แม้แต่ปรมาจารย์ผู้สูงส่งที่มักจะห่างเหินกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤติความตาย ก็ยังตกที่นั่งลำบาก ถ้ามีขาเพิ่มอีกสักสองขาคงจะดีมากแต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถวิ่งเร็วกว่าเย่ซิวได้มั่นคงดั่งเสาหิน ว่องไวดุจสายฟ้าการเคลื่อนไหวของเขาราวกับสายฟ้าหนึ่งหมื่นโวลต์ที่ผ่าลงมาท่ามกลางความโกลาหลคนที่วิ่งเร็วที่สุดใกล้จะถึงประตูแล้ว แต่ทันใดนั้นลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามาจากด้านข้าง เขายกสองแขนขึ้นตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณจากด้านข้าง เย่ซิวเตะร่างของชายคนนั้นอัดเข้ากับกำแพงราวลูกกระสุนปืนใหญ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายจากแขนของเขาไปทั่วร่างกายอวัยวะภายในและกระดูกจากทั้งร่างกายถูกทำลายจนแหลกละเอียดตายคาที่!สามคนที่เหลือตกใจจนลูกตาจะถลนออกจากเบ้า ‘นี่มันพลังอะไรกัน ทั้งแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอะไรขนาดนี้!’พวกเขานึกเสียใจ คืนนี้ไม่น่ามาที่นี่เลยผู้หญิงคนเดียวตะโกน "แยกกันหนี! ขึ้นไปชั้นบน ไปจับคนอื่นมาเป็นประกัน นี่เป็นทางรอดทางเดียวแล้ว"เธอแข็งแกร่งที่สุด และในทันใดนั้น เธอพุ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความเร็วเทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับแปด แลกมาด้วยการแผดเผาพลังชีวิตของ
“ออกมาได้แล้ว” เย่ซิวพูดอย่างใจเย็นเฉิงเฟิงและคนอื่น ๆ ออกมาจากห้องและเมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็พลันตกใจ“จัดการศพพวกนี้แล้วดูแลที่นี่ให้ดี ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก”หลังจากสั่งการเสร็จแล้วเย่ซิวก็ออกไปเพียงลำพังไหน ๆ คนแก่พวกนั้นก็อยากจะใช้กำลังแก้ปัญหา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะร่วมเล่นด้วยจนจบก็แล้วกันพวกเขาคิดว่าวิธีนี้จะสะดวกกว่า แต่สำหรับเย่ซิวกลับยิ่งสะดวกกว่าเสียอีกคืนนี้ไร้แสงจันทร์ ลมพัดแรง เป็นสถานที่ที่ดีในการส่งใครสักคนไปสู่ชีวิตหลังความตายเย่ซิวสุ่มเรียกรถและตรงไปยังบริเวณใจกลางของผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงในเมื่อออกมาแล้วจะกลับไปก็คงไม่ได้แล้วเย่ซิวลงจากรถ เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะและใช้วิชาล่องหน จากนั้นก็เดินออกไปอีกครั้งที่ที่เขาไปที่แรกคือตระกูลของฉีตังกั๋วบ้านของเขาไม่สามารถใช้คำว่าหรูหราได้อีกต่อไป มันช่างฟุ่มเฟือย ราวกับเป็นพระราชวังขนาดเล็กมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายร้อยคนในชุดสูทพร้อมอาวุธในมืออยู่นอกประตูนอกจากนี้ยังมีอินฟราเรด โดรนระดับต่อสู้และอื่น ๆ อีกมากมายแม้ว่ากองทัพชั้นสูงต้องการยึดครอง ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากไม่รู้ว่ามีกี่บริษัทที่
ถึงแม้ประตูห้องนี้จะปิดสนิท แต่เย่ซิวกลับได้กลิ่นหอมประหลาดลอยออกมา“นี่มัน…” รูม่านตาของเขาหดตัวเล็กน้อย “ต้นโพธิ์ชาดวัชระ!”นี่คือพืชที่พิเศษมากชนิดหนึ่งกลิ่นที่โชยออกมาคล้ายกลิ่นเลือด ผสมกลิ่นกุหลาบ และกลิ่นไหม้ปะปนกันเย่ซิวเคยเห็นมันถูกบันทึกอยู่ในตำราโบราณด้วยเพราะมันพิเศษมาก เขาจึงจดจำได้อย่างลึกซึ้งความพิเศษของมันมีอยู่ด้วยกันสองประการประการแรกคือ เมื่อใช้ต้นโพธิ์ชาดวัชระขณะโตเต็มวัย จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งราวกับวัชระ[footnoteRef:0]ได้ [0: วัชระในที่นี้แปลว่าเพชร ในนิกายมหายาน และนิกายวัชรยาน(นิกายตันตระ) วัชระเป็นอาวุธของพระโพธิ์สัตว์] การเป็นร่างวัชระอย่างแท้จริง ร่างกายฟันแทงไม่เข้า ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เลือดสดจะส่งกลิ่นหอมประหลาด และเมื่อตายแล้ว