เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันในหูของฉีฉูฉู่ราวกับเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ทำให้เธอสะดุ้งโหยงจนขนทั่วร่างลุกชัน ร่างกายตอบสนองตามสัญชาตญาณโดยอัตโนมัติแต่ในจังหวะนั้นเอง มือทรงพลังข้างหนึ่งก็ยื่นมากดลำคอของเธอไว้พร้อมกันนั้น หัวเข่าของเย่ซิวก็กดตรึงมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น ทำให้ร่างท่อนบนของเธอขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว“แก! นี่! เอง!” ฉีฉูฉู่จ้องมองชายแปลกหน้าตรงหน้าอย่างแน่วแน่ สัญชาตญาณของเธอตะโกนบอกว่าเขานี่แหละคือคนที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอแต่ใบหน้าที่เย่ซิวเผยออกมาในตอนนี้ไม่ใช่โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาเดิมทีเย่ซิวไม่ได้คิดจะอยู่ต่อ หลังจากที่ไม่พบสมาชิกคนอื่นในตระกูลฉีแต่เมื่อคิดดูอีกทีเขาก็เปลี่ยนใจ การปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปง่าย ๆ คงจะเป็นการปรานีเกินไป เธอควรได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดเสียบ้าง“แรงดีใช้ได้เลยนะ” เย่ซิวยิ้มบาง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ถูกปรับเปลี่ยนจนจำไม่ได้ “แต่ฉันชอบเธอในตอนที่หมดสติมากกว่า ราวกับลูกกระต่ายน้อยที่ฉันจัดการได้ตามใจชอบ”คำพูดนั้นเหมือนคมมีดที่แทงลึกลงในหัวใจของฉีฉูฉู่ ความโกรธและความอับอายเอ่อล้นจนแทบจะระเบิดออกมา“แกเป็นใครกันแน่?!” ฉีฉูฉู่
แต่ต่อให้เย่ซิวจะรู้เรื่องนี้ก็คงไม่สำคัญอะไรเพราะต่อให้เขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกับฉีฉูฉู่สักห้าหรือหกสิบคนพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาเมื่อเขากลับไปแล้ว หลังจากนั้นอีกห้าวันเย่ซิวก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยกลางวันเขาแอบบำเพ็ญตนเงียบ ๆ ส่วนกลางคืนเขาก็ลากเฉินหลานมาบำเพ็ญด้วยกัน ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง เขาก็ได้รับข้อความจากเวินหว่านเอ๋อร์คืนนี้เวลาสองทุ่ม สมาชิกระดับแกนกลางของหกตระกูลใหญ่จะพบปะกับทูตจากประเทศปิงจือเพื่อจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ ความร่วมมือระหว่างพวกเขาได้บรรลุผลแล้วงานเลี้ยงระดับนี้หัวหน้าตระกูลทั้งหกจะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน ถือเป็นโอกาสที่ดีในการจัดการพวกเขาทั้งหมดให้สิ้นซากเวินหว่านเอ๋อร์แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของเธอเธอสามารถสร้างเครือข่ายข่าวกรองของตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น และยังสามารถระบุตำแหน่งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำหลังจากที่ได้รับข้อความแล้ว เย่ซิวจึงรีบเรียกหวังซวงและเฉินหลานมารวมตัวทันทีเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายแม้ทั้งสองสาวจะไม่รู้ว่าเย่ซิวต้องการจะทำอะไร แต่ก็ปฏิบัติต
วันนี้ฉีฉูฉู่งดงามจนสะกดทุกสายตาเธอสวมชุดราตรีสีทองที่ช่วยขับรูปร่างสูงเพรียวและเซ็กซี่ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบตัวชุดรัดรูปเผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบไร้ไขมันส่วนเกินได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถัน บริเวณลำคอประดับด้วยสร้อยอัญมณีสีน้ำเงินมูลค่านับร้อยล้าน เพิ่มความสง่างามและหรูหราให้กับตัวเธอมากขึ้นสายตาของทุกคนในงานต่างจับจ้องที่ใบหน้าของเธอเป็นอันดับแรก ก่อนจะเลื่อนลงไปยังส่วนล่างของร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สะโพกของเธอเป็นทรงลูกแพร์ แต่มีส่วนโค้งเว้าที่งดงาม ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเทอะทะเลยแม้แต่น้อยเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉีฉูฉู่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระหว่างการหลับใหล ร่างกายและจิตใจของเธอเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลจากภายในสู่ภายนอกการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นดั่งการก้าวกระโดดของระดับชีวิตมันทำให้ฉีฉูฉู่เปลี่ยนจากลูกแก้วที่เปล่งประกาย กลายเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าที่เจิดจ้า ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ใดก็เปี่ยมไปด้วยแสงอันน่าหลงใหลผู้ชายทุกคนในงานเมื่อได้เห็นเธอต่างก็เกิดปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณแรกของผู้ชายที่ได้เห็นหญิงงามแม้แต่ฉีตังกั๋วยังไม่อาจซ่อนความ
