ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เย่ซิวมักจะใช้เวลาว่างในการหลอมยาที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และจะบดมันละลายในน้ำให้พวกเขาดื่มทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ของพวกเขาหายไป และร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างมากด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเย่ซิวเป็นอย่างมากเมื่อไม่กี่วันก่อนยังมีหลายคนที่เสนออยากให้เย่ซิวอยู่ที่นี่และเป็นผู้นำพวกเขาต่อไปเมื่อหวังซวงได้รับข่าวนี้ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งในใจคิดว่าสมแล้วที่เป็นอาจารย์ของตน แค่ไปที่นั่นครั้งเดียวกลับมาก็ได้มาทั้งประเทศมาครองเลย ยังจะมีใครสู้ได้อีก?!หลังจากหวังซวงส่งคนเข้ามาควบคุมประเทศสุ่ยจือ เย่ซิวก็จากไปการพัฒนาที่นี่ปล่อยให้ถังอวิ้นเป็นคนจัดการต่อเชื่อว่าด้วยความสามารถของเธอ จะไม่ทำให้เย่ซิวต้องผิดหวังเมื่อเย่ซิวกลับมาถึงสำนักโอสถ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นสายตาของทุกคนที่มองมาที่เขาเต็มไปด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะบรรดาสตรีที่เต็มไปด้วยความหลงใหลหากมีโอกาส เชื่อว่าพวกเธอคงจะโถมตัวเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอนหลังจากกล่าวทักทายตามมารยาท เย่ซิวก็กลับไปยังห้องลับเสี่ยวปิงตามเขาไปเช่นกัน และนอนขดตัวอยู่ที่มุมห้องเย
สองวันต่อมา พลังวิญญาณในห้องลับก็ถูกเย่ซิวดูดซับไปเกือบหมดแล้วเขาหยิบหินวิญญาณที่ไร้พลังแล้วกว่าสิบก้อนออกมาจากแหวนผนึกของก่อนจะนำหินวิญญาณพวกนั้นวางไว้บนพื้น รอให้เวลาผ่านไปจนพลังวิญญาณในห้องนี้ไหลกลับมาอีกครั้ง หินเหล่านี้ก็จะฟื้นฟูได้ใหม่เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝน เย่ซิวจึงเดินออกไปด้านนอกเขาเดินมายังสถานที่ทำงานของหวังซวงก่อนจะเห็นเธอกำลังจัดการกับสารพัดเรื่องอยู่ เมื่อรู้สึกได้ว่าเย่ซิวมาแล้วก็รีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ “ท่านอาจารย์ออกจากการปิดด่านแล้วเหรอคะ”เย่ซิวพยักหน้าแล้วมองเธออย่างพินิจวันนี้เธอสวมกระโปรงรัดรูปแนบเนื้อมีถุงน่องสีดำคลุมขาไว้ ผมถูกรวบเกล้าเรียบร้อย บนใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถันดูแล้วเป็นสาวมั่นเต็มตัวช่วงที่ไม่เจอกันดูเหมือนจุดเด่นของเธอจะเพิ่มขึ้นอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์โดยกำเนิดหรือมีเหตุผลอื่นอะไรอีกเย่ซิวนั่งลงที่มุมหนึ่งก่อนจะเอ่ยกับหวังซวง “พวกคนที่ฉันพามาด้วยจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”หวังซวงพยักหน้าพร้อมกับเดินมาเทน้ำให้เย่ซิวคอเสื้อของเธอค่อนข้างหลวม จึงทำให้พอเธอเอนตัวรินน้ำลงแก้ว…“ฉันจัดการให้เฉินน่าไปที่ห้องทด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เย่ซิวถามเฉินหลานมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนตระกูลฮอร์ตันจากประเทศจ้านมาที่นี่ค่ะ พวกเขาบอกว่าจะซื้อสำนักโอสถของพวกเราทั้งหมด”ดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลฮอร์ตัน…”เฉินหลานเอ่ยต่อ “ประเทศจ้านเป็นหนึ่งในหกประเทศมหาอำนาจของโลก ส่วนตระกูลฮอร์ตันเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในประเทศนั้นพวกเขาควบคุมกำลังทหารหนึ่งในสามของทั้งประเทศและยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่มีใครกล้าประมาทพวกเขา”เย่ซิวรู้จักทั้งประเทศจ้านและตระกูลฮอร์ตันดีเพียงแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นประเทศที่นิยมการทำสงครามประชากรทั้งแคว้นมีมากกว่าสี่ร้อยล้านคนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ส่งผลให้ประชากรมีนิสัยห้าวหาญและมีร่างกายที่แข็งแรงวิธีการทำงานของพวกเขามักใช้ความเด็ดขาดและบีบบังคับพวกเขาแทบไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจากประเทศจ้านฉงตี้และประเทศจ้านอิงตี้ที่พอจะทำให้พวกเขาเกรงใจบ้างก็มีเพียงแค่ประเทศหลงเถิงที่มีศักยภาพจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับสามในอนาคตสีหน้าหวังซวงเต็มไปด้วยความกังวล “เรื่องนี้จัดการยากมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาพวกเราอาจต้องพบกับหายนะครั้ง
พวกเขาเคยชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พอเห็นอะไรที่มีค่าหรือเจอผู้หญิงสวยก็จะยึดเอามาเป็นของตัวเองทันทีโดยไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีสามีหรือแฟนแล้วหรือไม่และถึงแม้จะยึดมาก็ไม่มีใครกล้าออกมาคัดค้านแม้ว่าพวกเขาจะผ่านผู้หญิงมามาก แต่ผู้หญิงระดับหวังซวงกับเฉินหลานก็ยังพบเจอได้น้อยสีหน้าของหวังซวงและเฉินหลานดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สองคนนี้ช่างอวดดีเกินจะทนถึงแม้ว่าจะรู้สึกโกรธ แต่พวกเธอก็ไม่กล้าระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีเพราะถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวอาจกลายเป็นการปะทะกันครั้งใหญ่ได้เย่ซิวมองไปยังสองอาหลาน ทั้งคู่ต่างมีพลังในตัวไม่น้อย แต่ในสายตาเย่ซิวมันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเบื้องหลังสองคนนั้นมีชายในชุดรัดรูปสำหรับการต่อสู้และสวมแว่นกันแดดยืนอยู่สิบหกคนพวกเขาล้วนมีพลังสูงและน่าจะเป็นจอมยุทธ์ระดับหกถึงเจ็ดเย่ซิวยืนกอดอกมองชายสองคนนั้น “พวกเธอเป็นคนของฉัน พวกนายไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังเหมือนได้ยินมุขตลกที่ขำที่สุดในโลก “แกเป็นใครถึงกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน”ตอนนี้เย่ซิวยังไม่ได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาเขาแค่หวังว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยวิธีสงบเพื่อซื้อเวลาในการพ
เมื่อคำสั่งดังขึ้น ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกันพวกเขาปลดปล่อยพลังที่รุนแรงราวกับหมาป่าและเสือโคร่งสองอาหลานทั้งสองมองเหตุการณ์ด้วยความพึงพอใจพวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของลูกน้องเหล่านี้ และพวกเขาคิดว่าเดี๋ยวคงได้เห็นเย่ซิวถูกสังหารจนเลือดสาดกระจายแต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกเขาหวาดผวาสุดขีดจู่ ๆ ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็หยุดนิ่งไปในระยะห่างจากเย่ซิวเพียงแค่หนึ่งเมตร จากนั้นพลังชีวิตและเลือดจากรูขุมขนของพวกเขาก็ถูกดูดออกมาเป็นสายและไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือของเย่ซิวเย่ซิวใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็กลืนกินและแปรเปลี่ยนพลังทั้งหมดมาเป็นของตัวเองปึก! ปึก! ปึก!นักสู้แต่ละคนล้มลงกับพื้น แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ในหูของลุงกับหลานกลับดังก้องเหมือนเสียงฟ้าผ่าส่วนผู้หญิงที่ถูกพามาด้วยต่างพากันหลบไปอยู่ตามมุมห้องพร้อมเสียงกรีดร้องดังไม่หยุด“เป็นไปไม่ได้!”“แกเป็นตัวอะไรกันแน่!”สองอาหลานกระโดดพรวดขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับเบิกตากว้างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึงเย่ซิวขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะเผยใบ
“เฉินหลาน ตอนนี้เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดของสำนักโอสถไปวางแนวป้องกันที่ชายแดน”“หวังซวง เธอรับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ ต้องแน่ใจว่าเสบียงและอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง”หวังซวงเม้มปาก “ตอนนี้กำลังรบที่เรามีอยู่ราว ๆ หนึ่งหมื่นแปดพันคน แต่ฉันคิดว่าประเทศจ้านไม่น่าจะส่งทหารมาโดยตรงพวกเขาน่าจะยิงขีปนาวุธมาทำลายเราแทนอาจารย์คิดจะลอบเข้าไปในฐานทัพแล้วทำลายมันก่อนใช่ไหมคะ”สำนักโอสถไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธหรืออาวุธป้องกันใด