คนอื่น ๆ ก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ใช่ ๆ ท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย พวกท่านต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”“หนึ่งพันล้านบาทพอไหม? ถ้าไม่พอสองพันล้านหรือสามพันล้านก็ได้!”“หรือว่าพวกท่านต้องการอย่างอื่นก็พูดมาได้ทุกอย่างเลย”……ก่อนหน้านี้พวกเขายโสโอหังเพียงใด ตอนนี้กลับดูน่าสมเพชเพียงนั้นเย่ซิวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ปล่อยตัวคนที่พวกแกจับไว้ทั้งหมด”คนท้องถิ่นเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ เย่ซิวไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาถูกทำร้ายอีกต่อไปแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลี่อีอีกับพรรคพวกกลับมาฮึกเหิมขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นพวกเขาต่างคว้าตัวคนท้องถิ่นที่ถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กไว้แน่น พร้อมทั้งข่มขู่เย่ซิวอย่างดุดัน“ที่แท้ก็เป็นจอมยุทธ์จริง ๆ สินะ!”“ไม่น่าเชื่อว่าในยุคนี้จะยังมีสิ่งที่เรียกว่าจอมยุทธ์อยู่ ช่างเปิดหูเปิดตาเสียจริง!”“ตอนนี้พวกแกรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด!”พวกเขากลับมาใจกล้าอีกครั้ง พร้อมทั้งแสดงความยโสโอหังออกมาสุดขีดเฉินหลานและหวังซวงมองพวกเขาด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนโง่เขลาใกล้ตายแล้วแท้ ๆ แต่ยังโง่ได้ขนาดนี้อีกเหรอ?บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเติบโตมาชีวิต
สุดท้ายก็เหลือเพียงหลี่อีอีที่ยังมีชีวิตอยู่เธอย่อมตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก คนทั้งคนเกือบจะพังทลายลงแล้วความสามารถของเธอไม่ดี แต่เนื่องจากเธอเก่งมากในการทำให้ผู้อาวุโสมีความสุข เธอจึงเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในตระกูลหลี่ และถูกเรียกว่าเจ้าหญิงน้อยตอนนี้เธอนึกถึงโอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดได้ นั่นก็คือร่างกายของตัวเองเธอยกมือไปข้างหลังโดยไม่ลังเล และดึงซิปของชุดราตรีลงจากนั้นเรือนร่างที่ขาวราวหยกซึ่งไร้ที่ติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเย่ซิวเธอรู้สึกอัปยศมาก แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาในขณะนี้ น้ำตาที่ยังไม่แห้งติดอยู่บนใบหน้า และเธอก็ร้องขอความเมตตาจากเย่ซิว“ฉันไม่อยากตาย ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันสามารถมอบเรือนร่างของตัวเองให้กับคุณได้ฉันยังไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนสัมผัสมาก่อน ฉันสะอาดมาก”เย่ซิวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาที่สุดผู้หญิงคนนี้มีทุนอยู่บ้างจริง ๆอาศัยแค่การขายเรือนร่างนี้ แม้ว่าในอนาคตจะล้มละลาย แต่ไปทำงานที่สถานบันเทิง ตราบเท่าที่ขยันสักหน่อย ก็จะสามารถกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยได้น่าเสียดายที่เย่ซิวไม่มีความตั้งใจที่จะไว้ชีวิตเธอกับผู้หญิงที่ใจสกปรกยิ่งกว่าคูน้ำเหม
