“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เย่ซิวถามเฉินหลานมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนตระกูลฮอร์ตันจากประเทศจ้านมาที่นี่ค่ะ พวกเขาบอกว่าจะซื้อสำนักโอสถของพวกเราทั้งหมด”ดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลฮอร์ตัน…”เฉินหลานเอ่ยต่อ “ประเทศจ้านเป็นหนึ่งในหกประเทศมหาอำนาจของโลก ส่วนตระกูลฮอร์ตันเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในประเทศนั้นพวกเขาควบคุมกำลังทหารหนึ่งในสามของทั้งประเทศและยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่มีใครกล้าประมาทพวกเขา”เย่ซิวรู้จักทั้งประเทศจ้านและตระกูลฮอร์ตันดีเพียงแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นประเทศที่นิยมการทำสงครามประชากรทั้งแคว้นมีมากกว่าสี่ร้อยล้านคนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ส่งผลให้ประชากรมีนิสัยห้าวหาญและมีร่างกายที่แข็งแรงวิธีการทำงานของพวกเขามักใช้ความเด็ดขาดและบีบบังคับพวกเขาแทบไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจากประเทศจ้านฉงตี้และประเทศจ้านอิงตี้ที่พอจะทำให้พวกเขาเกรงใจบ้างก็มีเพียงแค่ประเทศหลงเถิงที่มีศักยภาพจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับสามในอนาคตสีหน้าหวังซวงเต็มไปด้วยความกังวล “เรื่องนี้จัดการยากมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาพวกเราอาจต้องพบกับหายนะครั้ง
พวกเขาเคยชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พอเห็นอะไรที่มีค่าหรือเจอผู้หญิงสวยก็จะยึดเอามาเป็นของตัวเองทันทีโดยไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีสามีหรือแฟนแล้วหรือไม่และถึงแม้จะยึดมาก็ไม่มีใครกล้าออกมาคัดค้านแม้ว่าพวกเขาจะผ่านผู้หญิงมามาก แต่ผู้หญิงระดับหวังซวงกับเฉินหลานก็ยังพบเจอได้น้อยสีหน้าของหวังซวงและเฉินหลานดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สองคนนี้ช่างอวดดีเกินจะทนถึงแม้ว่าจะรู้สึกโกรธ แต่พวกเธอก็ไม่กล้าระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีเพราะถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวอาจกลายเป็นการปะทะกันครั้งใหญ่ได้เย่ซิวมองไปยังสองอาหลาน ทั้งคู่ต่างมีพลังในตัวไม่น้อย แต่ในสายตาเย่ซิวมันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเบื้องหลังสองคนนั้นมีชายในชุดรัดรูปสำหรับการต่อสู้และสวมแว่นกันแดดยืนอยู่สิบหกคนพวกเขาล้วนมีพลังสูงและน่าจะเป็นจอมยุทธ์ระดับหกถึงเจ็ดเย่ซิวยืนกอดอกมองชายสองคนนั้น “พวกเธอเป็นคนของฉัน พวกนายไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังเหมือนได้ยินมุขตลกที่ขำที่สุดในโลก “แกเป็นใครถึงกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน”ตอนนี้เย่ซิวยังไม่ได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาเขาแค่หวังว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยวิธีสงบเพื่อซื้อเวลาในการพ