สำหรับจอมยุทธ์ระดับเก้าเช่นพวกเธอ ร่างกายจะยังคงความเยาว์วัยราวกับหยุดเวลาดูอ่อนเยาว์กว่าเด็กสาววัยสิบแปดปีเสียอีก ทั้งยังสดใส เปล่งปลั่ง และ…แม้ในแง่รูปลักษณ์ภายนอก ฝาแฝดคู่นี้อาจด้อยกว่าฉีฉูฉู่เล็กน้อย แต่ในด้านเสน่ห์และความลุ่มลึก ทั้งคู่กลับมีมากกว่าทันทีที่ฝาแฝดก้าวเข้ามาในงาน บรรดาชายหนุ่มต่างเปรียบเทียบเธอทั้งสองกับฉีฉูฉู่ในใจหากเป็นการเปรียบเทียบตัวต่อตัว ฉีฉูฉู่ย่อมดูโดดเด่นกว่าแต่ถ้าหากเป็นสองต่อหนึ่ง ฝาแฝดคู่นี้ย่อมได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดแต่ท้ายที่สุดแล้วความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีมากนัก แต่ในสถานการณ์สองต่อหนึ่ง คู่แฝดย่อมชนะอย่างไม่ต้องสงสัยสายตาของฉีฉูฉู่และฝาแฝดทั้งสองประสานกันในทันทีราวกับมีกระแสไฟฟ้าบางอย่างปะทะกันกลางอากาศแม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่สัญชาตญาณกลับทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกไม่ชอบหน้ากันโดยอัตโนมัติฉีฉูฉู่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันหากเธอได้พบฝาแฝดคู่นี้เมื่อห้าวันก่อน เธอคงจะเคารพและเกรงกลัวพวกเธอไม่น้อยแต่ในตอนนี้เธอได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่เหนือกว่าพวกเธอแล้ว ยังไงเธอก็มีสิทธิ์ที่จะมองพวกเ
เย่ซิวและพรรคพวกเดินทางมาถึงจุดหมายในเวลาประมาณสองทุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่จัดงานประมาณสามกิโลเมตรเวินหว่านเอ๋อร์และทีมของเธอเดินทางมาถึงก่อนแล้วจำนวนคนในทีมมีทั้งหมดยี่สิบห้าคนรวมเธอ พวกเขาไม่ได้รับหน้าที่ในการต่อสู้ แต่เป็นการปิดล้อมพื้นที่เพื่อไม่ให้ใครหลบหนีออกไปได้เย่ซิวออกคำสั่งให้ทุกคนรวมถึงหวังซวงและเฉินหลานแยกย้ายกันไปล้อมรอบพื้นที่จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังประตูใหญ่เพียงลำพังค่ำคืนนี้จะเป็นค่ำคืนที่หกตระกูลใหญ่ต้องสูญสิ้นจากโลกใบนี้ไปตลอดกาล……ริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่เย้ายวนของฉีฉูฉู่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเปล่งคำพูดที่ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับตกตะลึง “ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายขนาดนี้กับพวกเธอสองคนหรอกค่ะ หนูจะจัดการเย่ซิวเอง ส่วนพวกเธอก็คืนเงินหกแสนล้านบาทมาซะ!”เปรี้ยง!เหมือนเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นในห้องโถงใหญ่ ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำพูดของเธอจนพูดไม่ออกหัวหน้าตระกูลทั้งหกคนใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธและพากันตำหนิฉีฉูฉู่อย่างรุนแรง“เธอเสียสติไปแล้วหรือไงถึงกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา?!”“เธอกินยาผิดสำแดงไปหรือไง?”“รีบขอโทษสองยอดฝีมือเดี๋ยว
ฝาแฝดหนานกงมองฉีฉูฉู่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความดูแคลนในสายตาอีกต่อไปพวกเธอปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พลังเหล่านั้นผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบและสร้างผลลัพธ์ที่เหนือกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเสียอีกหัวหน้าตระกูลอีกห้าคนที่ยืนอยู่ ต่างพากันจับจ้องไปที่ฉีตังกั๋วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามฉีตังกั๋วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่รู้ แต่สองมือกลับกำแน่นโดยไม่รู้ตัวในใจเขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างที่ทำให้หัวใจพลันเต้นแรงด้วยความร้อนรุ่มแต่ไหนแต่ไรมาหลานสาวคนนี้มักทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ไม่เคยทำอะไรโดยปราศจากเหตุผลแต่คืนนี้กลับแตกต่างออกไป จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคนที่กล้าแสดงออกผิดปกติ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอาจไม่ใช่เรื่องปกติตอนแรกเขาโกรธจัดกับพฤติกรรมของหลานสาว แต่เมื่อคิดให้รอบคอบ เขากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจแสดงถึงความมั่นใจอันแน่วแน่ของเธอ“หรือว่าเธอทะลวงถึงจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว?!”เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาดวงตาของเขาก็พลันสว่างวาบด้วยความตื่นเต้น เขาจับจ้องไปยังสนามต่อสู้โดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวเพียงไม่นาน การคาดเดาของเขาก็ได้รับการพิสู
ในห้องควบคุม เจ้าหน้าที่สิบกว่าคนลุกขึ้นยืนพร้อมกันด้วยความตื่นตระหนก “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาถึงล้มลงกันหมด?”“รีบกดสัญญาณเตือน…เอ๊ะ…”ยังไม่ทันพูดจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งทะลุผนังหนาเข้ามาหมุนวนในห้องควบคุมรอบหนึ่ง ก่อนจะบินออกไปร่างของทุกคนในห้องล้มลงอย่างอ่อนแรงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองถูกเย่ซิวจัดการจนหมดสิ้น จากนั้นเขาจึงเก็บกระบี่หงส์โบยบินก่อนจะยกเท้าถีบประตูใหญ่จนเปิดออกแล้วเดินเข้าไปภายในงาน ฉีฉูฉู่ที่กำลังเป็นจุดสนใจของทุกคน กำลังประกาศเจตนารมณ์ของเธอโดยไม่ปิดบัง “ปู่ก็แก่แล้วนะ เรื่องของตระกูลให้หนูเป็นคนจัดการเถอะ!”หัวใจของฉีตังกั๋วกระตุกวูบ คำว่า “ยึดอำนาจ”ลอยขึ้นมาในหัวทันที!แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสะท้าน แต่เขาก็เป็นคนผ่านโลกมามากพอที่จะไม่แสดงอารมณ์ออกมา ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ย “หลานปู่มีความสามารถมากขนาดนี้ เรื่องของตระกูลในอนาคตย่อมให้หนูเป็นคนจัดการอยู่แล้ว แต่…”“ไม่มีแต่!” ฉีฉูฉู่เอ่ยขัดอย่างแข็งกร้าว “หนูจะเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ตั้งแต่ตอนนี้เลย!”ในใจของฉีตังกั๋วโกรธจัด นี่มันเป็นการบีบบังคับต่อหน้าสาธารณชนชัด ๆแต่ไม่นาน ความโกร
“แกคุกเข่าขอร้องเสียตอนนี้อาจจะยังทันอยู่นะ!”“อยากเห็นตอนที่มันคุกเข่าขอชีวิตต่อหน้าพวกเราจัง” ……“นี่คือคนที่เราต้องไปลอบฆ่าเหรอเนี่ย? หล่อดีเหมือนกันนะ”นี่คือความประทับใจแรกที่สองพี่น้องปรมาจารย์มีต่อเย่ซิวเมื่อเห็นเขาครั้งแรกพอไม่ต้องไปลอบฆ่าเขาแล้ว ดังนั้นท่าทางและทัศนคติของพวกเธอก็เปลี่ยนไปส่วนฉีฉูฉู่เมื่อเห็นเย่ซิวแล้ว ความแค้นในตัวเธอก็พุ่งออกมาทันที เธอมองเขาด้วยสายตาอาฆาต “แกกล้ามาที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ ฉันยอมรับในความกล้าของนายนะ แต่คืนนี้คือวันตายของนาย!”เย่ซิวยืนเอามือไขว้หลังพลางมองไปที่ฉีฉูฉู่ด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนโง่ “แค่เอายีนของสัตว์เดรัจฉานผสมเข้าไปก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วเหรอ? เธอนี่มันโง่เง่าจริง ๆ หน้าอกใหญ่แต่สมองเล็กเสียอย่างนั้น”“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!” ฉีฉูฉู่ตกใจไม่น้อย เพราะความลับนี้น่าจะมีคนรู้แค่ไม่กี่คนเท่านั้นเย่ซิวยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ย “ขอร้องฉันสิ เดี๋ยวฉันบอก”แน่นอนว่าฉีฉูฉู่ไม่ยอมขอร้อง แต่กลับหันไปมองสองพี่น้องแทน “พวกเธอสองคนไปจัดการเขาซะ!”แม้ว่าฉีฉูฉู่จะมั่นใจในพลังของตัวเอง แต่เงามืดที่เย่ซิวเคยสร้างไว้ให้เธอนั้นมันลึก
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ
