หวังซงตะโกนเสียงดังลั่น จนสูญเสียการควบคุมตัวเองไปหลัวเฟิงโบกมือสั่งการ “จับเขาไป!”ในเมื่อจอมยุทธ์เหล่านั้นไม่กล้าลงมือ หวังซงก็ไม่สามารถขัดขืนได้อีกต่อไป มือของเขาถูกจับและถูกคุมตัวขึ้นรถเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วสื่อมวลชนต่าง ๆ รีบพุ่งเข้ามาเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือดในขณะเดียวกัน พ่อของหวังซงและหวังเฟิงก็ได้รับข่าวสารนั้นทันทีแม้ว่าเขาจะตกใจ แต่ยังสามารถคงความสงบได้อยู่“มีสองเรื่องที่ฉันจะให้พวกแกไปจัดการ เรื่องแรก ไปซื้อสื่อเพื่อกดกระแสข่าวนี้ให้ลดลงซะ ทำให้แน่ใจว่าราคาหุ้นของบริษัทจะไม่ผันผวนมากเกินไป”“เรื่องที่สอง ไปสืบมาให้ได้ว่าใครเป็นคนทรยศลูกชายฉัน ฉันจะทำให้มันแหลกเป็นผุยผงเลยคอยดู!”แม้ว่าหวังเฟิงจะก้าวลงจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เส้นสายและอิทธิพลของเขายังคงอยู่ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งก็รีบไปดำเนินการทันทีจากนั้น หวังเฟิงก็เริ่มโทรศัพท์ในแวดวงราชการ เขายังมีเส้นสายอยู่อีกมากมายในตอนนี้ ทั้งกลุ่มบริษัทกำลังเผชิญกับวิกฤตหนักเขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ จึงต้องใช้เส้นสายที่มีอยู่ทั้งหมดหลังจากโทรศัพท์ไปเป็นสิบ ๆ สาย หว
เขาทำการปรุงยาโอสถชีวาอาสัญด้วยวิธีเดิม และให้พี่เฟิงกินเข้าไปทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นทั่วร่างของเขา ร่างกายของเขาพุ่งสูงขึ้นเกือบถึงสองเมตร!ในการเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญสามประการประการแรก กำลังภายในเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ระดับห้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!ประการที่สอง เส้นพลังลมปราณทั้งแปดในร่างกายทั้งหมดถูกเปิดออก เชื่อมต่อกันเป็นวงจรซึ่งกำลังภายในจะไหลเวียนไม่หยุดและสามารถรองรับการต่อสู้เป็นระยะเวลานานประการที่สาม คือ การถือกำเนิดของพลัง!ซึ่งพลังนั้นมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้แต่มีอยู่จริง พลังที่แข็งแกร่งสามารถทำให้คู่ต่อสู้หวาดกลัวก่อนที่จะสู้ กัน และจะบรรลุผลสำเร็จในการชนะโดยที่ไม่ต้องต่อสู้พี่เฟิงได้ทะลวงระดับแล้ว!แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องเมื่อเทียบกับปรมาจารย์ที่ฝึกฝนมาอย่างหนักด้วยตนเองแต่ก็ถือว่าเขาเป็นปรมาจารย์อยู่ดี!มันเป็นระดับที่สามารถบดขยี้จอมยุทธ์ระดับห้าได้!เมื่อสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งในตัวเอง พี่เฟิงรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก“ปรมาจารย์... ฮ่าฮ่าฮ่า... ผมกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว...ไม่นึกเลยว่าผมจะมีวันนี้ ขอบคุณเจ้านายที่มอบชีวิตใ
