เมื่อเย่ซิวปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในสิ่งนั้น ก็เห็นว่าชามใบนั้นเปล่งแสงสีชมพูออกมา แสงสีชมพูนั้นรวมตัวกันกลางอากาศ ก่อร่างเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นเย้ายวน เธอสวมชุดผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างสุดเร่าร้อนแบบราง ๆ จนทำให้คนมองแทบกระอักเลือด ทันทีที่ปรากฏตัว เธอส่งสายตาหวานเยิ้มไปที่เย่ซิว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ขอบคุณคุณชายที่ปล่อยข้าออกมา ตั้งแต่นี้ไปข้าจะเป็นของท่าน ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านเถอะ" ทันใดนั้นพลังจิตลึกลับก็แผ่ออกมาจากร่างเธอ แต่เย่ซิวแค่แค่นเสียงหึเย็นชาออกมาเท่านั้น!เธอพยายามใช้เสน่ห์สะกดเขา แต่สำหรับเขาแล้ว มันก็แค่ของเด็กเล่นหญิงสาวกรีดร้องออกมาทันที เพียงแค่เสียงหึของเย่ซิว ก็ดังราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจเธอทำให้ร่างวิญญาณของเธอบิดเบี้ยวราวกับจะแตกสลาย "ท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!" เย่ซิวจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนเอ่ยถาม "เธอมีที่มาอย่างไร?" หญิงสาวรีบตอบเสียงสั่น "เรียนนายท่าน ข้าคือปีศาจเสน่หา จะต้องเกิดในวันที่สามเดือนสาม และต้องตายในที่ที่ดอกท้อบานสะพรั่งเท่านั้น จึงจะถูกหลอมรวมกลายเป็นปีศาจเสน่หาได้
ตอนนี้เย่ซิวเหลือเพียงร่างแยกธาตุไม้และร่างแยกธาตุดินที่ยังไม่ได้สร้างขึ้นมานอกจากวัสดุหลักสองอย่างนี้แล้ว วัสดุอื่น ๆ ก็หาได้ครบหมดแล้ว เย่ซิวเก็บของทั้งหมดอย่างระมัดระวัง หลังจากกลับไปก็สามารถเริ่มสร้างร่างแยกธาตุไม้ได้ทันทีของที่วางอยู่บนชั้นก็ถูกเก็บไปจนหมด ทุกชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่า ในตอนนี้ ทรัพย์สมบัติที่เย่ซิวมีจากการบำเพ็ญเพียร ไม่ต้องพูดถึงยุคปัจจุบันเลยแม้แต่ในยุคโบราณที่เป็นยุคทองของการฝึกตน เย่ซิวก็ยังนับได้ว่ามีทรัพย์สินมหาศาลในหมู่ผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน หลังจากกวาดล้างคลังสมบัติจนไม่เหลืออะไรแล้ว เย่ซิวก็ออกจากที่นั่น ผ่านไปไม่นาน คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับมาเช่นกัน และทุกคนก็ได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยไม่มีใครเสียเวลาอยู่ที่นั่นนานนัก ทุกคนเดินทางกลับสำนักโอสถทันที เมื่อกลับมาถึงสำนักโอสถพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าประชาชน ทุกคนต่างพากันส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตลอดทั้งเรื่องทำให้ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าขุมกำลังที่ปกป้องพวกเขาอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แน่นอนว่าบุคคลที่น่าทึ่งที่สุดก็คื
ประเทศหลงเถิง ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโบราณทางตอนเหนือ“อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็นเนื้อกระต่ายแหละ”ณ ส่วนลึกของป่าโบราณมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ในมือหิ้วกระต่ายตัวอวบอ้วนมาด้วยหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนโขดหินตะปุ่มตะป่ำขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดีดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงหน้าบ้านไม้เขาชื่อเย่ซิว อาศัยอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของเขามาตั้งแต่ยังเด็กแล้วติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ เก็บสมุนไพร เรียนการแพทย์ และเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนเอี๊ยดเย่ซิวผลักประตูแล้วเดินเข้าไป วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระต่ายในมือถูกทิ้งลงกับพื้นเห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ศีรษะตกลงมา ไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว“อาจารย์ อาจารย์ครับ เป็นยังไงบ้าง?!”เย่ซิวตกใจมากรีบรุดขึ้นไปแล้วตรวจชีพจรของเขาก่อน จึงได้พบว่าไม่มีการเต้นของชีพจรแล้วจากนั้นเขาก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มลงไปไม่มีประโยชน์!เขาถ่ายทอดพลังปราณอันทรงพลังของตัวเองไปให้ แต่ก็ยังคงไร้ผลใด ๆความโศกเศร้าครั้งใหญ่เข้
