เนื่องจากไม่ได้ปิดซ่อนออร่าไว้ ดังนั้นเซี่ยซิ่วซิ่วจึงสัมผัสได้ในทันทีเธอหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นเย่ซิวก็โยนแล็ปท็อปทิ้ง แล้วโผขึ้นไป กระโดดเบา ๆ ก็กระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวเย่ซิวใช้ขายาวคู่นั้นพันรอบเอวของเย่ซิ่วไว้ แค่นเสียงฮึ่มที่แสนออดอ้อนออกมา "ฉันรอนายนานมาก สมควรถูกลงโทษ"เย่ซิวยิ้มอย่างรักใคร่ "ขอโทษที ทำให้คุณต้องรอนานแล้ว อีกเดี๋ยวผมจะชดเชยให้คุณอย่างเต็มที่เลย"เซี่ยซิ่วซิ่วกัดริมฝีปากสีชมพูของเธอเบา ๆ และถามอย่างรู้อยู่แก่ใจว่า "นายจะชดเชยให้ฉันยังไง?"เย่ซิวใช้มือดึงหูของเธอ "คืนนี้ผมจะให้คุณก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้า"“อ้า...” เซี่ยซิ่วซิ่วร้องอุทานออกมา ชักจะตั้งตารอเล็กน้อยแล้ว แต่ก็กลัวอยู่บ้างเหมือนกัน "นั่นไม่เท่ากับฉันต้องบำเพ็ญตนตลอดทั้งสัปดาห์เลยเหรอ ฉันจะไหวได้ยังไง"ตอนนี้เธอเป็นจอมยุทธ์ระดับแปด ภายใต้สถานการณ์ปกติ จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้นจริง ๆแต่ตอนนี้เย่ซิวมีทรัพยากรเหลือเฟือแล้ว บวกกับด้วยความช่วยเหลือจากน้ำพุวิญญาณ ในด้านของเวลาจึงสามารถย่นให้สั้นลงได้เขาอุ้มเซี่ยซิ่วซิ่วเดินไปที่ข้างเตียง ก้มตัวแล้ววางเธอลงไปเย่ซิวหยิบกาน้ำขนาดใหญ่มา และเติม
วันนี้เย่ซิวให้พวกเธอทั้งหมดลางาน ไม่สามารถไปทำงานได้เลย เพราะฝึกตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ แม้ร่างกายจะไม่ล้า แต่จิตใจรู้สึกเหนื่อยล้ามากเพื่อรักษาประสิทธิภาพของพลังต่อสู้และยกระดับความแข็งแกร่งให้พวกเธอไปในเวลาเดียวกัน เย่ซิวจึงได้นำน้ำพุวิญญาณจำนวนห้าสิบกิโลกรัมออกมาและเติมใส่เข้าไปไม่ขาดเวลาล่วงมาจนถึงตอนกลางคืน ความแข็งแกร่งของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดลู่เสวี่ยเอ๋อร์มาถึงจอมยุทธ์ขั้นต้นระดับเก้าแล้วหลิ่วเมิ่งอิ๋นมาถึงขั้นสูงระดับแปดไป๋อวี้เจี๋ยมาถึงขั้นต้นระดับแปดหลัวอีอีกลับมาถึงขั้นกลางระดับหกการเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งนี้เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง แถมยังไม่มีอันตรายแม้เพียงนิดด้วยหลังจากบำเพ็ญตนอย่างหนักยกหนึ่ง สาว ๆ ไม่กี่คนก็หลับสนิทเย่ซิวช่วยห่มผ้าห่มให้พวกเธอ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเขาได้รับข้อความเยอะมาก ในบรรดาทั้งหมดนั้นมีข้อความซึ่งเกี่ยวกับที่หลิวคุนโอนทรัพย์สินทั้งหมดภายใต้ชื่อของเขามาด้วยเขาส่งข้อความถึงเวินหว่านเอ๋อร์ทันที เพื่อขอให้เธอขายทรัพย์สินเหล่านี้เงินที่แลกเปลี่ยนมาจะถูกโอนเข้าบัญชีของบริษัท......ทางตอนเ
เฉินซิ่วน่าพยักหน้าและเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินออกไปข้างนอกการเดินทางไปยังเมืองข้าง ๆ ของเธอในครั้งนี้ ก็เพื่อไปทำเรื่องใหญ่และพบปะกับบุคคลที่สำคัญมากบุคคลหนึ่งถ้าเธอทำสำเร็จได้ เช่นนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดของแผนการใหญ่ในใจเธอก็จะเป็นจริงก่อนขึ้นรถ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามและพูดด้วยเสียงที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน“คุณเย่ บุญคุณที่คุณมีต่อฉันฉันจดจำมันไว้ในใจตลอด รอครั้งหน้าเมื่อเราพบกัน ฉันจะมอบเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้กับคุณอย่างแน่นอน ”......