เฉิงเฟิงมีรอยยิ้มพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าก่อนหน้านี้เขามักจะถูกหลิวหยางกดขี่อยู่เสมอแต่วันนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้เขากดฝ่ามือลงอย่างแรง!แคร่ก! แคร่ก!เสียงกระดูกหักดังต่อเนื่อง ทำให้กระดูกของหลิวหยางถูกบีบแตกเป็นชิ้น ๆ หลิวหยางเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวจากนั้น เฉิงเฟิงก็ปล่อยพลังอันที่น่ากลัวออกมาทันที“ระดับปรมาจารย์!”หลิวหยางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ “นี่แกเป็นปรมาจารย์จริง ๆ เหรอ!”เขารู้สึกเหมือนหัวของเขามีเสียงดังอื้ออึงนี่เป็นเรื่องราวที่ยากจะเหลื่อเชื่อ เพราะเหตุใดคนที่มีความสามารถต่ำกว่าตน ถึงทะลวงระดับปรมาจารย์ได้ในเวลาอันสั้น?เฉิงเฟิงยกมือขึ้นและรวบรวมกำลังภายในอย่างต่อเนื่อง “เอาล่ะ ตายซะเถอะ!”“เดี๋ยวก่อน” เย่ซิ่วยกมือขึ้นพรางพูด “อย่าเพิ่งฆ่าเขา ถามเขาก่อนว่าเขามีทรัพย์สินทั้งหมดเท่าไหร่”เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งมากกว่าเฉิงเฟิง ดังนั้น คาดว่าทรัพย์สินของเขาน่าจะมากกว่าเฉิงเฟิง“ครับ เจ้านาย!” เฉิงเฟิงหันไปโค้งคำนับเย่ซิว จากนั้นก็ตบไปที่ใบหน้าหลิวหยางหนึ่งครั้ง“บอกมา ถ้ากล้าปกปิดข้อมูลแม้แต่นิดเดียว ฉันฆ่านายแน่!”หากการที่เฉิงเฟิ
ทรัพย์สินของศิษย์น้องหลิวหยางก็มีประมาณแปดถึงเก้าพันล้านไหนจะบวกกับของเฉิงเฟิง เย่ซิวเข้ามาที่เมืองหวู่เพียงไม่กี่วัน ก็สามารถทำกำไรได้มากกว่าสองหมื่นล้านความเร็วในการทำเงินแบบนี้ถือว่าสุดยอดมากส่วนการโอนทรัพย์สินทั้งหมดนั้น มีเฉิงเฟิงเป็นคนช่วยจัดการเย่ซิวติดตามการแถลงข่าวของหลัวเฟิงและหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าหลังจากที่หลัวเฟิงเปิดเผยหลักฐานต่าง ๆ ทางด้านบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักบริษัทอื่น ๆ ในตลาดก็ฉวยโอกาสเข้ามากดดันบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าอย่างหนักตอนนี้หวังเฟิงกำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เส้นสายที่เขาเคยมีก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้แต่นิดเดียวไม่สิ ควรจะเอ่ยว่าหลัวเฟิงนั้นตัดการติดต่อทุกช่องทาง มีความตั้งใจที่จะสู้จนถึงที่สุดเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีความสามารถมากเพียงใด แต่หากไม่สามารถติดต่อเขาได้ ก็จะไม่มีทางทำอะไรเขาได้“บ้าจริง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!”หวังเฟิงเดินไปเดินมาในห้อง ตะโกนด้วยความโกรธแม้จะเป็นผู้ที่มีทักษะบ่มเพาะกำลังภายใน แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถสงบสติได้เลยลูกชายถูกจับ บริษัทก็ถูกโจมตี
ชายคนนั้นรู้สึกจิตใจคล้อยตาม แต่ก็ยังไม่ได้รีบตกลงหญิงสาวได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นยังไง คุณคงรู้ดี มันยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้ คุณควรรีบหาทางออกใหม่ดีกว่านะคะ”“คุณช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล่มจมขนาดนี้ อาจจะไม่ได้รับเงินเดือนเลยก็ได้นะคะ”“ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้ที่จะหลุดพ้นได้ คุณควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ดีกว่านะคะ”ชายคนนั้นมีแววตาที่สั่นไหว เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มสนใจ เขากัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หนึ่งล้านห้าแสนน้อยไป อย่างน้อยต้องสิบล้าน!”หญิงสาวยิ้มเบา ๆ แล้วยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้น “ห้าล้าน”“ได้ ตกลงตามนั้น!”หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ได้โทรไปหาหวังเฟิงเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อ เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ตีหน้าเศร้าร้องไห้และกล่าวเกินความจริงต่าง ๆ นานาเอ่ยว่าตนได้เจรจากับผู้ซื้อหลายสิบราย ราคาแต่ละที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ราคาสูงสุดก็แค่แปดร้อยล้านเขาเป็นถึงสมาชิกอาวุโสของบริษัทและได้รับการเคารพจากหวังเฟิงดังนั้น เขาพูดเช่นนี้จึงไม่มีใครสงสัยถึงแม้จะโกรธจนถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด แต่หวังเฟิงก็ยังคงต้องกัดฟันขายออกไปไม่เพียงแค่ที่ดินผืนน
ทันทีที่เธอเอ่ยจบ สีหน้าของทุกคนในที่นั้นก็เปลี่ยนไปแม่ของหลัวอีอีเป็นคนแรกที่ตะคอกออกมา “พูดอะไรเหลวไหลแบบนั้น!”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกใจหายวาบขึ้นทันที เธอหันไปมองเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวแต่เย่ซิวกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลัวอีอีทำปากจู๋ “หนูไม่ได้พูดอะไรผิดซะหน่อย พวกเราสองคนเหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก รอหนูเข้ามหาลัยก่อนเถอะ พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน เรียนจบก็แต่งงานมีลูกได้เลย”ต้องยอมรับว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้กล้าพูดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าหลัวฮ่าวและหลัวเฟิงหันมาสบตากัน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดกลับไม่เหมือนกันบุคลิกและความสามารถของเย่ซิวปรากฏอยู่ตรงหน้าหากพวกเขาสามารถเป็นเครือญาติกันได้ก็คงจะดีไม่น้อยเพียงแค่มองตากัน พ่อและลูกชายทั้งสองก็เข้าใจความคิดของกันและกันได้ทันทีหลัวฮ่าวมองไปยังเย่ซิวยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “พ่อรู้สึก/คิดว่าว่าน้องเย่เป็นคนดีมาก ถ้าเขายินดี พ่อก็ไม่มีปัญหาอะไร”หลัวเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย “นิสัยของเสี่ยวเย่สามารถเชื่อถือได้ ปู่เองก็เห็นด้วย”หวังเหม่ยลี่เริ่มรู้สึกกังวล เธอวางแผนไว้ว่าจะให้หลัวฮุ่ยหมิ่นได้คบกับเย่ซิว
เธอยังคงไม่ยอมแพ้กว่าจะเจอผู้ชายที่ถูกใจได้สักคน จะให้พลาดไปได้อย่างไรกัน?เธอสาบานอย่างเงียบ ๆ ว่าจะรักษาเย่ซิวให้หายดีให้ได้ดังนั้น เธอจึงเริ่มค้นหาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ วิธีการนวด และอื่น ๆขณะค้นหา เธอก็จดบันทึกไปด้วยเธอห้าข้อมูลจนดึกดื่น ก่อนที่จะเข้านอนวันถัดมา หลัวฮุ่ยหมิ่นตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เมื่อเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าเย่ซิวตื่นแล้วเหมือนกันทันใดนั้น ใบหน้าของเธอแดงขึ้นและรู้สึกเขินอายอย่างมากเย่ซิวแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรและเอ่ยทักทายเธอว่า “สวัสดีตอนเช้าครับ”หลัวฮุ่ยหมิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีตอนเช้า นายรอเดี๋ยวเดียวนะ พอดีตอนนี้ฉันจะออกไปจ่ายตลาด”เนื่องจากหวังเหม่ยลี่อายุมากแล้ว ดังนั้น หลัวฮุ่ยหมิ่นจึงเป็นคนออกไปจ่ายตลาดแทนเย่ซิวพยักหน้าตอบ และไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติมอีกหลัวฮุ่ยหมิ่นรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วการกระทำเมื่อคืนมีความหุนหันพลันแล่นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็ยังรู้สึกเขินอายและลำบากใจเป็นอย่างมาก จนไม่กล้าอยู่กับเย่ซิวตามลำพังในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็เปิดโทรศัพท์ดูข้อความที่ถูกส่งมาตลอดทั้งคืนส่วนใหญ่เป็นข้
