แชร์

บทที่ 254

ผู้เขียน: เฉิงกวงโฮ่วถู่
เมื่อสิ่งสกปรกบนร่างกายของเธอถูกน้ำสะอาดชำระล้างออกไป ก็เผยให้เห็นผิวของหลัวอีอีที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่นและความเงางาม เหมือนกับการเกิดใหม่

หลัวอีอีมองดูผิวของตัวเองด้วยความตกใจ

เมื่อใช้มือสัมผัสก็รู้สึกนุ่มนวลจนไม่อยากปล่อยมือ

“พระเจ้า นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”

หลัวอีอีรู้สึกตกใจ

นี่เหมือนกับการเกิดใหม่อีกครั้ง

เธอยืนอยู่หน้ากระจก มองตัวเองตอนนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล “นี่มันนางฟ้าชัด ๆ ชอบมาก ชอบจริง ๆ”

เธอยังคงโพสท่าทางต่าง ๆ ที่หน้ากระจก ยิ่งดูยิ่งชอบ

“ฉันนี่สวยมาตั้งแต่เกิดจริง ๆ ถ้าฉันออกไปข้างนอกแบบนี้ มีเหรอพวกหนุ่ม ๆ จะไม่คลั่งไคล้ฉัน…โอ๊ย!!”

ทันใดนั้น เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา

เพราะมัวแต่หลงระเริงกับความภูมิใจในตนเอง ดังนั้น จึงทำให้เธอเหยียบพลาดและลื่นล้มลง

การล้มครั้งนี้ทำให้หลังทั้งแผ่นช้ำไปหมด หลัวอีอีจึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เป็นเวลานาน

ขณะที่อยู่ข้างนอก เย่ซิวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงลุกขึ้นทันทีและเดินไปที่ห้องของหลัวอีอี เขายืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้วเอ่ยถามว่าเธอว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เสียงของหลัวอีอีสั่นเครือเหมือนกำลังจะร้องไห้ “ฮือ ๆ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 255

    หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากทันทีที่เข้าไปในบ้าน เธอก็เดินตรงไปที่ห้องของหลัวอีอีแกร็ก!เมื่อประตูห้องเปิดออก หลัวฮุ่ยหมิ่นก็ถึงกับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเธอเห็นอะไรน่ะหรือ?เธอเห็นว่าเย่ซิวอยู่กำลังทำ…“พวกเธอทำอะไรกันนะ!”หลัวฮุ่ยหมิ่นกรีดร้องออกมาเสียงดัง ทำให้ชายหญิงในห้องหันมองมาพร้อมกัน“กรี๊ด!”หลัวอีอีก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดัง ตอนนี้สถานการณ์ที่ถูกอาของเธอเห็นเข้าช่างหน้าอายและอึดอัดสุด ๆ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังคงใจเย็น เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบว่า ”เมื่อกี้เธออาบน้ำแล้วลื่นล้ม ผมก็เลยช่วยพยุงเธอออกมา”หลัวฮุ่ยหมิ่นรีบวิ่งเข้ามา และก็เห็นว่าหลังของหลัวอีอีมีรอยช้ำจริง ๆ เธอจึงแอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ จากนั้น ก็ผลักเย่ซิวออกไป “เอาล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง นายรีบออกไปเถอะ ชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน”เย่ซิวเดินออกจากห้องไปหลัวฮุ่ยหมิ่นรีบปิดประตูห้องและเดินไปหาหลัวอีอี พร้อมเอ่ยตำหนิว่า “ทำไมเธอถึงกลับบ้านก่อนเวลา อีกทั้งยังให้ผู้ชายเห็นเรือนร่างของเธอแบบนี้อีก? ถ้าข่าวลือถูกแพร่กระจายออกไป ใครจะกล้ามาขอเธอแต่งงาน?”หลัวอีอีหันไปพูด “เขาไม่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 256

