ทรัพย์สินของศิษย์น้องหลิวหยางก็มีประมาณแปดถึงเก้าพันล้านไหนจะบวกกับของเฉิงเฟิง เย่ซิวเข้ามาที่เมืองหวู่เพียงไม่กี่วัน ก็สามารถทำกำไรได้มากกว่าสองหมื่นล้านความเร็วในการทำเงินแบบนี้ถือว่าสุดยอดมากส่วนการโอนทรัพย์สินทั้งหมดนั้น มีเฉิงเฟิงเป็นคนช่วยจัดการเย่ซิวติดตามการแถลงข่าวของหลัวเฟิงและหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าหลังจากที่หลัวเฟิงเปิดเผยหลักฐานต่าง ๆ ทางด้านบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักบริษัทอื่น ๆ ในตลาดก็ฉวยโอกาสเข้ามากดดันบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าอย่างหนักตอนนี้หวังเฟิงกำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เส้นสายที่เขาเคยมีก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้แต่นิดเดียวไม่สิ ควรจะเอ่ยว่าหลัวเฟิงนั้นตัดการติดต่อทุกช่องทาง มีความตั้งใจที่จะสู้จนถึงที่สุดเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีความสามารถมากเพียงใด แต่หากไม่สามารถติดต่อเขาได้ ก็จะไม่มีทางทำอะไรเขาได้“บ้าจริง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!”หวังเฟิงเดินไปเดินมาในห้อง ตะโกนด้วยความโกรธแม้จะเป็นผู้ที่มีทักษะบ่มเพาะกำลังภายใน แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถสงบสติได้เลยลูกชายถูกจับ บริษัทก็ถูกโจมตี
ชายคนนั้นรู้สึกจิตใจคล้อยตาม แต่ก็ยังไม่ได้รีบตกลงหญิงสาวได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นยังไง คุณคงรู้ดี มันยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้ คุณควรรีบหาทางออกใหม่ดีกว่านะคะ”“คุณช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล่มจมขนาดนี้ อาจจะไม่ได้รับเงินเดือนเลยก็ได้นะคะ”“ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้ที่จะหลุดพ้นได้ คุณควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ดีกว่านะคะ”ชายคนนั้นมีแววตาที่สั่นไหว เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มสนใจ เขากัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หนึ่งล้านห้าแสนน้อยไป อย่างน้อยต้องสิบล้าน!”หญิงสาวยิ้มเบา ๆ แล้วยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้น “ห้าล้าน”“ได้ ตกลงตามนั้น!”หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ได้โทรไปหาหวังเฟิงเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อ เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ตีหน้าเศร้าร้องไห้และกล่าวเกินความจริงต่าง ๆ นานาเอ่ยว่าตนได้เจรจากับผู้ซื้อหลายสิบราย ราคาแต่ละที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ราคาสูงสุดก็แค่แปดร้อยล้านเขาเป็นถึงสมาชิกอาวุโสของบริษัทและได้รับการเคารพจากหวังเฟิงดังนั้น เขาพูดเช่นนี้จึงไม่มีใครสงสัยถึงแม้จะโกรธจนถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด แต่หวังเฟิงก็ยังคงต้องกัดฟันขายออกไปไม่เพียงแค่ที่ดินผืนน
ทันทีที่เธอเอ่ยจบ สีหน้าของทุกคนในที่นั้นก็เปลี่ยนไปแม่ของหลัวอีอีเป็นคนแรกที่ตะคอกออกมา “พูดอะไรเหลวไหลแบบนั้น!”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกใจหายวาบขึ้นทันที เธอหันไปมองเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวแต่เย่ซิวกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลัวอีอีทำปากจู๋ “หนูไม่ได้พูดอะไรผิดซะหน่อย พวกเราสองคนเหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก รอหนูเข้ามหาลัยก่อนเถอะ พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน เรียนจบก็แต่งงานมีลูกได้เลย”ต้องยอมรับว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้กล้าพูดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าหลัวฮ่าวและหลัวเฟิงหันมาสบตากัน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดกลับไม่เหมือนกันบุคลิกและความสามารถของเย่ซิวปรากฏอยู่ตรงหน้าหากพวกเขาสามารถเป็นเครือญาติกันได้ก็คงจะดีไม่น้อยเพียงแค่มองตากัน