......ขณะนี้ผู้ถืออำนาจของหกตระกูลใหญ่กำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องใต้ดินลับพวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะเจรจาตัวยาว กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศปิงจือผู้นำตระกูลของหกตระกูลใหญ่มีความทะเยอทะยานมาก ไม่เต็มใจที่จะควบคุมแค่ประเทศเล็ก ๆ และยากจนแบบนี้พวกเขาต้องการผนวกรวมประเทศเล็ก ๆ อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย นี่จึงต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในหมู่ทรัพยากรทั้งหมดอาวุธเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดหลังจากการเจรจาอันดุเดือด ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงราคากันได้มูลค่าของธุรกรรมในครั้งนี้มีค่าประมาณแปดแสนล้านบาทอีกทั้งยังมีอาวุธหนักอีกจำนวนมากพวกเขาเองก็ไม่กลัวที่จะดึงดูดความสนใจหรือความไม่พอใจจากประเทศใหญ่ ๆ ต่อให้ประเทศเล็ก ๆ แบบนี้จะเปิดศึกกัน ประเทศใหญ่ ๆ เหล่านั้นก็จะไม่สนใจมากนักก็เหมือนกับช้างที่เดินไปตามถนน ย่อมไม่สนใจจิ้งหรีดสองตัวที่ห้ำหั่นกันอยู่ข้าง ๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกเราร่วมมือกันอย่างมีความสุข”ฉีตังกั๋วเป็นคนแรกที่ยกแก้วขึ้นทุกคนหัวเราะ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วดื่มให้หมดในรวดเดียวจากนั้นฉีตังกั๋วก็พูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง“ก่อนหน้านี้ที่เราเสนอไปว่าจะขอให้ปรมาจ
“กรี๊ดดด!!!”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากในวิลล่าหลังหนึ่งที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในห้องใดห้องหนึ่ง ฉีฉู่กลิ้งไปมาบนพื้นไม่หยุดใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยสีหน้าดุร้าย เธอฉีกเสื้อผ้าบนร่างอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ผิวหนังของตัวเองเพียงชั่วพริบตาเลือดสด ๆ ก็อาบไปทั้งร่างดูน่ากลัวอย่างยิ่งภายในห้องยังมีผู้หญิงอีกห้าคน ทุกคนล้วนสวมเสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือเข็มฉีดยาขนาดใหญ่อยู่ผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะและอ่านข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ร้องอุทานด้วยความทึ่งอยู่ตลอดเวลา“ข้อมูลที่ส่งจากชิปที่ฝังอยู่ในร่างกายของเธอแสดงให้เห็นว่าความเร็วในการหลอมรวมนั้นเร็วมาก”“ความคืบหน้าดีดไปถึงสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว โอ้สวรรค์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนที่สามารถหลอมยีน 'นาคราช' ได้ขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้”“ตอนนี้ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ฉู่เธอจะกลายเป็นคนแรกของเราที่มีความก้าวหน้าในการหลอมเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไหม?”“ไม่ต้องถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์หรอก ขอแค่ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และให้แน่ใจว่าร่างกายเธอจะไม่พังทลาย นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวแรกแล้ว!”ในระหว่างที่พวกเธอสนทนากัน ฉีฉูฉู่
ในขณะนี้ดวงตาของฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นรูม่านตาแนวตั้งเหมือนกับงู ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นกลัวหลังจากที่เปลี่ยนมาอยู่ในรูปลักษณ์นี้ เลือดของเธอก็เย็นลงเช่นกัน“เกี่ยวกับที่ว่าจะแข็งแกร่งกว่านี้ได้อย่างไร แผนปัจจุบันของเราคือรอและสังเกตไปสักพัก หลังจากที่คุณคุ้นเคยกับพลังอย่างสมบูรณ์แล้ว เราสามารถฉีดยีนครั้งที่สอง เพราะยิ่งระดับการหลอมรวมสูงเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ”ฉีฉูฉู่พยักหน้า“ตอนนี้ลองดูสิว่าคุณสามารถกลับร่างเป็นมนุษย์ได้ไหม”ฉีฉูฉู่หลับตาลงหลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายเธอก็เปลี่ยนไปก่อนอื่นเกล็ดงูบนผิวหนังค่อย ๆ จางหายไปทีละชิ้นจากนั้นหางงูก็หายไป และขาเรียวยาวของเธอก็กลับคืนมาต้นขากลมและปลีน่องตรง ขาวราวหิมะและเนียนใสดุจคริสตัลถ้าพวกคลั่งเรียวขามาเห็นขาคู่นี้ จะต้องคลั่งไคล้อย่างแน่นอนเธอตัวสูงขึ้นด้วย ตอนนี้สูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรแล้วสรีระที่โค้งเว้าทั้งตัว สมบูรณ์และสวยงาม ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่นิดเดียวเธอยังมีเส้นกล้ามหน้าท้องที่น่ามองอีกด้วยโดยเฉพาะในบางจุด เรียกว่าเสร็จสิ้นการพัฒนาครั้งที่สองแล้วสรุปเป็นประโยคเดียวนั่นก
