แชร์

บทที่ 300

ผู้เขียน: เฉิงกวงโฮ่วถู่
เสวี่ยเหมยพูดไม่ออกเล็กน้อย และสงสัยในใจว่า เย่ซิวไม่รู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไรอย่างนั้นหรือ?

แต่ในขณะที่เธอคิดอย่างรอบคอบ เธอก็ตระหนักรู้ได้ทันที

ความแข็งแกร่งของเย่ซิวนั้นทรงพลังมาก ส่วนภูมิหลังของเขานั้นยิ่งลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ได้

บางทีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเย่ซิวอาจไม่ด้อยไปกว่าตระกูลจางเลย

เหล่าคนใหญ่คนโตเหล่านี้ต่างมองด้วยสายตาวาววับ

ทุกคนในแวดวงต่างรู้กันดีว่า คนที่ไล่ตามจีบเสวี่ยเหมยอย่างหนักที่สุดก็คือ เย่ขวง และอีกคนหนึ่งก็คือชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้

สำหรับชายหนุ่มธรรมดาที่กล้าเข้าใกล้เสวี่ยเหมยมากเกินไปจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นแขนขาหัก หรือต้องทนทุกข์ทรมานจากความล้มเหลวทางธุรกิจและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะดูสุภาพอ่อนโยน แต่อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ทั้งโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี

ในเวลานี้ มีคนเข้ามากระซิบบอกจางรั่วหลิงที่ข้างหูของเขาว่า เสวี่ยเหมยเป็นคนตักอาหารให้เย่ซิวด้วยตัวเอง

จากนั้นจางรั่วหลิงก็มองไปที่เย่ซิว "น้องชายคนนี้ดูไม่คุ้นเลย ไม่ทราบว่าเขามาจากนิกายสันโดษที่ไหน?"

ในสถานที่อื่นนั้นจอมยุทธระดับสาม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 301

    อาจกล่าวได้ว่าการตบของเย่ซิวทำให้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ไม่เพียงแต่เป็นการตบหน้าชายคนนั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการตบหน้าจางรั่วหลิงด้วยจางรั่วหลิงมองไปที่เสวี่ยเหมยและพูดอย่างใจเย็น "คราวนี้ผมทนไม่ไหวแล้วนะ ไอ้เด็กนี่ต้องตาย"ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเขา หากวันนี้ไม่ได้กำจัดเย่ซิว มันจะกลายเป็นรอยด่างพร้อยอย่างแน่นอนในอนาคต ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนคงได้ถูกเยาะเย้ยเป็นแน่เสวี่ยเหมยรีบเข้าไปยืนขวางเย่ซิวอย่างรวดเร็ว "เราจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้ไหม ยังไงแล้ว… คุณเองก็เป็นคนเริ่มก่อน"ดวงตาของจางรั่วหลิงปะทุกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่น น้ำเสียงของเขาเย็นชา "นี่คุณจะต่อต้านผมเพราะเห็นแก่ไอ้เด็กนี่จริง ๆ สินะ!"ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกอย่างหรอกจางรั่วหลิงมีจุดแข็งมากมาย แต่เขาก็มีข้อบกพร่องใหญ่ประการหนึ่งเช่นกันนั่นคือความอิจฉาริษยาอย่างหนักในสายตาของเขา พฤติกรรมของเสวี่ยเหมยนั้นเหมือนกำลังสวมเขาให้ตนด้วยความโกรธที่แผดเผาในอก น้ำเสียงของจางรั่วหลิงจึงยิ่งเย็นเยือก "ขอโทษทีนะ แต่ครั้งนี้คงไม่ได้ผล หลบไป!"จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่ซิว "ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ ก็อย่าหลบอยู่ข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 302

