สีหน้าของแคสซี่ย์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เธอพบว่าตัวเองไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของเย่ซิวได้เลยเมื่อนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวแทบไม่ต้องขยับตัว แต่กลับทำลายการโจมตีของเธอได้อย่างง่ายดาย ความคิดหนึ่งพลันก็ผุดขึ้นมาในหัว"หรือว่าคนที่ถูกทั่วทั้งเมืองตามล่าเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือนาย!"เย่ซิวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ปล่อยหยางเฟิงไป แล้วผมจะให้คุณได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี"แคสซี่ย์หัวเราะเย้ยหยัน "ถึงนายจะเป็นคนคนนั้น แต่แล้วจะยังไงล่ะ? ที่นี่คือสมาคมผู้มีพลังวิเศษ!อีกอย่างหยางเฟิงยังอยู่ในมือฉัน ถ้านายไม่อยากให้เขาตาย ก็ยืนอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ แล้วอย่าขยับตัว!"เย่ซิวหยุดอยู่ห่างจากเธอสามเมตร พร้อมเผยรอยยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก "คุณลองเดาดูสิว่าทำไมผมถึงพล่ามเรื่องไร้สาระกับคุณมากมายขนาดนี้?""แย่แล้ว..."แคสซี่ย์เกิดความระแวดระวังขึ้นทันที โดยไม่ต้องหยุดคิดอีก เธอก็ชักมีดที่เสียบอยู่ในท้องของหยางเฟิงออกมา จากนั้นกระหน่ำแทงไปที่หัวใจของเขาอย่างแรง"พรวด!"เลือดพุ่งกระฉูดออกมาร่างของแคสซี่ย์ก็แข็งค้างอยู่ตรงนั้น เธอก้มลงมองช้า ๆ ก็พบว่าร่างกายของเธอถู
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะสู้ชนะ แต่ก่อนหน้านั้นที่ถูกลอบโจมตี เขาก็สูญเสียคนไปถึงเกือบหนึ่งในสามเดิมทีในห้องโถงมีผู้มีพลังวิเศษมากกว่าหนึ่งพันคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงสองร้อยกว่าคนเท่านั้น และแต่ละคนก็ล้วนบาดเจ็บทั้งสิ้นเย่ซิวปรบมือเบา ๆ ดึงดูดสายตาของทุกคน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะพูดตามผม ใครที่ไม่พูด ก็จะลงเอยเหมือนกับศพที่กองอยู่บนพื้นตรงนี้”ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นไปถึงหัวใจ หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่ซิว ก็ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย พากันพูดตามอย่างว่าง่ายหยางถิงถิงในตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพปิดกั้นตัวเอง ไม่มีสติรับรู้ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเย่ซิวตั้งใจให้พวกเขาสาบานด้วยพันธสัญญาที่ร้ายแรงที่สุดตราบเท่าที่พวกเขาคิดจะเปิดเผยสิ่งใดเกี่ยวกับวันนี้ พวกเขาจะถูกกลืนกินทันทีและเสียชีวิต ณ ที่ตรงนั้นแม้แต่หยางเฟิงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เย่ซิวไม่เชื่อใจพวกเขา หากไม่สาบาน เขายอมฆ่าทิ้งทั้งหมดเสียดีกว่าหลังจากที่พวกเขากล่าวคำสาบานกันครบแล้ว ใบหน้าของเย่ซิวจึงปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับสลายจิตสังหารที่แผ่ออกมาก่อนหน้าหยางเฟิงถอนหายใจโล่งอกทันที และรีบสั่งคนให้เริ่มเก
ในขณะที่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลจากทุกอณูของร่างกายตนเองหลังจากการปลดปล่อยพลังออกมา หยางถิงถิงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอทำคือพุ่งเข้าไปหาเย่ซิว โดยหวังจะสั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมานานหยางเฟิงที่เห็นแบบนั้นถึงกับหน้าซีด รีบตะโกนห้ามปรามทันที “ถิงถิง หยุดนะ!”แต่หยางถิงถิงนอกจากจะไม่สนใจคำห้ามปรามแล้ว เธอยังเร่งความเร็วขึ้นอีก “คุณปู่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูก็แค่จะสั่งสอนเขานิดหน่อย จะไม่ทำให้ถึงตายหรอก!”หยางเฟิงได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า เขาไม่อยากมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหยางถิงถิงยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าเย่ซิวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมแต่ก่อนที่มือของเธอจะฟาดถึงใบหน้าเขา อยู่ดี ๆ เธอก็รู้สึกว่าเอวของเธอถูกเย่ซิวจับไว้แน่นแล้วร่างของเธอก็หมุนเคว้ง ก่อนตัวเธอจะถูกเย่ซิวหนีบไว้ใต้แขน“เพียะ!”เสียงฝ่ามือกระทบชัดเจนดังขึ้นในห้องหยางถิงถิงตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวกับสีตับหมูทันที พลันกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น พร้อมดิ้นรนสุดชีวิต “ไอ้บ้า! นายกล้าตีฉันเหรอ! ฉันจะสับนายเป็นพัน ๆ ชิ้น!”หยางถิง
