หวังซงตะโกนเสียงดังลั่น จนสูญเสียการควบคุมตัวเองไปหลัวเฟิงโบกมือสั่งการ “จับเขาไป!”ในเมื่อจอมยุทธ์เหล่านั้นไม่กล้าลงมือ หวังซงก็ไม่สามารถขัดขืนได้อีกต่อไป มือของเขาถูกจับและถูกคุมตัวขึ้นรถเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วสื่อมวลชนต่าง ๆ รีบพุ่งเข้ามาเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือดในขณะเดียวกัน พ่อของหวังซงและหวังเฟิงก็ได้รับข่าวสารนั้นทันทีแม้ว่าเขาจะตกใจ แต่ยังสามารถคงความสงบได้อยู่“มีสองเรื่องที่ฉันจะให้พวกแกไปจัดการ เรื่องแรก ไปซื้อสื่อเพื่อกดกระแสข่าวนี้ให้ลดลงซะ ทำให้แน่ใจว่าราคาหุ้นของบริษัทจะไม่ผันผวนมากเกินไป”“เรื่องที่สอง ไปสืบมาให้ได้ว่าใครเป็นคนทรยศลูกชายฉัน ฉันจะทำให้มันแหลกเป็นผุยผงเลยคอยดู!”แม้ว่าหวังเฟิงจะก้าวลงจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เส้นสายและอิทธิพลของเขายังคงอยู่ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งก็รีบไปดำเนินการทันทีจากนั้น หวังเฟิงก็เริ่มโทรศัพท์ในแวดวงราชการ เขายังมีเส้นสายอยู่อีกมากมายในตอนนี้ ทั้งกลุ่มบริษัทกำลังเผชิญกับวิกฤตหนักเขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ จึงต้องใช้เส้นสายที่มีอยู่ทั้งหมดหลังจากโทรศัพท์ไปเป็นสิบ ๆ สาย หว
เขาทำการปรุงยาโอสถชีวาอาสัญด้วยวิธีเดิม และให้พี่เฟิงกินเข้าไปทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นทั่วร่างของเขา ร่างกายของเขาพุ่งสูงขึ้นเกือบถึงสองเมตร!ในการเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญสามประการประการแรก กำลังภายในเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ระดับห้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!ประการที่สอง เส้นพลังลมปราณทั้งแปดในร่างกายทั้งหมดถูกเปิดออก เชื่อมต่อกันเป็นวงจรซึ่งกำลังภายในจะไหลเวียนไม่หยุดและสามารถรองรับการต่อสู้เป็นระยะเวลานานประการที่สาม คือ การถือกำเนิดของพลัง!ซึ่งพลังนั้นมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้แต่มีอยู่จริง พลังที่แข็งแกร่งสามารถทำให้คู่ต่อสู้หวาดกลัวก่อนที่จะสู้ กัน และจะบรรลุผลสำเร็จในการชนะโดยที่ไม่ต้องต่อสู้พี่เฟิงได้ทะลวงระดับแล้ว!แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องเมื่อเทียบกับปรมาจารย์ที่ฝึกฝนมาอย่างหนักด้วยตนเองแต่ก็ถือว่าเขาเป็นปรมาจารย์อยู่ดี!มันเป็นระดับที่สามารถบดขยี้จอมยุทธ์ระดับห้าได้!เมื่อสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งในตัวเอง พี่เฟิงรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก“ปรมาจารย์... ฮ่าฮ่าฮ่า... ผมกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว...ไม่นึกเลยว่าผมจะมีวันนี้ ขอบคุณเจ้านายที่มอบชีวิตใ
เฉิงเฟิงมีรอยยิ้มพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าก่อนหน้านี้เขามักจะถูกหลิวหยางกดขี่อยู่เสมอแต่วันนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้เขากดฝ่ามือลงอย่างแรง!แคร่ก! แคร่ก!เสียงกระดูกหักดังต่อเนื่อง ทำให้กระดูกของหลิวหยางถูกบีบแตกเป็นชิ้น ๆ หลิวหยางเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวจากนั้น เฉิงเฟิงก็ปล่อยพลังอันที่น่ากลัวออกมาทันที“ระดับปรมาจารย์!”หลิวหยางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ “นี่แกเป็นปรมาจารย์จริง ๆ เหรอ!”เขารู้สึกเหมือนหัวของเขามีเสียงดังอื้ออึงนี่เป็นเรื่องราวที่ยากจะเหลื่อเชื่อ เพราะเหตุใดคนที่มีความสามารถต่ำกว่าตน ถึงทะลวงระดับปรมาจารย์ได้ในเวลาอันสั้น?