‘ฉันจะทำให้นายโดนน้ำร้อนลวกให้ตายไปเลย ไอ้ผู้ชายสารเลว’ชูตงกร่นด่าเย่ซิวในใจ ขณะเป่าชาร้อนกรุ่นด้วยริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอ“นี่ค่ะ!”หลังจากเป่าชาอยู่นานเกือบนาทีจนแก้มเริ่มเมื่อย เธอก็ยื่นถ้วยชาให้เย่ซิวพร้อมสีหน้าบึ้งตึงในใจคิดว่าถ้าเขายังกล้าบอกว่าชานี้เย็นเกินไป เธอจะสาดน้ำชาใส่หน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยโชคดีที่เย่ซิวไม่ได้พูดแบบนั้น เขารับถ้วยชามาจิบเบา ๆ ก่อนเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย ชาที่ชงโดยสาวสวยนี่มันอร่อยจริง ๆ”ชูตงกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เธอไม่เชื่อคำหวานของเขาแม้แต่นิดเดียว“มีอะไรอีกไหมคะ ถ้าไม่มีแล้วฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อน”เย่ซิวยิ้มพลางตอบ “ไปเถอะ แต่อย่าลืมสิ่งที่คุณสัญญาไว้เมื่อคืนล่ะ”ชูตงส่งเสียงหึในลำคอ “รู้แล้วค่ะ ก็แค่อาหารมื้อเดียวเอง ฉันไม่ลืมหรอกน่า”พูดจบ เธอก็สะบัดมือแล้วหมุนตัวเดินออกไปท่าทางสะบัดสะโพกไปมานั้นช่างเป็นภาพที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งเย่ซิวลูบคางพลางคิดอย่างคาดหวังเขาอยากรู้ว่าถ้าวันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ยอมคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นยังไงนะตอนนั้นเขาคงจะหยิบยกท่าทีหยิ่งยโสของเธอในวันนี้มาพูดอย่างสนุกสนานแน่ ๆตลอดทั้งวัน เ
เย่ซิวส่ายหน้าอย่างคร้านจะพูดอะไรมาก ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปขับไปได้ครึ่งทาง ชูตงก็เอ่ยขึ้นว่าอยากลงไปซื้อของที่ตลาดสดเย่ซิวจึงจอดรถข้างทางแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข่าวโดยหลัก ๆ เขาจะอ่านข่าวต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โตอะไรเกิดขึ้นส่วนเรื่องทางฝั่งสำนักโอสถ ซึ่งเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ขนาดพอ ๆ กับเมืองเล็ก ๆ ของประเทศหลงเถิง เรื่องของที่นั่นย่อมไม่มีวันขึ้นหน้าข่าวระดับนานาชาติแน่นอนแต่แล้วก็มีข่าวหนึ่งสะดุดตาเขาเข้าอย่างจังประเทศจ้านอิงตี้ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยชีวภาพอีกแปดแสนล้านบาทในปีนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจจากโครงการยีนนักรบจึงเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่องหากไม่ใช่เพราะเย่ซิวเคยสัมผัสกับโครงการนี้มาก่อน เขาคงไม่เชื่อมโยงอะไรแบบนี้ขึ้นมาแน่ตอนนี้เขายิ่งแน่ใจว่าต้องเร่งหาโอสถวิญญาณต้นสุดท้ายให้เจอโดยเร็วที่สุดผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชูตงก็กลับมาพร้อมถุงใส่ผักสองใบใหญ่เธอวางของไว้ที่เบาะหลัง ก่อนนั่งลงตรงที่นั่งข้างคนขับด้วยสีหน้าดีใจ พร้อมพูดจ้อไม่หยุด“วันนี้ของที่ตลาดถูกมากเลยล่ะ ทุกอย่างลดราคาตั้งสี่สิบเปอร์เซ็นต์แน่ะ หมูกับอาหารทะเลก็
ในเรื่องอื่น ๆ ชูตงอาจไม่กล้าพูดว่าตัวเองเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องทำอาหาร เธอมั่นใจอย่างมากด้วยสภาพครอบครัวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอเริ่มช่วยทำอาหารตั้งแต่อายุหกถึงเจ็ดขวบ และพออายุสิบสองปี เธอก็กลายเป็นแม่ครัวหลักของบ้านตอนนี้ห้องครัวได้กลายเป็นสนามรบของทั้งสองฝ่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารห้าจานกับแกงหนึ่งถ้วยจากทั้งสองคนก็ถูกจัดวางเรียงอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารใบหน้าของชูตงเริ่มแข็งทื่อเพราะแค่ดูจากรูปลักษณ์ของอาหารอย่างเดียว อาหารที่เย่ซิวทำกลับดูดีกว่าของเธอเสียอีก“เป็นไปได้ยังไง” เธอรู้สึกเหลือเชื่อในใจ แต่ก็รีบปลอบตัวเอง “ไม่เป็นไร คงดีแค่หน้าตา แต่ต้องกินไม่ได้แน่ ๆ”เย่ซิวมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชูตงก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ลองชิมอาหารของคุณก่อนแล้วค่อยชิมของผมนะ”ชูตงแค่นเสียงหึ ก่อนหยิบตะเกียบขึ้นมาชิมอาหารของตัวเองด้วยความมั่นใจระหว่างที่กิน เธอก็พยักหน้าเงียบ ๆดูเหมือนว่าความกระหายชัยชนะจะทำให้เธอทุ่มเทสุดตัว ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยกว่าที่เธอเคยทำเสียอีกรอบนี้เธอต้องชนะแน่เธอคิดในใจก่อนจะปรายตามองเย่ซิวอย่างท้าทาย แล้วใช้ตะเกียบคีบอาหารของเขาขึ้