    ในแวดวงวิทยายุทธ ไร้คู่ต่อสู้ คือคำที่กล่าวกันในหมู่ปรมาจารย์เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลเช่นนี้ เสวี่ยเหมยไม่มั่นใจแม้แต่น้อยเลยว่าเย่ซิวจะชนะได้จางรั่วหลิงแทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดเย่ซิว จึงพาคนของเขาไปที่เวทีประลอง ทันทีเสวี่ยเหมยส่ายหัวและโน้มตัวกระซิบข้างหูเย่ซิว "วางใจเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่ปล่อยให้คุณตายเด็ดขาด ฉันจะช่วยคุณเองค่ะ"เย่ซิวหัวเราะอย่างไม่รู้จะพูดอะไรเธอคิดมากเกินไปแต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมทุกคนมายังเวทีประลอง เฟยหู่ขึ้นไปก่อนพร้อมถอดเสื้อคลุมออกกล้ามเนื้อของเขาเป็นมัด ๆ เส้นเลือดเด่นเห็นชัด ทำให้เขาดูความแข็งแกร่งและทรงพลังในทางตรงกันข้ามเย่ซิวดูผอมบางมาก ราวกับว่าเขาจะถูกคว่ำได้ด้วยหมัดเดียวพวกเขาเชิญผู้ตัดสินมืออาชีพขึ้นบนเวที จากนั้นก็มีการอธิบายสั้น ๆ เล็กน้อยกฎหลักคือไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธ หรืออาวุธลับ“การประลองคู่แรก เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”พูดจบกรรมการก็ก้าวลงจากเวทีไปตุบ ตุบ! เฟยหู่กระแทกกำปั้นเข้าหากัน โค้งตัวลงเล็กน้อย ตั้งท่าโจมตี และเผยยิ้มพร้อมฟันขาวทั้งแผง“ไอ้หนู ตอนนี้แกยังมีเวลาขอความเมตตานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทุบให

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 303

    ปัง!หมัดทั้งสองปะทะกันจนเกิดเสียงอื้ออึงเฟยหู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดคิด!เฟยหู่คิดไว้ว่า ถ้าเย่ซิวได้รับหมัดนี้ไป อย่างน้อยที่สุดกระดูกของเขาจะต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ แน่ แต่สุดท้าย หลังจากแลกหมัดกัน เย่ซิวก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดในความเป็นจริงเขาไม่ได้ขยับเท้าเลยด้วยซ้ำเยาะเย้ยอย่างเย็นชา "แกก็พอมีความสามารถอยู่บ้างนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่แกจะอวดดีขนาดนี้ เอาหมัดสายฟ้าของฉันไปกินซะ!"เขาเหวี่ยงหมัดทั้งสองข้างออกไปเร็วราวกับสายฟ้าเหล่าผู้ชมมองเห็นเพียงเงาเท่านั้นจางรั่วหลิงจิบไวน์แดงและดูมั่นใจ "เฟยหู่สามารถฆ่าควายโตเต็มวัยได้ด้วยหมัดเดียว หมัดที่เร็วที่สุดคือสามสิบครั้งต่อหนึ่งวินาที เด็กนั่นไม่มีทางหยุดเขาได้แน่"จู่ ๆ ในใจของเสวี่ยเหมยก็เรื่มวิตกกังวลแต่ไม่นานเธอก็ผ่อนคลายลงดูนั่น!บนเวทีประลอง ขาของเย่ซิวดูเหมือนจะปักหลักอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง มือข้างหนึ่งของเขาไพล่ไว้ด้านหลังเขาสกัดการโจมตีอันบ้าคลั่งของเฟยหู่ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทะลุการป้องกันของเย่ซิวได้ฉากนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนที่นั่งชมเป

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 304

    ระหว่างที่ผู้ชมกำลังดูอยู่นั้น หมัดของเฟยหู่ก็ไปถึงตรงหน้าเย่ซิวแล้วหมัดแกร่งมาพร้อมกับลม ทำให้เสื้อผ้าของเย่ซิวกระพือและส่งเสียงพั่บ ๆด้วยหมัดนี้ เฟยหู่มั่นใจว่าเขาสามารถทำให้เย่ซิวพิการได้!“ไอ้หนู แกคงตอบโต้ไม่ทันสินะ!”นี่เป็นความคิดสุดท้ายในชีวิตของเขาในช่วงเวลาต่อมา ความเจ็บปวดอันรุนแรงพลุ่งพล่านจากหมัดของเขา และลามไปทั่วร่างกายของเขาทันทีการมองเห็นของเขามืดดับลง และหมดสติไปทันทีเขาล้มลงกับพื้นด้วยเสียงที่ดังกึกก้องตุ้บ! เสียงของร่างกายที่กระแทกกับพื้นราวกับค้อนหนักที่ทุบหัวใจของทุกคนอย่างดุเดือด"เป็นไปไม่ได้!"คนแรกที่มีการตอบสนองคือจางรั่วหลิงทันใดนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง แก้วไวน์แดงในมือพลันตกลงไปบนพื้นเขาวางมือบนราวบันไดพลางจ้องเย่ซิวที่อยู่บนเวทีประลองอย่างไม่ละสายตาในตอนนี้เอง คนอื่น ๆ ก็เริ่มตอบสนองไปตาม ๆ กัน สายตาของพวกเขาจ้องเย่ซิวที่เปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างมาก“ปรมาจารย์!” มีคนพูดพึมพำขึ้นมาแม้ว่าเสียงจะไม่ดัง ทว่าในตอนนี้ทั่วทั้งสถานที่จัดงานเงียบเป็นเป่าสาก ทุกคนจึงได้ยินเสียงนั้นเสวี่ยเหมยรู้สึกว่าปากแห้งมาก เธอจึงเลียริมฝีปากโดยไม่ร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 305

