ผู้หญิงคนนั้นมาจากชนบทและแทบไม่รู้หนังสือ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดใจ เธอจึงสามารถผูกมัดตัวเองกับเคนตันได้ตอนที่เธออายุ 20 กว่า ๆ แม้ว่าชายคนนั้นอายุใกล้จะหกสิบแล้วก็ตาม ในช่วงสิบปีที่เธออยู่กับเขา ผู้หญิงคนนี้ได้รับการปกป้องจากภยันตรายของโลกภายนอกดังนั้น เมื่อโลกของเธอพลิกกลับตาลปัตรไป เจดและเซลีนต่างก็พยายามยุยงเธอมากยิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนเธอให้เป็นเครื่องมือของแม่ลูกคู่นั้นเซลีนคิดว่าแผนในครั้งนี้ของพวกเธอจะสำเร็จ และลงเอยด้วยการทำให้ซาบริน่ามีปัญหามากมายอย่างแน่นอนทว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด เซบาสเตียนได้ช่วยชีวิตซาบริน่าไว้เป็นอีกครั้งที่หัวใจของเซลีนเต็มไปด้วยความหึงหวงเมื่อเธอกลับถึงบ้าน เจดเห็นเซลีนที่น้ำตาคลอเบ้าและดูท้อแท้ เธอจึงถามว่า “เซลีน เกิดอะไรขึ้น? สรุปผู้หญิงคนนั้นฆ่าซาบริน่าได้ไหม?”“แม่คะ ฮึก” เซลีนเริ่มสะอื้นหนักขึ้น “เมื่อไหร่เราจะกำจัดซาบริน่าได้? ผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นจะโชคดีเกินไปแล้วนะ!”เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น เจดก็ถูกเติมเต็มด้วยความเกลียดชังเช่นกันเจดและเซลีนรู้ว่าพวกเธอไม่มีวันที่จะได้วางใจ ตราบใดที่ซาบริน่ายังมีชีวิตอยู่ไม่มีทางอื
"หล่อนเป็นใคร? ทำไมหล่อนถึงมีโทรศัพท์ของสามีฉัน?” อีกด้านหนึ่งคือเสียงที่แหลมและคาดโทษของเซลีนซาบริน่าพึมพำ “ฉัน…”เธอหันไปมองเซบาสเตียนด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ หัวใจของเธอจมลึกลงไปทุกวินาทีเธอคาดว่าสายคงจะมาจากเซลีน เพราะหมายเลขไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์ของเซบาสเตียน ทว่าทันทีที่เธอได้ยินคำคาดโทษและน้ำเสียงแหลมของเซลีน ซาบริน่าก็รู้สึกผิดทันทีเธอจึงแนบโทรศัพท์ไว้ที่หูของเซบาสเตียน"ฮัลโหล?!" เซบาสเตียนดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก“สามี...นายน้อย ฮึก ทำไมมีผู้หญิงอยู่ข้างคุณล่ะคะ? แถมเธอยังรับสายให้คุณด้วย เธอเป็นใคร? ฮึก" เซลีนสะอื้น แต่ยังคงน้ำเสียงอ่อนหวานไว้แม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้น แต่เซลีนก็รู้ดีว่าเสียงนั้นเป็นของใครแค่ได้ยินเสียงเซลีนก็บอกได้เลยว่าซาบริน่าเป็นคนรับโทรศัพท์ให้เซบาสเตียนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเซลีนเฝ้าดูเซบาสเตียนขวางมีดที่มุ่งหมายไปที่ซาบริน่าด้วยตาของเธอเอง และเห็นซาบริน่าพันผ้าพันคอที่บาดแผลของเขาก่อนจะขึ้นรถพยาบาลไปพร้อมกันต้องเป็นซาบริน่าแน่ ๆเสียงของเซบาสเตียนยังคงสงบมาก ในขณะที่เขาพูด “เธอเป็นพยาบาล”เซลีนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเธอรู้ว่าเซบาสเต