ร่างกายของโซเฟียเย็นเล็กน้อยสัมผัสคล้ายกับการบีบเยลลี่เมื่อเผชิญกับสายตาแข็งกร้าวของเย่ซิว เธอกลับแสดงออกอย่างสงบนิ่ง“คุณเป็นคนของโลกนี้หรือเปล่า”โซเฟียไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแค่มองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเคย์ฟี่ที่เห็นฉากนี้ เกิดความอิจฉาขึ้นมาเป็นครั้งแรกทำไมตัวเธอพยายามสารพัด แต่เย่ซิวกลับไม่ยอมมองเธอแม้แต่แวบเดียวขณะที่โซเฟียเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับได้รับความสนใจจากทุกคน“ไม่พูดสินะ?” เย่ซิวเพิ่มแรงบีบที่ปลายคางของเธอเล็กน้อยผิวของเธอบอบบางเกินไป เพียงบีบเบา ๆ ก็เกิดรอยช้ำขึ้นมาแล้ว“ถ้าไม่พูดก็ถือว่ายอมรับ ผมจะฆ่าคุณ”เย่ซิวไม่ได้ขู่เธอในขณะนั้น ความกระหายสังหารพลันปะทุขึ้นในใจของเขาแต่ทันทีที่ความคิดฆ่าฟันเกิดขึ้น เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวหญิงสาวภายในร่างกายของเธอ มีบางสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่หากเธอเผชิญกับอันตรายจริง ๆ สิ่งนั้นจะถูกกระตุ้นออกมาเองเย่ซิวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือจากเธอ ความตั้งใจจะฆ่าที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไปเขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าเธอทันทีที่เจอหน้าเย่ซิวเดินผ
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวสุดขีด พลังของอ็อคก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแรงกดดันจากร่างกายของเขารุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้สนับสนุนอ็อคหลายคนเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทะลวงขีดจำกัดได้อีกครั้งภายใต้ความโกรธในตอนนี้ พลังที่แผ่ออกมาจากอ็อคเทียบเท่ากับระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความดีใจสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อ็อคเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอยู่เหนือทุกสิ่งอีกครั้งสองข้าวิ่งทะยาน ความเร็วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุกำแพงเสียงในพริบตาร่างของเขาพุ่งเข้าหาเย่ซิวราวกับอุกกาบาตที่ลุกไหม้เต็มไปด้วยพลังแห่งความบ้าคลั่งและไร้เทียมทานแต่แม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เย่ซิวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับจนกระทั่งอ็อคใกล้เข้ามา เขาถึงได้เอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“หยุด!”วาจาศักดิ์สิทธิ์!อ็อคที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็พลันหยุดนิ่ง ถูกพลังบางอย่างตรึงร่างไว้โดยสมบูรณ์ เขาหยุดอยู่ห่างจากเย่ซิวเพียงครึ่งเมตรเท่านั้นในดวงตาของอ็อคเต็มไปด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเย่ซิวยื่นมื
พลังแห่งปฐพี!พลังแห่งปฐพีในรัศมีร้อยลี้ถูกอ็อคควบคุมและรวบรวมเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้หมัดที่ปล่อยออกมาทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดผู้คนรอบข้างพากันยกมือขึ้นปิดหูโดยสัญชาตญาณบางคนที่พลังอ่อนแอกว่าถึงกับเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร ร่างกายสั่นสะท้านจนควบคุมตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!ให้ความรู้สึกราวกับมีระเบิดเอชระเบิดขึ้นข้าง ๆดวงตาของอ็อคเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความกระหายในเลือดเขาเชื่อมั่นว่าหมัดนี้ ต่อให้เย่ซิวแข็งแกร่งแค่ไหนก็คงรับไว้ไม่ได้ และต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอนเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่ซิว หวังจะเห็นความหวาดกลัวแต่เขากลับต้องผิดหวังดวงตาของเย่ซิวลึกดั่งบ่อน้ำเย็นยะเยือกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ว่าโลกภายนอกจะโหมกระหน่ำเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เกิดระลอกคลื่นใด ๆ ได้เย่ซิวขยับแล้วมือขวากำหมัดแน่นเผชิญหน้ากับหมัดที่สามารถทำลายท้องฟ้าของอ็อค เขาใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นตู้ม!สองหมัดปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดินจากนั้นก็เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยแต่อ็อคกลับเริ่มแตกสลายจากหมัดของตัวเอง และรอยแตกนั้นลามขึ้นไปทั
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่