ซุปเปอร์แบตเตอรี่ที่ถังเขอเข่อกำลังพัฒนาและยังไม่ได้เปิดตัวสู่ตลาดแต่เย่ซิวรู้ดีว่าเมื่อมันเปิดตัวเมื่อไร ย่อมต้องพลิกโฉมทั้งวงการอุตสาหกรรมเป็นแน่ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนของเขาไปซื้อกิจการบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่งตั้งแต่เนิ่น ๆแต่เดิมการเจรจาก็เป็นไปได้ด้วยดี ทว่าอยู่ ๆ บริษัทเหล่านั้นกลับเปลี่ยนใจพร้อมกันโดยไม่มีการนัดหมาย และเพิ่มราคาขึ้นแบบกะทันหัน ส่งผลให้กระบวนการเข้าซื้อหยุดชะงักไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหล่าบริษัทเหล่านั้นต้องแอบสมคบกัน และหวังจะฟันกำไรจากเย่ซิวอย่างหนักวันนี้เย่ซิวจึงสั่งให้ลูกน้องเชิญผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้มาที่นี่เพื่อเจรจาแบบรวมตัวกันในครั้งเดียวเมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องประชุม ห้องนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่ดูมีอายุและหัวล้านกันเกือบหมดสายตาของพวกเขาถูกดึงดูดไปยังสองสาวที่งดงามจับตา ซึ่งก็คือเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทั้งสองคนสวยจนแทบจะทำให้คนในห้องประชุมลืมเรื่องธุรกิจไปชั่วขณะ พวกเธอเป็นเหมือนหญิงในฝันของใครหลาย ๆ คนในแวดวงนี้หลังจากนั้น ทุกคนก็หันมามองเย่ซิวแววตาพวกเขาแฝงด้วยความหลากหลาย ทั้งชื่นชมและอิจฉาพว
“ถูกต้อง ราคานี้ขายได้แค่ไม่กี่แผนกของเราเท่านั้น!”“ถ้าจะเล่นตุกติกขนาดนี้ งั้นการเจรจาซื้อขายวันนี้ก็จบแค่นี้แหละ!”ผู้บริหารบริษัททั้งห้าคนเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดราคาที่เย่ซิวเสนอมาเหมือนกับการหั่นมูลค่าของบริษัทพวกเขาเหลือเพียงครึ่งเดียวแม้แต่เซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์เองยังตกใจ เพราะราคานี้ต่ำเกินไปจริง ๆพูดแบบไม่ไว้หน้าก็คือ เหมือนการปล้นกันมากกว่าการซื้อขายเย่ซิวปรบมือเบา ๆ ก่อนที่หลางฉือซานจะเดินเข้ามาในมือของเขาถือกล่องสีดำใบหนึ่ง เขาย่อตัวทำความเคารพเย่ซิวเล็กน้อยแล้ววางกล่องไว้บนโต๊ะ จากนั้นหันหลังเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้สนิทเย่ซิวยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ ก่อนเอ่ยเรียบ ๆ “เชิญทุกท่านเปิดดูข้างในกล่องได้เลย”ผู้บริหารทั้งห้าคนมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเปิดกล่องออก ในกล่องมีวัตถุสีดำสองชิ้น ชิ้นหนึ่งมีขนาดเท่าหัวแม่มือดูบางมาก อีกชิ้นหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่าคล้ายก้อนอิฐชิ้นเล็กมีสายสองเส้นเชื่อมต่ออยู่ ปลายอีกด้านหนึ่งมีพอร์ตเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบผู้บริหารเหล่านั้นมองเย่ซิวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยเย่ซิวเอ่ย “นี่คื
ผู้บริหารทั้งห้าของบริษัทใหญ่เริ่มไม่มีสีหน้าภาคภูมิใจเหมือนในตอนแรก ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียดหลังจากฟังคำพูดของเย่ซิวแล้วแต่ละคนถึงกับเหงื่อแตกพลั่กในที่นี้ไม่มีใครโง่ พวกเขารู้ดีว่าซูเปอร์แบตเตอรี่นี่หากเปิดตัวในตลาดโลกขึ้นมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นในตลาดจะน่ากลัวเพียงใดแต่จะให้พวกเขายอมรับราคาที่เย่ซิวเสนอมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันหนึ่งในนั้นพูดขึ้น “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคือความปลอดภัย แต่เราไม่รู้การทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและการทดสอบความแข็งแกร่งของแบตเตอรี่ของคุณเลยว่ามันผ่านมาตรฐานไหม”“ใช่แล้ว!”“ถูกต้อง ความสามารถในการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในระยะไกลเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความปลอดภัยก็สำคัญไม่แพ้กัน”“แบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงขนาดนี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องมหาศาลแน่ ๆ”……เหล่าผู้บริหารพากันหาโอกาสโจมตีจุดอ่อนของซูเปอร์แบตเตอรี่ หวังลดทอนมูลค่าที่เย่ซิวตั้งไว้แต่นั่นเป็นสิ่งที่เย่ซิวคาดไว้ล่วงหน้าแล้วเขาลุกขึ้นยืนหยิบแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ที่เหมือนอิฐมาเสียบไฟ จากนั้นจึงหยิบมีดสั้นขึ้นมา“เปรี๊ยะ ๆ ๆ…”แบตเตอร