    เพียงแค่ตื่นนอนขึ้นมา หวังซงต้องการคนจำนวนมากมาคอยรับใช้มีคนคอยสวมเสื้อผ้าให้ บีบยาสีฟัน หยิบรองเท้าและเตรียมน้ำยาบ้วนปากให้เขาเป็นต้น หลังจากการดำเนินชีวิตที่หรูหรา เขาจึงไปนั่งที่โต๊ะอาหารและเริ่มทานอาหารเช้าราคานับหมื่นบาทข้าง ๆ เขา มีคนรับใช้ยืนอยู่และรายงานสถานการณ์ของแต่ละบริษัทให้เขาฟังตอนนี้ที่หวังซงสนใจมากที่สุดคือบริษัทสตาร์รี่สกายเมื่อได้ยินว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัทสตาร์รี่สกายดำเนินงานไปได้อย่างราบรื่น สีหน้าของเขาก็พลันมืดมนลง และเขาก็ปล่อยเสียงฮึดฮัดเย็นชาออกมา“หึ! ไอแก่หลัวเฟิง แก่แล้วทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ ทำไมจู่ ๆ ถึงหายดีได้! ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ไอเด็กเย่ซิวนั่น มันคงจบเห่ไปแล้ว!”คนรับใช้ไม่กล้าปริปากพูดอะไรมาก ได้แต่เงียบไว้หวังซงจ้องมองด้วยสายตาเป็นประกาย ทันใดนั้น ความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้น ริมฝีปากแสยะยิ้มเย็นชา “นายคิดว่า ถ้าฉันสั่งให้คนไปใส่ยาพิษในอาหารของพวกคนงานที่ไซต์ก่อสร้างจะเป็นยังไง!”เขาพบว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองมุ่งเป้าไปที่เย่ซิวผิดทางไม่จำเป็นต้องเล่นงานกลุ่มบริษัท การโจมตีคนที่อยู่ต่ำกว่าก็ได้ผลเหมือนกันอีกทั้ง การโจมตีคนที่อยู่ต่ำ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 257

    หวังซงตะโกนเสียงดังลั่น จนสูญเสียการควบคุมตัวเองไปหลัวเฟิงโบกมือสั่งการ “จับเขาไป!”ในเมื่อจอมยุทธ์เหล่านั้นไม่กล้าลงมือ หวังซงก็ไม่สามารถขัดขืนได้อีกต่อไป มือของเขาถูกจับและถูกคุมตัวขึ้นรถเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วสื่อมวลชนต่าง ๆ รีบพุ่งเข้ามาเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือดในขณะเดียวกัน พ่อของหวังซงและหวังเฟิงก็ได้รับข่าวสารนั้นทันทีแม้ว่าเขาจะตกใจ แต่ยังสามารถคงความสงบได้อยู่“มีสองเรื่องที่ฉันจะให้พวกแกไปจัดการ เรื่องแรก ไปซื้อสื่อเพื่อกดกระแสข่าวนี้ให้ลดลงซะ ทำให้แน่ใจว่าราคาหุ้นของบริษัทจะไม่ผันผวนมากเกินไป”“เรื่องที่สอง ไปสืบมาให้ได้ว่าใครเป็นคนทรยศลูกชายฉัน ฉันจะทำให้มันแหลกเป็นผุยผงเลยคอยดู!”แม้ว่าหวังเฟิงจะก้าวลงจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เส้นสายและอิทธิพลของเขายังคงอยู่ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งก็รีบไปดำเนินการทันทีจากนั้น หวังเฟิงก็เริ่มโทรศัพท์ในแวดวงราชการ เขายังมีเส้นสายอยู่อีกมากมายในตอนนี้ ทั้งกลุ่มบริษัทกำลังเผชิญกับวิกฤตหนักเขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ จึงต้องใช้เส้นสายที่มีอยู่ทั้งหมดหลังจากโทรศัพท์ไปเป็นสิบ ๆ สาย หว