“ก็เขาดีขึ้นแล้ว คุณฟอร์ดได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว ฉันไม่คิดว่าฉันควรจะอยู่ที่นี่ต่อไป ช่วยขอบคุณคุณฟอร์ดแทนฉันด้วยนะคะ ฉันรู้สึกขอบคุณเขาจริง ๆ ฉันจะไม่ลืมที่เขาช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันจะไม่ลืมหนี้บุญคุณนี้เลย อ่อ คุณเยทส์ ถ้าในอนาคตคุณพอมีเวลา ช่วยถามคุณฟอร์ดให้ฉันหน่อยได้ไหมคะว่าเขายินดีที่จะอนุญาตให้ฉันไปเยี่ยมหลุมศพของป้าเกรซได้บ้างไหม?”คิงส์ตันไม่รู้จะตอบกลับไปเช่นไร“ป้าเกรซจะเป็นครอบครัวของฉันตลอดไป ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงยืนกรานที่จะไม่รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา ฉันไม่อยากให้สายใยที่เรามีต่อกันเป็นเพียงเพราะเรื่องของเงิน” ซาบริน่าพูด“ผมจะถามให้คุณอย่างแน่นอนครับ” คิงส์ตันตอบกลับ “คุณสก๊อตต์ บาดแผลของนายน้อยนั้นเพิ่งได้รับการรักษาเสร็จ คุณช่วยอยู่ดูแลเขาให้นานกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ?”ซาบริน่ายิ้ม “ตอนนี้คุณฟอร์ดกำลังคุยโทรศัพท์อยู่… กับเซลีน คู่หมั้นของเขา”“แต่เขาไม่ได้รักเซลีน!” ฉับพลัน คิงส์ตันก็ร้องออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังซาบริน่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับการโพล่งออกมาอย่างกะทันหันของเขาดี“คุณสก๊อตต์ ผมไม่เคยเห็น
“ซา… ซาบริน่า” ไนเจลไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เขาดูเขินอาย ดูไม่เป็นตัวเองในตอนปกติขณะยืนอยู่ต่อหน้าของซาบริน่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราและแสดงสีหน้าซีดเซียว ไนเจลดูเหมือนคนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตาบมาหมาด ๆ ในทางตรงกันข้าม สีหน้าของซาบริน่ากลับผ่อนคลาย “คุณคอนเนอร์ ถ้ามีอะไรจะพูด คุณก็ควรพูดออกมาเลยนะคะ”“ซาบริน่า ฉันขอโทษ” ไนเจลพยายามพูด“เมื่ออาทิตย์ก่อน คุณบอกฉันแล้วค่ะ ฉันยอมรับคำขอโทษของคุณ” ซาบริน่าตอบด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร“หวังว่าเธอจะยกโทษให้ฉัน”“ฉันให้อภัยคุณแล้ว” ซาบริน่ายอมรับรับคำโทษ“เธอ… ยังรักฉันอยู่ไหม?” ไนเจลเอ่ยถามอย่างระมัดระวังเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ซาบริน่าก็ก้มหน้าลงและเงียบไป ครู่หนึ่ง เธอก็เชิดหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับไนเจล “ฉันโกหกคุณไม่ได้ คุณคอนเนอร์ ฉัน… ไม่เคยรักคุณค่ะ”ไนเจลตกตะลึง“ฉันไม่เคยรักคุณจริง ๆ” เธอสารภาพพลางพยายามตั้งสติเอาไว้ “ตั้งแต่ที่ถูกส่งตัวมาตอนอายุสิบสอง ฉันได้เรียนรู้การอ่านอารมณ์ของผู้อื่นค่ะ ในช่วงแปดปีที่ฉันได้อยู่ร่วมกับครอบครัวลินน์ ฉันไม่เคยทานอาหารครบมื้อเลย กินอะไรดี ๆ น้อยลงมาก ในบางครั้งคนใช้ขอ
