เย่ซิวลงมาจากรถเป็นคนแรกเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์และรูปร่างของตัวเองจนกลายเป็นชายวัยกลางคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งการทำเช่นนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนจากหกตระกูลใหญ่เห็นเขาแล้วเกิดความตื่นตระหนกจนแตกกระเจิงหนีไปคนละทิศละทางเฉินหลานและหวังซวงก็ก้าวลงจากรถตามกันมา ก่อนจะมองไปยังรีสอร์ตที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้นนี่แหละคือความเหลื่อมล้ำในขณะที่หลายคนยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด กลับมีบางคนใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อราวกับอยู่กันคนละโลกเย่ซิวเงยหน้าขึ้นมองไปยังรีสอร์ตในระยะไกล เขาเห็นไอหมอกสีแดงและดำลอยอยู่เหนือรีสอร์ตสายตาของผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนอย่างเขารู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นตัวแทนของความชั่วร้ายและบาปที่ฝังลึก“หยุดอยู่ตรงนั้น! พวกแกเป็นใคร?!”ทั้งสามคนยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็ถูกพบตัวแล้ว บอดี้การ์ดยามคนหนึ่งได้ตะโกนออกมาเป็นภาษาท้องถิ่นแต่ไม่มีใครหยุดเดินทั้งนั้น พวกเขาเดินตรงไปข้างหน้าต่ออย่างไม่แยแสบรรดาบอดี้การ์ดแต่ละคนมองด้วยสายตาเยือกเย็นราวกับหมาป่าดุร้ายที่จับจ้องพวกเขาทั้งสามคนเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในระยะห้าร้อยเมตรจากประตู หนึ่งในบอดี้การ์ดก็ต
หนึ่งในนั้นตะโกนลั่นใส่พวกเย่ซิว “พวกแกเป็นใคร? กินหัวใจหมีตับเสือมาหรือไงถึงกล้ามาก่อเรื่องถึงที่นี่?!”เย่ซิวไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงยกมือขวาขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยดวงตาเยือกเย็นไร้ความรู้สึก “ฉันมองเห็นบาปที่ฝังลึกอยู่ในตัวพวกแก ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของวิญญาณนับไม่ถ้วนพวกแกมันเป็นคนที่เต็มไปด้วยบาปมหันต์ ลงนรกไปสำนึกผิดซะเถอะ!”ทุกคนต่างมองเยี่ยซิวด้วยสายตาเหมือนมองคนบ้าวินาทีต่อมา ความหวาดกลัวที่ไร้จุดสิ้นสุดก็เข้าครอบงำจิตใจของพวกเขาพร้อมกับที่เย่ซิวยกมือขึ้น น้ำแข็งแหลมคมจำนวนมากประมาณหนึ่งร้อยแท่งก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขาแม้สองสาวจะเคยประจักษ์ในพลังอันมหัศจรรย์ของเย่ซิวมาก่อน แต่ก็ยังต้องตะลึงเมื่อได้เห็นภาพนี้อีกครั้งสำหรับจอมยุทธ์ที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในหัวของพวกเขาตอนนี้มีเพียงความคิดเดียว คือหนี หนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ลอยฟุ้งมาจากน้ำแข็งแหลมเหล่านั้นเมื่อเห็นพวกนั้นวิ่งหนีแตกกระเจิงราวกับฝูงนกที่ถูกไล่ เย่ซิวจึงดีดนิ้วเบา ๆน้ำแข็งแหลมคมกว่าร้อยแท่งพุ่งแหวกอากาศออกไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า โจมตีเ
บรรดาหนุ่มสาวที่ถูกเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์จากหกตระกูลใหญ่ต่างมองเย่ซิวและพรรคพวกด้วยสายตาเย้ยหยันพวกเขาคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ดีก่อนหน้านี้ก็เคยมีพวกที่ไม่รู้จักความตายมาหาเรื่องพวกเขาเหมือนกันและจุดจบของพวกนั้นก็ไม่พ้นต้องตายอย่างอนาถทุกครั้งไปและพวกเขาคิดว่าสถานการณ์ในครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกันทว่าไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าศัตรูในครั้งนี้ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นไม่ใช่มดตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ทางสู้ แต่กลับเป็นมังกรผู้ทรงอำนาจที่แผดคำรามเหนือเก้าชั้นฟ้ารอบกายของเย่ซิวเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เขาหันไปสั่งสองสาวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “กำจัดพวกที่สมรู้ร่วมคิดกับความชั่วเหล่านี้ให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”พูดจบ เขาก็ยื่นมือทั้งสองข้างไปแตะบนไหล่ของพวกเธอเขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของสองสาวเพื่อช่วยยกระดับพลังของพวกเธอขึ้นชั่วคราวจนถึงจอมยุทธ์ระดับแปดเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลอยู่ในร่างกาย ทั้งสองคนก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอย่างยิ่งพวกเธอพุ่งทะยานเข้าโจมตีศัตรูอย่างดุดันราวกับเสือดุร้ายสองตัวที่เพิ่งลงจากภูเขาในบรรดายอดฝีมือเหล่านั้น คนที่เก่งที่สุดกลับเป็นเพียง