“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโหเย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมาเซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"เพียะ เพียะ!เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองทีร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถเขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็วแต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัดแต่หลังจา
เพียะ!หนึ่งฝ่ามือหนัก ๆ ฟาดไปที่หน้าของเซี่ยชิงชิงใบหน้าที่ขาวผ่องและเนียนละเอียดของเธอบวมขึ้นในทันทีนั้นเสียงตบที่คมชัด ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ทำให้เซี่ยเจี๋ยเบิกตากว้าง บอดี้การ์ดทั้งสองคนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเซี่ยชิงชิงยกมือขึ้นกุมหน้า ความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าว รวมถึงความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุดทำเอาเธอแทบบ้าคลั่งเสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นทันที "กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ?!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเธอ มองไปที่เซี่ยเจี๋ยแล้วพูด “หลานสาวของคุณกำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ผมก็เลยช่วยสั่งสอนเธอแทนให้ มีปัญหาอะไรไหมครับ?"เซี่ยเจี๋ยยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันไม่กล้ามีปัญหาหรอก หลานสาวฉันคนนี้ หยิ่งผยองมากเกินไปแล้วจริง ๆ"“คุณปู่ ฆ่าเขา รีบฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!” เซี่ยชิงชิงตีโพยตีพาย คนทั้งคนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกตบหน้า“หุบปาก!”เซี่ยเจี๋ยตะคอก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธออกมานิดหน่อย “ดูเหมือนว่าปกติปู่จะตามใจหลานจนเสียคนแล้วจริง ๆ รีบขอโทษผู้มีพระคุณเย่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งหลานเรียนจบ อย่าคิดว่าจะได้
จ้าวเฉียนเดินเข้ามาพร้อมกับเลขาฯ เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ตะโกนทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยั้งมือ“พ่อ?” จ้าวเฟิงตกตะลึง “พ่อมาทำอะไรที่นี่?”จ้าวเฉียนถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"จ้าวเฟิงอธิบายเหตุการณ์ให้จ้าวเฉียนฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำดวงตาของจ้าวเฉียนเป็นประกาย ความคิดของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าว ๆ แล้ว น่าจะเป็นเย่ซิวคนนี้ที่บังเอิญช่วยเซี่ยเจี๋ย แต่ขณะเดียวกันก็ดันไปทำให้เซี่ยชิงชิงขุ่นเคืองใจ จึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต้องบอกว่าจ้าวเฉียนสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆเขาโบกมือ "อย่างนั้นก็ลงมือเถอะ"แต่ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เย่ซิวก็โพล่งขึ้น "คุณคือจ้าวเฉียนงั้นเหรอ?"ที่นี่คืออาคารของบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป และในพินัยกรรมที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้นั้น ยังได้ทิ้งข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับจ้าวเฉียนเอาไว้ด้วยจ้าวเฟิงโกรธมาก "ชื่อของพ่อฉัน แกอยากจะเรียกก็เรียกได้หรือไง? ไอ้คนเถื่อน!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเขา "เป็นคุณจริง ๆ เยี่ยมเลย ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะ"“โอ้?” จ้าวเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "คนเถื่อนที่เพิ่งลงมาจากเขาอย่างนาย มีธุระอะไรกับฉ