เฉิงเฟิงยกมือขึ้นและรวบรวมกำลังภายในอย่างต่อเนื่อง “เอาล่ะ ตายซะเถอะ!”“เดี๋ยวก่อน” เย่ซิ่วยกมือขึ้นพรางพูด “อย่าเพิ่งฆ่าเขา ถามเขาก่อนว่าเขามีทรัพย์สินทั้งหมดเท่าไหร่”เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งมากกว่าเฉิงเฟิง ดังนั้น คาดว่าทรัพย์สินของเขาน่าจะมากกว่าเฉิงเฟิง“ครับ เจ้านาย!” เฉิงเฟิงหันไปโค้งคำนับเย่ซิว จากนั้นก็ตบไปที่ใบหน้าหลิวหยางหนึ่งครั้ง“บอกมา ถ้ากล้าปกปิดข้อมูลแม้แต่นิดเดียว ฉันฆ่านายแน่!”หากการที่เฉิงเฟิ
ทรัพย์สินของศิษย์น้องหลิวหยางก็มีประมาณแปดถึงเก้าพันล้านไหนจะบวกกับของเฉิงเฟิง เย่ซิวเข้ามาที่เมืองหวู่เพียงไม่กี่วัน ก็สามารถทำกำไรได้มากกว่าสองหมื่นล้านความเร็วในการทำเงินแบบนี้ถือว่าสุดยอดมากส่วนการโอนทรัพย์สินทั้งหมดนั้น มีเฉิงเฟิงเป็นคนช่วยจัดการเย่ซิวติดตามการแถลงข่าวของหลัวเฟิงและหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าหลังจากที่หลัวเฟิงเปิดเผยหลักฐานต่าง ๆ ทางด้านบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักบริษัทอื่น ๆ ในตลาดก็ฉวยโอกาสเข้ามากดดันบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าอย่างหนักตอนนี้หวังเฟิงกำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เส้นสายที่เขาเคยมีก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้แต่นิดเดียวไม่สิ ควรจะเอ่ยว่าหลัวเฟิงนั้นตัดการติดต่อทุกช่องทาง มีความตั้งใจที่จะสู้จนถึงที่สุดเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีความสามารถมากเพียงใด แต่หากไม่สามารถติดต่อเขาได้ ก็จะไม่มีทางทำอะไรเขาได้“บ้าจริง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!”หวังเฟิงเดินไปเดินมาในห้อง ตะโกนด้วยความโกรธแม้จะเป็นผู้ที่มีทักษะบ่มเพาะกำลังภายใน แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถสงบสติได้เลยลูกชายถูกจับ บริษัทก็ถูกโจมตี
ชายคนนั้นรู้สึกจิตใจคล้อยตาม แต่ก็ยังไม่ได้รีบตกลงหญิงสาวได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นยังไง คุณคงรู้ดี มันยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้ คุณควรรีบหาทางออกใหม่ดีกว่านะคะ”“คุณช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล่มจมขนาดนี้ อาจจะไม่ได้รับเงินเดือนเลยก็ได้นะคะ”“ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้ที่จะหลุดพ้นได้ คุณควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ดีกว่านะคะ”ชายคนนั้นมีแววตาที่สั่นไหว เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มสนใจ เขากัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หนึ่งล้านห้าแสนน้อยไป อย่างน้อยต้องสิบล้าน!”หญิงสาวยิ้มเบา ๆ แล้วยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้น “ห้าล้าน”“ได้ ตกลงตามนั้น!”หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ได้โทรไปหาหวังเฟิงเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อ เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ตีหน้าเศร้าร้องไห้และกล่าวเกินความจริงต่าง ๆ นานาเอ่ยว่าตนได้เจรจากับผู้ซื้อหลายสิบราย ราคาแต่ละที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ราคาสูงสุดก็แค่แปดร้อยล้านเขาเป็นถึงสมาชิกอาวุโสของบริษัทและได้รับการเคารพจากหวังเฟิงดังนั้น เขาพูดเช่นนี้จึงไม่มีใครสงสัยถึงแม้จะโกรธจนถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด แต่หวังเฟิงก็ยังคงต้องกัดฟันขายออกไปไม่เพียงแค่ที่ดินผืนน