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 258

    เขาทำการปรุงยาโอสถชีวาอาสัญด้วยวิธีเดิม และให้พี่เฟิงกินเข้าไปทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นทั่วร่างของเขา ร่างกายของเขาพุ่งสูงขึ้นเกือบถึงสองเมตร!ในการเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญสามประการประการแรก กำลังภายในเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ระดับห้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!ประการที่สอง เส้นพลังลมปราณทั้งแปดในร่างกายทั้งหมดถูกเปิดออก เชื่อมต่อกันเป็นวงจรซึ่งกำลังภายในจะไหลเวียนไม่หยุดและสามารถรองรับการต่อสู้เป็นระยะเวลานานประการที่สาม คือ การถือกำเนิดของพลัง!ซึ่งพลังนั้นมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้แต่มีอยู่จริง พลังที่แข็งแกร่งสามารถทำให้คู่ต่อสู้หวาดกลัวก่อนที่จะสู้ กัน และจะบรรลุผลสำเร็จในการชนะโดยที่ไม่ต้องต่อสู้พี่เฟิงได้ทะลวงระดับแล้ว!แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องเมื่อเทียบกับปรมาจารย์ที่ฝึกฝนมาอย่างหนักด้วยตนเองแต่ก็ถือว่าเขาเป็นปรมาจารย์อยู่ดี!มันเป็นระดับที่สามารถบดขยี้จอมยุทธ์ระดับห้าได้!เมื่อสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งในตัวเอง พี่เฟิงรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก“ปรมาจารย์... ฮ่าฮ่าฮ่า... ผมกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว...ไม่นึกเลยว่าผมจะมีวันนี้ ขอบคุณเจ้านายที่มอบชีวิตใ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 259

    เฉิงเฟิงมีรอยยิ้มพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าก่อนหน้านี้เขามักจะถูกหลิวหยางกดขี่อยู่เสมอแต่วันนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้เขากดฝ่ามือลงอย่างแรง!แคร่ก! แคร่ก!เสียงกระดูกหักดังต่อเนื่อง ทำให้กระดูกของหลิวหยางถูกบีบแตกเป็นชิ้น ๆ หลิวหยางเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวจากนั้น เฉิงเฟิงก็ปล่อยพลังอันที่น่ากลัวออกมาทันที“ระดับปรมาจารย์!”หลิวหยางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ “นี่แกเป็นปรมาจารย์จริง ๆ เหรอ!”เขารู้สึกเหมือนหัวของเขามีเสียงดังอื้ออึงนี่เป็นเรื่องราวที่ยากจะเหลื่อเชื่อ เพราะเหตุใดคนที่มีความสามารถต่ำกว่าตน ถึงทะลวงระดับปรมาจารย์ได้ในเวลาอันสั้น?เฉิงเฟิงยกมือขึ้นและรวบรวมกำลังภายในอย่างต่อเนื่อง “เอาล่ะ ตายซะเถอะ!”“เดี๋ยวก่อน” เย่ซิ่วยกมือขึ้นพรางพูด “อย่าเพิ่งฆ่าเขา ถามเขาก่อนว่าเขามีทรัพย์สินทั้งหมดเท่าไหร่”เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งมากกว่าเฉิงเฟิง ดังนั้น คาดว่าทรัพย์สินของเขาน่าจะมากกว่าเฉิงเฟิง“ครับ เจ้านาย!” เฉิงเฟิงหันไปโค้งคำนับเย่ซิว จากนั้นก็ตบไปที่ใบหน้าหลิวหยางหนึ่งครั้ง“บอกมา ถ้ากล้าปกปิดข้อมูลแม้แต่นิดเดียว ฉันฆ่านายแน่!”หากการที่เฉิงเฟิ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 260