    "ฉันจะให้แกสองหมื่นล้าน แล้วจบเรื่องนี้ซะ!"นี่คือโลกของคนรวยทุ่มสองหมื่นล้านแลกกับคำขอโทษ!มีคนร่ำรวยมากมายในที่เกิดเหตุ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจที่จะใช้เงินจำนวนมากเช่นนี้เย่ซิวยิ้ม "ถึงผมจะไม่รวยเท่าคุณ แต่ผมก็ไม่ได้ขาดเงินสองหมื่นล้าน วันนี้คุณต้องขอโทษ!"ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งเข้ามามือขวาของเขาล้วงกระเป๋าเสื้อคลุม และมีความเป็นได้อย่างมากว่าจะมีอาวุธความร้อนอยู่ข้างในพวกเขาเข้าล้อมเย่ซิวไว้ และจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรจางรั่วหลิงพูดอย่างเย็นชา "ฉันคงจะให้คำขอโทษแกไม่ได้หรอก แกไม่กลัวหรือว่าวันหนึ่งเดินอยู่ดี ๆ แล้วจะเจอปัญหาเข้า!"ตึก ตึก ตึก…เสวี่ยเหมยเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูงและยืนเคียงข้างเย่ซิวเธอโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเย่ซิวและกระซิบ “เขาเป็นหน้าตาของตระกูลจาง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ขอโทษต่อหน้าคนมากขนาดนี้แน่”“ข้อเสนอแนะของฉันคือขอเพิ่มผลประโยชน์อีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้น ถ้าเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้คงไม่มีใครได้ผลประโยชน์อะไรเลยแน่”“ถ้าคุณเชื่อใจฉัน ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”เย่ซิวหรี่ตาลง และพยักหน้าการแก้แค้นมีหลายวิธีหรือแม้แต่การทำให้ศัตรูเลื

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 306

    “นายท่านรองจาง!”“ลมอะไรพาท่านมาที่นี่กันครับเนี่ย”“นายท่านรองจางยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมเลยนะครับ”……สีหน้าของเสวี่ยเหมยเริ่มจริงจังมากขึ้นเย่ซิวที่ยืนถัดจากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่หาได้ยากจากร่างกายของเธอสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังรู้สึกกังวลเขาถามว่า "ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นใครเหรอ?"เสวี่ยเหมยตอบด้วยเสียงต่ำ "นายท่านรองจาง รองประธานของหย่วนหางกรุ๊ปเขามีความสามารถรอบด้าน ใครก็ตามที่ตกเป็นเป้าหมายของเขา มักจะมีจุดจบน่าสังเวช เขาน่ากลัวยิ่งกว่าจางรั่วหลิงมาก”เย่ซิวพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นผู้มาเยือนจางรั่วหลิงก้มศีรษะที่เย่อหยิ่งลง "คุณอา คุณอามาทำอะไรที่นี่ครับ?"นายจางพ่นลมอย่างเย็นชา "อยู่นอกบ้าน ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”“แพ้แล้วก็ต้องยอมรับ!”แม้ว่าจางรั่วหลิงจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า "ผมเข้าใจแล้วครับคุณอา ใครก็ได้... "เขาเรียกให้คนนำสัญญาการโอนมา และโอนหุ้นไปให้เสวี่ยเหมยทันทีเสวี่ยเหมยอ่านอย่างละเอียดแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปใบหน้าเผด็จการของนายท่านรองจางแสดงมีรอยยิ้มเป็นนัย "ฮ่าฮ่า จากนี้ไปเราก