ในเวลานั้นเอง เธอก็นึกขึ้นได้ถึงข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาถ้าเธอแพ้เธอต้องจูบเย่ซิวหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่มีวันยอมรับได้เพื่อจะได้ไม่ต้องจูบกับเขา เธอจึงกัดฟันฝืนใจพูดออกไปว่า “อาหารที่คุณทำก็มีมาตรฐานอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเทียบกับฉันแล้ว ยังไงก็ยังขาดอยู่นิดหน่อย”เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเย่ซิว เธอก็ยิ่งแกล้งทำเป็นมั่นใจพูดต่อว่า “แต่เอาเถอะ ในฐานะที่คุณเป็นเจ้านายของฉัน การแข่งขันครั้งนี้เราจะถือว่าเสมอกันก็แล้วกัน ฉันไม่จูบคุณ และคุณก็ไม่ต้องให้ฉันห้าแสน”พูดจบ เธอก็แอบถอนหายใจเบา ๆ และชมตัวเองในใจว่า‘ฉลาดจริง ๆ เรา แก้สถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย’เย่ซิวยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พูดแบบนี้ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”ชูตงก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำไปมันไม่ค่อยดีนัก แต่ยังไงจะให้เธอก็ไม่อยากไปจูบเย่ซิวเช่นกัน ทำให้ความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเธอแต่พอเธอคิดอีกที จะกลัวไปทำไม อย่างมากเวลาทำงานก็ค่อยเลิกงานช้าหน่อย ช่วยบริษัททำงานเพิ่มอีกนิดหน่อยถือว่าเป็นการชดเชยแล้วกันคิดได้ดังนั้น ความรู้สึกผิดในใจเธอก็ลดลงไปไม่น้อย ก่อนจะเชิดหน้าอย่างดื้อรั้นแล้วตอบกลับไปว่า “ฉั
“ฉันจะกัดนายให้ตายเลย!”ชูตงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอัดอั้นจูบแรกที่เธอถนอมรักษาไว้อย่างดีตลอดหลายปีกลับต้องเสียไปให้กับผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดทันทีที่เย่ซิวปล่อยตัวเธอ เธอก็ก้มลงกัดแขนของเขาเต็มแรงอย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ซิวแล้วมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้เธอกัดไปตามใจชอบแต่เมื่อผ่านไปสามสี่นาทีเธอก็ยังไม่ยอมปล่อย เย่ซิวจึงเริ่มไม่พอใจ “พอได้แล้ว ปล่อยได้แล้ว”ถ้าเป็นคนธรรมดาคงโดนกัดจนเนื้อขาดไปแล้ว แต่ชูตงกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยสักนิด แถมยังทำหน้าจริงจังเหมือนตั้งใจจะกัดไปจนวันสิ้นโลกเย่ซิวขมวดคิ้ว “ถ้ายังไม่ปล่อย ระวังผลที่ตามมานะ”แต่เธอก็ยังคงกัดแน่นไม่ยอมปล่อยเย่ซิวเอื้อมมือไปจี้ที่ใต้รักแร้ของเธอ ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกและปล่อยปากออกในทันทีจากนั้นเย่ซิวก็จับตัวเธอพาดบ่าพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องนอนคราวนี้ชูตงเริ่มตกใจ พยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ปล่อยฉันนะ เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง”เย่ซิวยิ้มเย็น เขาให้โอกาสแล้วแต่เธอกลับไม่รู้จักคว้าไว้ จึงโทษใครไม่ได้เมื่อระยะห่างจากห้องนอนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ชูตงก็ยิ่งหวาดกลัวจนยอมลดท่าทีลงพร้อมกับอ้อนวอน “ข
น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบนิ่งราวกับไม่ได้พูดถึงการฆ่าคน แต่เป็นเพียงการบดขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้นแม้จะเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แต่เย่ซิวก็อดชื่นชมชายคนนี้ไม่ได้เขาเป็นคนที่บริสุทธิ์ใจจนเย่ซิวเกิดความรู้สึกอยากรับเขาไว้เป็นพวก แต่เขาก็รู้ดีว่าคนเช่นนี้ไม่มีทางเปลี่ยนเจตจำนงของตัวเองได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยปากชักชวนเย่ซิวลุกยืนตรงด้วยสีหน้าจริงจัง “จัดมาเลย ฉันจะให้นายได้ตายอย่างสมเกียรติ”ชายคนนั้นเริ่มลงมือทันทีกระบี่ไม้ในมือถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์ส่องกระทบใบกระบี่ที่ฟันลงมากระแสกระบี่ที่แหลมคมดุจเส้นลวดพุ่งทะลวงออกไปอย่างรุนแรงความเร็วของกระบี่นี้รวดเร็วจนตามองแทบไม่ทัน