    ทรัพย์สินของศิษย์น้องหลิวหยางก็มีประมาณแปดถึงเก้าพันล้านไหนจะบวกกับของเฉิงเฟิง เย่ซิวเข้ามาที่เมืองหวู่เพียงไม่กี่วัน ก็สามารถทำกำไรได้มากกว่าสองหมื่นล้านความเร็วในการทำเงินแบบนี้ถือว่าสุดยอดมากส่วนการโอนทรัพย์สินทั้งหมดนั้น มีเฉิงเฟิงเป็นคนช่วยจัดการเย่ซิวติดตามการแถลงข่าวของหลัวเฟิงและหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าหลังจากที่หลัวเฟิงเปิดเผยหลักฐานต่าง ๆ ทางด้านบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักบริษัทอื่น ๆ ในตลาดก็ฉวยโอกาสเข้ามากดดันบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าอย่างหนักตอนนี้หวังเฟิงกำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เส้นสายที่เขาเคยมีก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้แต่นิดเดียวไม่สิ ควรจะเอ่ยว่าหลัวเฟิงนั้นตัดการติดต่อทุกช่องทาง มีความตั้งใจที่จะสู้จนถึงที่สุดเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีความสามารถมากเพียงใด แต่หากไม่สามารถติดต่อเขาได้ ก็จะไม่มีทางทำอะไรเขาได้“บ้าจริง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!”หวังเฟิงเดินไปเดินมาในห้อง ตะโกนด้วยความโกรธแม้จะเป็นผู้ที่มีทักษะบ่มเพาะกำลังภายใน แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถสงบสติได้เลยลูกชายถูกจับ บริษัทก็ถูกโจมตี

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 261

    ชายคนนั้นรู้สึกจิตใจคล้อยตาม แต่ก็ยังไม่ได้รีบตกลงหญิงสาวได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นยังไง คุณคงรู้ดี มันยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้ คุณควรรีบหาทางออกใหม่ดีกว่านะคะ”“คุณช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล่มจมขนาดนี้ อาจจะไม่ได้รับเงินเดือนเลยก็ได้นะคะ”“ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้ที่จะหลุดพ้นได้ คุณควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ดีกว่านะคะ”ชายคนนั้นมีแววตาที่สั่นไหว เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มสนใจ เขากัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หนึ่งล้านห้าแสนน้อยไป อย่างน้อยต้องสิบล้าน!”หญิงสาวยิ้มเบา ๆ แล้วยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้น “ห้าล้าน”“ได้ ตกลงตามนั้น!”หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ได้โทรไปหาหวังเฟิงเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อ เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ตีหน้าเศร้าร้องไห้และกล่าวเกินความจริงต่าง ๆ นานาเอ่ยว่าตนได้เจรจากับผู้ซื้อหลายสิบราย ราคาแต่ละที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ราคาสูงสุดก็แค่แปดร้อยล้านเขาเป็นถึงสมาชิกอาวุโสของบริษัทและได้รับการเคารพจากหวังเฟิงดังนั้น เขาพูดเช่นนี้จึงไม่มีใครสงสัยถึงแม้จะโกรธจนถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด แต่หวังเฟิงก็ยังคงต้องกัดฟันขายออกไปไม่เพียงแค่ที่ดินผืนน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 262

    ทันทีที่เธอเอ่ยจบ สีหน้าของทุกคนในที่นั้นก็เปลี่ยนไปแม่ของหลัวอีอีเป็นคนแรกที่ตะคอกออกมา “พูดอะไรเหลวไหลแบบนั้น!”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้สึกใจหายวาบขึ้นทันที เธอหันไปมองเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวแต่เย่ซิวกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลัวอีอีทำปากจู๋ “หนูไม่ได้พูดอะไรผิดซะหน่อย พวกเราสองคนเหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก รอหนูเข้ามหาลัยก่อนเถอะ พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน เรียนจบก็แต่งงานมีลูกได้เลย”ต้องยอมรับว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้กล้าพูดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าหลัวฮ่าวและหลัวเฟิงหันมาสบตากัน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดกลับไม่เหมือนกันบุคลิกและความสามารถของเย่ซิวปรากฏอยู่ตรงหน้าหากพวกเขาสามารถเป็นเครือญาติกันได้ก็คงจะดีไม่น้อยเพียงแค่มองตากัน พ่อและลูกชายทั้งสองก็เข้าใจความคิดของกันและกันได้ทันทีหลัวฮ่าวมองไปยังเย่ซิวยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “พ่อรู้สึก/คิดว่าว่าน้องเย่เป็นคนดีมาก ถ้าเขายินดี พ่อก็ไม่มีปัญหาอะไร”หลัวเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย “นิสัยของเสี่ยวเย่สามารถเชื่อถือได้ ปู่เองก็เห็นด้วย”หวังเหม่ยลี่เริ่มรู้สึกกังวล เธอวางแผนไว้ว่าจะให้หลัวฮุ่ยหมิ่นได้คบกับเย่ซิว