ที่หน้าร้าน หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่เย่ซิวแล้วตะโกนเสียงดังลั่น "ไสหัวไปให้ไกล ๆ เลย อย่ามาขัดขวางธุรกิจของฉัน!"ในความเห็นของเธอ เย่ซิวซึ่งสวมชุดผ้าขี้ริ้วและสะพายถุงผ้าเก่า ๆ ไม่ต่างอะไรจากขอทานเย่ซิวพูดว่า "ผมไม่ใช่ขอทาน ผมมาซื้อเสื้อผ้า ผมมีเงิน"หญิงวัยกลางคนกอดอกและเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอทานอย่างแกจะมีเงินสักเท่าไหร่เชียว สิบหยวนหรือว่ายี่สิบหยวนล่ะ? แกไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ได้หรอกนะ ห้ามเข้ามาในร้านของฉัน อย่าทำให้ร้านของฉันสกปรก"เย่ซิวระงับความโกรธ "ผมบอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมมีเงิน ถ้าคุณเปิดร้านทำธุรกิจ ทำไมถึงไม่ให้ผมเข้าไปล่ะ?"หญิงวัยกลางคนโกรธมาก "แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ถ้าไม่ไป ฉันจะไม่ยั้งมือแล้วนะ"หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบไม้กวาดข้างประตูขึ้นมาและจ้องเย่ซิวด้วยสีหน้าดุร้าย“พี่ชายคนนี้ อยากจะซื้อเสื้อผ้าเหรอคะ? มาที่ร้านฉันก็ได้นะ”ทันใดนั้นเอง เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งก็ดังมาจากร้านข้าง ๆ เย่ซิวหันกลับไปมอง เห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบแปดหรือสิบเก้าปีกำลังพูดกับเขาอย่างเขินอายเธอดูไร้เดียงสามาก สวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาวผมถูกถักเป็นเปียสอง
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมดจากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทางทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!""ได้!"คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้าเย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็วแต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทนเย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้นทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ""ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมา
ตอนนี้เย่ซิวเหลือเพียงร่างแยกธาตุไม้และร่างแยกธาตุดินที่ยังไม่ได้สร้างขึ้นมานอกจากวัสดุหลักสองอย่างนี้แล้ว วัสดุอื่น ๆ ก็หาได้ครบหมดแล้ว เย่ซิวเก็บของทั้งหมดอย่างระมัดระวัง หลังจากกลับไปก็สามารถเริ่มสร้างร่างแยกธาตุไม้ได้ทันทีของที่วางอยู่บนชั้นก็ถูกเก็บไปจนหมด ทุกชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่า ในตอนนี้ ทรัพย์สมบัติที่เย่ซิวมีจากการบำเพ็ญเพียร ไม่ต้องพูดถึงยุคปัจจุบันเลยแม้แต่ในยุคโบราณที่เป็นยุคทองของการฝึกตน เย่ซิวก็ยังนับได้ว่ามีทรัพย์สินมหาศาลในหมู่ผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน หลังจากกวาดล้างคลังสมบัติจนไม่เหลืออะไรแล้ว เย่ซิวก็ออกจากที่นั่น ผ่านไปไม่นาน คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับมาเช่นกัน และทุกคนก็ได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยไม่มีใครเสียเวลาอยู่ที่นั่นนานนัก ทุกคนเดินทางกลับสำนักโอสถทันที เมื่อกลับมาถึงสำนักโอสถพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าประชาชน ทุกคนต่างพากันส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตลอดทั้งเรื่องทำให้ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าขุมกำลังที่ปกป้องพวกเขาอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แน่นอนว่าบุคคลที่น่าทึ่งที่สุดก็คื
เมื่อเย่ซิวปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในสิ่งนั้น ก็เห็นว่าชามใบนั้นเปล่งแสงสีชมพูออกมา แสงสีชมพูนั้นรวมตัวกันกลางอากาศ ก่อร่างเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นเย้ายวน เธอสวมชุดผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างสุดเร่าร้อนแบบราง ๆ จนทำให้คนมองแทบกระอักเลือด ทันทีที่ปรากฏตัว เธอส่งสายตาหวานเยิ้มไปที่เย่ซิว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ขอบคุณคุณชายที่ปล่อยข้าออกมา ตั้งแต่นี้ไปข้าจะเป็นของท่าน ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านเถอะ" ทันใดนั้นพลังจิตลึกลับก็แผ่ออกมาจากร่างเธอ แต่เย่ซิวแค่แค่นเสียงหึเย็นชาออกมาเท่านั้น!เธอพยายามใช้เสน่ห์สะกดเขา แต่สำหรับเขาแล้ว มันก็แค่ของเด็กเล่นหญิงสาวกรีดร้องออกมาทันที เพียงแค่เสียงหึของเย่ซิว ก็ดังราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจเธอทำให้ร่างวิญญาณของเธอบิดเบี้ยวราวกับจะแตกสลาย "ท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!" เย่ซิวจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนเอ่ยถาม "เธอมีที่มาอย่างไร?" หญิงสาวรีบตอบเสียงสั่น "เรียนนายท่าน ข้าคือปีศาจเสน่หา จะต้องเกิดในวันที่สามเดือนสาม และต้องตายในที่ที่ดอกท้อบานสะพรั่งเท่านั้น จึงจะถูกหลอมรวมกลายเป็นปีศาจเสน่หาได้
ทุกครั้งที่เดินทาง เย่ซิวสามารถขนเสบียงจำนวนมากกลับไปได้และตอนนี้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้การเดินทางไปกลับใช้เวลาไม่นานสองวันต่อมา เย่ซิวและพรรคพวกเดินทางมาถึงเมืองหลวงของประเทศจ้านได้อย่างราบรื่นความง่ายดายของการเดินทางทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องไม่จริงเมื่อพวกเขามาถึง มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเอ่ยปากอยากให้เย่ซิวอยู่ที่นี่ตลอดไป และขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขาต้องยอมรับว่าตอนที่เย่ซิวได้ยิน เขาก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้างแต่หลังจากลังเลไปเพียงครู่เดียว เขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไปมีคำกล่าวว่าหากไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเขาที่พวกเขาแสดงออกแบบนี้เป็นเพียงเพราะความประทับใจในพลังของเขา และเพราะเขาเคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่ซาบซึ้งใจเป็นพิเศษแต่เมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว พวกเขาย่อมต้องกลับมารู้สึกต่อต้านเย่ซิวอีกครั้งอย่างแน่นอนและเมื่อนั้นเขาจะทำอย่างไร?ฆ่าทุกคนที่ต่อต้านเขางั้นหรือ?เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นไปไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของเขาไม่ใช่การแย่งชิงแผ่นดิน หรือครองโลก
กลุ่มควันสีดำลอยฟุ้งไปทั่ว และปกคลุมทั้งอาณาเขตของประเทศจ้าน สิ่งเหล่านี้คือพลังงานแห่งความคับแค้นที่มหาศาล ซึ่งเกิดขึ้นจากประชาชนของประเทศจ้าน และสาเหตุของความคับแค้นนี้ย่อมมาจากผู้นำตระกูลเฒ่าและผู้นำของประเทศจ้าน ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นโดยเฉพาะชาวเมืองในเมืองแห่งหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ ได้เห็นกับตาตัวเองว่าเย่ซิวทำอะไรลงไป ชีวิตของพวกเขากลับเป็นศัตรูที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าขันเสียจริง บางคนถึงกับนำวิดีโอที่เกี่ยวข้องอัปโหลดลงบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมหาศาล ในเมืองนั้น มีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองอื่น ๆ การกระทำของเย่ซิว เท่ากับช่วยชีวิตครอบครัวกว่าสิบล้านครอบครัว แต่ประเทศจ้านกลับเลือกที่จะสังเวยชีวิตประชาชนหลายสิบล้านหรืออาจถึงพันล้านคน เพียงเพื่อจัดการเย่ซิว แน่นอนว่าความโกรธแค้นต่อรัฐบาลย่อมรุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว ความแข็งแกร่งของประเทศหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาของชาติ และโชคชะตาของชาติ ก่อเกิดจากพลังแห่งความสามัคคีของประชาชน!เมื่อพวกเขาสูญเสียความหวังในประเท