เมื่อคำสั่งดังขึ้น ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกันพวกเขาปลดปล่อยพลังที่รุนแรงราวกับหมาป่าและเสือโคร่งสองอาหลานทั้งสองมองเหตุการณ์ด้วยความพึงพอใจพวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของลูกน้องเหล่านี้ และพวกเขาคิดว่าเดี๋ยวคงได้เห็นเย่ซิวถูกสังหารจนเลือดสาดกระจายแต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกเขาหวาดผวาสุดขีดจู่ ๆ ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็หยุดนิ่งไปในระยะห่างจากเย่ซิวเพียงแค่หนึ่งเมตร จากนั้นพลังชีวิตและเลือดจากรูขุมขนของพวกเขาก็ถูกดูดออกมาเป็นสายและไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือของเย่ซิวเย่ซิวใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็กลืนกินและแปรเปลี่ยนพลังทั้งหมดมาเป็นของตัวเองปึก! ปึก! ปึก!นักสู้แต่ละคนล้มลงกับพื้น แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ในหูของลุงกับหลานกลับดังก้องเหมือนเสียงฟ้าผ่าส่วนผู้หญิงที่ถูกพามาด้วยต่างพากันหลบไปอยู่ตามมุมห้องพร้อมเสียงกรีดร้องดังไม่หยุด“เป็นไปไม่ได้!”“แกเป็นตัวอะไรกันแน่!”สองอาหลานกระโดดพรวดขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับเบิกตากว้างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึงเย่ซิวขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะเผยใบ
“เฉินหลาน ตอนนี้เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดของสำนักโอสถไปวางแนวป้องกันที่ชายแดน”“หวังซวง เธอรับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ ต้องแน่ใจว่าเสบียงและอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง”หวังซวงเม้มปาก “ตอนนี้กำลังรบที่เรามีอยู่ราว ๆ หนึ่งหมื่นแปดพันคน แต่ฉันคิดว่าประเทศจ้านไม่น่าจะส่งทหารมาโดยตรงพวกเขาน่าจะยิงขีปนาวุธมาทำลายเราแทนอาจารย์คิดจะลอบเข้าไปในฐานทัพแล้วทำลายมันก่อนใช่ไหมคะ”สำนักโอสถไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธหรืออาวุธป้องกันใด ๆ เลยถ้าไม่นับเย่ซิว ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็มากเกินกว่าจะเทียบได้หากขีปนาวุธไม่กี่ลูกตกลงมาในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ทุกอย่างก็จะถูกทำลายจนหมดสิ้น“ยังไม่ต้องทำตอนนี้” เย่ซิวสายตาเป็นประกาย “เรื่องขีปนาวุธฉันจะจัดการเองตอนนี้ให้ฝั่งประเทศปิงจือเดินเครื่องเต็มกำลัง ผลิตอาวุธเพิ่มให้มากที่สุด เรายังพอมีเวลาเตรียมตัวอยู่”คนของตระกูลฮอร์ตันที่มายกเว้นพวกผู้หญิงได้ถูกเย่ซิวจัดการไปหมดแล้วทางตระกูลฮอร์ตันคงยังไม่รู้เรื่องในทันทีก็น่าจะมีเวลาเตรียมตัวอีกหลายวันอีกอย่าง การทำสงครามต้องมีข้ออ้างที่ชอบธรรมถ้าเย่ซิวลงมือโจมตีก่อนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายรุกรานแต่ถ้
“บอสบ้า แย่จริง ๆ” ถังเขอเข่อกระทืบเท้าปึงปังด้วยความโมโหด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่ไม่นานเธอก็เก็บอารมณ์แปลก ๆ นั้นไว้ในใจ เพราะเรื่องสำคัญต้องมาก่อนพอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบมุ่งหน้าไปยังสายการผลิตทันทีเธอพักอยู่ในบริษัทมาตลอด เดินไปกลับที่ทำงานแค่สองนาทีก็ถึงแล้วพอมาถึงสายการผลิต เธอก็โทรหาทีมช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้องและให้พวกเขารีบเร่งมือสร้างหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายออกมาจากนั้นเธอก็เริ่มคัดลอกข้อมูลทางเทคนิค พารามิเตอร์ และเอกสารสำคัญทั้งหมดลงในฮาร์ดไดรฟ์ ก่อนจะออกเดินทางไปยังสำนักงานในเมืองหลวงกลางดึกถังเขอเข่อแจ้งว่าตัวเองมีเรื่องด่วนที่จะต้องพบกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงตามปกติแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอเข้าพบ ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนมากมายแต่ถังเขอเข่อฉลาดมาก เธอพูดเพียงประโยคเดียวว่าเธอเป็นพนักงานคนสำคัญของเย่ซิวและมาที่นี่ตามคำสั่งเขาเจ้าหน้าที่สำนักงานในเมืองหลวงเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากพวกเขาเชิญถังเขอเข่อให้นั่งรอในห้องรับรองก่อนและรีบโทรติดต่อเบื้องบนโดยตรงเบื้องบนก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน พวกเขาตอบกลับมาว่าให้ถังเขอเข่อรอสักครู่ เดี๋ยวจะมีคนมาหาเธอทันที