หลัวฮุ่ยหมิ่นสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเย่ซิวอย่างรวดเร็ว หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น แต่เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติและถามว่า “ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง?”เย่ซิวใช้กำลังภายในจากตำราวิเศษในการปรับลมปราณในร่างกาย หลังจากที่กำลังภายในหมุนเวียนไปทั่วเส้นลมปราณในร่างกาย ความปรารถนาภายในก็ค่อย ๆ จางหายไป สายตาของเขากลับมาสงบอีกครั้งเขาเอ่ยตอบเสียงเรียบไปว่า “ผมอิ่มแล้ว”“หา?” หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “แค่รู้สึกอิ่มเองเหรอ ไม่มีความรู้สึกอื่นเลยหรือไง?”สายตาของเธอเผลอมองไปที่หน้าท้องของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวเย่ซิวส่ายหัวหลัวฮุ่ยหมิ่นฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันจะทำให้นายกินอีกหนึ่งมือ รับรองว่ามื้อนั้นจะต้องอร่อยกว่ามื้อนี้แน่”เย่ซิวถึงกับรู้สึกตกใจ “ยังมีอีกเหรอครับ?”หลัวฮุ่ยหมิ่นยิ้มแห้ง ๆ “ยังเหลืออีกสองในสาม กินได้อีกสองมื้อสบาย ๆ เลย”เย่ซิว “...”เย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกหลังจากที่หลัวฮุ่ยหมิ่นเก็บจานชามแล้ว เธอก็ไปทำงานต่อเมื่อเห็นว่าหลัวฮุ่ยหมิ่นออกไปทำงาน เย่ซิวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกการมีผู้หญิงที่พร้อมจะทำเรื่องอย่างว่ากับตนตลอดเวลาแบบนี้
ในแววตาของเซี่ยชิงชิงไม่แสดงความแค้นอีกต่อไป หากแต่ซ่อนมันไว้ลึกสุดใจตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองจนต้องตกตะลึง “ความแข็งแรงของกระดูกฉัน… พลังภายในของฉัน…”เธอรู้สึกทึ่งกับวิธีการของเย่ซิวและตามมาด้วยความยินดีอย่างท่วมท้นแค่การเพิ่มพลังในวันเดียวก็ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่ากลัวหากสามารถรักษาระดับนี้ได้ทุกวัน สักวันหนึ่งเธอก็จะสามารถก้าวสู่การสร้างรากฐานปราณได้เช่นกัน!เมื่อถึงเวลานั้น พลังพิษของเธอก็จะพัฒนาขึ้นอย่างมหาศาลแล้วเธอจะหาทางเข้าใกล้เย่ซิวเพื่อวางยาพิษเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว!แววตาเธอมีประกายความหวังขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้ บทบาทที่เธอจะต้องเล่นต่อไปก็คือการทำตัวเป็นคนที่ไม่สามารถอยู่ห่างจากเย่ซิวได้จนกว่าจะถึงวันที่เธอแข็งแกร่งพอ!……หลังเลิกงาน ชูตงไม่เสียเวลาอยู่ในบริษัทแม้แต่นาทีเดียว เธอรีบสะพายกระเป๋าแล้วออกไปอย่างรวดเร็วมีสองเหตุผลเหตุผลแรกคือไม่อยากพบกับเย่ซิวอีก และเหตุผลที่สองคือต้องไปทำงานพิเศษทุกสัปดาห์งานนั้นคือการสอนพิเศษให้กับเด็กสาวที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปีสุดท้ายหลังออกจากบริษัท ชูตงก็เรียกแท็กซี่