เย่ซิวแต่งตัวเสร็จ ก็เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูจากนั้นเขาก็มาถึงอีกห้องหนึ่งที่เซี่ยชิงชิงพักอยู่ประตูปิดอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่เคาะประตู แต่ใช้วิชาทะลุกำแพงทะลุผ่านเข้าไปโดยตรงภายในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้ บรรยากาศจึงน่าขนลุกเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เห็นเซี่ยชิงชิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างทำท่าประสานแปลก ๆข้างหน้าเธอ มีเตาทองแดงขนาดเท่ากาน้ำใบหนึ่งวางอยู่ในเตาทองแดง ตะขาบ งูพิษ คางคก และสิ่งที่มีพิษอื่น ๆ กำลังกัดกินกัน จากนั้นปลดปล่อยก๊าซสีดำออกมาซึ่งก็ถูกเธอดูดซับไว้ทันใดนั้นเซี่ยชิงชิงรู้สึกใจวูบโหวง เธอเงยหน้าขึ้นและเห
เซี่ยชิงชิงเดาได้ว่าเย่ซิวกำลังจะทำอะไร เธอก็รู้สึกรังเกียจ แต่ก็ทำได้เพียงอ้าปากอย่างเชื่อฟังแต่สิ่งที่คาดเดาไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้นเย่ซิวโยนโอสถเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของเธอแทนเซี่ยชิงชิงเผยสีหน้าหวาดกลัว และอยากจะอาเจียนมันออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่การเคลื่อนไหวของเธอไม่เร็วเท่าเย่ซิว ปากของเธอถูกปิดไว้ และวินาทีถัดมาโอสถก็ละลายโอสถที่เขาใส่เข้าไปในปากของเซี่ยชิงชิงนั้น มันคือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในเตาเพลิงปฐพีหลังจากเปิดเตาแล้วจนถึงตอนนี้เย่ซิวยังไม่มีเวลาทำการทดสอบมัน พอดีเลย งั้นก็ใช้ผู้หญิงคนนี้ลองยาสักหน่อย ดูสิว่ายาจะมีผลอย่างไร“คุณให้ฉันกินอะไร? กรี๊ดดด!"เซี่ยชิงชิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด คนทั้งคนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นไฟจำนวนมหาศาลระเบิดออกมาจากรูขุมขนของเธอเปลวไฟเป็นสีฟ้าอ่อนเหมือนสีไฟจากเตาแก๊สที่ใช้ในครัวเรือนเย่ซิวปลดปล่อยพลังจิตของเขา และสังเกตอาการของเซี่ยชิงชิงอย่างใกล้ชิดเขาพบว่าแม้เธอจะกรีดร้องอย่างน่าสมเพช แต่พลังชีวิตของเธอกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากสัมผัสกับความเจ็บปวดแสนสาหัสในช่วงแรก เซี่ยชิงชิงพอจะปรับตัวได้บ้างแล้ว เสื้อผ้าทั้งร่างของเธ
ใช้เวลาสักพักก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดว่า "เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เซี่ยชิงชิงพูดซ้ำในสิ่งที่เย่ซิวพูดกับเธอเมื่อครู่นี้ถ้ำโบราณอะไรนั่นได้กระตุ้นความสนใจของเซี่ยชิงชิงอย่างแท้จริงแต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เธอสนใจเรื่องการฆ่าเย่ซิวมากกว่า ดังนั้นเธอจึงบอกข่าวนี้ให้เขาฟังโดยไม่ลังเลเลยเมื่อคุณลี่ซึ่งอยู่ปลายสายได้ยินข่าวนี้ เขาก็ถูกทำให้ตกใจอย่างหนักอีกครั้งจากนั้นก็พึมพำกับตัวเองว่า "มิน่าเล่าความแข็งแกร่งของเขาถึงได้ยกระดับขึ้นอย่างน่าสยดสยองเพียงนั้น แถมบนตัวยังมีของดีอยู่มากมาย