เมื่อถังเขอเข่อพูดประโยคนั้นจบ บรรยากาศในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันทีนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “คุณผู้หญิง คุณพูดถึงหุ่นยนต์แบบที่เรารู้จักใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ” ถังเขอเข่อพยักหน้า “เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถลงสนามรบได้ ป้องกันอาวุธปืนได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการโจมตีจากรถถังด้วย”นายกรัฐมนตรีทำสัญญาณมือ เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาก็เริ่มวางกำลังรักษาความปลอดภัยรอบห้องรับรองทันที และเข้าสู่สถานะเตือนภัยระดับหนึ่งจากนั้นเขาก็หันไปบอกผู้ช่วยข้างกาย “ส่งข้อมูลพวกนี้ให้ไช่จื้อดู”ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วเริ่มดำเนินการทันทีนายกรัฐมนตรีหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรออกแม้จะเป็นเวลาดึก แต่โทรไปด้วยเสียงเรียกเข้าเพียงสี่ครั้งปลายสายก็รับทันทีเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคงดังขึ้นจากปลายสาย “ท่านนายกฯ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”“ผมให้คนส่งอีเมลไปหาคุณแล้ว ลองเปิดดูเนื้อหาในนั้นก่อน”“ได้ครับ ผมจะดูเดี๋ยวนี้เลย”หลังจากวางสาย ถังเขอเข่อก็อดถามด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “ท่านนายกฯ เมื่อกี้ท่านโทรหาไช่จื้อใช่ไหมคะ?”นายกรัฐมนตรีพยักหน้ายิ้ม ๆถังเขอเข่อแทบจะกระโดดด้ว
นายกรัฐมนตรีจัดให้คนไปรับไช่จื้อเพื่อมาพบกันที่หน้าประตูทางเข้าพนักงานในบริษัทจำนวนมากที่เห็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ต่างพากันตกตะลึงแต่ไม่นานพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นการได้ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญเช่นนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่พวกเขาภูมิใจจากนั้นนายกรัฐมนตรี ไช่จื้อ และทีมงานก็มาถึงสายการผลิตภายใต้การนำทางของถังเขอเข่อทันทีที่มาถึงก็พบกับหุ่นยนต์รบตัวที่สิบกำลังถูกเคลื่อนย้ายออกจากสายการผลิตพอดีแม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ทุกคนก็ยังอดตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้าโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่เปล่งประกายสะท้อนแสงไฟดูทรงพลังและหนักแน่นเส้นสายของตัวเครื่องเรียบลื่นแต่แฝงด้วยความดุดันในดีไซน์ไช่จื้อรีบวิ่งเข้าไปใกล้ทันทีเขายืนอยู่ใต้หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองอย่างละเอียด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลสำหรับคนที่ทุ่มเทให้กับการวิจัย ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วนายกรัฐมนตรีสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติแล้วหันมาพูดกับถังเขอเข่อ “สาวน้อย ช่วยสาธิตให้ดูหน่อยได้ไหม”“ได้ค่ะ”ถังเขอเข่อเดินเข้าไปในหุ่นยนต์ตัวหนึ่งครืน!
