‘ฉันจะทำให้นายโดนน้ำร้อนลวกให้ตายไปเลย ไอ้ผู้ชายสารเลว’ชูตงกร่นด่าเย่ซิวในใจ ขณะเป่าชาร้อนกรุ่นด้วยริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอ“นี่ค่ะ!”หลังจากเป่าชาอยู่นานเกือบนาทีจนแก้มเริ่มเมื่อย เธอก็ยื่นถ้วยชาให้เย่ซิวพร้อมสีหน้าบึ้งตึงในใจคิดว่าถ้าเขายังกล้าบอกว่าชานี้เย็นเกินไป เธอจะสาดน้ำชาใส่หน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยโชคดีที่เย่ซิวไม่ได้พูดแบบนั้น เขารับถ้วยชามาจิบเบา ๆ ก่อนเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย ชาที่ชงโดยสาวสวยนี่มันอร่อยจริง ๆ”ชูตงกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เธอไม่เชื่อคำหวานของเขาแม้แต่นิดเดียว“มีอะไรอีกไหมคะ ถ้าไม่มีแล้วฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อน”เย่ซิวยิ้มพลางตอบ “ไปเถอะ แต่อย่าลืมสิ่งที่คุณสัญญาไว้เมื่อคืนล่ะ”ชูตงส่งเสียงหึในลำคอ “รู้แล้วค่ะ ก็แค่อาหารมื้อเดียวเอง ฉันไม่ลืมหรอกน่า”พูดจบ เธอก็สะบัดมือแล้วหมุนตัวเดินออกไปท่าทางสะบัดสะโพกไปมานั้นช่างเป็นภาพที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งเย่ซิวลูบคางพลางคิดอย่างคาดหวังเขาอยากรู้ว่าถ้าวันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ยอมคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นยังไงนะตอนนั้นเขาคงจะหยิบยกท่าทีหยิ่งยโสของเธอในวันนี้มาพูดอย่างสนุกสนานแน่ ๆตลอดทั้งวัน เ
เย่ซิวส่ายหน้าอย่างคร้านจะพูดอะไรมาก ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปขับไปได้ครึ่งทาง ชูตงก็เอ่ยขึ้นว่าอยากลงไปซื้อของที่ตลาดสดเย่ซิวจึงจอดรถข้างทางแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข่าวโดยหลัก ๆ เขาจะอ่านข่าวต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โตอะไรเกิดขึ้นส่วนเรื่องทางฝั่งสำนักโอสถ ซึ่งเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ขนาดพอ ๆ กับเมืองเล็ก ๆ ของประเทศหลงเถิง เรื่องของที่นั่นย่อมไม่มีวันขึ้นหน้าข่าวระดับนานาชาติแน่นอนแต่แล้วก็มีข่าวหนึ่งสะดุดตาเขาเข้าอย่างจังประเทศจ้านอิงตี้ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยชีวภาพอีกแปดแสนล้านบาทในปีนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจจากโครงการยีนนักรบจึงเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่องหากไม่ใช่เพราะเย่ซิวเคยสัมผัสกับโครงการนี้มาก่อน เขาคงไม่เชื่อมโยงอะไรแบบนี้ขึ้นมาแน่ตอนนี้เขายิ่งแน่ใจว่าต้องเร่งหาโอสถวิญญาณต้นสุดท้ายให้เจอโดยเร็วที่สุดผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชูตงก็กลับมาพร้อมถุงใส่ผักสองใบใหญ่เธอวางของไว้ที่เบาะหลัง ก่อนนั่งลงตรงที่นั่งข้างคนขับด้วยสีหน้าดีใจ พร้อมพูดจ้อไม่หยุด“วันนี้ของที่ตลาดถูกมากเลยล่ะ ทุกอย่างลดราคาตั้งสี่สิบเปอร์เซ็นต์แน่ะ หมูกับอาหารทะเลก็
ในเรื่องอื่น ๆ ชูตงอาจไม่กล้าพูดว่าตัวเองเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องทำอาหาร เธอมั่นใจอย่างมากด้วยสภาพครอบครัวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอเริ่มช่วยทำอาหารตั้งแต่อายุหกถึงเจ็ดขวบ และพออายุสิบสองปี เธอก็กลายเป็นแม่ครัวหลักของบ้านตอนนี้ห้องครัวได้กลายเป็นสนามรบของทั้งสองฝ่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารห้าจานกับแกงหนึ่งถ้วยจากทั้งสองคนก็ถูกจัดวางเรียงอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารใบหน้าของชูตงเริ่มแข็งทื่อเพราะแค่ดูจากรูปลักษณ์ของอาหารอย่างเดียว อาหารที่เย่ซิวทำกลับดูดีกว่าของเธอเสียอีก“เป็นไปได้ยังไง” เธอรู้สึกเหลือเชื่อในใจ แต่ก็รีบปลอบตัวเอง “ไม่เป็นไร คงดีแค่หน้าตา แต่ต้องกินไม่ได้แน่ ๆ”เย่ซิวมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชูตงก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ลองชิมอาหารของคุณก่อนแล้วค่อยชิมของผมนะ”ชูตงแค่นเสียงหึ ก่อนหยิบตะเกียบขึ้นมาชิมอาหารของตัวเองด้วยความมั่นใจระหว่างที่กิน เธอก็พยักหน้าเงียบ ๆดูเหมือนว่าความกระหายชัยชนะจะทำให้เธอทุ่มเทสุดตัว ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยกว่าที่เธอเคยทำเสียอีกรอบนี้เธอต้องชนะแน่เธอคิดในใจก่อนจะปรายตามองเย่ซิวอย่างท้าทาย แล้วใช้ตะเกียบคีบอาหารของเขาขึ้