“ลองถามใจตัวเองดูอีกสักครั้งได้ไหม? ฉันสาบานว่าจะรักเธออย่างซื่อสัตย์จริง ๆ ฉันจะปฏิบัติดูแลเด็กในท้องของเธอเปรียบเสมือนลูกของฉันเองเลย ได้โปรด ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม ซาบริน่า?”ซาบริน่าส่ายศีรษะเบา ๆ และตอบกลับ “คุณคอนเนอร์คะ ฉันไม่ได้รักคุณ ฉันจะไม่ให้โอกาสเป็นครั้งที่สองกับคนที่ปฏิบัติกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่มนุษย์ จริงด้วยค่ะ... คุณมาถูกเวลาจริง ๆ ฉันกำลังจะไปหาคุณอยู่พอดี”ขณะที่พูดเช่นนั้น ซาบริน่ากลับเข้าไปในห้องเพื่อไปเอาซองจดหมายเก่า ๆ ที่มีชื่อไนเจลติดอยู่ไนเจลรู้สึกได้ว่าถ้อยคำนั้นเขียนขึ้นอย่างแน่วแน่ โดยไม่มีพื้นที่สำหรับความมักง่ายหรือความลังเลใจเลย เมื่อมองดูชื่อของเขาเองบนซองจดหมาย ไนเจลคิดได้อย่างเดียวว่านี่คือความมั่นใจของซาบริน่าถ้าลายมือของคน ๆ หนึ่ง สามารถสะท้อนความรู้สึกของคน ๆ นั้นได้จริง ๆ นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ไนเจลเห็นลายมือของซาบริน่า ซึ่งเขาคิดว่ามันดูสละสลวยมากมันไม่ละเอียดอ่อนเลย แต่ค่อนข้างคมและมีออร่าที่แข็งแกร่งแผ่ออกมา“นี่เงินหนึ่งหมื่นนะคะ ฉันไม่สามารถให้คุณได้มากกว่านี้ เพราะฉันไม่มีเงินจริง ๆ ฉันคิดว่
ในที่สุด หลังจากที่ไนเจลและเซย์นกลับไป ซาบริน่าก็ไปที่ธนาคารเพื่อเปิดบัญชีสำหรับฝากเงิน จากนั้นเธอก็ไปยังที่สถานีเพื่อซื้อตั๋วรถไฟ น่าเสียดายที่เธอได้รับแจ้งว่าในขณะนี้ไม่มีรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของเธอเลยพนักงานขายบอกว่าต้องรออย่างน้อย 3 วันสำหรับรถไฟขบวนถัดไปอีกทางเลือกหนึ่ง มีรถประจำทางที่เชื่อมต่อบ้านเกิดของเธอกับเซ้าท์ ซิตี้ แต่การเดินทางนั้นจะใช้เวลาทั้งวัน และนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมห้าหรือหกร้อยดอลลาร์แล้ว ประเด็นหลักก็คือการนั่งรถไปบนถนนที่ขรุขระต่างหากมันอันตรายเกินไป เพื่อความปลอดภัยของลูกในท้องของเธอ เธอไม่สามารถเสี่ยงอันตรายด้วยการเดินทางบนรถประจำทางนั้นได้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอบอกพนักงานขายว่า “ฉันขอตั๋วรถไฟ สำหรับขบวณถัดไปในอีกสามวันข้างหน้าค่ะ”เมื่อเธอได้ตั๋วแล้ว ซาบริน่าจึงตัดสินใจไปเดินเล่น เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่เธอออกจากคุกมา แต่เธอไม่เคยมีโอกาสได้เดินเล่นไปรอบเมืองอย่างสบายใจเลยเธอไม่มีทั้งเงินและเวลาตลอดทั้งเช้า เธอไปซื้อของแต่ไม่ยอมซื้ออะไรให้ตัวเองเลย หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวัน ซาบริน่าก็โทรหาคิงส์ตัน “คุณเยทส์ คุณฟอร์ดยินยอมให้
