเธอเจ็บปวด เธอปลอบโยนว่า “ไอโนะ ไม่เป็นไร แม่จะจัดการเอง”ไอโนะพยักหน้าตอบและซาบริน่าก็หันไปมองครอบครัวที่ชั่วร้ายอย่างใจเย็น “ฉันยืนอยู่ตรงนี้แล้ว แล้วคุณลองลงมือที่นี่เลยไหมล่ะ? นี่เป็นสังคมที่มีอารยะนะ ถ้าคุณกล้าแตะต้องแม้แต่ผมเส้นเดียวของฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจท้องที่เดี๋ยวนั้นเลย ไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่ฉันจะฟ้องโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ด้วย ได้ยินมาว่าพ่อตาของคุณสนับสนุนโรงเรียนอนุบาลนี้ถูกไหม? และฉันเดาว่าเขาทำเพื่อการลงทุนด้วย ตอนที่ฉันเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวที่โรงเรียนนี้ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าคุณจะเสียผลประโยชน์บางอย่างแน่นอน"ทั้งคู่พูดไม่ออกและซาบริน่าก็หันหลังเดินจากไปอีกครั้ง"เดี๋ยวก่อน! ฉันมีลูกเล่นตั้งหลายอย่างซ่อนไว้ที่จะทำให้ชีว
โดยเฉพาะช่วงสามเดือนนั้น เธอถูกชักนำเข้าไปในสังคมคนชั้นสูงของเมืองเซ้าท์ ซิตี้ ในฐานะของเล่นของพวกผู้ชายจากครอบครัวที่ร่ำรวย และเกือบจะทำให้เธอจบชีวิตในช่วงนั้น สามเดือนก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ซาบริน่าสาบานว่าจะไม่เชื่อในรักแท้อีก และเหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ร่ำรวยอีกแล้ว เธอเพียงต้องการอยู่อย่างสงบสุขกับลูกสาวของเธอและเซย์นในเมืองนี้ไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ และไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ซาบริน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "ผู้อำนวยการจอห์นส์ ฉันยุ่งมากเลย ขอโทษด้วยนะคะ แต่ตอนนี้ฉันขอวางสายก่อน"ซาบริน่าวางสายและรีบขึ้นสกู๊ตเตอร์พร้อมกับลูกสาวอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขากลับถึงบ้านไอโนะก็พุ่งเข้าไปในบ้านและตะโกนว่า "คุณลุง คุณลุง!" ไปตลอดทางเซย์นได้ยินเสียงพวกเขาและหมุนล้อพาตัวเองออกมา “แหม่ หลานที่รัก ไอโนะหลานรักของเรามาถึงแล้ว หนูจะบอกลุงได้ไหมว่าวันนี้หนูไปต่อยกับใครมา พวกนั้นเสียไปฟันหนึ่งหรือสองซี่รึเปล่า?” เขาถามอย่างสนุกสนาน“พี่คะ” ซาบริน่าพูด “พี่ไม่ควรตามใจหลานแบบนี้เลยนะ เธอเป็นเด็กผู้หญิง เธอต่อยกับเด็กผู้ชายไปทั่วเหมือนกับว่าเธอเป็นจอมพลังไม่ได้นะ”"
ซาบริน่าหันไปเจอผู้พัฒนาโครงการก่อสร้างคนปัจจุบันของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการที่โทรหาเธอก่อนหน้านี้ นีลนั่นเอง“ผู้อำนวยการจอห์นส์ คุณมาที่นี่ได้ไง?” ซาบริน่าถามอย่างนอบน้อมขณะที่มองดูนีลอย่างแน่วแน่นีลสวมสูทงดงามซึ่งเน้นให้เห็นคุณสมบัติอันหล่อเหลาและรูปร่างที่แข็งแกร่งของเขา รูปลักษณ์ควบคู่ไปกับคุณสมบัติที่เขาครอบครองทำให้เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มโสดที่มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมที่สุดในเมืองนี้ สาวมากมายนับไม่ถ้วนอยากจะคลานเข้าไปในหัวใจของนักพัฒนาที่มั่งคั่งผู้นี้ หากซาบริน่าเจอผู้ชายที่ห่วงใยเหมือนกับนีลในตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสามปีที่แล้ว เธออาจจะใจสั่นไปแล้วก็ได้ แต่หลังจากผ่านทุกอย่างมาแล้ว ซาบริน่าเพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับลูกสาวและพี่ชายของเธอ“ผมอยากชวนคุณไปทานอาหารเย็น แต่เพราะคุณกลับบ้านมาแล้ว ผมเลยคิดว่าขอแวะมาเยี่ยมคุณสักหน่อย” นีลยกมือที่ถือตะกร้าผลไม้และดอกไม้ เขาอธิบายว่า "ผมซื้อมาฝากลูกสาวและพี่ชายของคุณด้วย รับไว้เถอะนะ"ซาบริน่าไม่รู้จะพูดอะไร“จอห์นส์!” คุณซัลลิแวนคำราม ในขณะที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมที่อยู่บนฟูกนอน “อย่าคิดว่านายสอดมือเข้ามาช่วยนางผู้หญ