อีกทั้งพลังยังถูกควบคุมไว้อย่างมิดชิดจนไม่อาจสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนได้เลยเย่ซิวเอ่ยชมด้วยความทึ่ง “วิชากระบี่ของนายใกล้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว หากฝึกฝนต่อไปอีกสักสิบปีเกรงว่านายคงกลายเป็นจ้าวกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแน่”กระบวนท่ากระบี่ของชายคนนั้นแฝงไปด้วยความลึกซึ้งเกินหยั่งถึง ในเสี้ยววินาทีที่ฟาดฟันลงมา ปราณกระบี่ถูกอัดแน่นถึงเก้าชั้น ซึ่งแม้แต่เย่ซิวในตอนนี้ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเหมือนการอัดแผ่นหินข
เย่ซิวทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าชายคนนั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจไปแล้ว เขาได้ทุ่มพลังชีวิตทั้งหมดลงไปในกระบวนท่าสุดท้ายเมื่อครู่ไปหมดสิ้น เพื่อให้สามารถสร้างบาดแผลแก่ผู้มีพลังระดับสร้างรากฐานปราณขั้นสูงสุดอย่างเย่ซิวได้เย่ซิวใช้นิ้วชี้แตะลงไปตรงตำแหน่งหัวใจของชายคนนั้น ก่อนจะส่งพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อผนึกชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยไว้“ฉันสนใจกระบวนท่ากระบี่สะบั้นโลกันตร์ของนาย รวมถึงวิธีการบีบอัดพลังกระบี่เมื่อกี้ด้วย นายจะถ่ายทอดให้ฉันได้ไหม วิชานี้จะได้ไม่สูญหายไป”ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ก่อนพยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวค่อย ๆ ประคองเขาไปพิงกับกำแพงอย่างระมัดระวัง ชายคนนั้นหอบหายใจหนัก ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชากระบี่สองกระบวนท่าที่เขาเชี่ยวชาญให้แก่เย่ซิวเย่ซิวตั้งใจฟังเงียบ ๆ โดยไม่ขัดจังหวะต้องยอมรับว่าชายผู้นี้เป็นอัจฉริยะด้านวิถีกระบี่อย่างแท้จริง วิธีฝึกฝนสองกระบวนท่านี้ช่างล้ำลึกและแปลกประหลาดจนแม้แต่เย่ซิวก็ยังนึกไม่ถึงหลังจากชายคนนั้นถ่ายทอดทุกอย่างเสร็จสิ้น เย่ซิวกำลังจะถามชื่อเขาแต่ก็พบว่าชายผู้นั้นได้สิ้นใจไปแล้วเย่ซิวจับ
เย่ซิวนั่งจ้องมองหญิงสาวบนเตียงน้ำแข็งนานกว่าสิบนาที ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหลจนเกิดความคิดอยากจะอยู่เฝ้าที่นี่ไปชั่วชีวิตเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะละสายตาได้ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น ตั้งจิตสำรวจตัวเอง ฝึกฝนจิตใจและเสริมสร้างความมุ่งมั่นของตนเองอย่างเงียบ ๆ โดยใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะสงบใจได้การเสริมสร้างความมุ่งมั่นยังช่วยพัฒนาและเพิ่มพูนพลังจิตได้อีกด้วยเย่ซิวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังจิตของตนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต้องรู้ก่อนว่าการเพิ่มพูนพลังจิตนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง อีกทั้งไม่มีวิชาใดที่ช่วยได้จากนั้นเขาก็เริ่มดึงพลังงานจากเตียงน้ำแข็งและเข้าสู่การฝึกฝน……หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการฝึกของเขาเย่ซิวเก็บเตียงน้ำแข็งและรับสายโทรศัพท์หลังจากฟังปลายสายพูดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็วางสายไปเป็นสายโทรเข้ามาจากเวินหว่านเอ๋อร์ ซึ่งแจ้งว่าเธอได้ที่อยู่ของหลิวคุนแล้ว พร้อมบอกพิกัดให้เขาทราบทันทีที่วางสาย ร่างของเย่ซิวก็หายวับไปจากตรงนั้นทันทีในเมืองหลวง ภายในคาราโอเกะหรูหราแห่งหนึ่งภายนอกดูเหมือนเป็นแค่คาราโอเกะทั่วไป แต่แท้จริงแล้
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่