ทันทีที่เธอเอ่ยจบ สีหน้าของทุกคนในที่นั้นก็เปลี่ยนไปแม่ของหลัวอีอีเป็นคนแรกที่ตะคอกออกมา “พูดอะไรเหลวไหลแบบนั้น!”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกใจหายวาบขึ้นทันที เธอหันไปมองเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวแต่เย่ซิวกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลัวอีอีทำปากจู๋ “หนูไม่ได้พูดอะไรผิดซะหน่อย พวกเราสองคนเหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก รอหนูเข้ามหาลัยก่อนเถอะ พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน เรียนจบก็แต่งงานมีลูกได้เลย”ต้องยอมรับว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้กล้าพูดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าหลัวฮ่าวและหลัวเฟิงหันมาสบตากัน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดกลับไม่เหมือนกันบุคลิกและความสามารถของเย่ซิวปรากฏอยู่ตรงหน้าหากพวกเขาสามารถเป็นเครือญาติกันได้ก็คงจะดีไม่น้อยเพียงแค่มองตากัน พ่อและลูกชายทั้งสองก็เข้าใจความคิดของกันและกันได้ทันทีหลัวฮ่าวมองไปยังเย่ซิวยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “พ่อรู้สึก/คิดว่าว่าน้องเย่เป็นคนดีมาก ถ้าเขายินดี พ่อก็ไม่มีปัญหาอะไร”หลัวเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย “นิสัยของเสี่ยวเย่สามารถเชื่อถือได้ ปู่เองก็เห็นด้วย”หวังเหม่ยลี่เริ่มรู้สึกกังวล เธอวางแผนไว้ว่าจะให้หลัวฮุ่ยหมิ่นได้คบกับเย่ซิว
เธอยังคงไม่ยอมแพ้กว่าจะเจอผู้ชายที่ถูกใจได้สักคน จะให้พลาดไปได้อย่างไรกัน?เธอสาบานอย่างเงียบ ๆ ว่าจะรักษาเย่ซิวให้หายดีให้ได้ดังนั้น เธอจึงเริ่มค้นหาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ วิธีการนวด และอื่น ๆขณะค้นหา เธอก็จดบันทึกไปด้วยเธอห้าข้อมูลจนดึกดื่น ก่อนที่จะเข้านอนวันถัดมา หลัวฮุ่ยหมิ่นตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เมื่อเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าเย่ซิวตื่นแล้วเหมือนกันทันใดนั้น ใบหน้าของเธอแดงขึ้นและรู้สึกเขินอายอย่างมากเย่ซิวแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรและเอ่ยทักทายเธอว่า “สวัสดีตอนเช้าครับ”หลัวฮุ่ยหมิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีตอนเช้า นายรอเดี๋ยวเดียวนะ พอดีตอนนี้ฉันจะออกไปจ่ายตลาด”เนื่องจากหวังเหม่ยลี่อายุมากแล้ว ดังนั้น หลัวฮุ่ยหมิ่นจึงเป็นคนออกไปจ่ายตลาดแทนเย่ซิวพยักหน้าตอบ และไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติมอีกหลัวฮุ่ยหมิ่นรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วการกระทำเมื่อคืนมีความหุนหันพลันแล่นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็ยังรู้สึกเขินอายและลำบากใจเป็นอย่างมาก จนไม่กล้าอยู่กับเย่ซิวตามลำพังในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็เปิดโทรศัพท์ดูข้อความที่ถูกส่งมาตลอดทั้งคืนส่วนใหญ่เป็นข้