คนอื่น ๆ ก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ใช่ ๆ ท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย พวกท่านต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”“หนึ่งพันล้านบาทพอไหม? ถ้าไม่พอสองพันล้านหรือสามพันล้านก็ได้!”“หรือว่าพวกท่านต้องการอย่างอื่นก็พูดมาได้ทุกอย่างเลย”……ก่อนหน้านี้พวกเขายโสโอหังเพียงใด ตอนนี้กลับดูน่าสมเพชเพียงนั้นเย่ซิวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ปล่อยตัวคนที่พวกแกจับไว้ทั้งหมด”คนท้องถิ่นเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ เย่ซิวไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาถูกทำร้ายอีกต่อไปแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลี่อีอีกับพรรคพวกกลับมาฮึกเหิมขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นพวกเขาต่างคว้าตัวคนท้องถิ่นที่ถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กไว้แน่น พร้อมทั้งข่มขู่เย่ซิวอย่างดุดัน“ที่แท้ก็เป็นจอมยุทธ์จริง ๆ สินะ!”“ไม่น่าเชื่อว่าในยุคนี้จะยังมีสิ่งที่เรียกว่าจอมยุทธ์อยู่ ช่างเปิดหูเปิดตาเสียจริง!”“ตอนนี้พวกแกรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด!”พวกเขากลับมาใจกล้าอีกครั้ง พร้อมทั้งแสดงความยโสโอหังออกมาสุดขีดเฉินหลานและหวังซวงมองพวกเขาด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนโง่เขลาใกล้ตายแล้วแท้ ๆ แต่ยังโง่ได้ขนาดนี้อีกเหรอ?บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเติบโตมาชีวิต
สุดท้ายก็เหลือเพียงหลี่อีอีที่ยังมีชีวิตอยู่เธอย่อมตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก คนทั้งคนเกือบจะพังทลายลงแล้วความสามารถของเธอไม่ดี แต่เนื่องจากเธอเก่งมากในการทำให้ผู้อาวุโสมีความสุข เธอจึงเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในตระกูลหลี่ และถูกเรียกว่าเจ้าหญิงน้อยตอนนี้เธอนึกถึงโอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดได้ นั่นก็คือร่างกายของตัวเองเธอยกมือไปข้างหลังโดยไม่ลังเล และดึงซิปของชุดราตรีลงจากนั้นเรือนร่างที่ขาวราวหยกซึ่งไร้ที่ติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเย่ซิวเธอรู้สึกอัปยศมาก แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาในขณะนี้ น้ำตาที่ยังไม่แห้งติดอยู่บนใบหน้า และเธอก็ร้องขอความเมตตาจากเย่ซิว“ฉันไม่อยากตาย ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันสามารถมอบเรือนร่างของตัวเองให้กับคุณได้ฉันยังไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนสัมผัสมาก่อน ฉันสะอาดมาก”เย่ซิวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาที่สุดผู้หญิงคนนี้มีทุนอยู่บ้างจริง ๆอาศัยแค่การขายเรือนร่างนี้ แม้ว่าในอนาคตจะล้มละลาย แต่ไปทำงานที่สถานบันเทิง ตราบเท่าที่ขยันสักหน่อย ก็จะสามารถกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยได้น่าเสียดายที่เย่ซิวไม่มีความตั้งใจที่จะไว้ชีวิตเธอกับผู้หญิงที่ใจสกปรกยิ่งกว่าคูน้ำเหม
......ขณะนี้ผู้ถืออำนาจของหกตระกูลใหญ่กำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องใต้ดินลับพวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะเจรจาตัวยาว กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศปิงจือผู้นำตระกูลของหกตระกูลใหญ่มีความทะเยอทะยานมาก ไม่เต็มใจที่จะควบคุมแค่ประเทศเล็ก ๆ และยากจนแบบนี้พวกเขาต้องการผนวกรวมประเทศเล็ก ๆ อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย นี่จึงต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในหมู่ทรัพยากรทั้งหมดอาวุธเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดหลังจากการเจรจาอันดุเดือด ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงราคากันได้มูลค่าของธุรกรรมในครั้งนี้มีค่าประมาณแปดแสนล้านบาทอีกทั้งยังมีอาวุธหนักอีกจำนวนมากพวกเขาเองก็ไม่กลัวที่จะดึงดูดความสนใจหรือความไม่พอใจจากประเทศใหญ่ ๆ ต่อให้ประเทศเล็ก ๆ แบบนี้จะเปิดศึกกัน ประเทศใหญ่ ๆ เหล่านั้นก็จะไม่สนใจมากนักก็เหมือนกับช้างที่เดินไปตามถนน ย่อมไม่สนใจจิ้งหรีดสองตัวที่ห้ำหั่นกันอยู่ข้าง ๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกเราร่วมมือกันอย่างมีความสุข”ฉีตังกั๋วเป็นคนแรกที่ยกแก้วขึ้นทุกคนหัวเราะ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วดื่มให้หมดในรวดเดียวจากนั้นฉีตังกั๋วก็พูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง“ก่อนหน้านี้ที่เราเสนอไปว่าจะขอให้ปรมาจ
“กรี๊ดดด!!!”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากในวิลล่าหลังหนึ่งที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในห้องใดห้องหนึ่ง ฉีฉู่กลิ้งไปมาบนพื้นไม่หยุดใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยสีหน้าดุร้าย เธอฉีกเสื้อผ้าบนร่างอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ผิวหนังของตัวเองเพียงชั่วพริบตาเลือดสด ๆ ก็อาบไปทั้งร่างดูน่ากลัวอย่างยิ่งภายในห้องยังมีผู้หญิงอีกห้าคน ทุกคนล้วนสวมเสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือเข็มฉีดยาขนาดใหญ่อยู่ผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะและอ่านข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ร้องอุทานด้วยความทึ่งอยู่ตลอดเวลา“ข้อมูลที่ส่งจากชิปที่ฝังอยู่ในร่างกายของเธอแสดงให้เห็นว่าความเร็วในการหลอมรวมนั้นเร็วมาก”“ความคืบหน้าดีดไปถึงสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว โอ้สวรรค์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนที่สามารถหลอมยีน 'นาคราช' ได้ขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้”“ตอนนี้ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ฉู่เธอจะกลายเป็นคนแรกของเราที่มีความก้าวหน้าในการหลอมเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไหม?”“ไม่ต้องถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์หรอก ขอแค่ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และให้แน่ใจว่าร่างกายเธอจะไม่พังทลาย นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวแรกแล้ว!”ในระหว่างที่พวกเธอสนทนากัน ฉีฉูฉู่
ในขณะนี้ดวงตาของฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นรูม่านตาแนวตั้งเหมือนกับงู ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นกลัวหลังจากที่เปลี่ยนมาอยู่ในรูปลักษณ์นี้ เลือดของเธอก็เย็นลงเช่นกัน“เกี่ยวกับที่ว่าจะแข็งแกร่งกว่านี้ได้อย่างไร แผนปัจจุบันของเราคือรอและสังเกตไปสักพัก หลังจากที่คุณคุ้นเคยกับพลังอย่างสมบูรณ์แล้ว เราสามารถฉีดยีนครั้งที่สอง เพราะยิ่งระดับการหลอมรวมสูงเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ”ฉีฉูฉู่พยักหน้า“ตอนนี้ลองดูสิว่าคุณสามารถกลับร่างเป็นมนุษย์ได้ไหม”ฉีฉูฉู่หลับตาลงหลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายเธอก็เปลี่ยนไปก่อนอื่นเกล็ดงูบนผิวหนังค่อย ๆ จางหายไปทีละชิ้นจากนั้นหางงูก็หายไป และขาเรียวยาวของเธอก็กลับคืนมาต้นขากลมและปลีน่องตรง ขาวราวหิมะและเนียนใสดุจคริสตัลถ้าพวกคลั่งเรียวขามาเห็นขาคู่นี้ จะต้องคลั่งไคล้อย่างแน่นอนเธอตัวสูงขึ้นด้วย ตอนนี้สูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรแล้วสรีระที่โค้งเว้าทั้งตัว สมบูรณ์และสวยงาม ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่นิดเดียวเธอยังมีเส้นกล้ามหน้าท้องที่น่ามองอีกด้วยโดยเฉพาะในบางจุด เรียกว่าเสร็จสิ้นการพัฒนาครั้งที่สองแล้วสรุปเป็นประโยคเดียวนั่นก
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ
ร่างกายของโซเฟียเย็นเล็กน้อยสัมผัสคล้ายกับการบีบเยลลี่เมื่อเผชิญกับสายตาแข็งกร้าวของเย่ซิว เธอกลับแสดงออกอย่างสงบนิ่ง“คุณเป็นคนของโลกนี้หรือเปล่า”โซเฟียไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแค่มองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเคย์ฟี่ที่เห็นฉากนี้ เกิดความอิจฉาขึ้นมาเป็นครั้งแรกทำไมตัวเธอพยายามสารพัด แต่เย่ซิวกลับไม่ยอมมองเธอแม้แต่แวบเดียวขณะที่โซเฟียเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับได้รับความสนใจจากทุกคน“ไม่พูดสินะ?” เย่ซิวเพิ่มแรงบีบที่ปลายคางของเธอเล็กน้อยผิวของเธอบอบบางเกินไป เพียงบีบเบา ๆ ก็เกิดรอยช้ำขึ้นมาแล้ว“ถ้าไม่พูดก็ถือว่ายอมรับ ผมจะฆ่าคุณ”เย่ซิวไม่ได้ขู่เธอในขณะนั้น ความกระหายสังหารพลันปะทุขึ้นในใจของเขาแต่ทันทีที่ความคิดฆ่าฟันเกิดขึ้น เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวหญิงสาวภายในร่างกายของเธอ มีบางสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่หากเธอเผชิญกับอันตรายจริง ๆ สิ่งนั้นจะถูกกระตุ้นออกมาเองเย่ซิวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือจากเธอ ความตั้งใจจะฆ่าที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไปเขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าเธอทันทีที่เจอหน้าเย่ซิวเดินผ
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวสุดขีด พลังของอ็อคก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแรงกดดันจากร่างกายของเขารุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้สนับสนุนอ็อคหลายคนเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทะลวงขีดจำกัดได้อีกครั้งภายใต้ความโกรธในตอนนี้ พลังที่แผ่ออกมาจากอ็อคเทียบเท่ากับระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความดีใจสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อ็อคเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอยู่เหนือทุกสิ่งอีกครั้งสองข้าวิ่งทะยาน ความเร็วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุกำแพงเสียงในพริบตาร่างของเขาพุ่งเข้าหาเย่ซิวราวกับอุกกาบาตที่ลุกไหม้เต็มไปด้วยพลังแห่งความบ้าคลั่งและไร้เทียมทานแต่แม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เย่ซิวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับจนกระทั่งอ็อคใกล้เข้ามา เขาถึงได้เอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“หยุด!”วาจาศักดิ์สิทธิ์!อ็อคที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็พลันหยุดนิ่ง ถูกพลังบางอย่างตรึงร่างไว้โดยสมบูรณ์ เขาหยุดอยู่ห่างจากเย่ซิวเพียงครึ่งเมตรเท่านั้นในดวงตาของอ็อคเต็มไปด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเย่ซิวยื่นมื
พลังแห่งปฐพี!พลังแห่งปฐพีในรัศมีร้อยลี้ถูกอ็อคควบคุมและรวบรวมเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้หมัดที่ปล่อยออกมาทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดผู้คนรอบข้างพากันยกมือขึ้นปิดหูโดยสัญชาตญาณบางคนที่พลังอ่อนแอกว่าถึงกับเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร ร่างกายสั่นสะท้านจนควบคุมตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!ให้ความรู้สึกราวกับมีระเบิดเอชระเบิดขึ้นข้าง ๆดวงตาของอ็อคเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความกระหายในเลือดเขาเชื่อมั่นว่าหมัดนี้ ต่อให้เย่ซิวแข็งแกร่งแค่ไหนก็คงรับไว้ไม่ได้ และต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอนเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่ซิว หวังจะเห็นความหวาดกลัวแต่เขากลับต้องผิดหวังดวงตาของเย่ซิวลึกดั่งบ่อน้ำเย็นยะเยือกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ว่าโลกภายนอกจะโหมกระหน่ำเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เกิดระลอกคลื่นใด ๆ ได้เย่ซิวขยับแล้วมือขวากำหมัดแน่นเผชิญหน้ากับหมัดที่สามารถทำลายท้องฟ้าของอ็อค เขาใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นตู้ม!สองหมัดปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดินจากนั้นก็เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยแต่อ็อคกลับเริ่มแตกสลายจากหมัดของตัวเอง และรอยแตกนั้นลามขึ้นไปทั
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่