เซี่ยซิ่วซิ่วเอ่ยถาม “ไม่ต้องการให้ใครไปกับคุณเหรอ?”เย่ซิวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “งั้นให้เลขาของคุณที่ชื่อชูตงไปกับผมก็แล้วกัน”เซี่ยซิ่วซิ่วไม่ได้คิดอะไรมาก จึงรีบโทรศัพท์หาชูตงทันทีโดยให้เธอรอเย่ซิวหลังจากวางสายไป สีหน้าของชูตงก็ดูเหมือนคนที่กลืนแมลงวันลงไปเธอกระทืบเท้าด้วยความโมโห “แย่จริง ทำไมต้องไปกับผู้ชายแย่ ๆ คนนั้นอีกแล้ว!”ไม่นานเย่ซิวก็ลงมาจากชั้นบนชูตงจำต้องเก็บความคิดในใจเอาไว้ เธอเดินตามหลังเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ขับรถเป็นไหม?” เมื่อเดินออกจากบริษัท เย่ซิวก็ถามโดยไม่หันมามองชูตงตอบเสียงเบา “เป็นค่ะ!”ในฐานะเลขา ทักษะการขับรถถือเป็นสิ่งจำเป็นเย่ซิวมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เขาก็ยกมือใหญ่ ๆ ของเขาฟาดเธอทีหนึ่ง “อย่าทำหน้าบึ้งสิ เลขาที่ดีต้องมีรอยยิ้มเสมอ เข้าใจไหม”ชูตงชะงักไป ดวงตาเบิกกว้างพร้อมน้ำตาคลอเบ้า เธอโกรธจนตัวสั่นก่อนจะยกมือชี้หน้าเขา “คุณคุณคุณ…คุณมันคนหน้าด้าน ไร้ยางอาย!!”ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธเย่ซิวเดินไปอย่างไม่สนใจสีหน้าที่เหมือนจะลุกเป็นไฟของเธอ เขาพูดขึ้นเบา ๆ “รีบไปได้แล้ว ถ้าช้าไปหนึ่งนาทีผมจะหักเงินคุณห้าพัน”“แย่
“นวดให้ผมหนึ่งนาที ผมให้ห้าพันบาท”หนึ่งประโยคง่าย ๆ ก็ทำให้การป้องกันทั้งหมดของชูตงพังทลายลงในฐานะบุคคลที่มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะซื้อบ้านในเมืองหลวง เธอไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสใด ๆ ในการสร้างรายได้เธอที่แต่เดิมดุร้ายและมุ่งมั่น สีหน้าก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงและลังเลใจมากเย่ซิวรู้สึกขบขันมากเมื่อเห็นเธอที่เป็นแบบนี้ "ให้เพิ่มอีกสองพันห้าร้อยบาท ชักช้าก็ไม่ต้องเอาแล้ว"สายตาที่โกรธเคืองจับจ้องไปทางเย่ซิว "คุณพูดคำไหนคำนั้นหรือเปล่า?""แน่นอนว่าพูดคำไหนคำนั้น"ชูตงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปหาเย่ซิวมีโอาสให้ทำเงินแล้วไม่ทำก็คือคนโง่แล้ว ถือเสียว่านวดให้หมาแล้วกันในใจเธอคิดแบบนี้มือเรียวขาวและเรียบเนียนคู่หนึ่งวางลงบนไหล่ของเย่ซิว บีบพวกมันด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ แล้วเปิดการจับเวลาชูตงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ ปากก็พึมพำอะไรบางอย่างเสียงเบาเย่ซิวได้ยินอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังพูดไม่ดีเกี่ยวกับตัวเองแต่เขาไม่ถือสา ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางหนีไปจากเงื้อมมือของตัวเองได้“โอเคหรือยัง? ฉันเจ็บมือไปหมดแล้ว”ชูตงยู่ปาก ริมฝีปากสีชมพูนั้นดูน่าดึงดูดอย่างมากมองดูเวล