หลัวฮุ่ยหมิ่นสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเย่ซิวอย่างรวดเร็ว หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น แต่เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติและถามว่า “ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง?”เย่ซิวใช้กำลังภายในจากตำราวิเศษในการปรับลมปราณในร่างกาย หลังจากที่กำลังภายในหมุนเวียนไปทั่วเส้นลมปราณในร่างกาย ความปรารถนาภายในก็ค่อย ๆ จางหายไป สายตาของเขากลับมาสงบอีกครั้งเขาเอ่ยตอบเสียงเรียบไปว่า “ผมอิ่มแล้ว”“หา?” หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “แค่รู้สึกอิ่มเองเหรอ ไม่มีความรู้สึกอื่นเลยหรือไง?”สายตาของเธอเผลอมองไปที่หน้าท้องของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวเย่ซิวส่ายหัวหลัวฮุ่ยหมิ่นฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันจะทำให้นายกินอีกหนึ่งมือ รับรองว่ามื้อนั้นจะต้องอร่อยกว่ามื้อนี้แน่”เย่ซิวถึงกับรู้สึกตกใจ “ยังมีอีกเหรอครับ?”หลัวฮุ่ยหมิ่นยิ้มแห้ง ๆ “ยังเหลืออีกสองในสาม กินได้อีกสองมื้อสบาย ๆ เลย”เย่ซิว “...”เย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกหลังจากที่หลัวฮุ่ยหมิ่นเก็บจานชามแล้ว เธอก็ไปทำงานต่อเมื่อเห็นว่าหลัวฮุ่ยหมิ่นออกไปทำงาน เย่ซิวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกการมีผู้หญิงที่พร้อมจะทำเรื่องอย่างว่ากับตนตลอดเวลาแบบนี้
หวังลี่ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างหยุดไม่อยู่ "จะเป็นไปได้ยังไง! พวกคุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหมคะ? บนโลกนี้จะมีผู้ชายคนไหนที่คู่ควรกับพวกคุณ?"ในสายตาของเธอ หนานกงเสวี่ยและหนานกงอวี่เปรียบเสมือนเทพเซียนบนสวรรค์ แล้วคนธรรมดาทั่วไปจะมีสิทธิ์คู่ควรกับพวกเธอได้อย่างไร?นานกงเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่พอใจต่อปฏิกิริยาของหวังลี่ "ยังยืนอึ้งอะไรอยู่อีก? รีบมาคารวะคุณเย่เดี๋ยวนี้!"“ฉันไม่เชื่อว่าไอ้หน้าละอ่อนคนนี้จะได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์และอาจารย์อา เขาไม่คู่ควร!” หวังลี่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นพลังปราณสั่นสะเทือน ร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเย่ซิวดั่งเสือดาว ดวงตาของเธอฉายแววอาฆาต “ไอ้หน้าอ่อน ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่านายใช้เล่ห์กลอะไรถึงหลอกพวกเธอได้!”สองพี่น้องหนานกงทั้งตกใจและโกรธจัด พวกเธอไม่คาดคิดเลยว่าหวังลี่จะไร้เหตุผลถึงเพียงนี้แต่ยังไม่ทันที่พวกเธอจะลงมือ เย่ซิวก็ชิงลงมือก่อนแล้วเพียงเห็นเขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นอย่างช้า ๆ พลังที่มองไม่เห็นก็กระทบเข้ากับร่างของหวังลี่ร่างของเธอที่พุ่งเข้ามาจู่ ๆ ก็หยุดค้างกลางอากาศ เวลาราวกับหยุดนิ่งในชั่วพริบตาทั้งสามคนในสถานที่นั้นล้วนแสดงสีหน
เย่ซิวเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของสองพี่น้องอย่างเต็มที่บางทีอาจเป็นเพราะสถานะของหนานกงเสวี่ยในตอนนี้ที่เปลี่ยนไปแล้ว เลยทำให้เย่ซิวรู้สึกแปลกใหม่ในใจบนโลกนี้ นอกจากเขาที่สามารถสั่งให้ราชินีมาปรนนิบัติรับใช้ได้ ยังมีใครอีกที่ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้หากเป็นคนที่ชอบโอ้อวด ป่านนี้คงจะโพนทะนาเรื่องนี้ไปทั่วแล้วในระหว่างกระบวนการนี้ สองพี่น้องก็ก้าวเข้าสู่ช่วงสร้างพื้นฐานได้สำเร็จราบรื่นพวกเธอนั่งขัดสมาธิบนเตียง มีพลังมหาศาลแผ่กระจายออกมารอบตัวกำลังภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ กลายเป็นพลังวิญญาณระดับสูงซึ่งเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกาย ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่า พวกเธอถึงทำให้พลังของตนเองเสถียรขึ้นจากนั้นเย่ซิวก็เริ่มเปิดฉากรุกสองพี่น้องรอบใหม่จุดประสงค์หลักยังคงเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของเขาฝังลึกแน่นในใจของพวกเธอดังที่คำโบราณว่าไว้ การจะพิชิตผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่พิชิตหัวใจของเธอ ก็ต้องพิชิต...