เซี่ยชิงชิงเคาะประตูห้องทำงานของเย่ซิวด้วยความกังวลใจทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าในห้องทำงานมีเพียงเย่ซิวเพียงคนเดียวโดยไม่มีผู้บริหารระดับสูงอย่างที่เขาว่าไว้ เซี่ยชิงชิงก็รู้สึกขนลุกแทบอยากจะหันหลังกลับออกไปทันทีเย่ซิวเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม เข้ามาสิ”เซี่ยชิงชิงสูดลมหายใจลึกก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อยเธอพยายามฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “พี่เขย นายเรียกฉันมามีอะไรหรือเปล่า?”“มานี่” เย่ซิวกวักมือเรียกเธอเซี่ยชิงชิงทำได้แค่เดินเข้าไปหาเขา“เมื่อกี้ฉันตรวจดูโครงกระดูกของเธอแล้วมันยังอ่อนแออยู่ เลยคิดว่าตอนนี้พอมีเวลาจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เธอหน่อย”เซี่ยชิงชิงรู้สึกสงสัย เธอไม่เชื่อว่าเย่ซิวจะมีเจตนาดีเช่นนั้น“ไม่…ไม่เป็นไร”เย่ซิวลุกขึ้นเดินมาหาเธอ ก่อนจะยกมือปิดจุดเสียงของเธอทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ ก่อนจะคว้ามือของเธอแล้วบีบอย่างแรง“กร๊อบ!”เสียงกระดูกแตกดังขึ้นดวงตาของเซี่ยชิงชิงเบิกกว้าง ความเจ็บปวดรุนแรงจนทำให้ลมหายใจเธอขาดห้วงแต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นจากนั้น เธอได้ลิ้มรสความทรมานท
หลังจากที่พลังเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้า ความสามารถในการจดจำก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนแทบจะเรียกได้ว่าผ่านตาเพียงครั้งเดียวก็จำได้ทุกอย่าง เอกสารลับหลายฉบับถูกจดจำไว้ในหัวของเธออย่างแม่นยำ เธอจึงยกยิ้มมุปากเล็กน้อย“ดูอะไรอยู่ล่ะ ทำไมดูจริงจังขนาดนี้”เสียงเรียบชัดเจนเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหันข้างหูของเธอเซี่ยชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเย่ซิวมาอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เธอปิดเอกสารอย่างไม่แสดงพิรุธ ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วตอบด้วยเสียงที่มั่นคง “ว่าไงพี่เขย ฉันกำลังดูข้อมูลของบริษัทอยู่”เย่ซิวก้าวเข้ามาใกล้เธอทีละก้าวแม้ว่าเขาจะไม่ได้ปล่อยพลังที่น่ากลัวใด ๆ ออกมา แต่ก็ทำให้เซี่ยชิงชิงต้องก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวในที่สุดเธอก็ถูกบีบให้ถอยจนชิดกับผนังเย่ซิวใช้มือข้างหนึ่งเท้ากับผนังไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งเชยคางของเซี่ยชิงชิงขึ้นมาพลางใช้สายตามองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ “เธอเพิ่งมาที่บริษัท พอจะปรับตัวได้หรือเปล่า?”“ก็…ก็โอเคนะ…”เสียงของเซี่ยชิงชิงมีความตะกุกตะกักเล็กน้อยและเต็มไปด้วยความกังวลใจ เพราะเธอไม่แน่ใจว่าเย่ซิวจะรู้เรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า“ถ้างั้นก
“คุณทำอะไรน่ะ? ปล่อยเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นเมื่อถูกเย่ซิวคว้ามือไว้ ขนทั้งร่างของชูตงก็ลุกเกรียว เธอโกรธมากพยายามดึงมือออกอย่างสุดความสามารถน่าเสียดายที่ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ มันจึงถูกกำหนดให้เป็นไปไม่ได้ชูตงรู้สึกทั้งอายและโกรธ เธอพูดอย่างโกรธจัด "รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความ!"