แต่สำหรับเธอแล้วกลับเป็นเรื่องดีสองพ่อลูกเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นเย่ซิวนั่งอยู่ตรงนั้นไม่มีออร่าที่ทรงพลังใด ๆ เล็ดลอดออกมา แต่กลับทำให้คนไม่กล้าที่จะดูถูกเขาดวงตาของเด็กสาวเปล่งประกายมากยิ่งขึ้นแม้ว่าเธอจะเคยเห็นรูปถ่ายของเย่ซิวมาก่อน แต่พอได้มาเจอตัวจริงแล้ว เธอก็ยังอดไม่ได้รู้สึกทึ่งผู้ชายคนนี้ อาศัยแค่รูปลักษณ์ภายนอกก็ไร้เทียมทานแล้วไม่กล้าพูดเต็มปากว่าชนะใจคนทุกวัย อย่างน้อยกับเด็กสาวที่อายุยี่สิบห้าปีลงไป มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของใบหน้านี้ได้ดวงตาของเด็กสาวฉายแววลุ่มหลง เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนจนกระทั่งพ่อของเธอถอยกลับมาอย่างเงียบ ๆ ถึงได้กลับมามีสติอีกครั้ง และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย "สวัสดีค่ะคุณเย่ ฉันชื่อเหมยเสี่ยวหยวนจากตระกูลเหมยแห่งหวู่เฉิง นี่คือพ่อของฉันเหมยเอ๋า"เย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อย "เชิญนั่ง"สองพ่อลูกนั่งลงตรงข้ามเย่ซิว ชูตงก็มายืนอยู่ข้างหลังเย่ซิว จ้องไปที่ศีรษะของเขาเขม็ง อยากที่จะเคาะมันแรง ๆ สักหลาย ๆ ครั้งเมื่อสักครู่นี้เดิมตัวเองอยากที่จะแก้แค้น ใครจะคิดว่าสุดท้ายจะโดนผู้ชายคนนี้เอาเปรียบอีกหลายครั้งมากโชคด
เหมยเสี่ยวหยวนมองไปที่เย่ซิวอย่างคาดหวังเธอคิดว่าตัวเองเพียบพร้อมในทุกด้าน สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก แถมยังเคยเข้าบริหารจัดการบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และไม่เคยมีแฟนอีกด้วยไปเป็นนายหญิงของตระกูลใหญ่ ๆ เรียกได้ว่าเกินพอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแค่เป็นสาวใช้ข้างกายเย่ซิวแต่เย่ซิวกลับหัวเราะอย่างเจื่อน ๆ "ให้คุณใช้เงินหนึ่งแสนล้านบาทแลกกับสาวใช้หนึ่งคน คุณจะเอาไหมล่ะ? หรือตัวเธอฝังด้วยทองหรือหยกกันล่ะ?"เหมยเสี่ยวหยวนรู้สึกอึดอัดมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้เหมยเอ๋ายิ้มอย่างขมขื่น รู้สึกว่ามันเกินไปนิดหน่อยจริง ๆน่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เขาจำเป็นต้องมีอย่างน้อยเจ็ดแสนห้าหมื่นล้านบาททั้งสองฝ่ายไม่มีใครปริปากพูด ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดหลังจากนั้นสักพัก เย่ซิวก็เป็นฝ่ายริเริ่มทำลายความเงียบก่อน "คุณเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าตอนนี้ตระกูลคุณประสบปัญหาอะไรอยู่?"เหมยเอ๋าถอนหายใจและพูดว่า "อันที่จริงเรากำลังถูกคู่ต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจของเราในตลาดหุ้นโจมตี ฝ่ายที่ปรึกษาของบริษัทได้คำนวณไว้ว่าจะต้องใช้เงินอย่างน้อยเจ็ดแสนห้าหมื่นล้านบาทถึงจะสามารถเอาชนะ"“ที่
เหมยเสี่ยวหยวนมองชูตงขึ้น ๆ ลง ๆ หลายครั้ง จากพูดอะไรบางอย่างที่น่าตกใจมากออกมา "คุณคงไม่ใช่ว่าไม่ถูกคุณเย่ชอบ ก็เลยบังเกิดความรู้สึกคับแค้นใจหรอกนะใช่ไหม?"ไม่รอให้ชูตงตอบ เธอพยักหน้า "ฉันเดาว่าเป็นแบบนี้แน่ ๆ ผู้หญิงที่น่าสงสาร"ชูตงโกรธจนแทบจะระเบิดแล้ว "ใคร...พูดไร้สาระอะไรไม่ทราบ ทั้งชาตินี้ต่อให้ฉันชอบหมาตัวหนึ่งก็ไม่มีวันชอบหมอนั่น"เหมยเสี่ยวหยวนยิ้มและไม่โต้เถียงกับเธออีกต่อไปชูตงเดินฟึดฟัดออกไปอย่างฉุนเฉียว วิ่งไปที่ห้องนอนเพื่อปูผ้าปูเตียง รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่งเย่ซิวหยิบศิลาวิญญาณที่เหลือพลังวิญญาณไม่มากแล้วออกมา ดึงพลังวิญญาณข้างในออกมาทั้งหมด แล้วถ่ายเทมันเข้าไปในหลินจือปัชชุนอัคนีความผันผวนของพลังชีวิตที่เล็ดลอดออกมาจากมันแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยจากนั้นถึงเก็บหลินจือปัชชุนอัคนีเข้าไปในแหวนผนึกของชูตงเดินตึก ๆ ๆ มาในรองเท้าส้นสูง แล้วตีสีหน้าพูดว่า "เสร็จแล้ว ฉันไปได้แล้วใช่ไหม ใกล้เลิกงานแล้ว"เย่ซิวก้มมองดูเวลา "คืนนี้ทำงานล่วงเวลา"“คุณ!” อารมณ์ที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบลงของชูตงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง "เอาอะไรมาอ้าง ต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้ฉันต้องทำแล้ว ฉันจะอยู่ต่
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