ของเธอเย่ซิวไม่มีเวลามากพอที่จะมาพิชิตหัวใจพวกเธอ ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีหลังซึ่งผลลัพธ์ก็ชัดเจนมากสายตาที่สองพี่น้องมองเย่ซิวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ความคิด
เขาเปิดโอกาสให้สองสาวได้ตัดสินใจจะเลือกถูกปราบด้วยกำลัง หรือจะเลือกสันติและหลอมรวมมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเธอในชั่วขณะนั้นขณะนี้กษัตริย์ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ทั้งสองสาวจึงเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศตอนนี้ด้วยอิทธิพลของพวกเธอ ตราบเท่าที่ใครสักคนในสองคนนี้อยากจะขึ้นครองบัลลังก์ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสองพี่น้องตกอยู่ในความขัดแย้งภายในใจด้วยพลังที่เย่ซิวแสดงออกมาให้เห็น ทั้งสองสาวไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถกวาดล้างผู้นำระดับสูงและกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนี้ได้ในเวลาอันสั้นต่อให้พวกเธอจะระดมกำลังต่อต้าน ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม และจะมีแต่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์หนานกงเสวี่ยผู้เป็นพี่สาวไม่ได้ลังเลนานนัก กัดฟันแล้วพูดกับเย่ซิวว่า “ได้ ฉันตกลง”หนานกงอวี่เองก็พยักหน้ารับเช่นกันเย่ซิวยิ้มเล็กน้อย นั่งลงบนโซฟาแล้วไขว่ห้างอย่างสบายใจ “งั้นก็รีบไปจัดการเถอะ ผมให้เวลาพวกคุณสองวันในการขึ้นสู่อำนาจ พอไหม?”หนานกงเสวี่ยพูดว่า “พอแล้ว คุณพักผ่อนที่นี่ก่อน เราจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที”เย่ซิวพยักหน้า เขาไม่ได้ก
“เมื่อวานนี้กษัตริย์เสด็จมาด้วยพระองค์เองและบอกเล่าถึงผลงานที่พระองค์ได้ทำเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกทั้งเรายังทราบมาว่าพระองค์ได้ระงับอาวุธที่ตั้งใจจะขายให้กับสำนักโอสถไว้อีกด้วยคุณก็น่าจะเดาได้ว่าพระองค์จะรายงานเรื่องสำนักโอสถไปยังประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้านฉงตี้แน่นอนแต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก พระองค์ยังไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น เพราะเราได้จับกุมพระองค์ไว้แล้ว”ข่าวที่กษัตริย์ของประเทศปิงจือได้รับ คือเย่ซิวอาศัยความเร็วหลบหนีจากการปิดล้อมของกองทัพห้าล้านนายแต่สถานการณ์ที่แท้จริงนั้นคือเย่ซิวต่อสู้ฝ่ากองทัพจนเปิดเส้นทางหนีออกมาเองประเทศที่เข้าร่วมสงครามเหล่านั้นไม่มีทางเปิดเผยความจริง เพราะไม่ใช่เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเองเหรอหากกษัตริย์ของประเทศปิงจือรู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งเพียงนี้ พระองค์คงไม่กล้าเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้"หลังจากที่คำพูดนี้จบลง เย่ซิวก็ถึงกับชะงักไป มองไปที่สองพี่น้องแล้วพูดว่า “อย่าบอกผมนะว่าพวกคุณชอบผมเข้าแล้ว?”แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก แต่เย่ซิวก็ไม่คิดว่าสองสาวจะทรยศประเทศของตัวเองเพื่อตนหนานกงอวี่ผู้เป็นน้องสาวยิ้มขื่นและพูดว่า