“ฮ่า ๆ ๆ นี่มันเกินคาดจริง ๆ!”“เจ้าหนูนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”“การมีเขาอยู่เป็นโชคดีของพวกเรา!”……ภายในประเทศหลงเถิงเดิมทีผู้นำและนายกรัฐมนตรีต่างหมดหวังไปแล้วแต่ตอนนี้กลับพากันหัวเราะด้วยความตื่นเต้นราวกับพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์“เย่ซิวส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้อีกแล้ว! เขาทำลายดาวเทียมส่วนใหญ่ของประเทศเหล่านั้นไปตอนนี้พวกเขามองไม่เห็นข้อมูลจากหลายพื้นที่แล้ว”แต่ก็มีบางคนที่แสดงความกังวลขึ้นมา “กลัวแต่ว่าประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นจะทนไม่ไหวแล้วลงมือก่อน”นายกรัฐมนตรียิ้มและกล่าวว่า “เย่ซิวแยกตัวจากประเทศหลงเถิงไปนานแล้ว นั่นเป็นการกระทำของเขาเอง เราควบคุมอะไรไม่ได้ ที่ทำได้มากที่สุดก็ทำได้แค่ประณามเขาต่อสาธารณะเท่านั้น”เมื่อพูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะอีกครั้งจักรพรรดิหมีเหล็กและจักรพรรดิอินทรีครามเปิดการสนทนาทางวิดีโออีกครั้งจักรพรรดิหมีเหล็กกล่าวว่า “ฉันคิดว่าการเผชิญหน้ากันแบบนี้ต่อไปไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเราเลย”“ใช่ ๆ” จักรพรรดิอินทรีครามพยักหน้าอย่างจริงจัง “ขืนยังสู้กันต่อไป คนที่ลำบากก็คือประชาชนของเราเอง ฉันคิดว่าการฟื้นฟูการค้ากับประเทศหลงเถิงน่าจะเป็นทางออ
นอกชั้นบรรยากาศ ทุกสิ่งเงียบสงัดและเย็นเยือกราวกับกาลเวลาได้หยุดนิ่งลงทุกคนเชื่อว่าเย่ซิวได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้วและความจริงก็เป็นเช่นนั้นหากเป็นแค่ขีปนาวุธเอชเพียงลูกเดียว เย่ซิวอาจจะสามารถต้านทานได้แต่เมื่อเป็นสองลูก และเขาอยู่ ณ ใจกลางของการระเบิดเต็มกำลัง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางที่จะทานรับได้เลยแต่โชคดีที่เขายังมีไพ่ตายที่เหนือสามัญสำนึกของโลกใบนี้ในเสี้ยววินาทีแห่งความตาย มันได้ปลุกพลังแฝงในสายเลือดของเขาขึ้นมาถือกำเนิดอีกครั้งจากเปลวไฟ!“วี๊ด!!!”เสียงกู่ร้องอันกึกก้องพุ่งทะลุออกมาจากนอกชั้นบรรยากาศ มันกึกก้องกังวานไปทั่วโลก ทุกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน!ทุกคนเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็กลายเป็นภาพที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตหงเพลิงที่แผดเผาด้วยเปลวเพลิงลุกโชติช่วง กางปีกออกกว้าง ลอยอยู่ในห้วงอวกาศร่างของมันแผ่กลิ่นอายแห่งความสูงส่ง ทรงพลังและเกรี้ยวกราดจากนั้นหงเพลิงก็ค่อย ๆ หดตัว กลายเป็นไข่ขนาดมหึมาเทียบเท่าภูเขาลูกย่อม"แกร๊ก! แกร๊ก!"รอยร้าวเริ่มแผ่ขยายไปทั่วเปลือกไข่ ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นเย่ซิวกลับมาอีกครั