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 307

    ด้วยทักษะของเย่ซิวจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเหล่านั้นจะตามเขาทันในอีกด้านหนึ่ง เสวี่ยเหมยกำลังตรวจดูข้อความในโทรศัพท์อยู่ภายในรถทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับเย่ซิว!“ผู้ชายคนนี้น่าทึ่งมาก!”หลังจากอ่านแล้วเสวี่ยเหมยก็ถอนหายใจคนขับรถหญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็เป็นหนึ่งในคนสนิทของเธอเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น "นาน ๆ ทีจะได้ยินเจ้านายชมคนอื่นนะคะ"ดวงตาของเสวี่ยเหมยฉายแววแปลก "เด็กคนนั้นต้องมีภูมิหลังที่คาดไม่ถึงแน่นอน!เขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์สินมหาศาลเกินคาดเดาอีกด้วยและที่สำคัญ… เขาประสบความสำเร็จทุกอย่างด้วยความสามารถของตัวเองสิ่งนี้ทำให้การประเมินของเย่ซิวของเสวี่ยเหมยเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนคนขับรถหญิงพูดติดตลกว่า "ในเมื่อเขายอดเยี่ยมขนาดนั้น ทำไมเจ้านายไม่ลองทำให้เขามาอยู่ในมือล่ะคะ?"เสวี่ยเหมยไม่ได้แสดงท่าทีเขินอาย แต่กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง "ฉันก็คิดเหมือนกัน เขาจะไม่มีทางหนีจากเงื้อมมือฉันไปได้แน่!"ดวงตาของเสวี่ยเหมยประกายสุกใสเธอมั่นใจในเสน่ห์ของเธอมาก และคิดว่าเย่ซิวจะต้องหลงใหลในตัวเธออย่างแ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 308

    นอกจากนี้ประตูและหน้าต่างก็ปิดสนิทเกือบตลอดเวลาดังนั้นเสวี่ยเหมยจึงคุ้นเคยกับการไม่สวมเสื้อผ้าหลังอาบน้ำในขณะนี้ เธอได้เผยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอต่อหน้าเย่ซิวเธอมีรูปร่างที่สง่างาม ผิวที่ขาวราวกับหยก และมีกลิ่นหอมตามร่างกายดวงตาคมกริบ คิ้วโค้งมนขนตายาวสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังเดินใบหน้าที่สวยไร้ที่ติมีสีชมพูเล็กน้อย และริมฝีปากที่ไม่หนาเกินไปสีแดงราวกับกลีบกุหลาบ ละเอียดอ่อนมากจนผู้คนอดไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรสเมื่อมองลงไปด้านล่างก็มองเห็นยอดหยกที่คมชัด งดงามปานจะล่มเมืองได้ทั้งเมืองทุกส่วนบนเรือนร่างของเสวี่ยเหมยนั้นสมบูรณ์ไร้ที่ตินี่แหละที่เรียกกันว่าลูกรักพระเจ้า ต่อให้เย่ซิวมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เมื่อเผชิญหน้ากับฉากเช่นนี้ก็ทำให้เขาใจเต้นได้เช่นกันเสวี่ยเหมยเดินไปที่เตียงแล้วก้มลงหยิบเสื้อผ้าเย่ซิวพลันหันหน้าหนี...ตอนนี้เย่ซิวทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาหลุดออกจากการควบคุมกำลังภายในยิ่งกว่านั้น เขายังส่งเสียงออกมาเบา ๆ อีกด้วยเสวี่ยเหมยตื่นตัวและระวังตัวอยู่เสมอ เธอรีบหันหลังกลับทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเย่ซิว ร่องรอยของความตื่นตระหนกก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเธอ

บทล่าสุด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 898

    แคสซี่ย์ยกมือขวาขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะกดลงอย่างแรงพร้อมพูดว่า “ลงมือซะ! ฆ่าทุกคนที่เป็นคนของหยางเฟิง อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”"ฉึก ฉึก ฉึก!"เลือดพลันก็สาดกระเซ็น บางคนถูกโจมตีจากคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวและเสียชีวิตในทันทีหยางเฟิงตกตะลึงและโกรธจัด เขาอยากจะต่อต้าน แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูพี่น้องร่วมชาติของเขาถูกฆ่าไปทีละคนด้วยสายตาเจ็บปวดเขาหลั่งน้ำตาเลือด เสียใจภายหลังเหลือจะกล่าวไม่เคยคาดคิดเลยว่าแคสซี่ย์จะโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีถึงเพียงนี้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลในพริบตา“ไปเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องแสดงบ้างขึ้นเวทีแล้ว”เย่ซิวจับมือของอลิส เดินไปข้างหน้าอย่างใจเย็นและมั่นคง พลังไร้รูปปกคลุมรอบตัวเขาในระยะสองเมตร ทำให้ทุกสิ่งที่เข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือพลังวิเศษต่างๆ ล้วนถูกสะท้อนออกไปดวงตาของอลิสเปล่งประกายเจิดจ้า เธอหลงรักชายตรงหน้าอย่างหัวปักหัวปำเย่ซิวเดินไปถึงหน้าเวทีสำคัญ จับเชือกเส้นหนึ่งไว้ และส่งพลังวิญญาณอันทรงพลังและดุดันของเขาเข้าไปอย่างรุนแรงพลังนั้นเหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ไหลทะลักอย่างไม่หยุดยั้ง สร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 897

    “หรือว่ามันจะล้มเหลวไปทั้งเช่นนี้จริง ๆ? ฉันไม่มีทางยอมแน่!” หยางเฟิงกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนเขาลงทุนไปหลายร้อยล้านในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพียงเพื่อช่วยหยางถิงถิงปลดพันธนาการของห่วงโซ่พันธุกรรมที่กักขังเธอไว้และวันนี้ เขาก็ทุ่มเงินไปกว่าหนึ่งล้านล้านบาทเพื่อจ้างผู้มีพลังวิเศษเหล่านี้ ซึ่งได้กินเงินไปเกือบหนึ่งในสามของทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีหากล้มเหลว ไม่เพียงแต่จะสูญเสียเงินทอง หยางถิงถิงเองก็จะต้องตายเพราะผลกระทบของพลังย้อนกลับด้วยหยางเฟิงก้มหัวให้เหล่าผู้มีพลังวิเศษพร้อมเอ่ยเสียงหนักแน่น “ขอร้องทุกท่าน หากใครยังมีพลังเหลือได้โปรดช่วยฉันอีกครั้ง ฉันจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ตลอดชีวิต” ด้วยสถานะของหยางเฟิง การแสดงท่าทีเช่นนี้ก็เท่ากับการลดเกียรติของตัวเองลงจนแทบไม่มีเหลือทำให้มีผู้มีพลังวิเศษอีกนับร้อยคนก้าวออกมาข้างหน้า แต่พวกเขาเหล่านั้นก็เพิ่งฟื้นฟูพลังวิเศษกลับมาได้เล็กน้อย การช่วยเหลือจึงไม่มีนัยสำคัญ หยางเฟิงกัดฟัน หยิบเซรุ่มยีนสีแดงสดหลอดหนึ่งออกมาแล้วดื่มลงไปในรวดเดียวพลังที่เหือดแห้งในร่างกายของเขา ได้ฟื้นฟูกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ถ่าย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 896

    กลุ่มแรกที่ทำการถ่ายโอนพลังวิเศษสำเร็จแล้ว ต่างก็ทยอยถอยกลับไป แต่ละคนมีสภาพอ่อนล้าจนแทบยืนไม่อยู่หยางเฟิงกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ จากนั้นก็มีคนนำบัตรธนาคารและเซรุ่มยีนไปมอบให้ถึงมือพวกเขาของตอบแทนที่ได้รับจะแตกต่างกันไปตามระดับพลังของแต่ละคนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก้าวขึ้นไปรอบตัวของหยางถิงถิงก็เริ่มแผ่คลื่นพลังอันแข็งแกร่งออกมา บนหน้าผากของเธอปรากฏตราประทับรูปกลีบดอกไม้ที่มีทั้งหมดสี่กลีบในตอนนี้กลีบแรกเริ่มเปล่งประกายสีแดงเพลิง หยางเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงว่า “นี่คือพลังวิเศษธาตุไฟ” เย่ซิวมองตราประทับบนหน้าผากของหยางถิงถิง พลางรู้สึกหวั่นไหวในใจ และมีคำหนึ่งแวบขึ้นมาในความคิดแต่เขายังไม่มั่นใจนักหลังจากที่ผู้ใช้พลังวิเศษกว่าห้าร้อยคนถ่ายโอนพลังให้เธอแล้ว กลีบที่สองบนหน้าผากของหยางถิงถิงก็สว่างขึ้น มันเป็นสีเขียว ซึ่งแสดงถึงการตื่นขึ้นของพลังวิเศษธาตุไม้ เมื่อผู้ใช้พลังวิเศษกว่าแปดร้อยคนถ่ายโอนพลังวิเศษให้ กลีบที่สามก็สว่างขึ้น มันเป็นสีเหลือง แสดงถึงการตื่นขึ้นของพลังวิเศษธาตุดิน หยางเฟิงเริ่มรู้สึกประหม่าอย่างมาก เพราะยิ่งถึงช่วงหลังความยากก็ยิ่งเพิ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 895

    หยางถิงถิงเข้าร่วมงานวันนี้ในชุดเดรสสวยหรูหรา ดูงดงามจนยากที่จะลืมผมสีม่วงเป็นประกายของเธอถูกม้วนเป็นลอนเล็ก ๆ และเมื่อรวมกับใบหน้ารูปไข่ที่เย็นชาของเธอ ทำให้เธอดูเหมือนเซรามิกรัศมีแห่งความสง่างามของเธอเปล่งออกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าผิวที่เผยออกมานอกชุดที่ใส่ผ่องใสเหมือนคริสตัลและมีความขาวกระจ่างอมชมพูอีกทั้งรูปร่างของเธอยังดีมากอีกด้วยเธอมีเอวคอดกิ่วและหน้าอกที่น่ามองข้อเสียอย่างเดียวคือขาสั้นไปนิด แต่การใส่รองเท้าส้นสูงก็พอจะปกปิดจุดนี้ได้รูปลักษณ์นี้ทำให้ผู้ชายหลายพากันจ้องตาเป็นมัน อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกอยากทำให้หญิงสาวผู้นี้ยอมศิโรราบแก่พวกเขาหากให้พูดตรง ๆ หากหยางถิงถิงไม่อ้าปากพูด เธอก็คงจะยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวคืนนี้หยางถิงถิงพยายามยับยั้งพฤติกรรมคุณหนูผู้เอาแต่ใจของตัวเองเพราะเธอรู้ว่าคืนนี้สำคัญกับเธอมาก เธอจึงประพฤติตัวดีและขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานอย่างสุภาพหากเย่ซิวไม่ได้ใช้เวลาทั้งบ่ายกับผู้หญิงคนนี้ เขาก็คงโดนเธอหลอกเข้าได้เหมือนกันเมื่อหยางถิงถิงเดินมาอยู่ตรงหน้าเย่ซิว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เธอยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเย่ซิว พลางพ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 894

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่พวกนายกำลังทำอะไรกัน!”เมื่อเสียงอันทรงอำนาจดังขึ้น ทุกคนก็หันไปโค้งคำนับบุคคลดังกล่าว“ยินดีที่ได้พบท่านประธานและท่านรองประธาน”“ทั้งสองท่านดูเด็กลงไปทุกวันเลย”“สวัสดีท่านประธานทั้งสอง”…… ประธานและรองประธานสมาคมผู้มีพลังวิเศษเป็นคนสูงอายุสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งพอทั้งสองเดินเข้ามา เย่ซิวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณท่านคือประธานของที่นี่หรือครับ?”ชายชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยางเฟิงหยางเฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นแค่รองประธาน ประธานน่ะคือคนนี้ต่างหาก”ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหยางเฟิงดูเหมือนว่าจะมีอายุประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบปีดูจากผมสีทองของเธอก็รู้ว่าเป็นคนประเทศจ้านอิงตี้โดยกำเนิดสมาคมผู้มีพลังวิเศษเป็นองค์กรที่สำคัญมากถึงขนาดนี้ แต่รองประธานกลับเป็นชาวต่างชาติ นี่แสดงให้เห็นว่าหยางเฟิงเป็นผู้มีอำนาจมากเพียงใดนอกจากนี้ เย่ซิวก็ใช้เวลาทั้งบ่ายกับอีกฝ่าย แต่เขากลับไม่ได้สังเกตเห็นถึงคลื่นพลังวิเศษอันแกร่งกล้าที่แผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่ายเลยเขาอาจจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวหรืออาจจะมีสมบัติพิเศษบางอย่างที่สามารถซ่อนลมปราณของเขาไว้ได้เย่ซิวคิดว่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 893

    ขณะนั้นได้มีกลิ่นน้ำหอมแรง ๆ ลอยเข้ามากระทบหน้าจากนั้นก็มีเสียงอันนุ่มนวลดังขึ้นที่ข้างหู “พี่ชายท่านนี้ดูมีสไตล์จังเลยนะคะ”เดลจ้องมองเย่ซิว แววตาของเธอมีประกายแปลก ๆแม้เย่ซิวจะซ่อนแสงจ้าบางส่วนจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ แต่มันก็ยากที่จะมองข้ามเมื่อเห็นในระยะใกล้อลิสยืนอยู่ตรงหน้าเย่ซิวและมองไปยังหญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนคนนี้ “เธอเป็นใคร คิดจะทำอะไร?”เธอเหยียดนิ้วไปทางเย่ซิวแล้วกระดิกนิ้วเรียก “ฉันสนใจผู้ชายของเธอ คุณอยากพูดคุยกับฉันอย่างลึกซึ้งสักหน่อยไหมคะ”อลิสโกรธมาก ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่ทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะตวาดไปว่า “รีบไสหัวไปซะ อย่ามาเกะกะที่นี่”เดลไม่ได้โมโหแม้แต่น้อย ทว่ากลับส่งสายตาเจ้าชู้ไปให้เย่ซิว ขณะเดียวกันเธอก็แอบใช้พลังจิตของตัวเองไปด้วยเธอยิ้มมุมปากเบา ๆ พลางคิดว่าข้อตกลงแลกเปลี่ยนนี้ทำสำเร็จง่ายเหลือเกินแค่ไปอ่อยผู้ชายเธอก็ได้เงินห้าร้อยล้านมาครองแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอให้เธอซื้อเซรุ่มปรับแต่งยีนสำหรับการบำเพ็ญตนได้เป็นจำนวนมากแล้วพลังจิตเข้าสู่ตัวเย่ซิวได้อย่างราบรื่นขณะที่เธอเกือบจะจับตัวผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนนี้ได้แล้ว

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 892

    สวิตช์อีกอันใช้ปรับเบาะเอนช้า ๆเธอปลดเข็มขัดนิรภัยออก พร้อมพูดทั้งใบหน้าเปื้อนน้ำตา “วันนี้ฉันจะทำให้นายหมดแรงไปเลย อย่าได้คิดที่จะทิ้งฉันไปเชียว”พูดจบเธอก็เข้าจู่โจมเย่ซิวอย่างรุนแรงคำพูดอาจหาญใคร ๆ ก็พูดได้ แต่เมื่อต้องลงสนามจริง ๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่กี่ชั่วโมงต่อมา สิ่งเดียวที่อลิสทำได้คือขอความเมตตา และขอร้องให้เย่ซิวปล่อยเธอเย่ซิวดูเวลาและเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว เขาจึงยอมปล่อยอลิสไปดูจากสภาพของเธอ เธอคงขับรถไม่ไหว เย่ซิวจึงต้องขับเองเวลาหนึ่งทุ่มห้าสิบนาที เย่ซิวมาถึงสถานที่ที่สมาคมผู้มีพลังวิเศษจัดงานปาร์ตี้มีรถหรูและรถสปอร์ตจอดเรียงรายกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้านอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ละคนยังดูแข็งแรงและดุดันน่ากลัว จนคนทั่วไปไม่กล้ามองพวกเขาตรง ๆ ด้วยซ้ำเย่ซิวลงจากรถ ตามมาด้วยอลิสร่างกายอีกครึ่งของเธอเอนซบเย่ซิว เธอมองเขาอย่างตำหนิ “นายนี่น่ารำคาญจริง ๆ ไม่รู้จักสงสารคนอื่นบ้างเลย”เย่ซิวรู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก “คุณเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมผมก่อนแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับมาโทษผมเนี่ยนะ”อลิสพูดไม่ออก เธอจึงหยิกแขนเขาอย่างแรงเย่ซิว “…”“อล