“นายจะทำอะไร…”ตามมาด้วยเสียงน้ำกระจายตัวดังสนั่นหลังจากบทเรียนอันแสนลึกซึ้ง ฉีฉูฉู่ก็สงบลงชั่วคราวถึงแม้สายตาที่มองเย่ซิวจะยังเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรที่จะทำให้เขาโมโหอีกหลังจากที่เธอช่วยเย่ซิวสวมเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกมาข้างนอก พอดีกับที่เฉินหลานกำลังเคาะประตูและรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน “นายท่าน แย่แล้วค่ะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”เย่ซิวนั่งลงบนโซฟานุ่ม ๆ พลางจิบไวน์แดงที่ฉีฉูฉู่ยื่นให้ ก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “ค่อย ๆ พูดก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน”“พึ่งได้รับข่าวล่าสุดมาค่ะว่าประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้างฉงตี้ร่วมมือกับประเทศบริวารออกมาตรการคว่ำบาตรครีมผิวหยกของเราพวกเขาสั่งห้ามไม่ให้เราขายครีมผิวหยกในสำนักโอสถ แถมยังแบนสินค้าเราไปทั่วโลกอีกด้วยถึงขั้นขู่ว่าใครก็ตามที่กล้าซื้อสินค้าของเราจะถูกขึ้นบัญชีดำในการลอบสังหารค่ะ”สีหน้าของเย่ซิวไม่เปลี่ยนไปเลย เพราะเขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว“ไม่ต้องห่วง ผลิตต่อไปตามปกติ พวกนั้นคว่ำบาตรเราไม่ได้หรอก”เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพราะยังไงฝั่งประเทศหลงเถิงจะช่วยจัดการให้อยู่ดีไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ป
เมื่อฉีฉูฉู่เห็นเย่ซิว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน “นายกลับมาทำไมอีก!”เธอหมุนตัวตั้งใจจะเดินหนีทันทีเพราะไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้แต่ความเร็วของเธอคงไม่เท่ากับความเร็วในการพูดของเย่ซิว“มานี่”ร่างกายของฉีฉูฉู่สะดุ้งหยุดกึก ถึงแม้ในใจจะต่อต้านเพียงใด แต่ร่างกายกลับเดินเข้าไปหาเย่ซิวอย่างไม่อาจควบคุมได้เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาแค้นเคืองเย่ซิวจับปลายคางเรียบเนียนของเธอเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ดูเหมือนพลังของคุณจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนะ”ตอนนี้ฉีฉูฉู่เข้าใกล้ขั้นกลางของการสร้างรากฐานปราณเต็มที คงเพราะช่วงนี้เธอหลอมรวมกับยีนนาคราชมากขึ้นฉีฉูฉู่แค่นเสียงหึ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่อยากสบตากับชายคนนี้“ไปเตรียมอาหารกับน้ำร้อนให้ผมหน่อย”ฉีฉูฉู่ก้าวขาเรียวยาวออกไปอย่างไม่เต็มใจนักเมื่อเดินเข้าไปใกล้สำนักงานใหญ่แห่งสำนักโอสถ หวังซวงกับเฉินหลานที่ได้ข่าวก็รีบมาพบทันที“ท่านอาจารย์!”“นายท่าน กลับมาโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“เรื่องมันยาวน่ะ” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะชี้ไปที่กระทิงคลั่งด้านข้าง “นี่คือกระทิงคลั่ง ต่อจากนี้เขาจ
เย่ซิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรศัพท์ของเขามีระบบระบุตำแหน่งที่ทรงพลัง ไม่นานก็รู้ตำแหน่งปัจจุบันของตัวเองทันทีตอนนี้เขาอยู่ไกลจากประเทศหลงเถิงมากแล้ว แต่กลับอยู่ไม่ไกลจากสำนักโอสถหนึ่งวันหลังจากนั้น เย่ซิวก็กลับมาถึงสำนักโอสถอีกครั้งสิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาผู้หญิงรอบตัวและแจ้งให้พวกเธอรู้ว่าเขาปลอดภัยดีเขากำชับให้พวกเธอใช้เวลาให้เต็มที่ในการบำเพ็ญตนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากนั้นเย่ซิวหันไปเอ่ยกับกระทิงคลั่ง “ตอนนี้นายคิดจะทำยังไงต่อ จะไปตามทางของตัวเองหรือ…”“ตุบ!”