บทล่าสุด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 974

    “ตอนนี้เราดำเนินการผลิตเต็มกำลัง สามารถผลิตจักรกลมังกรดำได้วันละสองร้อยชุด ตอนนี้ผลิตเสร็จแล้วแปดร้อยชุด”เย่ซิวเอ่ยชมด้วยความประทับใจ สมกับที่เป็นประเทศหลงเถิง มีประสิทธิภาพน่าตื่นตะลึงจริง ๆจักรกลมังกรดำแปดร้อยชุดนี้สามารถสร้างพลังการข่มขู่ที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจอย่างมากหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็เสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายมากขึ้นพร้อมทั้งยื่นข้อเสนอที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา รวมถึงเปิดโรงงานและสาขาย่อยที่สำนักโอสถเย่ซิวเข้าใจได้ทันทีว่าข้อเสนอนี้คือการที่ประเทศหลงเถิงยื่นมือเข้ามาช่วยสำนักโอสถโดยตรงนี่ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สำนักโอสถทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่มีเหตุผลอะไรเย่ซิวที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างแน่นอนหลังจากจบการสนทนากับนายกรัฐมนตรี เย่ซิวก็เดินทางไปยังสายการผลิตเป้าหมายต่อไปของเขาคือเพิ่มจักรกลมังกรดำให้ถึงสามสิบชุด และยังต้องรับสมัครผู้ควบคุมเกราะกลไกเพิ่มอีกขณะเดียวกันทางฝั่งประเทศจ้านฉงตี้ ประเทศจ้านอิงตี้ และประเทศใหญ่อื่น ๆ รวมถึงประเทศขนาดกลางและเล็กอีกนับร้อยต่างก็จัดประชุมลับอีกครั้งจักรพรรดิอินทรีครามเป็นคนเริ่มพูดก

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 973

    เย่ซิวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงเก็บสิ่งที่หล่นลงมาจากตัวเด็กหญิงมันคือจี้ชิ้นหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่าทำจากวัสดุอะไร ผิวด้านนอกเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายเย่ซิวพลิกดูซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ในขณะที่เขากำลังจะวางมันกลับคืนไปบนตัวเด็กหญิงนั้นทันทีที่จี้เข้าใกล้ตัวเธอ รอยร้าวบนจี้กลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นเย่ซิวหรี่ตาลงพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเก็บจี้นี้ไว้กับตัวเองก่อนจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสวนยา แบ่งสมุนไพรที่เหลือออกเป็นหมวดหมู่และปลูกไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบพร้อมทั้งเก็บสมุนไพรที่โตเต็มที่ไว้บางส่วนเพื่อเตรียมใช้งานในอนาคตหลังจากจัดการที่สวนยาเสร็จ เย่ซิวก็เดินไปยังค่ายทหาร เขามีแผนจะคัดเลือกทหารจำนวนหนึ่งพันสองร้อยนายเพื่อจัดตั้งกองกำลังพิเศษเกณฑ์ในการคัดเลือกของเขาไม่ใช่การเลือกคนที่เก่งที่สุด แต่กลับเลือกคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มเพราะเขาเชื่อว่าเมื่อคนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นมา พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งและภักดีต่อเขามากกว่าเดิมหลังจากคัดเลือกทหารได้ครบหนึ่งพันสองร้อยนายแล้ว ยังต้องมีการทดสอบเรื่องความภักดี การป้องกันสายลับ และกา