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 891

    หยางถิงถิงเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทีละก้าว พลางหยิบแบล็กการ์ดขึ้นมาสีหน้าเคร่งขรึมแล้วรูดไปที่เครื่องคิดเงินพีโอเอสจำนวนเงินที่แสดงคือ สองพันหกร้อยล้านบาทจากนั้นก็รูดโกลด์การ์ด สามพันเก้าร้อยล้านบาทบัตรถูกรูดทีละใบทุกครั้งที่รูดบัตร หัวใจของหยางถิงถิงก็สั่นไหวไม่รู้ว่าหยางเฟิงปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร และเขาก็เงียบไปเมื่อเห็นยอดเงินในบัตรแต่ละใบตัวเลขที่แสดงบนบัตรใบสุดท้ายคือหนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทมือของหยางถิงถิงสั่น ทำเอาบัตรใบนั้นเกือบจะหล่นลงบนโต๊ะมูลค่ารวมของบัตรเจ็ดแปดใบนี้ปาไปเกือบสี่หมื่นล้านบาทแล้วเงินจำนวนมหาศาลนี้เป็นเรื่องยากมากสำหรับครอบครัวของพวกเขาที่จะหามาได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ อีกทั้งพวกเขายังต้องขายทรัพย์สินจำนวนมากไปถึงจะพอเย่ซิวมองหยางถิงถิงที่มีสีหน้าไม่สู้ดี “ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาของคุณแล้ว”หยางเฟิงไม่ได้เข้ามาห้ามถึงเวลาที่หลานสาวของเขาต้องได้รับบทเรียนแล้ว เธอจะได้เข็ดหลาบเสียทีหยางถิงถิงกำมือน้อย ๆ ทั้งสองข้างไว้แน่นด้วยนิสัยหยิ่งทระนงที่เธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก การเรียกชายแปลกหน้าว่า ‘นายท่าน’ ต่อหน้าคนอื่น ๆ เป

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 890

    หยางถิงถิงชิงตอบก่อนว่า “หนึ่งหมื่นล้านบาท ห้ามขาดแม้แต่นิดเดียว”อลิสโกรธจัด “เธอบ้าไปแล้วเหรอ เสื้อผ้าหนึ่งชิ้นราคาหนึ่งหมื่นล้าน ถึงจะทำมาจากทองคำล้วนและประดับด้วยเพชรร้อยเม็ด มันก็ไม่แพงขนาดนั้นหรอก”หยางถิงถิงแค่นเสียงเย็นพลางเหล่ตามองเธอ “ราคาถูกตั้งไว้แบบนี้มาตั้งแต่แรก ฉันไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินจริงสักหน่อย ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ถอดชุดออกซะ ยาจกเอ๊ย”เย่ซิวรู้สึกหงุดหงิดกับการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหยางถิงถิง และพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับเธอ “แล้วถ้าผมมีเงินซื้อชุดนี้ล่ะจะว่ายังไง?”หยางถิงถิงกอดอก ทุกส่วนของร่างกายเธอแสดงถึงความดูถูกเหยียดหยามเย่ซิว “ดูจากสภาพนายแล้วทั้งตัวคงจะมีเงินไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทด้วยซ้ำ…คนธรรมดาอย่างนายจะมีเงินหนึ่งหมื่นล้านได้ยังไง”เดิมทีเธออยากจะพูดว่า ‘ไอ้ยาจก’ แต่เมื่อนึกถึงคุณปู่ที่ยังอยู่ข้าง ๆ เธอก็จำต้องเปลี่ยนคำพูดเย่ซิวยิ้มออกมา เดี๋ยวนี้ยังมีคนตัดสินว่าใครรวยหรือจนจากมูลค่าของเสื้อผ้าที่สวมใส่กันอยู่อีกหรือ “แล้วถ้าผมหาเงินมาได้ล่ะ?”“ถ้านายหาเงินหนึ่งหมื่นล้านมาได้ ฉันจะคำนับนายแล้วเรียกนายว่านายท่านสามครั้งไปเลยแต่บอกไว้ก่อนนะว่าเงินนั่นต้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status