ยังพูดไม่ทันจบ กระทิงคลั่งก็คุกเข่าลงทันที พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความแค้นของผมได้รับการชำระแล้ว ต่อจากนี้ผมขอสาบานว่าจะติดตามคุณไปจนตาย”“ดี งั้นก็ตามฉันมา”เย่ซิวพาเขากลับไปยังสำนักงานใหญ่ของสำนักโอสถเขาไม่ได้แจ้งให้หวังซวงและเฉินหลานรู้ว่าเขากลับมาเพราะต้องการแอบตรวจสอบแบบลับ ๆ ว่าสำนักโอสถมีการบริหารอย่างไรในช่วงที่เขาไม่อยู่เย่ซิวกับกระทิงคลั่งเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อเดินสำรวจพื้นที่ของสำนักโอสถตอนนี้ถนนคอนกรีตและทางด่วนลาดยางถูกสร้างขึ้นแล้วอาคารทันสมัยใหม่เอี่ยมหลา
เย่ซิวไม่เคยประมาทพวกอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้เลยตัวอย่างเช่นตอนนี้ เมื่อสองประเทศนั้นตั้งใจแน่วแน่ที่จะล้อมปราบเขา การล่องหนของเขาก็ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไปเพราะพวกเขาได้ระดมอุปกรณ์ตรวจจับชีพจรชีวิตจำนวนมาก ซึ่งสามารถจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ในระยะหลายร้อยไมล์ขณะนี้พลังวิญญาณของเย่ซิวเหลืออยู่น้อยเต็มที ทำให้ไม่สามารถซ่อนตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเผชิญหน้ากับเรือดำน้ำหลายลำที่กำลังล้อมเข้ามา เขาไม่มีทางถอยหนีอีกต่อไปแล้วในเรือดำน้ำแต่ละลำ บรรดาผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศที่รับผิดชอบการไล่ล่าเย่ซิวต่างมีรอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏบนใบหน้า“ดูเหมือนหมอนี่จะสูญเสียพลังไปมาก”“เขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว”“อีกนิดเดียวก็จะฆ่ามันได้ ถึงตอนนั้นพอพวกเรากลับไปก็ได้เลื่อนตำแหน่งกันหมด”“ไอ้เวรนี่แข็งแกร่งเกินไป ทำให้พวกเราสูญเสียอย่างหนัก แถมยังขายหน้าสุด ๆ คราวนี้ต้องระเบิดมันให้แหลกเป็นจุณ!”กระบี่ดาวตกอยู่ในมือเขาพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ถูกส่งเข้าไปในกระบี่นั้น ทำให้จุดแสงทั้งเจ็ดบนกระบี่ส่องสว่างขึ้นทีละจุด จากนั้นมันก็เชื่อมต่อกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ตูม! ตูม! ตูม!เสาแสงดาวขนาดมหึ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงการทุ่มกำลังคนและอาวุธมากมายขนาดนี้ นอกจากจะไม่สามารถจับตัวเย่ซิวได้ แต่ผู้บัญชาการสูงสุดยังถูกสังหารอีก เรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินเรื่องที่เหลือต่อจากนี้ก็จะง่ายขึ้นแล้วผู้อาวุโสมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าทิ้งกำลังทหารไว้ที่ชายแดนอีกต่อไปและต่อให้พวกเขากล้า ผู้อาวุโสเพียงขู่พวกเขาก็เพียงพอแล้วเช่นการพูดว่า ถ้าในบรรดาผู้นำระดับสูงของพวกแกมีคนที่จะต้านทานการลอบสังหารของเย่ซิวได้ก็จงอยู่ต่อไปเถอะเย่ซิวมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ทุกคนก็ได้เห็นกับตาแล้วดังนั้น วิกฤตครั้งนี้นอกจากจะถูกคลี่คลาย แต่ยังทำให้แต่ละประเทศเกรงกลัวประเทศหลงเถิงมากยิ่งขึ้นอย่างน้อยที่สุด ก่อนที่จะจัดการกับภัยแฝงที่ชื่อว่าเย่ซิวได้สำเร็จ คงไม่มีใครกล้าลงมือกับประเทศหลงเถิงง่าย ๆ แน่ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคงจะร้ายแรงมาก“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ผู้อาวุโสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งลูกน้องข้างกายว่า “เอาภาพเหตุการณ์ตอนเย่ซิวต่อสู้เมื่อกี้ไปจัดเรียง แล้วเผยแพร่ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต”ลูกน้องตกใจ “จะไ