ที่แท้ก็ได้มาจากถ้ำที่ผู้บำเพ็ญตนในสมัยโบราณทิ้งเอาไว้”ความคิดต่าง ๆ แล่นเข้ามาในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ถามไปว่า "เธอแน่ใจใช่ไหมว่ามันเป็นเรื่องจริง"ด้วยความระมัดระวังตามธรรมชาติ เขาจึงไม่เชื่อสิ่งที่เซี่ยชิงชิงพูดอย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ กระทั่งเกิดความคิดที่ว่าผู้หญิงคนนี้ถูกเย่ซิวซื้อตัวไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้จงใจมาล่อเขาให้ออกไป “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้น เขาจะนำโอสถออกมาแล้วช่วยฉันให้ทะลวงระดับได้ยังไง”“เอาแบบนี้ ตอนนี้เธอหาโอกาสออกมา ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้เธอ พวกเรามาเจอแ
เย่ซิวติดตามหุ่นเชิดมายังสถานที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เห็นว่าหุ่นเชิดตัวนี้ลุกไหม้ ถูกเผาทำลายจนเหลือเพียงกองขี้เถ้าเย่ซิวได้แต่ส่ายหัวอย่างจนใจ หมอนั่นระวังทุกกระเบียดนิ้วจริง ๆ ไม่ถึงร่องรอยใด ๆ เอาไว้เลยช่วยไม่ได้ เย่ซิวทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะขุดรากถอนโคนพวกนั้นทั้งหมดจากนั้นเขาก็ใช้วิชาล่องหน เหินกระบี่แล้วมุ่งไปยังชานเมืองเพื่อหาสถานที่หนึ่งและเริ่มขุดลงไปขุดจนได้ถ้ำแห่งหนึ่งออกมา จากนั้นไปที่ถนนขายของเก่าแล้วกว้านซื้อของเก่าจำนวนมาก รวมถึงประตูที่ดูเก่ามากอีกบานหนึ่งโดยบนประตูบานนี้ เย่ซิวยังได้ใช้พลังจิตของตัวเองวาดลายเส้นจำนวนมากลงไปเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันด้วยใช้เวลาเกือบครึ่งวันถึงทำเสร็จถัดมาเขาก็หยิบหยกโลหิตออกมาและสร้างค่ายกลอำพราง ซ่อนร่องรอยทั้งหมดที่นี่ไว้ต่อจากนี้ รอจนถึงวันมะรืน ดาบนั้นจะคืนสนองอีกฝ่ายไป และจะได้กำจัดอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้โดยสมบูรณ์มองดูเวลา เย่ซิวกลับไปที่สวนสมุนไพรก่อนหนึ่งรอบทอดสายตามองไป สมุนไพรเจริญที่นี่เติบโตกันอย่างเขียวชอุ่มมากลมปราณที่แทรกซึมอยู่ในอากาศเองก็มีความเข้มข้นยิ่งขึ้นเช่นกันตอนนี้เย่ซิวไม่จำเป
เย่ซิวมองเธอแล้วยิ้ม "มาที่ห้องทำงานของผม"มีคนอื่นอยู่ในห้องน้ำชานี้ด้วย ชูตงไม่กล้าชักสีหน้ากับเย่ซิวมาก ดังนั้นจึงระงับความโกรธลงไป แล้วเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินตามหลังเย่ซิวไประหว่างทางมีพนักงานหญิงจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกอิจฉาเมื่อได้เห็นฉากนี้ ชูตงดูเหมือนจะใกล้ชิดกับท่านประธานมากอันที่จริงมีข่าวลือเรื่องนี้แพร่สะพัดไปในบริษัทพักหนึ่งแล้ว เพียงแค่ว่าทุกคนยับยั้งชั่งใจกันได้ค่อนข้างดี จึงไม่มีใครกล้าพูดกันอย่างโต้ง ๆ แม้แต่เซี่ยซิ่วซิ่ว ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ เองก็ได้ยินข่าวลือนี้แล้วเช่นกันเพียงแต่พวกเธอไม่สนใจมากนักตอนนี้เย่ซิวทรงพลังมากเกินไป อาศัยพวกเธอพี่สาวน้องสาวไม่กี่คนร่วมออกรบพร้อมกัน ในด้านการบำเพ็ญตนก็ยังไม่อาจเอาชนะเย่ซิวซึ่งมีเพียงคนเดียวได้กระทั่งตั้งตารอด้วยซ้ำว่าจะมีน้องสาวมากขึ้น เพื่อมาช่วยกันแบ่งเบาภาระเย่ซิวมีลิฟต์พิเศษที่มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของเขาโดยตรงหลังจากเข้าไปในลิฟต์ ชูตงก็แยกเขี้ยวใส่เขา "ไอ้คนสารเลว คนสารเลว คุณก็รู้แต่รังแกผู้หญิง!"เย่ซิวเหยียดสองนิ้วไปตรงหน้าเธอชูตงชะงักกึก "นี่หมายความว่าอะไร?"เย่ซิวยิ้มแล้วพูดว่า "ด่าเจ้าน