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 972

    เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจได้ทันทีมันน่าจะเกิดจากตอนที่เขาวางค่ายกลและใช้เลือดตัวเองหยดลงบนจี้หยกเดิมทีเขาตั้งใจจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้จี้หยกและเสริมพลังของค่ายกลตอนที่มันเสร็จสมบูรณ์เพราะตอนนี้เลือดของเขามีค่ามากมายมหาศาลแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือการทำเช่นนี้กลับทำให้พลังหายนะเชื่อมโยงกับเขาในแบบที่อธิบายไม่ได้เย่ซิวไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องดีหรือร้าย เขายื่นมือออกไปอย่างระมัดระวังค่อย ๆ เข้าใกล้กระบี่เล่มนั้นในขณะเดียวกันก็คอยเฝ้าสังเกตดวงชะตาของตัวเอง ถ้ารู้สึกถึงการกัดกร่อนจะถอยออกมาทันทีแต่สิ่งที่เขากังวลกลับไม่เกิดขึ้นและสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากก็คือในวินาทีที่เขากำกระบี่เล่มนั้นไว้ ดวงชะตาที่เคยถูกกัดกร่อนก็ฟื้นคืนกลับมากระบี่เล่มนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อเขาอีกต่อไปในวินาทีที่จับกระบี่ไว้ เย่ซิวก็รับรู้ถึงความสามารถของมันได้ทันทีกระบี่นี้มีไว้เพื่อทำลายล้างพลังบำเพ็ญของผู้อื่นไม่ใช่เพื่อสังหารคนโดยตรงและเมื่อฟันออกไป มันสามารถตัดทอนพลังบำเพ็ญของเป้าหมายได้ถึงหนึ่งส่วน สองส่วน หรืออาจมากกว่านั้นอีกทั้งส่วนหนึ่งของพลังที่ถูกทำลายจะถูกส่งกลับคืนมาใ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 971

    ค่ายกลมรณะ!เย่ซิวไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้ถึงได้เชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันค่ายกลแบบนี้ต้องใช้ของที่ทั้งอำมหิตและชั่วร้ายสุด ๆ เป็นแกนกลางในการวางค่ายกลพลังทำลายล้างไม่ต้องพูดถึงเพราะมันเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เย่ซิวเคยเห็นค่ายกลนี้ในหอตำราของสำนักหุ่นเชิดมาก่อนในอดีตค่ายกลนี้ถือเป็นค่ายกลต้องห้ามเขาไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะพยายามนึกถึงขั้นตอนการวางค่ายกลในหัวอย่างเร่งรีบจากนั้นก็หยิบจี้หยกออกมาหลายชิ้น ก่อนจะป้ายเลือดของตัวเองไปที่แต่ละชิ้นและจัดวางตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เขาหันไปเอ่ยกับเด็กหญิงว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ หลับตาไว้ก่อนนะ พอฉันบอกให้ลืมตาค่อยลืมตา”เด็กหญิงเงยหน้ามองเย่ซิว ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่ายและหลับตาลงเย่ซิวใช้เธอเป็นศูนย์กลางของค่ายกล จากนั้นเขาก็รีบวางค่ายกลจนเสร็จสมบูรณ์ในวินาทีที่ค่ายกลเสร็จสิ้น ท้องฟ้าทั้งผืนพลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำหนาทึบพร้อมกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากึกก้องพลังแห่งความหายนะในตัวเด็กหญิงเริ่มปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับถูกค่ายกลดูดซับเข้าไปเหนือศีรษะของเธอปรากฏดวงดาวดวงหนึ่งด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 970

