ใคร ๆ ที่เคยใช้ก็บอกว่าดี แม้แต่คนที่มีนิสัยเข้มงวดจุกจิก ก็ไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น บางคนนำครีมผิวหยกไปยังสถาบันที่เชื่อถือได้เพื่อทำการทดสอบ และผลลัพธ์ก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีสารที่เป็นอันตรายเลย และไม่มีสารเติมแต่งแม้แต่ตัวเดียวด้วย!เมื่อผลลัพธ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ความนิยมของครีมผิวหยกก็เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดการซื้อกันอย่างเมามันผู้คนจำนวนมากซื้อสินค้าทางออนไลน์ในราคาที่แพงกว่าปกติหลายเท่า แต่แม้จะหาซื้อสักกล่องก็ยังหาได้ยากครีมผิวหยกได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ทว่าบริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่หลายแห่งต่างร่ำไห้ไม่หยุดสินค้าของพวกเขาขายไม่ออกเลยสองวันต่อมา คำตัดสินจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ก็มาถึงที่บริษัทเอสซี่ประการแรกถูกปรับเกือบแสนล้านเนื่องจากปัญหาด้านภาษี อีกประการหนึ่งคือสินค้าไม่ได้มาตรฐานถูกสั่งทำลายทิ้งทั้งหมด และสินค้าชุดที่ปล่อยออกไปแล้วจะถูกเรียกกลับคืนความเสียหายที่เกิดจากการลงโทษครั้งที่สองนั้นมหาศาลมากแม้ว่าพนักงานจะไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ก็ยังต้องจ่ายค่าจ้างส่วนประกอบที่ซื้อมาเริ่มกองพะเนิน รวมถึงค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็กองทับ หยุดการผลิตแค่วันเด
ครีมผิวหยกมีแนวโน้มจะไปได้ไหลมาก แม้แต่ยักษ์ใหญ่ตัวจริงอย่างฉีตังกั๋วซึ่งมั่งคั่งร่ำรวยเทียมเท่าประเทศก็ยังต้องรู้สึกตื่นเต้นคำขู่ของเขาอาจจะได้ผลต่อคนอื่น แต่สำหรับเย่ซิวแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณคิดว่าคุณคู่ควรที่จะให้ผมยอมสละกำไรสี่สิบเปอร์เซ็นต์อย่างนั้นเหรอครับ!"เย่ซิวให้คนประเมินไว้แล้วหากขยายช่องทางการขายครีมผิวหยกอย่างเต็มที่แล้ว รายได้จากการขายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจเกินหนึ่งสิบล้านล้านบาทในหนึ่งปี! กำไรสุทธิอยู่ระหว่างสามถึงสี่ล้านล้านบาท หากเปิดช่องทางการขายในต่างประเทศด้วย กำไรสุทธิในหนึ่งปีก็เป็นไปได้ว่าจะมากกว่าสิบล้านล้านบาทเรียกได้ว่านี่คือไก่ที่ออกไข่เป็นทอง ดังนั้นฉีตังกั๋วจึงเกิดความโลภโดยธรรมชาติ“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉีตังกั๋วหัวเราะ เขาไม่ได้โกรธเลย เพียงแต่เปิดเผยเรื่องหนึ่งแก่เย่ซิว“ฉันจะบอกความลับให้แล้วกัน คนของฉันเจ็ดคนเป็นจอมยุทธระดับหก สามคนเป็นจอมยุทธระดับเจ็ด และอีกคนหนึ่งเป็นจอมยุทธระดับแปดครึ่งก้าว”สิ่งนี้เป็นความมั่นใจอย่างหนึ่งของฉีตังกั๋ว!มีปรมาจารย์มากมายเช่นนี้ หากอยู่ไว้ในประเทศเล็ก ๆ
ประตูถูกเปิดออก และหลายคนก็เดินเข้ามาด้วยความมาดมั่นหยิ่งผยองเป็นผู้ชายสี่คนและผู้หญิงหนึ่งคนเย่ซิวบอกให้บอดี้การ์ดทุกคนในวิลล่าเข้าไปในห้องล่วงหน้าแล้ว หากไม่ได้รับคำสั่งจากเขา ไม่อนุญาตให้ออกมาเย่ซิวลืมตาขึ้นและเผยเสียงหัวเราะทันที "ฉีตังกั๋ว สุนัขเฒ่า รอบคอบจริงๆ ถึบกับส่งจอมยุทธ์ระดับหกสี่คนและจอมยุทธระดับเจ็ดหนึ่งคนมาในคราวเดียว"ฉีตังกั๋วเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง ทั้งไร้ปรานีและจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยความเด็ดขาดแม้จะเป็นการฆ่ามดตัวเดียว แต่เขาก็จะส่งเหล่าราชสีห์มาล้อมโจมตีมันผู้หญิงคนเดียวในหมู่คนทั้งห้านั่งลงตรงข้ามกับเย่ซิว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น ก่อนพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า "แค่เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่ต้องให้ถึงมือฉันหรอก พวกนายใครก็ได้ รีบไปจัดการซะ จะได้รีบกลับ”อีกสี่คนมองหน้ากัน แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะเคลื่อนไหวพวกเขาเป็นปรมาจารย์ สูงส่งและแตะต้องไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกส่งไปจัดการกับเด็กที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันจะไม่เป็นการเสียศักดิ์ศรีหรอกหรือ?“มาเป่ายิ้งฉุบกันดีกว่า ใครแพ้ก็ไปจัดการ”“โอเค