จากสีหน้าของสามีผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเดาออก หรือไม่ก็รู้และปล่อยผ่านไปแล้วเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ มักจะมีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่เสมอบางครั้งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายอื่น ๆการยอมสละภรรยาหรือแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเย่ซิวเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเคย์ฟี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยที่สุกงอมผู้หญิงแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นนักล่าผู้ชายโดยแท้แต่เย่ซิวกลับไม่รู้สึกสนใจเธอสักเท่าไรไม่ใช่เพราะว่าเขาสูงส่งอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอดูสกปรกเกินไปผู้หญิงที่ถูกนับไม่ถ้วนลิ้มรสแบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เย่ซิวก็ไม่มีทางสนใจดังนั้นไม่ว่าเคย์ฟี่จะพยายามยั่วยวนยังไง เย่ซิวก็ยังคงนิ่งเฉยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยขณะที่พรีเอลล์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูผ่อนคลายขึ้นมาในใจคิดว่าแม่ยังสู้ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยตัวเองก็เคยทำสำเร็จมาก่อนผ่านไปห้าสิบกว่านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางทันทีที่ลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นกำแพงขนาดมหึมา ล้อมรอบซากโบราณสถานท
เย่ซิวเผาผลาญเลือดสดของตนเองไปหนึ่งเปอร์เซ็นต์ชั่วพริบตา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนหากคำนวณเช่นนี้ ถ้าเขาเผาผลาญเลือดสดไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ถึงห้าเท่าในทันทีนี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักทว่าทักษะลึกลับนี้ก็มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงนั่นคือหลังจากเผาผลาญเลือดสดแล้วจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานานแต่เย่ซิวสามารถลดอันตรายจากข้อเสียนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเพราะร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดความสามารถในการสร้างเลือดของหัวใจนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคนทั่วไปหากใช้วิชานี้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นตัวแต่เย่ซิวไม่เหมือนคนทั่วไปเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในสิบกว่านาทีหากมีพลังงานเสริมเพียงพอ เขาสามารถใช้วิชาผลาญโลหิตได้สิบกว่าครั้งรุ่งเช้าของวันถัดมาเย่ซิวเดินทางมาถึงตระกูลของพรีเอลล์ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพ่อแม่ของพรีเอลล์ คู่สามีภรรยาที่ดูยังหนุ่มสาวมาปรากฏตัวฝ่ายหญิงงดงามสง่า ฝ่ายชายมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเบื้องหลังพวกเขายังมีเหล่าชายหญิงวัยหนุ่มสาวติดตามมาด้วย แต่ละคน
เย่ซิวคว้าคอของพรีเอลล์ไว้แน่น ก่อนจะปลดปล่อยวิชามารโลหิตออกมาอย่างไม่ลังเลสีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ตอนนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเธอจะขัดขืนแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์พลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเลือดของเธอถูกเย่ซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่องหลังจากดิ้นรนไปได้สักพัก ร่างกายของพรีเอลล์ก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ขณะที่จ้องมองไปที่เย่ซิวผิวพรรณของเธอซีดหมองราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในพริบตาเมื่อดูดกลืนพลังในเลือดของเธอไปเกือบครึ่ง เย่ซิวจึงยอมปล่อยมือจากพรีเอลล์พรีเอลล์รีบถอยห่างออกจากเย่ซิวในทันที พลางหอบหายใจอย่างหนักเย่ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่อยากเห็นคุณใช้วิธีสกปรกแบบนี้จัดการผมอีก ถ้ามีครั้งหน้า ผมไม่รับประกันว่าคุณจะรอดไปได้”เมื่อครู่ กลิ่นที่พรีเอลล์ปล่อยออกมาจากร่างกายคือยาชนิดซีและดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน มีฤทธิ์รุนแรงมากถ้าหากเป็นช่วงที่เย่ซิวเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มีโอกาสสูงที่เขาจะต้านทานมันไม่ไหวหากเป็นเช่นนั้น
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