ตูม!เสียงดังกึกก้องในอากาศ ร่างแยกธาตุทองพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงแต่ตัวจริงของเย่ซิวไม่ได้ออกไปไหน เขายังคงนั่งประจำอยู่ที่สำนักโอสถเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันดังนั้นจึงส่งร่างแยกที่พกแหวนผนึกของสามวงเดินทางไปยังประเทศหลงเถิงในตอนนี้เย่ซิวกำลังรอรับสายจากฝั่งประเทศหลงเถิงไม่นานนักก็มีสายวิดีโอคอลก็ดังขึ้นเมื่อเห็นชายชราปรากฏอยู่ในหน้าจอ เย่ซิวก็แสดงความเคารพโดยไม่รู้ตัว “ท่านนายกฯ”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นชายคนนี้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้ารับงานในแผนกพิเศษก็ได้เห็นใบหน้านี้มาก่อนแล้วนายกรัฐมนตรีหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “ขอบคุณที่คุณมอบเทคโนโลยีหุ่นยนต์รบให้กับเรา ผมจะไม่พูดคำสุภาพมากเกินไปแล้วกันถ้าคุณมีข้อเรียกร้องอะไรก็บอกมาได้เลย ถ้าทำให้ได้ ผมจะทำให้”เย่ซิวกล่าวขอบคุณก่อนจะพูดขึ้น “ไม่นานมานี้ คนของตระกูลฮอร์ตันมาที่สำนักโอสถและพยายามจะซื้อที่นี่พวกเขาพูดจาหยาบคายและมีท่าทีไม่เหมาะสม สุดท้ายผมก็จัดการฆ่าพวกเขาไปแล้ว”สีหน้าของนายกรัฐมนตรีพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “ตระกูลฮอร์ตัน…แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อ?”“สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือมหาอำนาจทั้งสองประเทศ ถ้าพว
นายกรัฐมนตรีเองก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ไช่จื้อจึงเดินทางกลับไปยังหน่วยงานด้วยความตื่นเต้นเพื่อเริ่มเตรียมการสร้างสายการผลิตส่วนนายกรัฐมนตรีก็ลงนามในเอกสารด้วยตัวเองสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ทุกอย่างจะได้รับการจัดการเป็นลำดับแรก เป้าหมายคือต้องสร้างให้ได้หนึ่งพันตัวในเวลาที่สั้นที่สุดนายกรัฐมนตรีรออยู่ที่บริษัทเพื่อรอรับร่างแยกที่มาร่างแยกธาตุทองก็มาถึงหน้าบริษัทในเวลาตีสามห้าสิบทันทีที่มาถึงก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทันที“สวัสดีครับท่านนายกฯ” ร่างแยกทักทายด้วยความเคารพ“ฮ่า ๆ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก” นายกรัฐมนตรีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ของที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ”ประเทศหลงเถิงมีสำรองไว้จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธ ขีปนาวุธ หรืออาวุธข่มขวัญของเหล่านี้โดยปกติแล้วจะไม่ขายให้คนนอกเพราะถือเป็นเทคโนโลยีระดับสูงสุดในโลกปัจจุบันร่างแยกธาตุทองหยิบขวดขนาดใหญ่สองขวดออกมาจากแหวนผนึกของก่อนจะยื่นให้กับนายกรัฐมนตรี “นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับท่านและผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงในขวดแรกคือยาเม็ดล้างไขกระดูกชั้นเลิศ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยฟื้นฟูร่างกา
ตูม!เสียงดังกึกก้องในอากาศ ร่างแยกธาตุทองพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงแต่ตัวจริงของเย่ซิวไม่ได้ออกไปไหน เขายังคงนั่งประจำอยู่ที่สำนักโอสถเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันดังนั้นจึงส่งร่างแยกที่พกแหวนผนึกของสามวงเดินทางไปยังประเทศหลงเถิงในตอนนี้เย่ซิวกำลังรอรับสายจากฝั่งประเทศหลงเถิงไม่นานนักก็มีสายวิดีโอคอลก็ดังขึ้นเมื่อเห็นชายชราปรากฏอยู่ในหน้าจอ เย่ซิวก็แสดงความเคารพโดยไม่รู้ตัว “ท่านนายกฯ”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นชายคนนี้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้ารับงานในแผนกพิเศษก็ได้เห็นใบหน้านี้มาก่อนแล้วนายกรัฐมนตรีหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “ขอบคุณที่คุณมอบเทคโนโลยีหุ่นยนต์รบให้กับเรา