พ่อและลูกชายทั้งสองก็เข้าใจความคิดของกันและกันได้ทันทีหลัวฮ่าวมองไปยังเย่ซิวยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “พ่อรู้สึก/คิดว่าว่าน้องเย่เป็นคนดีมาก ถ้าเขายินดี พ่อก็ไม่มีปัญหาอะไร”หลัวเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย “นิสัยของเสี่ยวเย่สามารถเชื่อถือได้ ปู่เองก็เห็นด้วย”หวังเหม่ยลี่เริ่มรู้สึกกังวล เธอวางแผนไว้ว่าจะให้หลัวฮุ่ยหมิ่นได้คบกับเย่ซิว
เธอยังคงไม่ยอมแพ้กว่าจะเจอผู้ชายที่ถูกใจได้สักคน จะให้พลาดไปได้อย่างไรกัน?เธอสาบานอย่างเงียบ ๆ ว่าจะรักษาเย่ซิวให้หายดีให้ได้ดังนั้น เธอจึงเริ่มค้นหาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ วิธีการนวด และอื่น ๆขณะค้นหา เธอก็จดบันทึกไปด้วยเธอห้าข้อมูลจนดึกดื่น ก่อนที่จะเข้านอนวันถัดมา หลัวฮุ่ยหมิ่นตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เมื่อเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าเย่ซิวตื่นแล้วเหมือนกันทันใดนั้น ใบหน้าของเธอแดงขึ้นและรู้สึกเขินอายอย่างมากเย่ซิวแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรและเอ่ยทักทายเธอว่า “สวัสดีตอนเช้าครับ”หลัวฮุ่ยหมิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีตอนเช้า นายรอเดี๋ยวเดียวนะ พอดีตอนนี้ฉันจะออกไปจ่ายตลาด”เนื่องจากหวังเหม่ยลี่อายุมากแล้ว ดังนั้น หลัวฮุ่ยหมิ่นจึงเป็นคนออกไปจ่ายตลาดแทนเย่ซิวพยักหน้าตอบ และไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติมอีกหลัวฮุ่ยหมิ่นรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วการกระทำเมื่อคืนมีความหุนหันพลันแล่นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็ยังรู้สึกเขินอายและลำบากใจเป็นอย่างมาก จนไม่กล้าอยู่กับเย่ซิวตามลำพังในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็เปิดโทรศัพท์ดูข้อความที่ถูกส่งมาตลอดทั้งคืนส่วนใหญ่เป็นข้
หลัวฮุ่ยหมิ่นสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเย่ซิวอย่างรวดเร็ว หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น แต่เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติและถามว่า “ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง?”เย่ซิวใช้กำลังภายในจากตำราวิเศษในการปรับลมปราณในร่างกาย หลังจากที่กำลังภายในหมุนเวียนไปทั่วเส้นลมปราณในร่างกาย ความปรารถนาภายในก็ค่อย ๆ จางหายไป สายตาของเขากลับมาสงบอีกครั้งเขาเอ่ยตอบเสียงเรียบไปว่า “ผมอิ่มแล้ว”“หา?” หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “แค่รู้สึกอิ่มเองเหรอ ไม่มีความรู้สึกอื่นเลยหรือไง?”สายตาของเธอเผลอมองไปที่หน้าท้องของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวเย่ซิวส่ายหัวหลัวฮุ่ยหมิ่นฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันจะทำให้นายกินอีกหนึ่งมือ รับรองว่ามื้อนั้นจะต้องอร่อยกว่ามื้อนี้แน่”เย่ซิวถึงกับรู้สึกตกใจ “ยังมีอีกเหรอครับ?”หลัวฮุ่ยหมิ่นยิ้มแห้ง ๆ “ยังเหลืออีกสองในสาม กินได้อีกสองมื้อสบาย ๆ เลย”เย่ซิว “...”เย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกหลังจากที่หลัวฮุ่ยหมิ่นเก็บจานชามแล้ว เธอก็ไปทำงานต่อเมื่อเห็นว่าหลัวฮุ่ยหมิ่นออกไปทำงาน เย่ซิวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกการมีผู้หญิงที่พร้อมจะทำเรื่องอย่างว่ากับตนตลอดเวลาแบบนี้
ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบเจอผู้ชายอย่างเย่ซิวเธอไม่ต้องการปล่อยเขาไปแม้กระทั่งวิธีการที่เธอจะตามจีบเย่ซิว ตอนนี้ในหัวของเธอก็มีแผนการที่ชัดเจนแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง……ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหวังเฟิงได้ฟื้นขึ้นมาเขาพยายามลุกขึ้นยืนและมองไปที่เลขาของเขา “ตอนนี้…บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”เลขาสาวถึงกับถอนหายใจ “ราคาหุ้นตกต่ำต่อเนื่องเป็นเวลาสองวัน ขาดทุนมากกว่าแสนล้านและเงินทุนที่สามารถใช้งานได้ในบัญชีเหลือเพียงห้าหมื่นกว่าล้านค่ะ”“และผู้ว่าหลัวใช้หลักฐานที่มีอยู่จับกุมผู้บริหารระดับสูงหลายคน ซึ่งพวกเขาก็เปิดเผยปัญหามากมายของเราเพื่อปกป้องตัวเอง…”“ในสถานการณ์ตอนนี้ บริษัทเรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ตอนนี้บริษัททั้งหมดที่เคยร่วมมือกับเรา ต่างหันหลังให้เราแล้วค่ะท่าน”“ขืนสถานการ์ณเป็นแบบนี้ต่อไป เราคงยื้อต่อไม่ไหวแน่ค่ะท่าน”“ท่านประธานคะ ตามความคิดเห็นของดิฉัน ตอนนี้เราควรตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเพื่อความอยู่รอด โดยการละทิ้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าและจับจ่ายสินทรัพย์ที่มีคุณภาพอื่น ๆ เอาไว้ เพื่อมีโอกาสฟื
“อายุสิบแปดปี เป็นจอมยุทธขั้นสูงสุดระดับห้า คุณแน่ใจหรือว่าไม่ได้เข้าใจผิด?”ในความเป็นจริง หวังเฟิงไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่ด้วยความคิดที่ว่า เย่ซิวสามารถเอาชนะหนึ่งในสามนายพลลูกน้องของเขาได้ ดังนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้มากจากนั้น เขาก็พูดอย่างหนักแน่น “ผมแน่ใจ”อีกด้านหนึ่ง ปรมาจารย์หลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขอที่อยู่ให้ผมหน่อย ผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าในโลกนี้มีคนที่ฝืนกฎธรรมชาติได้จริง ๆ หรือไม่”หวังเฟิงดีใจมากและรีบบอกที่อยู่ของหลัวเฟิงให้อีกฝ่ายทราบทันทีที่วางสาย เลขาของเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารหลายฉบับหวังเฟิงอ่านทีละฉบับแล้วลงนามแล้วเขาก็พูดกับเลขาว่า “รีบไปจัดการซะ ยิ่งไปเร็วเท่าไรก็ยิ่งสูญเสียน้อยลงเท่านั้น”“ครับท่าน ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ ท่านพักผ่อนให้เต็มที่ด้วยครับ”เลขานุการออกจากห้องพักผู้ป่วย หลังจากปิดประตูแล้วเขาก็มองดูเอกสารในมือ ทันใดนั้นสีหน้าแปลก ๆ น่าขนลุกก็ฉายขึ้นบนใบหน้าของเขาเขาเร่งฝีเท้าเดินออกไป หลังจากขับรถไปคนเดียวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงเขตพื้นที่วิลล่าที่มีสภาพแวดล้อมหรูหรางดงามจากนั้น เขาก็ลงจาก
หลัวอีอีหันกลับมาพร้อมมือข้างหนึ่งทีกำลังเท้าคาง แล้วพึมพำเบา ๆ ว่า “พ่อหนุ่มน้อย นายไม่ได้แก่กว่าฉันเลยนะ เรียกฉันว่าพี่สาวสิ”ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจของเธอเห็นได้ชัดว่า เย่ซิวดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงกว่าเธอ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้แก่กว่าเธอเลย น่าสนใจจริง ๆเย่ซิว “ออกไปได้แล้ว อีกเดี๋ยวถ้าครอบครัวคุณกลับมาแล้วมาเห็นแบบนี้เข้า แล้วจะอธิบายยังไง?”“ฉันจะไม่ออกไปจนกว่านายจะตอบมาให้ชัดเจน” หลัวอีอีพูดอย่างเมินเฉย “ฉันบอกแล้วว่าฉันอยากเป็นแฟนกับนาย นายกลัวเหรอ? นายนี่ขี้อายจริง ๆ เลยนะ”เย่ซิวก้าวไปข้างหน้า และคว้าหลังคอของเธอไว้โดยไม่เอ่ยปากอะไรสักคำเด็กสาวดิ้นรนอย่างแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของเย่ซิวได้ เขาลากเธอกลับห้อง และผลักเธอลงบนเตียงเธอกลิ้งไปหนึ่งตลบ จากนั้น เธอก็ลุกออกจากเตียงแล้วกระโจนใส่เย่ซิวการกระทำนี้อาจหาญและอันตรายมากถ้าเย่ซิวจับไว้ไม่ทันเธอจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ดวงตาของหลัวอีอีฉายแวบแววเจ้าเล่ห์ เธอรู้อยู่แล้วว่าเย่ซิวไม่มีทางปล่อยให้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอนแม้ว่าเย่ซิวจะรู้ถึงกลอุบายของแม่สาวน้อยคนนี้ แต่เขาก็ยังต้องจับเธอไว้อยู่ดีจากนั
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