ฉับ! ฉับ! ฉับ!เหล่าสัตว์ร้ายถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง นักรบแนวหน้าส่วนใหญ่ต่างเหนื่อยล้าจนแทบสิ้นแรงไม่เพียงแค่ยอดฝีมือทั้งหมดของสำนักโอสถที่ถูกระดมมาสู้ แม้แต่หนานกงอวี่ก็ได้นำกลุ่มยอดฝีมือมาสมทบด้วยการต่อสู้นี้เรียกได้ว่านองเลือดและโหดร้ายอย่างถึงที่สุดทั่วบริเวณกว่าร้อยลี้มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วอากาศขณะนี้ทุกคนต่างหมดเรี่ยวแรง เมื่อเห็นฝูงสัตว์ร้ายที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง"วันนี้ฉันจะต้องตายที่นี่จริง ๆ เหรอ?" เฉินหลานพึมพำกับตัวเองด้วยความสิ้นหวังหวังซวงเองก็ไม่ต่างกัน เธอทรุดลงกับพื้นหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่เพียงแค่พวกเธอ หนานกงอวี่ กระทิงคลั่ง ร่างแยกทองคำ เสี่ยวปิง อวิ๋นเหยา ก็ล้วนแล้วแต่มาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วในช่วงสองวันสองคืนที่ผ่านมา พวกเขาสังหารสัตว์ร้ายไปไม่น้อยกว่าห้าแสนตัว อาวุธทุกชนิดแทบถูกจะใช้หมดสิ้นแล้ว"โฮก โฮก โฮก!!"เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังสนั่นเป็นคลื่นกระแทกเข้ามาสีหน้าของทุกคนซีดเผือด บางคนยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตน หลับตาลงและเตรียมใจรับความตายทั้งร่างกายและจิตใจของทุกคนมาถึงขีดสุด
หยางถิงถิงกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในใจก็คิดว่าไม่เสียแรงที่ฉันเป็นแฟนคลับของเขา ช่างร้ายกาจจริง ๆเธอลืมไปสนิทว่าครั้งหนึ่งเธอเคยด่าเย่ซิวไว้เพียงใดโลหิตจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเย่ซิวผ่านการเปลี่ยนแปลงด้วยเคล็ดวิชาและการสกัดกลั่นของจินตานห้าสี จนกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นขนาดของจินตานห้าสีขยายขึ้นเรื่อย ๆในขณะเดียวกันเย่ซิวก็ขมวดคิ้วแน่นโลหิตเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ปั่นป่วน บ้าคลั่ง และไม่เสถียรมีเพียงเขาที่รับมือไหว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ดูดกลืนโลหิตเช่นนี้ คงกลายเป็นคนบ้าหรือไม่ก็ร่างกายระเบิดตายไปแล้วไม่นานเย่ซิวก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นมาโดยธรรมชาติแต่เหมือนถูกเร่งให้โตอย่างผิดปกติเขาจับหมาป่าตัวหนึ่งและใช้พลังจิตสำรวจเข้าไปพบว่ากระดูกและโครงสร้างเนื้อเยื่อภายในผิดปกติอย่างมากมันเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเป่าลมจนพองโต ดูใหญ่ก็จริง แต่เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็อาจจะแตกได้แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฝูงสัตว์ร้ายที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้จำเป็นต้องถูกกำจัดทิ้งก่อน!เย่ซิวไล่กวาดล้างสัตว์ร้ายไปตลอดทาง จากมุมมองภายนอก ร่
เมื่อเปิดผ้าคลุมสีดำของชายผู้นี้ออกมา ปรากฏว่าข้างในเป็นคนแคระคนหนึ่งใบหน้าของเขาอัปลักษณ์ ผิวหนังเหี่ยวย่นราวกับคนแก่ขณะนี้เขากำลังมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น"แกเป็นใคร? ทำไมถึงต้องโจมตีสำนักโอสถของฉัน ดูเหมือนเราจะไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกันนี่""จะฆ่าหรือจะทรมานก็รีบทำเสีย อย่าพูดอะไรให้มาก"ฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีไม่เกรงกลัวต่อความตาย และไม่ให้ความร่วมมือใด ๆเย่ซิวก็ไม่ได้แสดงความปรานี เขาปล่อยจอมมารโลหิตออกมาโดยตรงแล้วพูดว่า "หาทางทำให้เขาเปิดปากพูดให้ได้ ฉันต้องการรู้ทุกความลับของเขา""ได้เลย นายท่านโปรดวางใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น" จอมมารโลหิตหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพุ่งเข้าไปในสมองของคนแคระคนนั้นทันทีทันใดนั้นร่างของคนแคระก็เริ่มดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเย่ซิวใช้โอกาสนี้สังเกตบริเวณโดยรอบที่นี่เป็นอาณาเขตของประเทศสุ่ยจือแล้วตามชื่อของมัน ประเทศนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหนองน้ำ ทะเลสาบ และแม่น้ำโดยปกติแล้ว ประเทศที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แบบนี้ไม่น่าจะยากจนได้แต่ประเทศสุ่ยจือกลับตรงกันข้าม มันเป็นประเทศที่แร้