แม้ว่าเธอจะเคยคบกับหลี่ต้าจ้วง แต่ทั้งสองคนก็ไม่เคยจับมือกันตอนนี้จู่ ๆ ก็ถูกชายคนหนึ่งที่พบเจอเพียงไม่กี่ครั้งจับมือ อย่าถามเลยว่าเธอเดือดดาลแค่ไหนโชคดีที่ระบบกันเสียงในห้องทำงานนี้ดีพอที่จะทำให้เสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ยินจากข้างนอก ไม่อย่างนั้นทั้งบริษัทคงรู้เรื่องนี้แล้วเย่ซิวใช้แรงดึงเธอให้นั่งลงบนโซฟา จับไหล่ของเธอไว้ป้องกันไม่ให้เธอขยับชูตงตื่นตระหนกมาก คิดว่าเย่ซิวต้องการทำอะไรบางอย่างกับเธอ เธอจึงตะโกนลั่น“ช่วยด้วย ไอ้สารเลว ปล่อยฉันไปนะ ฮือฮือฮือ...”เธอรู้สึกเพียงว่าชีวิตมันช่างมืดมนเมื่อวานเพิ่งถูกแฟนหักหลัง วันนี้ยังต้องมาโดนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้...“หุบปาก!” จู่ ๆ เย่ซิวก็ตะโกนขึ้น “ผู้หญิงโง่นี่ ใครบอกว่าผมจะทำอะไรคุณ!”ชูตงตกใจกับเสียงคำรามของเขามากจึง
ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถอดผ้าปิดตาออก เอียงศีรษะแล้วมองไปที่เย่ซิว "เมื่อคืนนี้คือน้องหลิ่วใช่ไหม?"เย่ซิวรู้สึกขบขันอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงจริงจัง "คุณเดาดูสิ"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แค่นเสียงฮึ่ม "ต้องเป็นเธอแน่ ๆ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนเดียวในบ้านนี้ที่ใช้น้ำหอมดอกหอมหมื่นลี้คิดไม่ถึง น้องหลิ่วที่ปกติดูจะเป็นผู้หญิงที่ซื่อตรงขนาดนั้นจะ…”เย่ซิวขอโทษหลิ่วเมิ่งอิ๋นในใจอย่างเงียบ ๆ ที่ให้เธอมาแบกรับความผิดแทนหลิวอวิ้นเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเงียบไม่พูด ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เข้าใจไปเองแล้วว่านั่นคือหลิ่วเมิ่งอิ๋นจริง ๆหลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จ ก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋น จึงหัวเราะคิกคักและพูดไปว่า "น้องหลิ่ว ฉันดูไม่ออกเลยจริง ๆ นะ"หลิ่วเมิ่งอิ๋น "???"วันนี้เย่ซิวเองก็จะไปที่บริษัทกับพวกเธอด้วยเซี่ยชิงชิงติดตามไปด้วยเช่นกันเธอนั่งอยู่ในรถ กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้บรรยากาศครึกครื้น รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้า ทำให้ใครเห็นใครก็รักถ้าเย่ซิวไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาก็อาจจะถูกทักษะการแสดงของน้องภรรยาคนนี้หลอกเข้าให้จริง ๆเมื่อมาถึงที่บริษัท เซี่ยชิงชิงก็ถูกพี่สาวพาไปลงทะเบีย
หัวใจของเซี่ยชิงชิงกระตุกวูบ ก่อนที่เธอจะทันได้ทันตอบสนอง มือของเย่ซิวก็วางลงบนจุดตันเถียนของเธอแล้วมือใหญ่ที่มั่นคงและทรงพลังนั้นกดลงไปตรง ๆร่างกายอันละเอียดอ่อนของเซี่ยชิงชิงแข็งทื่อ เธอแทบจะหยุดหายใจแล้ว“โอ้? ไม่เลวเลย ถึงกับมีความสามารถในการฆ่าแมลงพิษที่ฉันฝังไว้” เย่ซิวมองเธอด้วยรอยยิ้มแต่เซี่ยชิงชิงรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของงูพิษร้าย ร่างกายของเธอเย็นเยียบไปหมดเธอพูดขึ้นอย่างยากลำบาก "ใช่...ใช่แล้วค่ะ ฉันพบโอสถหมื่นพิษเม็ดหนึ่งในสำนักเบญจพิษหลังจากกินมัน พลังของฉันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก และฉันก็สามารถกำจัดแมลงพิษได้ ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเป็นแบบนี้"“โอสถหมื่นพิษ” เย่ซิวเริ่มสนใจแล้วเขาสำรวจเธออย่างรอบคอบเซี่ยชิงชิงกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกถึงความอัปยศอดสูเหมือนที่ได้รับในตอนนั้นอีกครั้งแต่ตอนนี้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากในดวงตาไม่มีร่องรอยของความแค้นเคืองอะไร มีเพียงความตื่นตระหนกและความเขินอายหลังจากสำรวจเสร็จแล้ว เย่ซิวก็หยุดมือและหัวเราะเบา ๆ "ช่างเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ คิดไม่ถึงว่าเธอจะขึ้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้วงั้นตั้งแต่พร