อุณหภูมิสูงที่ปลดปล่อยออกมาจากอำพันสูงถึงห้าถึงหกร้อยองศาแล้วเปลี่ยนเป็นคนอื่น ร่างทั้งร่างคงจะละลายไปแล้วแต่สำหรับเย่ซิวซึ่งถือครองกายาวัชระคงกระพัน กลับไม่รู้สึกอะไรมากนักเขามองดูอำพันอย่างตั้งใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะมีสัญญาณอะไรภายใต้สายตาที่จับจ้องของเขา อำพันก็เริ่มละลายจากนั้นงูขาวน้อยก็มีชีวิตขึ้นมาควรจะพูดว่าเดิมทีมันก็ไม่ได้ตาย อำพันนี้มีไว้เพื่อใช้ผนึกมันเท่านั้นงูขาวน้อยมีความยาวประมาณนิ้วชี้ของผู้ใหญ่ มันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววสับสนเย่ซิวดูออกว่างูขาวน้อยตัวนี้อ่อนแอมากสิ่งแรกที่มันทำหลังจากลืมตาก็คือมองหาอาหาร มันกัดลงบนฝ่ามือของเย่ซิวโดยตรงสิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงก็คือ ร่างกายของเขาซึ่งสามารถทนต่อการยิงของขีปนาวุธ ถึงกับไม่อาจหยุดยั้งฟันของงูขาวน้อยตัวนี้ได้ความเจ็บปวดแล่นส่งมาจากกลางฝ่ามือของเขา งูขาวน้อยก็ดื่มเลือดจำนวนมากลงไปเย่ซิวเหวี่ยงมันออกไปอย่างแรง โยนงูขาวน้อยไปติดกับผนังทว่ากลับไร้ซึ่งซุ่มเสียง ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้นเย่ซิวค่อนข้างจะตกใจทีเดียว แม้ว่าเขาจะไ
เมื่อได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้านนอก แต่ละคนก็คลานออกไป มองดูหม้อใหญ่ใบนั้นอย่างกระตือรือร้นหวังซวงมองเด็ก ๆ เหล่านี้ซึ่งอายุมากที่สุดเพียงยี่สิบปีด้วยความสงสาร น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก เธอพูดด้วยภาษาท้องถิ่นว่า "เอาล่ะ มากินข้าวกันเถอะ"“ได้จริง ๆ เหรอคะ?” เด็กสาวคนหนึ่งถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนนี้ภายใต้การปกครองของหกตระกูลใหญ่ พวกเขาสูญเสียศักดิ์ศรีไปตั้งนานแล้ว จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้จมูกของหวังซวงรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อย "แน่นอนว่าเข้ามาได้กินได้มากเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น"หลังจากที่เธอยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กเหล่านี้ก็หยิบชามบนพื้นและเข้าแถวเพื่อเติมบะหมี่จากนั้นก็กินอย่างตะกละตะกลามสิ่งเหล่านี้ถือเป็นอาหารขยะของคนจำนวนมากในประเทศของเขา แต่ในสายตาของเด็กเหล่านี้ มันเป็นอาหารที่โอชะที่สุดในโลกเย่ซิวยืนอยู่ที่ประตู มองสภาพของพวกเขา ความเกลียดชังที่มีต่อหกตระกูลใหญ่ในใจก็ยิ่งข้นคลั่กมากขึ้นเขาไม่ใช่คนหนุ่มประเภทที่หัวร้อนมุทะลุง่ายอย่างที่ใครเขาว่ากันแต่สิ่งที่หกตระกูลใหญ่ทำไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรทำเลย แทบจะไม่ต่างไปจากเดรัจฉาน