สองคือของแบบนี้มันขัดต่อฟ้าดิน ผู้ที่หลอมสร้างมันส่วนใหญ่มักอายุสั้นแต่หากเป็นการแย่งชิงของที่คนอื่นหลอมสร้างไว้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนักเย่ซิวแค่นหัวเราะอยู่ในใจจอมมารโลหิตนี่แสดงละครได้ดีจริง ๆแสร้งทำเป็นเผลอพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจแต่ที่จริงแล้วมันต้องการชี้นำให้เย่ซิวใช้พลังทั้งหมดไปกับการเพาะเลี้ยงไข่ของสัตว์อสูรเหล่านี้เช่นนี้แล้วพลังของเย่ซิวก็จะหยุดนิ่ง ไม่สามารถพัฒนาไปได้ หรือหากจมอยู่กับมันมากเกินไป พลังอาจจะถดถอยลงอีกด้วยตอนนี้เย่ซิวได้ฟื้นคืนพลังกลับมาอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นสมบูรณ์แล้ว หากเย่ซิวอ่อนแอลงไปมาก เมื่อถึงเวลานั้นจอมมารโลหิตก็จะสามารถสังหารเย่ซิวได้ขณะนี้จอมมารโลหิตยังคงคิดว่าเย่ซิวที่เพิ่งกลืนกินโลหิตจำนวนมากเข้าไป จะถูกความกระหายเลือดเข้าครอบงำจนทำให้ตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ผิดพลาด“โอเค เข้าใจแล้ว แกกลับไปได้แล้ว” พูบจบเย่ซิวก็เก็บจอมมารโลหิตกลับไปส่วนไข่ของสัตว์อสูรสิบฟองที่อยู่ตรงหน้า เย่ซิวเก็บมันแยกไว้ต่างหากเขายังไม่คิดที่จะใช้พลังเพิ่มเติมเร่งฟักไข่เหล่านี้เป็นการชั่วคราวเพราะแบบนี้จะเป็นการเสียพลังงานของเย่ซิวไปเปล่า ๆเป้าหมายของ
อากาศเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น จากนั้นก็เกิดรอยแยก มีดอกบัวทองคำขนาดเท่าฝ่ามือลอยออกมาจากข้างในนั้นดอกบัวทองคำนี้ดูเหมือนจะประกอบขึ้นจากอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนมันงดงามตระการตา และยังเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสูงส่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ดอกบัวทองคำหมุนวนอย่างต่อเนื่อง แล้วค่อย ๆ ร่วงลงมา แทรกซึมเข้าสู่หน้าผากของเย่ซิวแม้มันจะเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า แต่เย่ซิวกลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืนจากนั้นภายในจิตใจของเย่ซิวพลันก็ปรากฏพลังเทพอันทรงพลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างใช่แล้ว มันก็คือพลังเทพตามบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่า มีเพียงผู้ที่ก้าวข้ามตัวตนระดับเซียนแห่งโลกมนุษย์ไปแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถบำเพ็ญตนจนมีพลังเทพได้พลังเทพเป็นสิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่าคาถาอาคมทั่วไป อีกทั้งยังหายากยิ่งกว่าสามารถแบ่งออกเป็นพลังเทพโดยกำเนิดและพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มาพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มาสามารถได้รับผ่านการบำเพ็ญตนส่วนพลังเทพโดยกำเนิดนั้นแตกต่างออกไปนอกจากจะมีอานุภาพแข็งแกร่งกว่ามากแล้ว มันยังมีความเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวกล่าวคือจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถครอบครองมันได้และในเวลานี้เอง