มีบางสิ่งที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นอย่างนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อมีการเริ่มต้น ก็มักจะเกิดขึ้นเสมอเช่นเดียวกับตอนนี้ เย่ซิวโอบชูตงไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แล้วจูบลงไปด้วยท่าทางที่แข็งกร้าวอย่างยิ่งหนึ่งนาทีต่อมา ชูตงก็รีบวิ่งออกไปนอกประตู เช็ดปากแรง ๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าริมฝีปากชา เธอต้องรีบไปแปรงฟันให้เร็วที่สุด“แหวะ แหวะ แหวะ...”ภายในห้องน้ำชูตงอาเจียนออกมาเป็นระลอก นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่เธอบ้วนปากเธอยังคงรู้สึกว่ามันยังไม่สะอาด เมื่อมองดูตัวเองในกระจก ก็เห็นใบหน้าแดงเถือกไปหมดเธอมองเห็นความอัปยศอดสู ความโกรธ และความเขินอายในดวงตาของเธอเดี๋ยวนะ ทำไมเธอต้องอายด้วยเธอส่ายหัวอย่างแรง ขับไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกจากหัวสมอง“น่ารังเกียจ สารเลว ไอ้คนลามก” ชูตงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สบถอย่างดุเดือด "อย่าให้ฉันมีโอกาสบ้างนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้นายได้เห็นดี ถือเสียว่าถูกหมากัดก็แล้วกัน"หลังจากการสะกดจิตตัวเอง เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากเธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่า ความโกรธของเธอที่มีต่อเย่ซิวที่กลั่นแกล้งเธอนั้นมันน้อยกว่าครั้งแรกมากในสำนักงาน เย่ซิวกลับมานั่งในที่นั่งของตัวเอง นึกถึง
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่
จากสีหน้าของสามีผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเดาออก หรือไม่ก็รู้และปล่อยผ่านไปแล้วเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ มักจะมีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่เสมอบางครั้งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายอื่น ๆการยอมสละภรรยาหรือแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเย่ซิวเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเคย์ฟี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยที่สุกงอมผู้หญิงแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นนักล่าผู้ชายโดยแท้แต่เย่ซิวกลับไม่รู้สึกสนใจเธอสักเท่าไรไม่ใช่เพราะว่าเขาสูงส่งอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอดูสกปรกเกินไปผู้หญิงที่ถูกนับไม่ถ้วนลิ้มรสแบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เย่ซิวก็ไม่มีทางสนใจดังนั้นไม่ว่าเคย์ฟี่จะพยายามยั่วยวนยังไง เย่ซิวก็ยังคงนิ่งเฉยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยขณะที่พรีเอลล์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูผ่อนคลายขึ้นมาในใจคิดว่าแม่ยังสู้ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยตัวเองก็เคยทำสำเร็จมาก่อนผ่านไปห้าสิบกว่านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางทันทีที่ลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นกำแพงขนาดมหึมา ล้อมรอบซากโบราณสถานท