เมื่อเด็ก ๆ ในบ้านได้ยินเสียงดังจากข้างนอก แต่ละคนก็เผยสีหน้าหวาดกลัว ขดตัวและตัวสั่นอยู่บนเตียงนี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าคนเหล่านั้นสร้างบาดแผลไว้ในใจพวกเขามากน้อยแค่ไหนเย่ซิวไม่ได้ออกหน้า จากนั้นก็ใช้วิชาล่องหนหวังซวงเดินออกไปเจรจากับพวกเขา“ทุกท่าน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”หวังซวงสวมเสื้อกันลมไว้เพื่อปกปิดเรือนร่างที่ร้อนแรงของตัวเอง และยังจงใจแต่งหน้าทำให้ดูแก่กว่าวัยเป็นสิบปีด้วย“ข้างในบ้านเป็นใครมาจากไหน?” ชายผมสั้นเงยหน้าขึ้นมองหวังซวงขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่รู้ทำไม ในใจถึงรู้สึกร้อนวูบวาบแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะเปลี่ยนไป แต่เสน่ห์บนตัวนั้นยากที่จะปิดซ่อนไว้มิดแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูแก่ไปสักหน่อย แต่ก็ให้อารมณ์อย่างหนึ่งที่พิเศษมากมีอีกหลายคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันหวังซวงยิ้มและพูดว่า "ข้างในล้วนเป็นคนงานที่ฉันรับสมัครมาเพื่อให้ทำงาน ถ้าไม่เชื่อคุณสามารถเข้าไปดูได้"พวกเขาเองก็ไม่เกรงใจ เดินเข้าไปตรวจดูทีละห้องเฉินหลานซ่อนตัวอยู่บนหลังคาบ้าน คนเหล่านี้จึงหาเธอไม่พบหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว คนเหล่านั้นก็มารวมตัวกันแม้ว่าหวังซวงจะมีความสามารถในการฆ่าพวกเขาได้ใน
หญิงสาวเกิดความกังวลใจขึ้นมาทันที “นายคิดจะไปทำธุระส่วนตัวงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นสหายร่วมรบกัน นายต้องพาฉันไปด้วยสิ!”“ผมจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย คุณก็ค่อย ๆ รักษาแผลตัวเองไปแล้วกันนะ ลาก่อน”พูดจบ เย่ซิวก็พังหน้าต่างออกไปพรีเอลล์วิ่งตามไปที่หน้าต่างแต่ก็มองไม่เห็นเงาของเย่ซิวแล้วสีหน้าของเธอขรึมลง จิตสังหารในตัวเธอทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงหลายสิบองศา “คอยดูเถอะไอ้สารเลว ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉันจะทำให้แกคายทุกสิ่งที่เคยกินไปออกมา!”เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงบ้านของอลิส เธอก็ตื่นแล้วหลังจากที่อลิสตื่นขึ้นมาและพบว่าเย่ซิวหายไป เธอก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรู้สึกจิตตกทันทีเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ตึง! ตนเองก็รู้สึกแปลก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเย่ซิวแท้ ๆแต่เมื่อเห็นเย่ซิวกลับมา เธอก็รีบวิ่งไปหาเขาทันที “นายไปไหนมา? ฉันนึกว่านายจะไปโดยไม่บอกลากันซะแล้ว”เย่ซิวยิ้มและกล่าวว่า “ผมไปทานข้าวมาน่ะ”อลิสไม่สงสัยแม้แต่น้อยพลางทำท่าทางกระอักระอ่วน “เป็นเพราะฉันดูแลไม่ดีเอง นายมีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ไหม หรือพวกเราควรไปซื้อตอนนี้เลยดี?”เย่ซ
พรีเอลล์เบิกตากว้าง “ฉันลืมอะไรไปเหรอ? อ้อ หรือว่านายอยากให้ฉันนอนกับนายอีกครั้ง? อย่างนั้นก็ได้ มาสิ”พูดจบเธอก็แสดงท่าทียินยอมพร้อมใจเย่ซิวยิ้มหยัน “ยังจะมาแกล้งโง่ต่อหน้าผมอีกเหรอ? เอาสร้อยคอที่คุณเก็บไว้ออกมาให้ผมตรวจดูมูลค่าของมันเถอะ”สีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ฝืนยิ้มออกมา “อันนั้น...ฉันคิดว่าการวิเคราะห์ของนายในตอนนี้คงจะสมเหตุสมผล เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน”เย่ซิวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองดูเธออย่างเงียบ ๆ และบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆเหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผากของพรีเอลล์เธอลอบกลืนน้ำลาย ยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ เสียงกลืนน้ำลายนั้นจึงฟังดูแสบแก้วหูเป็นพิเศษ“ก็ได้”ในที่สุด พรีเอลล์ก็ยอมแพ้และวางของลงตรงหน้าอย่างว่าง่ายเย่ซิวหยิบจี้ขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวังลองใช้พลังจิตแล้ว แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยจากนั้นเขาได้ส่งผ่านพลังวิญญาณเข้าไป และจี้นั้นก็ปล่อยแสงอันเจิดจ้าออกมาเย่ซิวรู้สึกแสบร้อนที่ฝ่ามือ ราวกับกำลังถือดวงอาทิตย์ขนาดเล็กอยู่ก็ไม่ปานจินตานห้าสีสั่นสะเทือนขึ้นมา เย่ซิวระดมพลังธาตุไฟและส่งผ่านมันเข้าไปตัว