ในเวลานั้นเอง เธอก็นึกขึ้นได้ถึงข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาถ้าเธอแพ้เธอต้องจูบเย่ซิวหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่มีวันยอมรับได้เพื่อจะได้ไม่ต้องจูบกับเขา เธอจึงกัดฟันฝืนใจพูดออกไปว่า “อาหารที่คุณทำก็มีมาตรฐานอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเทียบกับฉันแล้ว ยังไงก็ยังขาดอยู่นิดหน่อย”เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเย่ซิว เธอก็ยิ่งแกล้งทำเป็นมั่นใจพูดต่อว่า “แต่เอาเถอะ ในฐานะที่คุณเป็นเจ้านายของฉัน การแข่งขันครั้งนี้เราจะถือว่าเสมอกันก็แล้วกัน ฉันไม่จูบคุณ และคุณก็ไม่ต้องให้ฉันห้าแสน”พูดจบ เธอก็แอบถอนหายใจเบา ๆ และชมตัวเองในใจว่า‘ฉลาดจริง ๆ เรา แก้สถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย’เย่ซิวยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พูดแบบนี้ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”ชูตงก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำไปมันไม่ค่อยดีนัก แต่ยังไงจะให้เธอก็ไม่อยากไปจูบเย่ซิวเช่นกัน ทำให้ความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเธอแต่พอเธอคิดอีกที จะกลัวไปทำไม อย่างมากเวลาทำงานก็ค่อยเลิกงานช้าหน่อย ช่วยบริษัททำงานเพิ่มอีกนิดหน่อยถือว่าเป็นการชดเชยแล้วกันคิดได้ดังนั้น ความรู้สึกผิดในใจเธอก็ลดลงไปไม่น้อย ก่อนจะเชิดหน้าอย่างดื้อรั้นแล้วตอบกลับไปว่า “ฉั
“ฉันจะกัดนายให้ตายเลย!”ชูตงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอัดอั้นจูบแรกที่เธอถนอมรักษาไว้อย่างดีตลอดหลายปีกลับต้องเสียไปให้กับผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดทันทีที่เย่ซิวปล่อยตัวเธอ เธอก็ก้มลงกัดแขนของเขาเต็มแรงอย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ซิวแล้วมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้เธอกัดไปตามใจชอบแต่เมื่อผ่านไปสามสี่นาทีเธอก็ยังไม่ยอมปล่อย เย่ซิวจึงเริ่มไม่พอใจ “พอได้แล้ว ปล่อยได้แล้ว”ถ้าเป็นคนธรรมดาคงโดนกัดจนเนื้อขาดไปแล้ว แต่ชูตงกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยสักนิด แถมยังทำหน้าจริงจังเหมือนตั้งใจจะกัดไปจนวันสิ้นโลกเย่ซิวขมวดคิ้ว “ถ้ายังไม่ปล่อย ระวังผลที่ตามมานะ”แต่เธอก็ยังคงกัดแน่นไม่ยอมปล่อยเย่ซิวเอื้อมมือไปจี้ที่ใต้รักแร้ของเธอ ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกและปล่อยปากออกในทันทีจากนั้นเย่ซิวก็จับตัวเธอพาดบ่าพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องนอนคราวนี้ชูตงเริ่มตกใจ พยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ปล่อยฉันนะ เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง”เย่ซิวยิ้มเย็น เขาให้โอกาสแล้วแต่เธอกลับไม่รู้จักคว้าไว้ จึงโทษใครไม่ได้เมื่อระยะห่างจากห้องนอนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ชูตงก็ยิ่งหวาดกลัวจนยอมลดท่าทีลงพร้อมกับอ้อนวอน “ข