ใช้วิชาดำดินหลบหนีลงไปใต้ดินอย่างบ้าคลั่งก็ได้อย่างมากก็แค่ได้รับแรงกระแทกจากคลื่นระเบิดเท่านั้น แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเขาทำจะมีสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนต้องสังเวยชีวิตไปด้วย เขามีความแค้นกับประเทศจ้าน แต่เขาไม่ได้มีความแค้นกับประชาชนธรรมดาของประเทศจ้าน “ตายซะ รีบตายไปซะ!!” ผู้นำตระกูลเฒ่ามองภาพตรงหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม ขณะที่เย่ซิวกำลังทะยานขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ เย่ซิวเข้าใกล้ขีปนาวุธเอชสองลูกนั้นแล้ว พลังของสัตว์วิญญาณกิเลนถูกเร่งขึ้นถึงขีดสุด กลายเป็นร่างมหึมายาวนับพันเมตร กรงเล็บอันใหญ่โตทั้งสองข้างตะปบออกไปสุดกำลัง ในชั่วพริบตาที่ขีปนาวุธเอชสองลูกพุ่งเข้าปะทะกัน สัตว์วิญญาณกิเลนส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน หัวใจของเย่ซิวเต้นระรัวดั่งกลองศึก อัตราการสร้างเลือดพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติถึงสิบกว่าครั้ง โลหิตราวกับสายน้ำที่ไหลพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง มอบพลังอันแข็งแกร่งให้แก่เขา จินตานถูกขับเคลื่อนจนถึงขีดสุด พลังเบญจธาตุหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แผ่กระจายไปทั่วร่าง ก่อเกิดเป็นเกราะแสงห้าสีห่อหุ้มไว้ เขารวบรวมพลังทั้งหมด พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้
รหัสของระเบิดเอชถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งอยู่ในมือของผู้นำตระกูลเฒ่า อีกส่วนหนึ่งอยู่ในมือของจักรพรรดิเมื่อพวกเขาตัดสินใจใช้ขีปนาวุธเอชกับเย่ซิว สถาบันระดับสูงสุดของประเทศจ้านก็เริ่มดำเนินการทันทีกระบวนการทั้งหมดมีสี่ขั้นตอนขั้นตอนที่หนึ่ง ทั้งสองคนส่งรหัสจาก "ปุ่มกด" บนกระเป๋าเอกสารของตัวเองไปยังกองบัญชาการปฏิบัติการพร้อมกันขั้นตอนที่สอง ศูนย์สื่อสารของกองบัญชาการปฏิบัติการจะนำรหัสที่ได้รับมาประมวลผลและเข้ารหัสใหม่ จากนั้นส่งต่อไปยังกองบัญชาการที่มีอาวุธยุทธศาสตร์เอชขั้นตอนที่สาม กองบัญชาการแต่ละแห่งต้องส่งคำสั่งลงไปยังหน่วยที่รับผิดชอบปฏิบัติภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ขั้นตอนที่สี่ ฐานยิงเอช รวมถึงเรือดำน้ำและเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์จะได้รับคำสั่งให้ดำเนินการโจมตีเอชหลังจากสี่ขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น ขีปนาวุธนิวเคลียร์เอชสองลูกก็ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นภายใต้การนำทางของดาวเทียมและเรดาร์หลายสิบตัว มันพุ่งตรงไปหาเย่ซิวด้วยความเร็วเหนือเสียงราวกับนกพญาอินทรีทะยานขึ้นฟ้า เย่ซิวเพิ่งทำลายกระสุนประเภทดีหลายสิบลูกไปได้สำเร็จ ผู้คนด้านล่างต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยคว
จากนั้นก็เห็นเย่ซิวถือกระบี่วิเศษที่เปล่งแสง ยืนอยู่กลางอากาศเสื้อผ้าของเขาปลิวไสวไปตามสายลมแรง ดวงตาคมกริบดั่งสายฟ้าจ้องไปที่กระสุนประเภทดีที่อยู่ตรงหน้าเขาฟันกระบี่ออกไปหนึ่งครั้งในการฟันครั้งนี้ เขาได้บีบอัดปราณกระบี่ถึงเก้าครั้ง ทำให้พลังของมันรุนแรงจนไม่อาจคาดเดาได้ปราณกระบี่อันเจิดจรัส แปรเปลี่ยนเป็นมังกรกระบี่ห้าสิบตัว ความยาวแต่ละตัวถึงร้อยเมตร พุ่งเข้าใส่เหล่าขีปนาวุธตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!เมื่อทั้งสองพลังปะทะกัน เสียงระเบิดกึกก้องสะท้านฟ้าทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือน ราวกับอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันเกรี้ยวกราดและบ้าคลั่ง จนไม่อาจควบคุมตัวเองได้กระจกของอาคารทุกแห่งแตกกระจายอาคารเก่าแก่หลายหลังเกิดรอยร้าวเป็นจำนวนมากผู้คนทั้งเมือง ณ วินาทีนั้น แทบไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปความเสียหายที่เกิดขึ้น อาจเป็นผลกระทบถาวรแต่อย่างน้อยเย่ซิวก็ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ช่างเป็นเรื่องประชดประชันเสียจริงผู้บุกรุกกลับกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตประชาชนของศัตรูขณะนั้นผู้นำตระกูลเฒ่าและผู้กำลังยืนอยู่ในห้องควบคุม สวมแว่นกันแดด มองภาพตรงหน้าด้วยความนิ่งสงบตาไม่กะพริบพวกเขาเห็นแสงสว่างขนาดมหึมาครอบ