รอจนเย่ซิวได้ลิ้มรสความหวานและติดใจกับพลังที่เพิ่มขึ้นแล้วค่อยบอกวิชาลับอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วให้เย่ซิวถึงเวลานั้น จอมมารโลหิตก็จะสามารถใช้วิธีนี้ควบคุมเย่ซิวไว้ได้อย่างมั่นคงทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนจะใช้เวลานาน แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นภายในหนึ่งหรือสองวินาทีเท่านั้นพวกอันธพาลที่เห็นเย่ซิวนิ่งเฉยก็โกรธจัด ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าใส่เขาในมือแต่ละคนมีท่อเหล็กพร้อมแววตาที่ฉายแววอำมหิตเย่ซิวได้สติกลับมา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นช้า ๆ และใช้วิชาคัมภีร์มารโลหิตทันที!ตูม! ตูม! ตูม!เกิดแรงดูดมหาศาลจากฝ่ามือของเย่ซิว เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของชายหนุ่มสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าสยดสยองเลือดสด ๆ ไหลทะลักเข้าสู่ฝ่ามือของเย่ซิวหลังจากผ่านกระบวนการของวิชาคัมภีร์มารโลหิต มันก็แปลงสภาพกลายเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์เย่ซิวเข้าใจแล้วว่าทำไมคนในยุคโบราณจำนวนมากถึงเลือกเดินบนเส้นทางมาร เพราะมันทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี่เองเพียงแค่ไม่กี่วินาที พลังวิญญาณที่เขาได้รับมาก็เทียบเท่ากับการบำเพ็ญอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือนหากเขาฆ่าคนในเมืองนี้ทั้งหมด…บางท
“ทำไมถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้? เมื่อกี้ฉันเกือบจะโดนจับได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ…บ้าจริง”พรีเอลล์ที่อ่อนแรงในอ้อมแขนของเย่ซิวยกสองนิ้วขึ้นมาบิดที่เอวของเขาอย่างแรงถึงแม้เธอจะบาดเจ็บสาหัส แต่แรงบิดของเธอก็ยังเจ็บเอาเรื่องไม่น้อยเย่ซิวยิ้มบาง ๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะอะไร? หรือไปเจอคนใจบุญช่วยไว้ล่ะ”พรีเอลล์เบือนหน้าไปอีกทาง เธอไม่มีทางยอมบอกหรอกว่า ก่อนหน้านี้เธอเกือบถูกจับได้ แต่ในจังหวะคับขันกลับถูกเลสเบี้ยนคนหนึ่งลากเข้าห้องน้ำไปและโดนผู้หญิงคนนั้นลวนลามไปไม่น้อยเลยถ้าพูดออกไปคงถูกเย่ซิวล้อไม่หยุดแน่“ช่างมัน รีบไปกันเถอะ”เย่ซิวพยุงตัวพรีเอลล์ขึ้นและพาเธอเดินออกจากบาร์ต่อไปยังมีเรื่องที่ต้องจัดการคือการแบ่งสมบัติจากการต่อสู้ครั้งนี้อีกในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพรีเอลล์หนีจากหน่วยรบเขี้ยวพิษจำนวนมากได้อย่างไรทั้งที่เธอบาดเจ็บจากระเบิดและพลังที่เหลืออยู่ก็ลดลงเกือบครึ่ง การหนีรอดออกมาน่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งไปกว่านั้น จากสภาพของเธอดูเหมือนจะไม่มีใครจับได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ ทำให้เย่ซิวยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกทั้งสองเดินออกจากบาร์ก่อนจะพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา
ชายคนหนึ่งในกลุ่มมองสลับไปมาระหว่างเย่ซิวกับอลิสด้วยความสงสัย “คุณผู้หญิง แฟนของคุณไม่ใช่เอ็ดเหรอ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เขานี่”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเริ่มเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นในทันทีอลิสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูไม่ออกเหรอ ฉันนอกใจไงล่ะ”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนถึงกับอึ้งไปในทันทีนี่พูดเรื่องนอกใจได้เต็มปากขนาดนี้เลยเหรอ?อลิสยืดอกด้วยท่าทางทรงอำนาจ “ฉันขอเตือนไว้ก่อน จะค้นก็เชิญค้นไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่อีกอย่าง ฉันจะบอกให้นะว่าพ่อของฉันเป็นประธานแห่งซีเรียสกรุ๊ป”ซีเรียสกรุ๊ปเป็นหนึ่งในห้าสิบบริษัทใหญ่ของประเทศจ้านอิงตี้ มีอำนาจมหาศาลและยังมียอดฝีมือ ผู้มีพลังวิเศษ และทหารดัดแปลงอยู่ในมืออีกมากมายผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นจริงจังและเคารพอลิสมากขึ้นซีเรียสกรุ๊ปเป็นองค์กรที่พวกเขาไม่มีวันกล้าหาเรื่องแน่ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงไม่กล้าสร้างปัญหาให้เย่ซิวอีกและเริ่มตรวจค้นบ้านต่อไปห้องนอนของเธอถูกตรวจสอบโดยผู้มีพลังพิเศษหญิงคนหนึ่ง โดยพวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อลิสโกรธไม่
อลิสเข้าใจความหมายในสายตาของเย่ซิวทันที จึงเปลี่ยนคำพูดของตัวเองไปว่า “โอเค เดี๋ยวฉันไป แล้วฉันพาคนไปด้วยได้ไหม?”เมื่อได้รับคำตอบจากปลายสาย อลิสก็ตัดสายโทรศัพท์ทันทีเธอโยนโทรศัพท์ลงแล้วใช้สองมือโอบคอเย่ซิว “นายสนใจสมาคมผู้มีพลังวิเศษงั้นเหรอ?”แฟนเก่าเธอเองก็เป็นผู้มีพลังวิเศษ แต่อยู่ในระดับต่ำสุดคือระดับหนึ่ง เขาเข้าร่วมองค์กรผู้มีพลังวิเศษกึ่งทางการกึ่งเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อครู่นี้เขาโทรมาหาเธอบอกว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นจะมีการจัดงานเลี้ยงและชวนเธอไปร่วมงานด้วยไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง หรือบุคลิกของอลิสล้วนไม่แพ้บรรดาดาราหญิงที่กำลังโด่งดัง แถมครอบครัวเธอยังร่ำรวยอีกด้วยเย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อยองค์กรแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อยถ้าเขาสามารถจับปลาตัวใหญ่มาสักสองสามตัวได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น“ฉันช่วยนายหาที่นั่งในงานได้ นายจะขอบคุณฉันยังไงดี?” อลิสเอ่ยด้วยสายตาเร่าร้อนพลางจ้องมองเย่ซิว “มาเป็นแฟนของฉันดีไหม? ฉันจะยกทุกอย่างให้นายเลย ทั้งตัวฉันและทรัพย์สินของฉัน”บางคนก็เป็นแบบนี้ แค่ได้พบกันเพียงไม่นานก็ทำให้รู้สึกว่าเขาคือคนที่คู่ควรจะฝากชีวิตไว้ด้วยเย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไ
หัวใจของอลิสเต้นเร็วขึ้น พร้อมกับความรู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้นในเมื่อนายสามารถทรยศฉันได้ แล้วทำไมฉันถึงจะทรยศนายบ้างไม่ได้ล่ะ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของอลิสก็เผยความบ้าคลั่งออกมาเล็กน้อยเธอก็อยากจะปลดปล่อยตัวเองให้เต็มที่สักครั้งเหมือนกัน“อย่าไปเลยนะ คืนนี้อยู่กับฉันก่อน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”เย่ซิวตั้งใจจะผลักเธอออก แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกในทันทีเดิมทีเขาตั้งใจจะออกไปแล้ว แต่จู่ ๆ พลังจิตของเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ใช้พลังพิเศษจำนวนมากอยู่ข้างนอก และพวกนั้นก็กำลังตรวจค้นรอบบ้านในบริเวณกว้างนอกจากนี้ บนท้องฟ้ายังมีโดรนจำนวนมากบินวนไม่หยุดและพวกนี้ไม่ใช่โดรนธรรมดาสำหรับถ่ายภาพวิวที่ขายตามท้องตลาด แต่เป็นโดรนทางการทหารที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนับคร่าว ๆ ก็มีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นลำบินวนอยู่เหนือเมืองทั้งเมืองในสถานการณ์เช่นนี้ หากเย่ซิวถูกพบตัว แม้ว่าเขาจะหนีรอดได้ หรือถ้าหากเขาเอาจริงก็สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายก็คงมหาศาลตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะปะทะกับพวกนั้นโดยตรงทางที่ดีที่สุดคือค่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่