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เย่ซิวมักจะใช้เวลาว่างในการหลอมยาที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และจะบดมันละลายในน้ำให้พวกเขาดื่มทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ของพวกเขาหายไป และร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างมากด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเย่ซิวเป็นอย่างมากเมื่อไม่กี่วันก่อนยังมีหลายคนที่เสนออยากให้เย่ซิวอยู่ที่นี่และเป็นผู้นำพวกเขาต่อไปเมื่อหวังซวงได้รับข่าวนี้ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งในใจคิดว่าสมแล้วที่เป็นอาจารย์ของตน แค่ไปที่นั่นครั้งเดียวกลับมาก็ได้มาทั้งประเทศมาครองเลย ยังจะมีใครสู้ได้อีก?!หลังจากหวังซวงส่งคนเข้ามาควบคุมประเทศสุ่ยจือ เย่ซิวก็จากไปการพัฒนาที่นี่ปล่อยให้ถังอวิ้นเป็นคนจัดการต่อเชื่อว่าด้วยความสามารถของเธอ จะไม่ทำให้เย่ซิวต้องผิดหวังเมื่อเย่ซิวกลับมาถึงสำนักโอสถ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นสายตาของทุกคนที่มองมาที่เขาเต็มไปด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะบรรดาสตรีที่เต็มไปด้วยความหลงใหลหากมีโอกาส เชื่อว่าพวกเธอคงจะโถมตัวเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอนหลังจากกล่าวทักทายตามมารยาท เย่ซิวก็กลับไปยังห้องลับเสี่ยวปิงตามเขาไปเช่นกัน และนอนขดตัวอยู่ที่มุมห้องเย
สองวันต่อมา พลังวิญญาณในห้องลับก็ถูกเย่ซิวดูดซับไปเกือบหมดแล้วเขาหยิบหินวิญญาณที่ไร้พลังแล้วกว่าสิบก้อนออกมาจากแหวนผนึกของก่อนจะนำหินวิญญาณพวกนั้นวางไว้บนพื้น รอให้เวลาผ่านไปจนพลังวิญญาณในห้องนี้ไหลกลับมาอีกครั้ง หินเหล่านี้ก็จะฟื้นฟูได้ใหม่เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝน เย่ซิวจึงเดินออกไปด้านนอกเขาเดินมายังสถานที่ทำงานของหวังซวงก่อนจะเห็นเธอกำลังจัดการกับสารพัดเรื่องอยู่ เมื่อรู้สึกได้ว่าเย่ซิวมาแล้วก็รีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ “ท่านอาจารย์ออกจากการปิดด่านแล้วเหรอคะ”เย่ซิวพยักหน้าแล้วมองเธออย่างพินิจวันนี้เธอสวมกระโปรงรัดรูปแนบเนื้อมีถุงน่องสีดำคลุมขาไว้ ผมถูกรวบเกล้าเรียบร้อย บนใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถันดูแล้วเป็นสาวมั่นเต็มตัวช่วงที่ไม่เจอกันดูเหมือนจุดเด่นของเธอจะเพิ่มขึ้นอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์โดยกำเนิดหรือมีเหตุผลอื่นอะไรอีกเย่ซิวนั่งลงที่มุมหนึ่งก่อนจะเอ่ยกับหวังซวง “พวกคนที่ฉันพามาด้วยจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”หวังซวงพยักหน้าพร้อมกับเดินมาเทน้ำให้เย่ซิวคอเสื้อของเธอค่อนข้างหลวม จึงทำให้พอเธอเอนตัวรินน้ำลงแก้ว…“ฉันจัดการให้เฉินน่าไปที่ห้องทด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เย่ซิวถามเฉินหลานมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนตระกูลฮอร์ตันจากประเทศจ้านมาที่นี่ค่ะ พวกเขาบอกว่าจะซื้อสำนักโอสถของพวกเราทั้งหมด”ดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลฮอร์ตัน…”เฉินหลานเอ่ยต่อ “ประเทศจ้านเป็นหนึ่งในหกประเทศมหาอำนาจของโลก ส่วนตระกูลฮอร์ตันเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในประเทศนั้นพวกเขาควบคุมกำลังทหารหนึ่งในสามของทั้งประเทศและยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่มีใครกล้าประมาทพวกเขา”เย่ซิวรู้จักทั้งประเทศจ้านและตระกูลฮอร์ตันดีเพียงแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นประเทศที่นิยมการทำสงครามประชากรทั้งแคว้นมีมากกว่าสี่ร้อยล้านคนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ส่งผลให้ประชากรมีนิสัยห้าวหาญและมีร่างกายที่แข็งแรงวิธีการทำงานของพวกเขามักใช้ความเด็ดขาดและบีบบังคับพวกเขาแทบไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจากประเทศจ้านฉงตี้และประเทศจ้านอิงตี้ที่พอจะทำให้พวกเขาเกรงใจบ้างก็มีเพียงแค่ประเทศหลงเถิงที่มีศักยภาพจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับสามในอนาคตสีหน้าหวังซวงเต็มไปด้วยความกังวล “เรื่องนี้จัดการยากมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาพวกเราอาจต้องพบกับหายนะครั้ง
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