“ลาก่อนนะคะ แม่” ซาบริน่าพูดขณะที่เธอออกจากสุสานไปอย่างไม่เต็มใจเมื่อเธอไปถึงที่พักก็เป็นเวลาสี่หรือห้าโมงเย็นแล้ว แทนที่จะเตรียมอาหาร ซาบริน่าตัดสินใจไปหาอะไรรับประทานก่อนจะกลับไปพักผ่อนขณะที่เธอนั่งลงที่แผงขายอาหาร ผู้หญิงสองคนก็เริ่มจ้องมองเธอ“นั่นเธอ ต้องเป็นเธอแน่ ๆ ! ฉากหลังของวิดีโออยู่ที่นี่ในบริเวณนี้ เป็นเธอไม่ต้องสงสัยเลย”“ฉันก็คิดว่าเป็นเธอเหมือนกัน! แค่มองดูเธอก็รู้ว่าทำเป็นเรียบร้อย สุภาพ ด้วยใบหน้าที่ดูซื่อสัตย์นั่น ฉันดูไม่ออกเลยนะว่าเธอยั่วยวนกับปั่นหัวผู้ชายเล่นเก่งขนาดนี้”“ฉันได้ยินมาว่าชายทั้งสองคนนั้นเป็นทายาทที่มีชื่อเสียงของตระกูลที่ร่ำรวยในเซ้าท์ ซิตี้ หนึ่งในนั้นคือหลานชายของหัวหน้าในกลุ่มบริษัทฟอร์ดด้วยล่ะ”“ตระกูลของอีกคนอาจจะล้มละลายไปบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกับคนสามัญชนอย่างเราทรัพย์สินของครอบครัวของพวกเขามีมูลค่าอย่างน้อยหลายร้อยล้าน!”ซาบริน่าไม่ได้หูหนวกผู้หญิงสองคนกำลังพูดถึงไนเจลและเซย์นอย่างเห็นชัดเจน และการยั่วยวนที่พวกเธอพูดถึงนั่นก็หมายถึงเธอเธอเดินเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นและถามว่า “พวกคุณสองคนมองอะไรเหรอ?”ผู้หญิงสองคนที่กำลังนั่
ไม่มีเสียงตอบกลับจากปลายอีกด้านของการโทรซาบริน่าพูดอย่างใจเย็น “คุณฟอร์ดคะ ฉันรู้ว่าคุณต้องการจะพูดอะไร และฉันไม่อยากอธิบาย กรุณาบอกป้าของคุณให้ควบคุมลูกชายของเธอให้ดีเถอะค่ะ… ”“แม่สาวน้อย ถ้าเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้ เธอคิดผิดอย่างมหันต์!” คนที่พูดไม่ใช่เซบาสเตียนมันเป็นเสียงของชายชราคนหนึ่งซาบริน่าถามไปว่า “คุณคือ?”“ฟังนะ! หากฉันต้องการจะฆ่าเธอ มันไม่ยากเกินไปเหมือนกับการเหยียบมดนั้นแหละ!” เสียงชายชราตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองซาบริน่ายังบอกไม่ได้ว่านั่นคือเสียงของใครดูเหมือนจะมีการทะเลาะวิวาทอยู่เบื้องหลังปลายสาย และเมื่อเธอตั้งใจฟัง ซาบริน่าก็สามารถได้ยินเสียงของคิงส์ตันได้อย่างชัดเจน“นายท่ายผู้อาวุโสครับ คุณ… คุณทำยังงี้ได้ยังไงครับ? คุณรู้ว่านายน้อยกำลังประชุมอยู่และถือโอกาสนี้ใช้โทรศัพท์ของนายน้อยโทรหาใครอยู่ด้วย!” คิงส์ตันมองไปที่นายท่านผู้อาวุโสเฮนรี่อย่างไม่เชื่อซาบริน่ารู้ทันทีว่าเป็นเสียงของใครคือเสียงคุณปู่ของเซบาสเตียนนั่นเองเขาต้องการอะไรกับเธอ?ซาบริน่าวางสายโดยไม่ลังเลในอีกด้านหนึ่งของการโทร เฮนรี่ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก แต่โทรศัพท์ถูกคิงส์ตันเอา