ๆ เลยถ้าไม่นับเย่ซิว ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็มากเกินกว่าจะเทียบได้หากขีปนาวุธไม่กี่ลูกตกลงมาในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ทุกอย่างก็จะถูกทำลายจนหมดสิ้น“ยังไม่ต้องทำตอนนี้” เย่ซิวสายตาเป็นประกาย “เรื่องขีปนาวุธฉันจะจัดการเองตอนนี้ให้ฝั่งประเทศปิงจือเดินเครื่องเต็มกำลัง ผลิตอาวุธเพิ่มให้มากที่สุด เรายังพอมีเวลาเตรียมตัวอยู่”คนของตระกูลฮอร์ตันที่มายกเว้นพวกผู้หญิงได้ถูกเย่ซิวจัดการไปหมดแล้วทางตระกูลฮอร์ตันคงยังไม่รู้เรื่องในทันทีก็น่าจะมีเวลาเตรียมตัวอีกหลายวันอีกอย่าง การทำสงครามต้องมีข้ออ้างที่ชอบธรรมถ้าเย่ซิวลงมือโจมตีก่อนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายรุกรานแต่ถ้
“บอสบ้า แย่จริง ๆ” ถังเขอเข่อกระทืบเท้าปึงปังด้วยความโมโหด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่ไม่นานเธอก็เก็บอารมณ์แปลก ๆ นั้นไว้ในใจ เพราะเรื่องสำคัญต้องมาก่อนพอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบมุ่งหน้าไปยังสายการผลิตทันทีเธอพักอยู่ในบริษัทมาตลอด เดินไปกลับที่ทำงานแค่สองนาทีก็ถึงแล้วพอมาถึงสายการผลิต เธอก็โทรหาทีมช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้องและให้พวกเขารีบเร่งมือสร้างหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายออกมาจากนั้นเธอก็เริ่มคัดลอกข้อมูลทางเทคนิค พารามิเตอร์ และเอกสารสำคัญทั้งหมดลงในฮาร์ดไดรฟ์ ก่อนจะออกเดินทางไปยังสำนักงานในเมืองหลวงกลางดึกถังเขอเข่อแจ้งว่าตัวเองมีเรื่องด่วนที่จะต้องพบกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงตามปกติแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอเข้าพบ ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนมากมายแต่ถังเขอเข่อฉลาดมาก เธอพูดเพียงประโยคเดียวว่าเธอเป็นพนักงานคนสำคัญของเย่ซิวและมาที่นี่ตามคำสั่งเขาเจ้าหน้าที่สำนักงานในเมืองหลวงเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากพวกเขาเชิญถังเขอเข่อให้นั่งรอในห้องรับรองก่อนและรีบโทรติดต่อเบื้องบนโดยตรงเบื้องบนก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน พวกเขาตอบกลับมาว่าให้ถังเขอเข่อรอสักครู่ เดี๋ยวจะมีคนมาหาเธอทันที
เมื่อถังเขอเข่อพูดประโยคนั้นจบ บรรยากาศในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันทีนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “คุณผู้หญิง คุณพูดถึงหุ่นยนต์แบบที่เรารู้จักใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ” ถังเขอเข่อพยักหน้า “เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถลงสนามรบได้ ป้องกันอาวุธปืนได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการโจมตีจากรถถังด้วย”นายกรัฐมนตรีทำสัญญาณมือ เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาก็เริ่มวางกำลังรักษาความปลอดภัยรอบห้องรับรองทันที และเข้าสู่สถานะเตือนภัยระดับหนึ่งจากนั้นเขาก็หันไปบอกผู้ช่วยข้างกาย “ส่งข้อมูลพวกนี้ให้ไช่จื้อดู”ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วเริ่มดำเนินการทันทีนายกรัฐมนตรีหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรออกแม้จะเป็นเวลาดึก แต่โทรไปด้วยเสียงเรียกเข้าเพียงสี่ครั้งปลายสายก็รับทันทีเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคงดังขึ้นจากปลายสาย “ท่านนายกฯ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”“ผมให้คนส่งอีเมลไปหาคุณแล้ว ลองเปิดดูเนื้อหาในนั้นก่อน”“ได้ครับ ผมจะดูเดี๋ยวนี้เลย”หลังจากวางสาย ถังเขอเข่อก็อดถามด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “ท่านนายกฯ เมื่อกี้ท่านโทรหาไช่จื้อใช่ไหมคะ?”นายกรัฐมนตรีพยักหน้ายิ้ม ๆถังเขอเข่อแทบจะกระโดดด้ว
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