แม้แต่ปรมาจารย์ผู้สูงส่งที่มักจะห่างเหินกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤติความตาย ก็ยังตกที่นั่งลำบาก ถ้ามีขาเพิ่มอีกสักสองขาคงจะดีมากแต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถวิ่งเร็วกว่าเย่ซิวได้มั่นคงดั่งเสาหิน ว่องไวดุจสายฟ้าการเคลื่อนไหวของเขาราวกับสายฟ้าหนึ่งหมื่นโวลต์ที่ผ่าลงมาท่ามกลางความโกลาหลคนที่วิ่งเร็วที่สุดใกล้จะถึงประตูแล้ว แต่ทันใดนั้นลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามาจากด้านข้าง เขายกสองแขนขึ้นตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณจากด้านข้าง เย่ซิวเตะร่างของชายคนนั้นอัดเข้ากับกำแพงราวลูกกระสุนปืนใหญ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายจากแขนของเขาไปทั่วร่างกายอวัยวะภายในและกระดูกจากทั้งร่างกายถูกทำลายจนแหลกละเอียดตายคาที่!สามคนที่เหลือตกใจจนลูกตาจะถลนออกจากเบ้า ‘นี่มันพลังอะไรกัน ทั้งแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอะไรขนาดนี้!’พวกเขานึกเสียใจ คืนนี้ไม่น่ามาที่นี่เลยผู้หญิงคนเดียวตะโกน "แยกกันหนี! ขึ้นไปชั้นบน ไปจับคนอื่นมาเป็นประกัน นี่เป็นทางรอดทางเดียวแล้ว"เธอแข็งแกร่งที่สุด และในทันใดนั้น เธอพุ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความเร็วเทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับแปด แลกมาด้วยการแผดเผาพลังชีวิตของ
“ออกมาได้แล้ว” เย่ซิวพูดอย่างใจเย็นเฉิงเฟิงและคนอื่น ๆ ออกมาจากห้องและเมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็พลันตกใจ“จัดการศพพวกนี้แล้วดูแลที่นี่ให้ดี ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก”หลังจากสั่งการเสร็จแล้วเย่ซิวก็ออกไปเพียงลำพังไหน ๆ คนแก่พวกนั้นก็อยากจะใช้กำลังแก้ปัญหา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะร่วมเล่นด้วยจนจบก็แล้วกันพวกเขาคิดว่าวิธีนี้จะสะดวกกว่า แต่สำหรับเย่ซิวกลับยิ่งสะดวกกว่าเสียอีกคืนนี้ไร้แสงจันทร์ ลมพัดแรง เป็นสถานที่ที่ดีในการส่งใครสักคนไปสู่ชีวิตหลังความตายเย่ซิวสุ่มเรียกรถและตรงไปยังบริเวณใจกลางของผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงในเมื่อออกมาแล้วจะกลับไปก็คงไม่ได้แล้วเย่ซิวลงจากรถ เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะและใช้วิชาล่องหน จากนั้นก็เดินออกไปอีกครั้งที่ที่เขาไปที่แรกคือตระกูลของฉีตังกั๋วบ้านของเขาไม่สามารถใช้คำว่าหรูหราได้อีกต่อไป มันช่างฟุ่มเฟือย ราวกับเป็นพระราชวังขนาดเล็กมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายร้อยคนในชุดสูทพร้อมอาวุธในมืออยู่นอกประตูนอกจากนี้ยังมีอินฟราเรด โดรนระดับต่อสู้และอื่น ๆ อีกมากมายแม้ว่ากองทัพชั้นสูงต้องการยึดครอง ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากไม่รู้ว่ามีกี่บริษัทที่
