คนอื่น ๆ ก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ใช่ ๆ ท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย พวกท่านต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”“หนึ่งพันล้านบาทพอไหม? ถ้าไม่พอสองพันล้านหรือสามพันล้านก็ได้!”“หรือว่าพวกท่านต้องการอย่างอื่นก็พูดมาได้ทุกอย่างเลย”……ก่อนหน้านี้พวกเขายโสโอหังเพียงใด ตอนนี้กลับดูน่าสมเพชเพียงนั้นเย่ซิวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ปล่อยตัวคนที่พวกแกจับไว้ทั้งหมด”คนท้องถิ่นเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ เย่ซิวไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาถูกทำร้ายอีกต่อไปแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลี่อีอีกับพรรคพวกกลับมาฮึกเหิมขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นพวกเขาต่างคว้าตัวคนท้องถิ่นที่ถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กไว้แน่น พร้อมทั้งข่มขู่เย่ซิวอย่างดุดัน“ที่แท้ก็เป็นจอมยุทธ์จริง ๆ สินะ!”“ไม่น่าเชื่อว่าในยุคนี้จะยังมีสิ่งที่เรียกว่าจอมยุทธ์อยู่ ช่างเปิดหูเปิดตาเสียจริง!”“ตอนนี้พวกแกรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด!”พวกเขากลับมาใจกล้าอีกครั้ง พร้อมทั้งแสดงความยโสโอหังออกมาสุดขีดเฉินหลานและหวังซวงมองพวกเขาด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนโง่เขลาใกล้ตายแล้วแท้ ๆ แต่ยังโง่ได้ขนาดนี้อีกเหรอ?บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเติบโตมาชีวิต
สุดท้ายก็เหลือเพียงหลี่อีอีที่ยังมีชีวิตอยู่เธอย่อมตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก คนทั้งคนเกือบจะพังทลายลงแล้วความสามารถของเธอไม่ดี แต่เนื่องจากเธอเก่งมากในการทำให้ผู้อาวุโสมีความสุข เธอจึงเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในตระกูลหลี่ และถูกเรียกว่าเจ้าหญิงน้อยตอนนี้เธอนึกถึงโอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดได้ นั่นก็คือร่างกายของตัวเองเธอยกมือไปข้างหลังโดยไม่ลังเล และดึงซิปของชุดราตรีลงจากนั้นเรือนร่างที่ขาวราวหยกซึ่งไร้ที่ติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเย่ซิวเธอรู้สึกอัปยศมาก แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาในขณะนี้ น้ำตาที่ยังไม่แห้งติดอยู่บนใบหน้า และเธอก็ร้องขอความเมตตาจากเย่ซิว“ฉันไม่อยากตาย ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันสามารถมอบเรือนร่างของตัวเองให้กับคุณได้ฉันยังไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนสัมผัสมาก่อน ฉันสะอาดมาก”เย่ซิวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาที่สุดผู้หญิงคนนี้มีทุนอยู่บ้างจริง ๆอาศัยแค่การขายเรือนร่างนี้ แม้ว่าในอนาคตจะล้มละลาย แต่ไปทำงานที่สถานบันเทิง ตราบเท่าที่ขยันสักหน่อย ก็จะสามารถกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยได้น่าเสียดายที่เย่ซิวไม่มีความตั้งใจที่จะไว้ชีวิตเธอกับผู้หญิงที่ใจสกปรกยิ่งกว่าคูน้ำเหม
......ขณะนี้ผู้ถืออำนาจของหกตระกูลใหญ่กำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องใต้ดินลับพวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะเจรจาตัวยาว กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศปิงจือผู้นำตระกูลของหกตระกูลใหญ่มีความทะเยอทะยานมาก ไม่เต็มใจที่จะควบคุมแค่ประเทศเล็ก ๆ และยากจนแบบนี้พวกเขาต้องการผนวกรวมประเทศเล็ก ๆ อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย นี่จึงต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในหมู่ทรัพยากรทั้งหมดอาวุธเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดหลังจากการเจรจาอันดุเดือด ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงราคากันได้มูลค่าของธุรกรรมในครั้งนี้มีค่าประมาณแปดแสนล้านบาทอีกทั้งยังมีอาวุธหนักอีกจำนวนมากพวกเขาเองก็ไม่กลัวที่จะดึงดูดความสนใจหรือความไม่พอใจจากประเทศใหญ่ ๆ ต่อให้ประเทศเล็ก ๆ แบบนี้จะเปิดศึกกัน ประเทศใหญ่ ๆ เหล่านั้นก็จะไม่สนใจมากนักก็เหมือนกับช้างที่เดินไปตามถนน ย่อมไม่สนใจจิ้งหรีดสองตัวที่ห้ำหั่นกันอยู่ข้าง ๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกเราร่วมมือกันอย่างมีความสุข”ฉีตังกั๋วเป็นคนแรกที่ยกแก้วขึ้นทุกคนหัวเราะ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วดื่มให้หมดในรวดเดียวจากนั้นฉีตังกั๋วก็พูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง“ก่อนหน้านี้ที่เราเสนอไปว่าจะขอให้ปรมาจ
“กรี๊ดดด!!!”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากในวิลล่าหลังหนึ่งที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในห้องใดห้องหนึ่ง ฉีฉู่กลิ้งไปมาบนพื้นไม่หยุดใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยสีหน้าดุร้าย เธอฉีกเสื้อผ้าบนร่างอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ผิวหนังของตัวเองเพียงชั่วพริบตาเลือดสด ๆ ก็อาบไปทั้งร่างดูน่ากลัวอย่างยิ่งภายในห้องยังมีผู้หญิงอีกห้าคน ทุกคนล้วนสวมเสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือเข็มฉีดยาขนาดใหญ่อยู่ผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะและอ่านข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ร้องอุทานด้วยความทึ่งอยู่ตลอดเวลา“ข้อมูลที่ส่งจากชิปที่ฝังอยู่ในร่างกายของเธอแสดงให้เห็นว่าความเร็วในการหลอมรวมนั้นเร็วมาก”“ความคืบหน้าดีดไปถึงสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว โอ้สวรรค์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนที่สามารถหลอมยีน 'นาคราช' ได้ขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้”“ตอนนี้ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ฉู่เธอจะกลายเป็นคนแรกของเราที่มีความก้าวหน้าในการหลอมเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไหม?”“ไม่ต้องถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์หรอก ขอแค่ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และให้แน่ใจว่าร่างกายเธอจะไม่พังทลาย นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวแรกแล้ว!”ในระหว่างที่พวกเธอสนทนากัน ฉีฉูฉู่
ในขณะนี้ดวงตาของฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นรูม่านตาแนวตั้งเหมือนกับงู ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นกลัวหลังจากที่เปลี่ยนมาอยู่ในรูปลักษณ์นี้ เลือดของเธอก็เย็นลงเช่นกัน“เกี่ยวกับที่ว่าจะแข็งแกร่งกว่านี้ได้อย่างไร แผนปัจจุบันของเราคือรอและสังเกตไปสักพัก หลังจากที่คุณคุ้นเคยกับพลังอย่างสมบูรณ์แล้ว เราสามารถฉีดยีนครั้งที่สอง เพราะยิ่งระดับการหลอมรวมสูงเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ”ฉีฉูฉู่พยักหน้า“ตอนนี้ลองดูสิว่าคุณสามารถกลับร่างเป็นมนุษย์ได้ไหม”ฉีฉูฉู่หลับตาลงหลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายเธอก็เปลี่ยนไปก่อนอื่นเกล็ดงูบนผิวหนังค่อย ๆ จางหายไปทีละชิ้นจากนั้นหางงูก็หายไป และขาเรียวยาวของเธอก็กลับคืนมาต้นขากลมและปลีน่องตรง ขาวราวหิมะและเนียนใสดุจคริสตัลถ้าพวกคลั่งเรียวขามาเห็นขาคู่นี้ จะต้องคลั่งไคล้อย่างแน่นอนเธอตัวสูงขึ้นด้วย ตอนนี้สูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรแล้วสรีระที่โค้งเว้าทั้งตัว สมบูรณ์และสวยงาม ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่นิดเดียวเธอยังมีเส้นกล้ามหน้าท้องที่น่ามองอีกด้วยโดยเฉพาะในบางจุด เรียกว่าเสร็จสิ้นการพัฒนาครั้งที่สองแล้วสรุปเป็นประโยคเดียวนั่นก