ผมจะไม่พูดคำสุภาพมากเกินไปแล้วกันถ้าคุณมีข้อเรียกร้องอะไรก็บอกมาได้เลย ถ้าทำให้ได้ ผมจะทำให้”เย่ซิวกล่าวขอบคุณก่อนจะพูดขึ้น “ไม่นานมานี้ คนของตระกูลฮอร์ตันมาที่สำนักโอสถและพยายามจะซื้อที่นี่พวกเขาพูดจาหยาบคายและมีท่าทีไม่เหมาะสม สุดท้ายผมก็จัดการฆ่าพวกเขาไปแล้ว”สีหน้าของนายกรัฐมนตรีพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “ตระกูลฮอร์ตัน…แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อ?”“สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือมหาอำนาจทั้งสองประเทศ ถ้าพว
นายกรัฐมนตรีจัดให้คนไปรับไช่จื้อเพื่อมาพบกันที่หน้าประตูทางเข้าพนักงานในบริษัทจำนวนมากที่เห็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ต่างพากันตกตะลึงแต่ไม่นานพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นการได้ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญเช่นนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่พวกเขาภูมิใจจากนั้นนายกรัฐมนตรี ไช่จื้อ และทีมงานก็มาถึงสายการผลิตภายใต้การนำทางของถังเขอเข่อทันทีที่มาถึงก็พบกับหุ่นยนต์รบตัวที่สิบกำลังถูกเคลื่อนย้ายออกจากสายการผลิตพอดีแม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ทุกคนก็ยังอดตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้าโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่เปล่งประกายสะท้อนแสงไฟดูทรงพลังและหนักแน่นเส้นสายของตัวเครื่องเรียบลื่นแต่แฝงด้วยความดุดันในดีไซน์ไช่จื้อรีบวิ่งเข้าไปใกล้ทันทีเขายืนอยู่ใต้หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองอย่างละเอียด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลสำหรับคนที่ทุ่มเทให้กับการวิจัย ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วนายกรัฐมนตรีสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติแล้วหันมาพูดกับถังเขอเข่อ “สาวน้อย ช่วยสาธิตให้ดูหน่อยได้ไหม”“ได้ค่ะ”ถังเขอเข่อเดินเข้าไปในหุ่นยนต์ตัวหนึ่งครืน!
เมื่อถังเขอเข่อพูดประโยคนั้นจบ บรรยากาศในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันทีนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “คุณผู้หญิง คุณพูดถึงหุ่นยนต์แบบที่เรารู้จักใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ” ถังเขอเข่อพยักหน้า “เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถลงสนามรบได้ ป้องกันอาวุธปืนได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการโจมตีจากรถถังด้วย”นายกรัฐมนตรีทำสัญญาณมือ เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาก็เริ่มวางกำลังรักษาความปลอดภัยรอบห้องรับรองทันที และเข้าสู่สถานะเตือนภัยระดับหนึ่งจากนั้นเขาก็หันไปบอกผู้ช่วยข้างกาย “ส่งข้อมูลพวกนี้ให้ไช่จื้อดู”ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วเริ่มดำเนินการทันทีนายกรัฐมนตรีหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรออกแม้จะเป็นเวลาดึก แต่โทรไปด้วยเสียงเรียกเข้าเพียงสี่ครั้งปลายสายก็รับทันทีเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคงดังขึ้นจากปลายสาย “ท่านนายกฯ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”“ผมให้คนส่งอีเมลไปหาคุณแล้ว ลองเปิดดูเนื้อหาในนั้นก่อน”“ได้ครับ ผมจะดูเดี๋ยวนี้เลย”หลังจากวางสาย ถังเขอเข่อก็อดถามด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “ท่านนายกฯ เมื่อกี้ท่านโทรหาไช่จื้อใช่ไหมคะ?”นายกรัฐมนตรีพยักหน้ายิ้ม ๆถังเขอเข่อแทบจะกระโดดด้ว