ถึงแม้ประตูห้องนี้จะปิดสนิท แต่เย่ซิวกลับได้กลิ่นหอมประหลาดลอยออกมา“นี่มัน…” รูม่านตาของเขาหดตัวเล็กน้อย “ต้นโพธิ์ชาดวัชระ!”นี่คือพืชที่พิเศษมากชนิดหนึ่งกลิ่นที่โชยออกมาคล้ายกลิ่นเลือด ผสมกลิ่นกุหลาบ และกลิ่นไหม้ปะปนกันเย่ซิวเคยเห็นมันถูกบันทึกอยู่ในตำราโบราณด้วยเพราะมันพิเศษมาก เขาจึงจดจำได้อย่างลึกซึ้งความพิเศษของมันมีอยู่ด้วยกันสองประการประการแรกคือ เมื่อใช้ต้นโพธิ์ชาดวัชระขณะโตเต็มวัย จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งราวกับวัชระ[footnoteRef:0]ได้ [0: วัชระในที่นี้แปลว่าเพชร ในนิกายมหายาน และนิกายวัชรยาน(นิกายตันตระ) วัชระเป็นอาวุธของพระโพธิ์สัตว์] การเป็นร่างวัชระอย่างแท้จริง ร่างกายฟันแทงไม่เข้า ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เลือดสดจะส่งกลิ่นหอมประหลาด และเมื่อตายแล้ว ภายในร้อยปีเนื้อหนังจะไม่เน่าเปื่อยความพิเศษอีกประการหนึ่งคือ มันเป็นพืชที่หาได้ยากมากและแม้ว่าจะหาพบ แต่ก็ต้องการหญิงสาวที่มีร่างกายพิเศษรดเลือดให้มันทุกวันหญิงสาวที่มีร่างกายพิเศษนี้ ในบันทึกเรียกว่า 'ร่างพระโพธิสัตว์' “นี่เราโชคดีขนาดนี้เลยเหรอ?” เย่ซิวพึมพำในใจเมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงเปิดประ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอขับรถมาถึงจุดหมายเย่ซิวนำเด็กสาวและต้นโพธิ์ชาดวัชระวางลงในรถของเธอ แล้วกำชับว่า "พาเธอที่บ้านของคุณก่อน และเก็บต้นไม้นี้ไว้ให้ดีด้วย ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ แล้วเดี๋ยวไปหาคุณทีหลังนะ"น่าหลันเยียนหรานพยักหน้า "โอเค ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"หลังจากมองน่าหลันเยียนหรานขับออกไปแล้ว เย่ซิวเดินไปยังบ้านของหลิวหั่วอย่างเงียบ ๆ กลุ่มมหาเศรษฐีทั้งหกอาศัยอยู่ไม่ไกลกันนัก และทั้งหมดล้วนอยู่ในทำเลใจกลางเมืองหลวงก้อนอิฐในวิลล่าของพวกเขาเพียงก้อนเดียวเทียบเท่าเงินเดือนสิบปีของคนธรรมดาแล้วเย่ซิวเดินไปอย่างไม่รีบร้อนเมื่อใกล้จุดหมายปลายทาง เวลานั้นกำลังภายในของเขาก็เกือบฟื้นตัวเต็มที่แล้วร่างของเย่ซิวค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ซิวก็ออกมาจากบ้านหลังนั้น พร้อมกับที่ปรมาจารย์เจ็ดคนสิ้นชีพไปแต่ก็เช่นเคย เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของหลิวหั่วรอจนถึงตีสี่กว่า เหล่าปรมาจารย์ของตระกูลมหาเศรษฐีทั้งหกก็แทบจะถูกสังหารจนหมดแล้วถึงจะมีบางคนหลุดรอดไปได้ แต่ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาใหญ่โตต่อเย่ซิวได้ส่วนการที่พวกเขาจะรวบรวมยอดฝีมือระดับปรมาจารย์มาใหม่ ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น
ฉีตังกั๋ว หานเฟิง หลี่เว่ยกั๋ว เฉินซาน หยางคุน หลิวหั่ว มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลทั้งหกคน วิดีโอคอลเรียกประชุมฉุกเฉินอีกครั้งคราวนี้พวกเขาทั้งหกคนสีหน้าเคร่งเครียด และในขณะเดียวกันก็มีความหวาดกลัวเล็กน้อยหานเฟิงพูดเป็นคนแรก"ผมสงสัยว่ามีปรมาจารย์ระดับเก้าที่เชี่ยวชาญด้านการลอบสังหารอยู่เบื้องหลังเย่ซิว!"เฉินซานพูดอย่างโศกเศร้า "น่าจะมีมากกว่าหนึ่งคน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่จะสังหารปรมาจารย์ของเราไปมากขนาดนี้โดยไร้ซุ่มเสียง ช่างน่าตกใจจริง ๆ!"พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาตื่นตระหนกแค่ไหนเมื่อได้รู้ข่าวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารอบคอบ ไม่ยอมปรากฏตัวง่าย ๆ เมื่อคืนนี้ต้องถูกตัดศีรษะขณะนอนหลับอย่างแน่นอนฉีตังกั๋วสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "การใช้กําลังจัดการกับเขาไม่น่าเป็นไปได้แล้ว ส่วนการจับคนรอบข้างเขามาข่มขู่... เราไม่ค่อยรู้เรื่องเขามากนัก ถ้าเขาเป็นคนเลือดเย็นและไร้ศีลธรรม ผลที่ได้ก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราเสียเอง”หลิวหั่วพูดอย่างเคร่งขรึม "ผมมีแผน"ดวงตาของคนอื่น ๆ เป็นประกาย เร่งเร้าให้เขารีบบอก“คุณฉี คุณมีหลานสาวสุดสวยอยู่ที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ?”“เรียกให้เธอกลับมา แ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