เย่ซิวเผาผลาญเลือดสดของตนเองไปหนึ่งเปอร์เซ็นต์ชั่วพริบตา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนหากคำนวณเช่นนี้ ถ้าเขาเผาผลาญเลือดสดไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ถึงห้าเท่าในทันทีนี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักทว่าทักษะลึกลับนี้ก็มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงนั่นคือหลังจากเผาผลาญเลือดสดแล้วจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานานแต่เย่ซิวสามารถลดอันตรายจากข้อเสียนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเพราะร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดความสามารถในการสร้างเลือดของหัวใจนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคนทั่วไปหากใช้วิชานี้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นตัวแต่เย่ซิวไม่เหมือนคนทั่วไปเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในสิบกว่านาทีหากมีพลังงานเสริมเพียงพอ เขาสามารถใช้วิชาผลาญโลหิตได้สิบกว่าครั้งรุ่งเช้าของวันถัดมาเย่ซิวเดินทางมาถึงตระกูลของพรีเอลล์ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพ่อแม่ของพรีเอลล์ คู่สามีภรรยาที่ดูยังหนุ่มสาวมาปรากฏตัวฝ่ายหญิงงดงามสง่า ฝ่ายชายมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเบื้องหลังพวกเขายังมีเหล่าชายหญิงวัยหนุ่มสาวติดตามมาด้วย แต่ละคน
เย่ซิวคว้าคอของพรีเอลล์ไว้แน่น ก่อนจะปลดปล่อยวิชามารโลหิตออกมาอย่างไม่ลังเลสีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ตอนนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเธอจะขัดขืนแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์พลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเลือดของเธอถูกเย่ซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่องหลังจากดิ้นรนไปได้สักพัก ร่างกายของพรีเอลล์ก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ขณะที่จ้องมองไปที่เย่ซิวผิวพรรณของเธอซีดหมองราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในพริบตาเมื่อดูดกลืนพลังในเลือดของเธอไปเกือบครึ่ง เย่ซิวจึงยอมปล่อยมือจากพรีเอลล์พรีเอลล์รีบถอยห่างออกจากเย่ซิวในทันที พลางหอบหายใจอย่างหนักเย่ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่อยากเห็นคุณใช้วิธีสกปรกแบบนี้จัดการผมอีก ถ้ามีครั้งหน้า ผมไม่รับประกันว่าคุณจะรอดไปได้”เมื่อครู่ กลิ่นที่พรีเอลล์ปล่อยออกมาจากร่างกายคือยาชนิดซีและดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน มีฤทธิ์รุนแรงมากถ้าหากเป็นช่วงที่เย่ซิวเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มีโอกาสสูงที่เขาจะต้านทานมันไม่ไหวหากเป็นเช่นนั้น
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