“นี่จะเป็นไปได้ยังไง?” หยางถิงถิงรู้สึกไม่เชื่อในตอนแรกแต่ในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นฉากตรงหน้าและตกตะลึงจนแทบอาเจียน พลางปิดปากตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?!” หยางเฟิงส่ายศีรษะ พร้อมสั่งกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ตอนนี้...หลานพาเขากลับบ้านเราไปก่อน รอให้ปู่จัดการเรื่องตรงนี้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”“อะไรนะ?!” หยางถิงถิงถึงไม่พอใจในทันที “คุณปู่ล้อเล่นหรือเปล่าคะ? ให้หนูพาเขากลับบ้านเนี่ยนะ! นี่มันเหมือนเอาหมาป่าเข้าบ้านเลยนะคะ! คุณปู่ไม่กลัวเหรอว่าหลานสาวของคุณจะโดนไอ้หมอนี่รังแกหรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง?” หยางเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้ามีเรื่องแบบนั้นจริง ก็ดีสิ” หยางถิงถิง “???” สุดท้ายหยางถิงถิงก็ถูกบังคับให้พาเย่ซิวกลับบ้าน หยางเฟิงให้เธอเลือกสองทาง คือจะพาเย่ซิวกลับบ้าน หรือจะอยู่ช่วยกันยกศพอยู่ที่นี่ หยางถิงถิงตัดสินใจเลือกทางแรกทันที เธอขับรถเอสยูวีสุดหรู โดยมีเย่ซิวกับอลิสนั่งอยู่ด้านหลัง หยางถิงถิงเงียบไปตลอดทาง ไม่หยิ่งยโสเหมือนตอนที่อยู่กับหยางเฟิงก่อนหน้านี้เลย แถมเธอยังขับรถเร็วมากด้วยเหตุผลก็มีเพียงข้อเดียว เพราะจุดที่โด
เย่ซิวเดิมทีก็แค่พูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เล่น ๆ เท่านั้นแต่เมื่อได้รู้ว่าเธอเรียนสาขาอะไร และไม่มีคนในครอบครัวอีก เขาจึงคิดจะดึงตัวเธอไปทำงานด้วยถังอวิ้นนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการที่เขาต้องการในทุก ๆ ด้านเธอเองก็เป็นคนจากประเทศหลงเถิงเหมือนกัน ซึ่งสถานะที่ไร้พันธะใด ๆ ของเธอนั้นดูสะอาดสะอ้านในระดับหนึ่ง เย่ซิวจึงคิดจะพาเธอกลับไปที่สำนักโอสถตอนนี้ที่นั่นกำลังขาดบุคลากรที่มีความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ จึงขาดแคลนทรัพยากรบุคคลระดับสูงเมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ทั้งอลิสและถังอวิ้นต่างก็หันมามองเย่ซิวเป็นตาเดียวถังอวิ้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย ฉันทำงานที่นี่มีความสุขมากแล้วท่านประธานและครอบครัวของพวกเขาก็ดีกับฉันมาก ตอนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายออกไปค่ะ”“ผมให้เงินเดือนปีละห้าสิบล้านบาท” เย่ซิวพูดอย่างตรงไปตรงมา “และยังจะมอบบางสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงให้อีกด้วย”ถังอวิ้นเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ดูจากรูปลักษณ์ของเธอแล้ว เธอน่าจะออกกำลังกายเป็นประจำเย่ซิวสามารถช่วยเธอปรับปรุงสมรรถภาพทางกาย ให้เปลี่
เย่ซิวลูบคาง พลางพินิจมองหยางถิงถิงถึงแม้ว่านิสัยจะเอาแต่ใจและมีนิสัยคุณหนูหนักอยู่สักหน่อย แต่พรสวรรค์ของเธอก็ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยแม้ว่าจะเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดา เธอก็จัดว่าเป็นอัจฉริยะหากได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม เธออาจจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง"นาย... นายมองอะไร" ภายใต้สายตาของเย่ซิว หยางถิงถิงรู้สึกไม่สบายใจ เธอบิดตัวด้วยความกระสับกระส่าย เย่ซิวยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร และยังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอรู้ในตอนนี้รอให้มีเวลา