หลังจากรับประทานอาหารเย็น ซาบริน่าตัดสินใจใช้เวลาตลอดทั้งคืนไปกับการทบทวนแบบงานก่อสร้าง ขณะที่เซย์นอุ้มไอโนะและอ่านหนังสือนิทานให้เธอฟัง ทั้งสองคนรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้อยู่ด้วยกัน ซาบริน่าจะแอบดูพวกเขาเป็นครั้งคราว รู้สึกราวกับว่าทุกอย่างในโลกนั้นเข้าที่เข้าทางไปเสียหมดวันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเช้า ซาบริน่าเข้าไปพูดคุยกับเซย์น“ฉันจะไปที่โรงเรียนอนุบาลของไอโนะ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนในการย้ายโรงเรียนและหาโรงเรียนอนุบาลที่อื่นให้เธอนะ บางทีมันอาจจะเป็นการดีที่สุดที่จะรักษาระยะห่างกับคนอย่างซัลลิแวน เขามีอำนาจเกินไปที่จะเสี่ยงไปขัดแข้งขัดขากับคนพรรค์นั้น เราอาจหลีกเลี่ยงพวกเขาทุกคนได้”“แน่นอน” เซย์นพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อตกลงกันได้แล้ว ตอนที่ซาบริน่ากำลังจะออกไป เธอเห็นชายสองคนยืนอยู่นอกรั้วและกำลังจะเคาะประตู ชายทั้งสองสวมชุดเครื่องแบบ พร้อมกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดี ให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ?” ซาบริน่าถามขณะเปิดประตู“เรากำลังคุยกับคุณสก๊อตต์อยู่รึเปล่าครับ?” ชายคนหนึ่งถาม ซาบริน่าพยักหน้าตอบและเขาพูดต่อว่า "เรามาจากบริษัทนิวเวิลด์ เรามาที่นี่วันนี้เพื่อหารือเรื
เสียงของซาบริน่าเบามากจนแทบเป็นเสียงกระซิบที่แม้แต่คนที่อยู่ข้างๆ เธอก็ไม่ได้ยิน และเป็นเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกของลำคอ กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเธอเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าชายคนนั้น เป็นเวลาหกปีแล้วและรัศมีที่น่าเกรงขามของเขาดูเหมือนจะมากขึ้นจากที่เธอเห็นเขาครั้งสุดท้าย โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย เขาสามารถทำให้คนที่เข้มแข็งที่สุดคุกเข่าลงได้ ครอบครัวซัลลิแวนหมดความยโสโอหังก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่ชายคนนี้ก้าวเข้ามา และพวกเขารีบประจบประแจงเขาผู้นั้นทันที“คุณ...คุณฟอร์ด ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่? คือ...อาการบาดเจ็บที่หลังของผมนี่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น” คุณซัลลิแวนยิ้มอย่างนอบน้อมให้เซบาสเตียน เขาพูดติดอ่างราวกับว่าพูดอะไรไม่ออก ภรรยาของเขาพยักหน้าถี่รัวอยู่ข้างเขาโดยไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียวน่าแปลกที่ลีโอลูกชายของพวกเขาดูคุ้นเคยกับเซบาสเตียนและเรียกเขาว่า "คุณอา!"“ฮืม” เซบาสเตียนตอบเสียงต่ำ“นางตัวดี!” ลีโอหันกลับมามองทางซาบริน่าและโอ้อวด "ตอนนี้เธอเห็นด้วยตัวเองแล้ว นี่คือเพื่อนใหม่ของพ่อฉัน นายใหญ่จากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ เขามีอำนาจมาก! ถ้าไม่ให้ไอโนะ สก๊อตต์มาคุ