อันที่จริงเย่ซิวก็ไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาดำดินมากนักตอนที่ฝ่าวงล้อมเขาก็ไม่ได้ปล่อยพลังจิตออกมามากเกินไปเหตุผลข้อแรกคือ เมื่ออยู่ใต้ดิน การปล่อยพลังจิตออกไปข้างนอกจะสูญเสียพลังมากกว่าตอนอยู่บนพื้นดินหลายเท่าข้อที่สองคือเขากังวลว่าหากประเทศจ้านอิงตี้ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับพลังจิตได้ ตัวเขาเองก็จะถูกเปิดโปงได้ง่ายด้วยเหตุนี้เขาจึงมุ่งหน้าไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาหลายนาทีโดยไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายใด ๆ ในบริเวณนั้น จากนั้นก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือพอเขาโผล่ขึ้นมาก็เจอเข้ากับสถานที่ที่เต็มไปด้วยไอหมอกเขาดันบังเอิญเข้าไปในห้องน้ำของบ้านใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจท่ามกลางไอน้ำที่พร่ามัว เขาเห็นเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดร่างกายของตัวเองอยู่เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงโปร่ง สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรรูปร่างงดงามราวกับปีศาจ แต่มาพร้อมใบหน้าสวยงามประดุจเทพธิดาอารมณ์ของอลิสในตอนนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเธอมีแฟนที่คบกันมาหลายปี และทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันแต่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจับได้ว่าแฟนของเธอนอกใจคนที่แฟนของเธอนอกใจด้วยกลับเป็น
อาวุธในมือของพวกนั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นอาวุธเลเซอร์ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดและมีระยะการโจมตีไกลถึงห้ากิโลเมตรเย่ซิวหลบหลีกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอดชื่นชมไม่ได้ว่ากำลังรบของประเทศจ้านอิงตี้นั้นไม่ธรรมดาหากเขาถูกโจมตีโดยอาวุธเลเซอร์เหล่านี้มากเกินไปก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยหน่วยรบเขี้ยวพิษกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ พุ่งตรงมาไล่ล่าเย่ซิวพวกเขาต่างมองออกว่าเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าพรีเอลล์มากเย่ซิวคิดในใจก่อนจะปล่อยจอมมารโลหิตออกมา ทันทีที่ปรากฏตัว จอมมารโลหิตก็ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทันทีเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหมวกที่หน่วยรบเขี้ยวพิษสวมใส่ปล่อยคลื่นสมองพิเศษที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจอมมารโลหิตเขารีบกลับมาหาเย่ซิวด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นมันอะไรน่ะ วิญญาณที่ข้ากลืนไปเมื่อกี้นี้เสียเปล่าหมดเลย”เย่ซิวมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยกลุ่มศัตรูพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นมีวิธีรับมือกับพลังวิญญาณโดยเฉพาะด้วยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเย่ซิวสะบัดมือเหวี่ยงหอกยาวในมือออกไปอย่างแรงหอกนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมด้วยพลังจิตที่เขาแฝงไ