เขาค่อยหาวิธีฝึกฝนเธอให้ดีเสียก่อนไม่นานถังอวิ้นก็กลับมา และหยางเฟิงก็กลับมาด้วยเช่นกันเย่ซิวพูดขึ้นก่อนที่หยางเฟิงจะทันได้เอ่ยปากว่า "ไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณเถอะ"หยางเฟิงพยักหน้า "เชิญตามฉันมา"ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงาน หยางเฟิงล็อกประตู แล้วหยิบแฟ้มเอกสารหนาเตอะออกมาจากตู้เซฟ ยื่นให้เย่ซิว"นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในชื่อฉัน ตอนนี้มีมูลค่ารวมประมาณสองล้านหกแสนล้านบาท ผมจะขายทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เร็วที่สุดและจะเปลี่ยนมันเป็นทองคำ"เย่ซิวเปิดอ่านเอกสารเมื่ออ่านจบ เ
เมื่อถังอวิ้นได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเย่ซิว เธอถึงกับรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อยเธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยเจออะไรเลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้พบเห็นชายหนุ่มรูปงามมากมาย รวมถึงเจ้าชายจากต่างประเทศด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์หรือออร่าของพวกเขา ก็ไม่มีใครเทียบกับเย่ซิวได้เลยที่สำคัญเธอรู้สึกว่าเย่ซิวดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ในตอนนั้นกลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนถึงแม้ถังอวิ้นจะเป็นเพียงหัวหน้าแม่บ้าน แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่น ทำให้หยางเฟิงเปิดเผยความลับหลายอย่างให้เธอรับรู้แม้กระทั่งภาพการต่อสู้ในตอนนั้น เธอก็เคยได้ดูหลังจากได้ดูภาพการต่อสู้นั้น ถังอวิ้นก็ถึงกับตื่นเต้นจนใจเต้นแรง แม้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะเติบโตในประเทศจ้านอิงตี้แต่เธอก็ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นคนของประเทศหลงเถิง และฝันว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด“คุณผู้ชาย คุณดูคุ้นหน้ามากเลยนะคะ”หยางเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องคุ้นอยู่แล้ว ไม่นานมานี้ฉันไม่ได้เอาภาพการต่อสู้นั้นให้เธอดูหรอกหรือ?”ร่างของถังอวิ้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง ในที่สุดเธอก็นึกอ
หยางถิงถิงนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะท่านี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เมื่อเห็นเย่ซิวเดินออกมาพร้อมกับถังอวิ้น เธอก็เตรียมตัวจะลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นก็ชะงักไปเพราะเธอเห็นเย่ซิวเดินเข้าไปในห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถึงกับกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ทำให้แผลเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ในตอนนี้เธอไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ รีบวิ่งตรงไปที่ห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถือว่าถังอวิ้นเป็นเหมือนพี่สาวของตัวเอง แล้วเธอจะปล่อยให้ถังอวิ้น ‘เป็นเนื้อเข้าปากเสือ’ ไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?ขณะที่ถังอวิ้นกำลังจะปิดประตู หยางถิงถิงก็พุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่กำลังจะทำอะไร? ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหมาป่าลามกตัวนี้เข้ามาได้!”ถังอวิ้นหัวเราะและตอบว่า “ฉันกับคุณคนนี้มีเรื่องต้องพูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”หยางถิงถิงยังคงไม่เชื่อ “จะคุยเรื่องอะไรถึงคุยกันข้างนอกไม่ได้ จำเป็นต้องเข้ามาในห้องพี่ ฉันบอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรเขาคงเห็นว่าพี่ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเหมือนฉัน เลยใช้วิธีการบางอย่างหลอกล
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