“บอสบ้า แย่จริง ๆ” ถังเขอเข่อกระทืบเท้าปึงปังด้วยความโมโหด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่ไม่นานเธอก็เก็บอารมณ์แปลก ๆ นั้นไว้ในใจ เพราะเรื่องสำคัญต้องมาก่อนพอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบมุ่งหน้าไปยังสายการผลิตทันทีเธอพักอยู่ในบริษัทมาตลอด เดินไปกลับที่ทำงานแค่สองนาทีก็ถึงแล้วพอมาถึงสายการผลิต เธอก็โทรหาทีมช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้องและให้พวกเขารีบเร่งมือสร้างหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายออกมาจากนั้นเธอก็เริ่มคัดลอกข้อมูลทางเทคนิค พารามิเตอร์ และเอกสารสำคัญทั้งหมดลงในฮาร์ดไดรฟ์ ก่อนจะออกเดินทางไปยังสำนักงานในเมืองหลวงกลางดึกถังเขอเข่อแจ้งว่าตัวเองมีเรื่องด่วนที่จะต้องพบกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงตามปกติแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอเข้าพบ ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนมากมายแต่ถังเขอเข่อฉลาดมาก เธอพูดเพียงประโยคเดียวว่าเธอเป็นพนักงานคนสำคัญของเย่ซิวและมาที่นี่ตามคำสั่งเขาเจ้าหน้าที่สำนักงานในเมืองหลวงเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากพวกเขาเชิญถังเขอเข่อให้นั่งรอในห้องรับรองก่อนและรีบโทรติดต่อเบื้องบนโดยตรงเบื้องบนก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน พวกเขาตอบกลับมาว่าให้ถังเขอเข่อรอสักครู่ เดี๋ยวจะมีคนมาหาเธอทันที
“เฉินหลาน ตอนนี้เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดของสำนักโอสถไปวางแนวป้องกันที่ชายแดน”“หวังซวง เธอรับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ ต้องแน่ใจว่าเสบียงและอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง”หวังซวงเม้มปาก “ตอนนี้กำลังรบที่เรามีอยู่ราว ๆ หนึ่งหมื่นแปดพันคน แต่ฉันคิดว่าประเทศจ้านไม่น่าจะส่งทหารมาโดยตรงพวกเขาน่าจะยิงขีปนาวุธมาทำลายเราแทนอาจารย์คิดจะลอบเข้าไปในฐานทัพแล้วทำลายมันก่อนใช่ไหมคะ”สำนักโอสถไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธหรืออาวุธป้องกันใด ๆ เลยถ้าไม่นับเย่ซิว ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็มากเกินกว่าจะเทียบได้หากขีปนาวุธไม่กี่ลูกตกลงมาในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ทุกอย่างก็จะถูกทำลายจนหมดสิ้น“ยังไม่ต้องทำตอนนี้” เย่ซิวสายตาเป็นประกาย “เรื่องขีปนาวุธฉันจะจัดการเองตอนนี้ให้ฝั่งประเทศปิงจือเดินเครื่องเต็มกำลัง ผลิตอาวุธเพิ่มให้มากที่สุด เรายังพอมีเวลาเตรียมตัวอยู่”คนของตระกูลฮอร์ตันที่มายกเว้นพวกผู้หญิงได้ถูกเย่ซิวจัดการไปหมดแล้วทางตระกูลฮอร์ตันคงยังไม่รู้เรื่องในทันทีก็น่าจะมีเวลาเตรียมตัวอีกหลายวันอีกอย่าง การทำสงครามต้องมีข้ออ้างที่ชอบธรรมถ้าเย่ซิวลงมือโจมตีก่อนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายรุกรานแต่ถ้
เมื่อคำสั่งดังขึ้น ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกันพวกเขาปลดปล่อยพลังที่รุนแรงราวกับหมาป่าและเสือโคร่งสองอาหลานทั้งสองมองเหตุการณ์ด้วยความพึงพอใจพวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของลูกน้องเหล่านี้ และพวกเขาคิดว่าเดี๋ยวคงได้เห็นเย่ซิวถูกสังหารจนเลือดสาดกระจายแต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกเขาหวาดผวาสุดขีดจู่ ๆ ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็หยุดนิ่งไปในระยะห่างจากเย่ซิวเพียงแค่หนึ่งเมตร จากนั้นพลังชีวิตและเลือดจากรูขุมขนของพวกเขาก็ถูกดูดออกมาเป็นสายและไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือของเย่ซิวเย่ซิวใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็กลืนกินและแปรเปลี่ยนพลังทั้งหมดมาเป็นของตัวเองปึก! ปึก! ปึก!