    จากนั้นเย่ซิวก็ปล่อยปราณกระบี่ออกมาหลายสาย ผนึกพื้นที่รอบตัวเด็กหญิงไว้ เด็กหญิงมองเย่ซิวด้วยสายตาที่น่าสงสาร เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นดาวหายนะ พ่อแม่และครอบครัวของเธอทั้งหมดล้วนต้องตายไปเพราะเธอ หลังจากนั้นเธอก็ถูกขังไว้ในกรงพิเศษ ไม่เคยเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลย จนกระทั่งถูกปล่อยตัวออกมาในตอนนี้ เย่ซิวมองแววตาของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ร่างกายที่เป็นอยู่เกิดจากชะตาฟ้าลิขิต เธอเองไม่อาจควบคุมได้ และไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย เย่ซิวเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้อย่างบุ่มบ่ามพลังหายนะของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป หากพลาดพลั้งแม้เพียงเล้กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่เกินจะจินตนาการได้ หลังจากครุ่นคิด เขาก็ร่ายอาคม สร้างเหยี่ยวตัวหนึ่งให้ก่อตัวขึ้น แล้วให้มันบินไปเกี่ยวตัวเด็กหญิงขึ้นมา เตรียมจะพาขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังไม่ทันจะบินขึ้น เหยี่ยวกลับสลายตัวไปในพริบตาเย่ซิวลองหาวิธีอื่นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ได้เลยเย่ซิวรู้สึกปวดหัวไปหมด เขาจึงตัดสินใจปลอบเด็กหญิงก่อน แล้วโยนอาหารไปให้เธอจากระยะไกลไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 969

    เย่ซิวเดินออกจากห้องลับ แล้วพบว่าโลกทั้งใบที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น และเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้น เฉินหลานเพิ่งกลับมาจากข้างนอก พอเห็นเย่ซิวก็ยิ้มหวานออกมา "สวัสดีค่ะ นายท่าน" เย่ซิวโบกมือไปมา "ต่อไปไม่ต้องเรียกนายท่านแล้ว เรียกว่าท่านเจ้าสำนักเถอะ" เฉินหลานมองเขาด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำ ก่อนจะพยักหน้าขานรับอืมเบา ๆเรียกว่าเจ้าสำนักดูจะเป็นกันเองกว่าการเรียกว่านายท่าน "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?" เย่ซิวถาม "ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ หลังจากจบศึกครั้งนี้ คนในสำนักโอสถก็ยิ่งให้ความไว้วางใจกับพวกเรามากขึ้น งานในด้านอื่น ๆ ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น" "แล้วในระดับนานาชาติล่ะ?" "บรรดาทูตจากนานาชาติมาถึงประเทศหลงเถิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ เดิมทีพวกเขาต้องการเริ่มการเจรจาทันที แต่รัฐบาลหลงเถิงกลับจัดเตรียมอาหารเลิศรส และการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจให้พวกเขา โดยให้เหตุผลว่าประเทศของตนให้ความสำคัญกับมารยาทมากที่สุด เมื่อลูกค้ามาเยือนก็ต้องให้การต้อนรับอย่างดี จากนั้นจึงค่อยพูดคุยเรื่องอื่น บรรดาทูตก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมเพลิดเพลินไปกับกา

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 968

    หลังจากที่ฝึกฝนความสามารถใหม่ของร่างกายจนคุ้นเคยแล้ว เย่ซิวก็กลับมาทำการหลอมโอสถต่อมีโอสถอีกหลายประเภทที่ต้องหลอมเช่นโอสถยอดเพชร โอสถต้นกำเนิด โอสถร้อยพิษไม่กล้ำกรายและอื่น ๆนอกจากเตรียมโอสถสำหรับสร้างกองกำลังสุดยอดแล้ว ยังมีบางส่วนที่เย่ซิวตั้งใจจะเตรียมไว้ใช้เอง รวมถึงให้คนใกล้ตัวของเขาหลังจากที่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ประสิทธิภาพในการหลอมยาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอัตราการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขาหลังจากใช้งานก็เร็วขึ้นหลายเท่าตัวสองวันต่อมา ประเทศจ้านส่งสมุนไพรมาเป็นค่าชดเชย ซึ่งถูกใช้ไปแล้วกว่าเก้าหมื่นต้น ผลลัพธ์คือโอสถชนิดต่าง ๆ ถูกหลอมออกมามากกว่าห้าหมื่นเม็ดเมื่อหลอมยาเสร็จ เย่ซิวก็หยุดการหลอม เก็บเตาโอสถกลับไปแล้วหันไปมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงน้ำแข็งทันใดนั้นภาพถ่ายที่พรีเอลล์เคยส่งให้ก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขาเธอเคยพูดถึงโซเฟียลูกพี่ลูกน้องของเธอเย่ซิวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่าย แล้วเดินไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างหน้าตาอาจจะแตกต่างกัน แต่บรรยากาศและพลังบางอย่างที่แผ่ออกมานั้นคล้ายกันมากมันให้ความรู้สึกเหมือนประชาชนของมหาอำนาจประเทศหนึ่ง กับคน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 967