อุณหภูมิสูงที่ปลดปล่อยออกมาจากอำพันสูงถึงห้าถึงหกร้อยองศาแล้วเปลี่ยนเป็นคนอื่น ร่างทั้งร่างคงจะละลายไปแล้วแต่สำหรับเย่ซิวซึ่งถือครองกายาวัชระคงกระพัน กลับไม่รู้สึกอะไรมากนักเขามองดูอำพันอย่างตั้งใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะมีสัญญาณอะไรภายใต้สายตาที่จับจ้องของเขา อำพันก็เริ่มละลายจากนั้นงูขาวน้อยก็มีชีวิตขึ้นมาควรจะพูดว่าเดิมทีมันก็ไม่ได้ตาย อำพันนี้มีไว้เพื่อใช้ผนึกมันเท่านั้นงูขาวน้อยมีความยาวประมาณนิ้วชี้ของผู้ใหญ่ มันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววสับสนเย่ซิวดูออกว่างูขาวน้อยตัวนี้อ่อนแอมากสิ่งแรกที่มันทำหลังจากลืมตาก็คือมองหาอาหาร มันกัดลงบนฝ่ามือของเย่ซิวโดยตรงสิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงก็คือ ร่างกายของเขาซึ่งสามารถทนต่อการยิงของขีปนาวุธ ถึงกับไม่อาจหยุดยั้งฟันของงูขาวน้อยตัวนี้ได้ความเจ็บปวดแล่นส่งมาจากกลางฝ่ามือของเขา งูขาวน้อยก็ดื่มเลือดจำนวนมากลงไปเย่ซิวเหวี่ยงมันออกไปอย่างแรง โยนงูขาวน้อยไปติดกับผนังทว่ากลับไร้ซึ่งซุ่มเสียง ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้นเย่ซิวค่อนข้างจะตกใจทีเดียว แม้ว่าเขาจะไ
เมื่อได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้านนอก แต่ละคนก็คลานออกไป มองดูหม้อใหญ่ใบนั้นอย่างกระตือรือร้นหวังซวงมองเด็ก ๆ เหล่านี้ซึ่งอายุมากที่สุดเพียงยี่สิบปีด้วยความสงสาร น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก เธอพูดด้วยภาษาท้องถิ่นว่า "เอาล่ะ มากินข้าวกันเถอะ"“ได้จริง ๆ เหรอคะ?” เด็กสาวคนหนึ่งถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนนี้ภายใต้การปกครองของหกตระกูลใหญ่ พวกเขาสูญเสียศักดิ์ศรีไปตั้งนานแล้ว จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้จมูกของหวังซวงรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อย "แน่นอนว่าเข้ามาได้กินได้มากเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น"หลังจากที่เธอยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กเหล่านี้ก็หยิบชามบนพื้นและเข้าแถวเพื่อเติมบะหมี่จากนั้นก็กินอย่างตะกละตะกลามสิ่งเหล่านี้ถือเป็นอาหารขยะของคนจำนวนมากในประเทศของเขา แต่ในสายตาของเด็กเหล่านี้ มันเป็นอาหารที่โอชะที่สุดในโลกเย่ซิวยืนอยู่ที่ประตู มองสภาพของพวกเขา ความเกลียดชังที่มีต่อหกตระกูลใหญ่ในใจก็ยิ่งข้นคลั่กมากขึ้นเขาไม่ใช่คนหนุ่มประเภทที่หัวร้อนมุทะลุง่ายอย่างที่ใครเขาว่ากันแต่สิ่งที่หกตระกูลใหญ่ทำไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรทำเลย แทบจะไม่ต่างไปจากเดรัจฉาน
เมื่อเด็ก ๆ ในบ้านได้ยินเสียงดังจากข้างนอก แต่ละคนก็เผยสีหน้าหวาดกลัว ขดตัวและตัวสั่นอยู่บนเตียงนี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าคนเหล่านั้นสร้างบาดแผลไว้ในใจพวกเขามากน้อยแค่ไหนเย่ซิวไม่ได้ออกหน้า จากนั้นก็ใช้วิชาล่องหนหวังซวงเดินออกไปเจรจากับพวกเขา“ทุกท่าน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”หวังซวงสวมเสื้อกันลมไว้เพื่อปกปิดเรือนร่างที่ร้อนแรงของตัวเอง และยังจงใจแต่งหน้าทำให้ดูแก่กว่าวัยเป็นสิบปีด้วย“ข้างในบ้านเป็นใครมาจากไหน?” ชายผมสั้นเงยหน้าขึ้นมองหวังซวงขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่รู้ทำไม ในใจถึงรู้สึกร้อนวูบวาบแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะเปลี่ยนไป แต่เสน่ห์บนตัวนั้นยากที่จะปิดซ่อนไว้มิดแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูแก่ไปสักหน่อย แต่ก็ให้อารมณ์อย่างหนึ่งที่พิเศษมากมีอีกหลายคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันหวังซวงยิ้มและพูดว่า "ข้างในล้วนเป็นคนงานที่ฉันรับสมัครมาเพื่อให้ทำงาน ถ้าไม่เชื่อคุณสามารถเข้าไปดูได้"พวกเขาเองก็ไม่เกรงใจ เดินเข้าไปตรวจดูทีละห้องเฉินหลานซ่อนตัวอยู่บนหลังคาบ้าน คนเหล่านี้จึงหาเธอไม่พบหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว คนเหล่านั้นก็มารวมตัวกันแม้ว่าหวังซวงจะมีความสามารถในการฆ่าพวกเขาได้ใน
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