นักสู้แต่ละคนล้มลงกับพื้น แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ในหูของลุงกับหลานกลับดังก้องเหมือนเสียงฟ้าผ่าส่วนผู้หญิงที่ถูกพามาด้วยต่างพากันหลบไปอยู่ตามมุมห้องพร้อมเสียงกรีดร้องดังไม่หยุด“เป็นไปไม่ได้!”“แกเป็นตัวอะไรกันแน่!”สองอาหลานกระโดดพรวดขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับเบิกตากว้างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึงเย่ซิวขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะเผยใบ
พวกเขาเคยชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พอเห็นอะไรที่มีค่าหรือเจอผู้หญิงสวยก็จะยึดเอามาเป็นของตัวเองทันทีโดยไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีสามีหรือแฟนแล้วหรือไม่และถึงแม้จะยึดมาก็ไม่มีใครกล้าออกมาคัดค้านแม้ว่าพวกเขาจะผ่านผู้หญิงมามาก แต่ผู้หญิงระดับหวังซวงกับเฉินหลานก็ยังพบเจอได้น้อยสีหน้าของหวังซวงและเฉินหลานดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สองคนนี้ช่างอวดดีเกินจะทนถึงแม้ว่าจะรู้สึกโกรธ แต่พวกเธอก็ไม่กล้าระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีเพราะถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวอาจกลายเป็นการปะทะกันครั้งใหญ่ได้เย่ซิวมองไปยังสองอาหลาน ทั้งคู่ต่างมีพลังในตัวไม่น้อย แต่ในสายตาเย่ซิวมันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเบื้องหลังสองคนนั้นมีชายในชุดรัดรูปสำหรับการต่อสู้และสวมแว่นกันแดดยืนอยู่สิบหกคนพวกเขาล้วนมีพลังสูงและน่าจะเป็นจอมยุทธ์ระดับหกถึงเจ็ดเย่ซิวยืนกอดอกมองชายสองคนนั้น “พวกเธอเป็นคนของฉัน พวกนายไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังเหมือนได้ยินมุขตลกที่ขำที่สุดในโลก “แกเป็นใครถึงกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน”ตอนนี้เย่ซิวยังไม่ได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาเขาแค่หวังว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยวิธีสงบเพื่อซื้อเวลาในการพ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เย่ซิวถามเฉินหลานมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนตระกูลฮอร์ตันจากประเทศจ้านมาที่นี่ค่ะ พวกเขาบอกว่าจะซื้อสำนักโอสถของพวกเราทั้งหมด”ดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลฮอร์ตัน…”เฉินหลานเอ่ยต่อ “ประเทศจ้านเป็นหนึ่งในหกประเทศมหาอำนาจของโลก ส่วนตระกูลฮอร์ตันเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในประเทศนั้นพวกเขาควบคุมกำลังทหารหนึ่งในสามของทั้งประเทศและยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่มีใครกล้าประมาทพวกเขา”เย่ซิวรู้จักทั้งประเทศจ้านและตระกูลฮอร์ตันดีเพียงแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นประเทศที่นิยมการทำสงครามประชากรทั้งแคว้นมีมากกว่าสี่ร้อยล้านคนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ส่งผลให้ประชากรมีนิสัยห้าวหาญและมีร่างกายที่แข็งแรงวิธีการทำงานของพวกเขามักใช้ความเด็ดขาดและบีบบังคับพวกเขาแทบไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจากประเทศจ้านฉงตี้และประเทศจ้านอิงตี้ที่พอจะทำให้พวกเขาเกรงใจบ้างก็มีเพียงแค่ประเทศหลงเถิงที่มีศักยภาพจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับสามในอนาคตสีหน้าหวังซวงเต็มไปด้วยความกังวล “เรื่องนี้จัดการยากมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาพวกเราอาจต้องพบกับหายนะครั้ง