น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบนิ่งราวกับไม่ได้พูดถึงการฆ่าคน แต่เป็นเพียงการบดขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้นแม้จะเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แต่เย่ซิวก็อดชื่นชมชายคนนี้ไม่ได้เขาเป็นคนที่บริสุทธิ์ใจจนเย่ซิวเกิดความรู้สึกอยากรับเขาไว้เป็นพวก แต่เขาก็รู้ดีว่าคนเช่นนี้ไม่มีทางเปลี่ยนเจตจำนงของตัวเองได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยปากชักชวนเย่ซิวลุกยืนตรงด้วยสีหน้าจริงจัง “จัดมาเลย ฉันจะให้นายได้ตายอย่างสมเกียรติ”ชายคนนั้นเริ่มลงมือทันทีกระบี่ไม้ในมือถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์ส่องกระทบใบกระบี่ที่ฟันลงมากระแสกระบี่ที่แหลมคมดุจเส้นลวดพุ่งทะลวงออกไปอย่างรุนแรงความเร็วของกระบี่นี้รวดเร็วจนตามองแทบไม่ทัน อีกทั้งพลังยังถูกควบคุมไว้อย่างมิดชิดจนไม่อาจสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนได้เลยเย่ซิวเอ่ยชมด้วยความทึ่ง “วิชากระบี่ของนายใกล้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว หากฝึกฝนต่อไปอีกสักสิบปีเกรงว่านายคงกลายเป็นจ้าวกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแน่”กระบวนท่ากระบี่ของชายคนนั้นแฝงไปด้วยความลึกซึ้งเกินหยั่งถึง ในเสี้ยววินาทีที่ฟาดฟันลงมา ปราณกระบี่ถูกอัดแน่นถึงเก้าชั้น ซึ่งแม้แต่เย่ซิวในตอนนี้ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเหมือนการอัดแผ่นหินข
เย่ซิวทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าชายคนนั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจไปแล้ว เขาได้ทุ่มพลังชีวิตทั้งหมดลงไปในกระบวนท่าสุดท้ายเมื่อครู่ไปหมดสิ้น เพื่อให้สามารถสร้างบาดแผลแก่ผู้มีพลังระดับสร้างรากฐานปราณขั้นสูงสุดอย่างเย่ซิวได้เย่ซิวใช้นิ้วชี้แตะลงไปตรงตำแหน่งหัวใจของชายคนนั้น ก่อนจะส่งพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อผนึกชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยไว้“ฉันสนใจกระบวนท่ากระบี่สะบั้นโลกันตร์ของนาย รวมถึงวิธีการบีบอัดพลังกระบี่เมื่อกี้ด้วย นายจะถ่ายทอดให้ฉันได้ไหม วิชานี้จะได้ไม่สูญหายไป”ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ก่อนพยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวค่อย ๆ ประคองเขาไปพิงกับกำแพงอย่างระมัดระวัง ชายคนนั้นหอบหายใจหนัก ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชากระบี่สองกระบวนท่าที่เขาเชี่ยวชาญให้แก่เย่ซิวเย่ซิวตั้งใจฟังเงียบ ๆ โดยไม่ขัดจังหวะต้องยอมรับว่าชายผู้นี้เป็นอัจฉริยะด้านวิถีกระบี่อย่างแท้จริง วิธีฝึกฝนสองกระบวนท่านี้ช่างล้ำลึกและแปลกประหลาดจนแม้แต่เย่ซิวก็ยังนึกไม่ถึงหลังจากชายคนนั้นถ่ายทอดทุกอย่างเสร็จสิ้น เย่ซิวกำลังจะถามชื่อเขาแต่ก็พบว่าชายผู้นั้นได้สิ้นใจไปแล้วเย่ซิวจับ
เย่ซิวนั่งจ้องมองหญิงสาวบนเตียงน้ำแข็งนานกว่าสิบนาที ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหลจนเกิดความคิดอยากจะอยู่เฝ้าที่นี่ไปชั่วชีวิตเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะละสายตาได้ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น ตั้งจิตสำรวจตัวเอง ฝึกฝนจิตใจและเสริมสร้างความมุ่งมั่นของตนเองอย่างเงียบ ๆ โดยใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะสงบใจได้การเสริมสร้างความมุ่งมั่นยังช่วยพัฒนาและเพิ่มพูนพลังจิตได้อีกด้วยเย่ซิวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังจิตของตนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต้องรู้ก่อนว่าการเพิ่มพูนพลังจิตนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง อีกทั้งไม่มีวิชาใดที่ช่วยได้จากนั้นเขาก็เริ่มดึงพลังงานจากเตียงน้ำแข็งและเข้าสู่การฝึกฝน……หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการฝึกของเขาเย่ซิวเก็บเตียงน้ำแข็งและรับสายโทรศัพท์หลังจากฟังปลายสายพูดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็วางสายไปเป็นสายโทรเข้ามาจากเวินหว่านเอ๋อร์ ซึ่งแจ้งว่าเธอได้ที่อยู่ของหลิวคุนแล้ว พร้อมบอกพิกัดให้เขาทราบทันทีที่วางสาย ร่างของเย่ซิวก็หายวับไปจากตรงนั้นทันทีในเมืองหลวง ภายในคาราโอเกะหรูหราแห่งหนึ่งภายนอกดูเหมือนเป็นแค่คาราโอเกะทั่วไป แต่แท้จริงแล้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