    ตอนนี้เย่ซิวกำลังหลอมโอสถยอดเพชรโอสถชนิดนี้สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น หากรับประทานในปริมาณที่มากพอ อาจทำให้ร่างกายกลายเป็นกายาวัชระได้ ซึ่งเป็นกายาอันแข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่พุทธศาสนา นี่คือโอสถที่เย่ซิวเตรียมไว้สำหรับกองกำลังพิเศษในอนาคตของเขา ในเมื่อเป็นกองกำลังระดับสุดยอด ก็ต้องมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้ การป้องกัน การลอบสังหาร ทุกอย่างต้องอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถมีจุดอ่อนได้ ภายในเตาหลอมโอสถ ตอนนี้มีโอสถยอดเพชรกว่ายี่สิบเม็ด แต่ท่ามกลางโอสถเหล่านั้น มีอยู่เม็ดหนึ่งที่แตกต่างจากเม็ดอื่นโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และมีแสงสีทองระยิบระยับไหลเวียนอยู่ภายใน ดวงตาของเย่ซิวหดแคบลงทันที นี่มันหรือว่าจะเป็นโอสถกลายพันธุ์ในตำนาน? บางครั้งในการหลอมโอสถ นักปรุงยาอาจพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้โอสถเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา โอสถกลายพันธุ์เหล่านี้ บางครั้งอาจไร้ประโยชน์ หรือร้ายแรงถึงขั้นมีพิษรุนแรง แต่ในบางกรณี มันอาจมีสรรพคุณสูงกว่าโอสถทั่วไปหลายสิบเท่า และในบางครั้งโอสถกลายพันธุ์เหล่านี

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 966

    นอกจากนี้เย่ซิวยังมีฐานปลูกสมุนไพรอีกแห่งหนึ่งที่ประเทศหลงเถิง เมื่อรวมกันแล้ว ฐานทั้งสองแห่งสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับการหลอมยาได้เป็นจำนวนมหาศาล ต่อไปเมื่อเขาสามารถหลอมยาได้มากพอ ก็จะสามารถใช้โอสถเหล่านั้นสร้างกองกำลังสุดแกร่งขึ้นมาได้ เป็นกองกำลังที่สามารถทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง เย่ซิวมีแนวคิดเกี่ยวกับกองกำลังนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มดำเนินการ สำหรับแกนหลักของกองกำลัง เย่ซิววางแผนให้สมาชิกของหน่วยกองกำลังหมาป่าราตรีเป็นผู้รับผิดชอบ พวกเขามีทั้งพลังและประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ หลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันไป เย่ซิวมอบหมายให้หวังซวงเป็นผู้จัดการเรื่องรถถังและทองคำ โดยทองคำบางส่วนจะถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงและทรัพยากร ก่อนจะส่งไปให้ถังอวิ้น การพัฒนาของประเทศสุ่ยจือยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องกังวลมากนักก็คือ ประเทศสุ่ยจือมีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้าน แนวภูเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้เป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง โอกาสที่ประเทศนี้จะถูกโจมตีนั้นค่อนข้างต่ำ อีกทั้งตอนนี้สภาพของที

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status