แต่ในใจกลับค่อนข้างดูถูกดูแคลนที่แท้ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเย่ซิวล้วนโง่เขลาขนาดนี้ เธอเอาชนะใจพวกเธอได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นฉากนี้ น้องสาวของเธอโตขึ้นมากกริ๊งประตูอิเล็กทรอนิกส์ของวิลล่าเปิดออก สาว ๆ ทุกคนหันไปมองเมื่อพวกเธอเห็นเย่ซิวกลับมาจากข้างนอก ผู้หญิงหลายคนก็ปรี่ขึ้นไปต้อนรับเขากลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายทุกชนิดผสมผสานกัน ทำให้ฮอร์โมนของคนพลุ่งพล่านรอยยิ้มจากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่ซิวนี่ถึงจะเป็นสวรรค์ของเขา ไร้ซึ่งกลอุบาย และไม่มีใครที่คิดจะทำร้ายเขาสุดท้าย สายตาของเขาก็มองไปที่เซี่ยชิงชิงซึ่งยืนอย่างเขินอายห่างออกไปกว่าสิบเมตร เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่กล้ามองเขาเย่ซิวเดินไปพร้อมกับสายตาที่พินิจพิเคราะห์เซี่ยชิงชิงจับมือทั้งสองข้างแน่น หัวใจเต้นเร็วขึ้นนี่ไม่ใช่การแสดง แต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเธอในตอนนี้ผู้ชายคนนี้ น่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก เธอกลัวว่าจะเผยพิรุธออกมาขณะที่เธอหัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เย่ซิวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิงสวยขึ้นมาก คุ้นเคยกับที่นี่รึยัง?"“อืม ที่นี่ดีมาก ขอบคุณที
หลังจากที่ตื่นเต้นแล้ว หลี่หยวนก็ถูกกลิ่นเหม็นที่มาจากร่างของตัวเองเกือบทำให้หมดสติไปหลังจากทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งไว้ เขาก็วิ่งไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำดวงตากลมโตและระยิบระยับของหลี่หลิงเอ๋อร์เบิกกว้าง "ฉันเอาด้วย ฉันเองก็อยากลองบ้างเหมือนกัน"เย่ซิวพยักหน้า และกดนิ้วลงไปที่หว่างคิ้วของเธอเหมือนกันกระแสพลังวิญญาณถูกส่งเข้าไปในร่างของหลี่หลิงเอ๋อร์และไหลไปทั่วร่างสิ่งที่ทำให้เย่ซิวประหลาดใจก็คือ ศักยภาพทางร่างกายของหลี่หลิงเอ๋อร์นั้นแข็งแกร่งกว่าของหลี่หยวนมากในที่สุด พลังวิญญาณของเขาก็ถูกส่งไปเก็บในจุดตันเถียนที่ช่องท้องของหลี่หลิงเอ๋อร์"ว้าว น่าทึ่งมาก"หลี่หลิงเอ๋อร์มองไปที่เย่ซิวด้วยความชื่นชมและนับถือตัวเองนั่งสมาธิและฝึกฝนอย่างหนักที่นี่เป็นเวลาหลายปี ถึงจะประสบความสำเร็จเล็กน้อยแต่ตอนนี้เย่ซิวแค่จิ้มตัวเองเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจ กลับได้รับผลประโยชน์มหาศาลชนิดที่เอาเมื่อก่อนมารวมกันก็ยังเทียบไม่ติดเธอเป็นเหมือนภูตตัวน้อย น่ารักมาก "ทำอีกหลายรอบหน่อยจะได้รึเปล่า?"เย่ซิวรู้สึกตลกและถามไปว่า “คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?”“ปีนี้ฉันอายุยี่สิบแล้ว”เย่ซิวตกใจแล้วจริง ๆ เด็กสาวมีใบ
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