ภายในร้อยปีเนื้อหนังจะไม่เน่าเปื่อยความพิเศษอีกประการหนึ่งคือ มันเป็นพืชที่หาได้ยากมากและแม้ว่าจะหาพบ แต่ก็ต้องการหญิงสาวที่มีร่างกายพิเศษรดเลือดให้มันทุกวันหญิงสาวที่มีร่างกายพิเศษนี้ ในบันทึกเรียกว่า 'ร่างพระโพธิสัตว์' “นี่เราโชคดีขนาดนี้เลยเหรอ?” เย่ซิวพึมพำในใจเมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงเปิดประ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอขับรถมาถึงจุดหมายเย่ซิวนำเด็กสาวและต้นโพธิ์ชาดวัชระวางลงในรถของเธอ แล้วกำชับว่า "พาเธอที่บ้านของคุณก่อน และเก็บต้นไม้นี้ไว้ให้ดีด้วย ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ แล้วเดี๋ยวไปหาคุณทีหลังนะ"น่าหลันเยียนหรานพยักหน้า "โอเค ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"หลังจากมองน่าหลันเยียนหรานขับออกไปแล้ว เย่ซิวเดินไปยังบ้านของหลิวหั่วอย่างเงียบ ๆ กลุ่มมหาเศรษฐีทั้งหกอาศัยอยู่ไม่ไกลกันนัก และทั้งหมดล้วนอยู่ในทำเลใจกลางเมืองหลวงก้อนอิฐในวิลล่าของพวกเขาเพียงก้อนเดียวเทียบเท่าเงินเดือนสิบปีของคนธรรมดาแล้วเย่ซิวเดินไปอย่างไม่รีบร้อนเมื่อใกล้จุดหมายปลายทาง เวลานั้นกำลังภายในของเขาก็เกือบฟื้นตัวเต็มที่แล้วร่างของเย่ซิวค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ซิวก็ออกมาจากบ้านหลังนั้น พร้อมกับที่ปรมาจารย์เจ็ดคนสิ้นชีพไปแต่ก็เช่นเคย เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของหลิวหั่วรอจนถึงตีสี่กว่า เหล่าปรมาจารย์ของตระกูลมหาเศรษฐีทั้งหกก็แทบจะถูกสังหารจนหมดแล้วถึงจะมีบางคนหลุดรอดไปได้ แต่ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาใหญ่โตต่อเย่ซิวได้ส่วนการที่พวกเขาจะรวบรวมยอดฝีมือระดับปรมาจารย์มาใหม่ ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น
ฉีตังกั๋ว หานเฟิง หลี่เว่ยกั๋ว เฉินซาน หยางคุน หลิวหั่ว มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลทั้งหกคน วิดีโอคอลเรียกประชุมฉุกเฉินอีกครั้งคราวนี้พวกเขาทั้งหกคนสีหน้าเคร่งเครียด และในขณะเดียวกันก็มีความหวาดกลัวเล็กน้อยหานเฟิงพูดเป็นคนแรก"ผมสงสัยว่ามีปรมาจารย์ระดับเก้าที่เชี่ยวชาญด้านการลอบสังหารอยู่เบื้องหลังเย่ซิว!"เฉินซานพูดอย่างโศกเศร้า "น่าจะมีมากกว่าหนึ่งคน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่จะสังหารปรมาจารย์ของเราไปมากขนาดนี้โดยไร้ซุ่มเสียง ช่างน่าตกใจจริง ๆ!"พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาตื่นตระหนกแค่ไหนเมื่อได้รู้ข่าวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารอบคอบ ไม่ยอมปรากฏตัวง่าย ๆ เมื่อคืนนี้ต้องถูกตัดศีรษะขณะนอนหลับอย่างแน่นอนฉีตังกั๋วสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "การใช้กําลังจัดการกับเขาไม่น่าเป็นไปได้แล้ว ส่วนการจับคนรอบข้างเขามาข่มขู่... เราไม่ค่อยรู้เรื่องเขามากนัก ถ้าเขาเป็นคนเลือดเย็นและไร้ศีลธรรม ผลที่ได้ก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราเสียเอง”หลิวหั่วพูดอย่างเคร่งขรึม "ผมมีแผน"ดวงตาของคนอื่น ๆ เป็นประกาย เร่งเร้าให้เขารีบบอก“คุณฉี คุณมีหลานสาวสุดสวยอยู่ที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ?”“เรียกให้เธอกลับมา แ
มีรอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าของเหวินฮ่าว แต่แรงในมือกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ หนุ่มหน้าละอ่อนตรงหน้าเขาดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยมันเป็นไปได้อย่างไร?!เย่ซิวแอบขำเบา ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าประลองกำลังกับเขาด้วยสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ที่มีพลังมากกว่าเขา คงจะเป็นช้างโตเต็มวัยเท่านั้นเขามองเหวินฮ่าวเหมือนแมวที่กำลังเล่นกับหนู จากนั้นก็เพิ่มแรงในมือเพียงเล็กน้อยไม่นานใบหน้าของเหวินฮ่าวก็เริ่มบิดเบี้ยว อ้าปากหวอ รู้สึกว่ามือของตนเองกำลังจะหัก"พวกเธอมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มาทานข้าวกันเถอะ"เมื่อได้ยินคุณย่าของหลินซวงตะโกนเรียก เย่ซิวจึงปล่อยมือเหวินฮ่าวพยายามเก็บอาการอย่างสุดความสามารถ สีหน้าของเขาช่างน่าตลกสิ้นดีริมฝีปากของหลินซวงโค้งขึ้นเมื่อเธอสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างเธอดึงกระเป๋าเป้ของเย่ซิวลงแล้วพูดเบา ๆ “ฉันช่วยเอากระเป๋าไปวางไว้ในห้องของฉันนะ”มุมปากของเหวินฮ่าวกระตุก ความหึงหวงทวีขึ้น รู้สึกอิจฉาตาร้อนเย่ซิวเดินไปที่โต๊ะอาหารตามลำพัง โดยไม่ได้มองเหวินฮ่าวอีกเลยหลินซู่โน้มตัวไปกระซิบเหวินฮ่าว "อย่าไปหลงกลน้องสาวฉันนะ เธอแค่เล่นละครน่ะ ดูทร
หลินซวงหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาอันอ่อนโยนราวสายน้ำอีกครั้ง เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนทันที "คุณเลยอย่าใส่ใจ คุณย่าของฉันไม่ใช่พวกวัตถุนิยม แค่คุณมาเธอก็ดีใจมากแล้ว"คุณย่าของหลินซวงยิ้มพร้อมคีบน่องไก่ให้เย่ซิว "ใช่แล้วล่ะ ฉันมีความสุขมากที่เธอมาที่นี่ ไม่ต้องรู้สึกหนักใจหรอกนะ"เมื่อเห็นเธอต้อนรับเย่ซิวอย่างอบอุ่นมากขนาดนี้ เหวินฮ่าวก็รู้สึกแย่นิดหน่อย เขาแอบส่งสายตาให้หลินซู่อย่างลับ ๆ ต้องรู้ไว้ว่า เพื่อจีบหลินซวงเขาจ่ายเงินก้อนโตแก่ชายไม่เอาไหนคนนี้ไปแล้ว!หลินซู่กลอกตาแล้วพูดว่า "คุณย่าพูดแบบนี้ไม่ถูกนะครับ ไม่สำคัญว่าของขวัญจะแพงแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องมี”“เหวินฮ่าวตั้งใจมาก เขาใช้เวลาหลายวันในการเลือกหยกชิ้นงามนี้ให้กับคุณย่า นั่นแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา”“แต่ในทางกลับกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มอบอะไรให้เลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใส่ใจคุณย่ากับหลินซวงแม้แต่น้อย”เหวินฮ่าวกดถูกใจให้หลินซู่ในใจหลินซวงกัดฟันแน่น โกรธจนแทบอยากจะเอามีดมาเชือดลูกพี่ลูกน้องของเธอให้รู้แล้วรู้รอดเธอรีบหันไปมองเย่ซิว พร้อมส่งสายตาขอโทษให้เขาเย่ซิวไม่ใช่แฟนตัวจริงของเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกซาบซ
เหวินห่าวมองด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าโอกาสชนะอยู่ในกำมือของเขาแล้วเขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถที่จะซื้อสร้อยข้อมือในราคาหลายร้อยล้านได้เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า เย่ซิวไม่สิ่งใดที่คนรวยควรมีเลยสักอย่างเขาแค่คิดว่าเย่ซิวจะต้องใช้วิธีสกปรกบางอย่างอย่างลับ ๆ แน่ ๆ ถึงได้ทำให้หลินซวงชอบเขาได้เขาคิดในใจว่า อีกเดียวเขาจะทำให้เย่ซิวขายหน้าอย่างแรงได้แน่นอนหลินซู่ก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถเช่นกัน เขาคิดว่าเย่ซิวกำลังพูดคุยโวโอ้อวดก็เท่านั้นคุณย่าของหลินซวงเปิดกล่องด้วยรอยยิ้มเบิกบานทันทีที่เปิดกล่องออก กลิ่นหอมตามธรรมชาติของไม้กฤษณาก็ลอยฟุ้งกระจายออกมากลิ่นนั้นทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานใจภายในกล่องมีสร้อยข้อมือลูกปัดทรงกลมสีเข้มสนิทหนึ่งเส้นแม้แต่คนที่ไม่รู้จักสิ่งนี้ก็สามารถบอกได้ว่าสร้อยข้อมือลูกปัดเส้นนี้มีความพิเศษคุณย่าของหลินซวงกลั้นหายใจ ในขณะหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วลูบมันอย่างพินิจ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจนั้นยากเกินจะปิดบังได้“ยากนักที่จะได้พบสร้อยข้อมือคุณภาพสูงอย่างนี้ เสี่ยวเย่ สร้อยข้อมือเส้นนี้ราคามากกว่าสอ
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค