ใบหน้าของพี่เฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผมได้ยินมาว่า มันเป็นโอสถที่ทรงพลังมาก มีสองเม็ด เม็ดหนึ่งสำหรับชีวิตและอีกเม็ดสำหรับความตาย”“จอมยุทธระดับที่ห้าที่ใช้โอสถชีวาอาสัญครั้งแรกจะไปถึงขั้นสูงสุดของระดับห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ”“ถ้าอย่างนั้น แสดงว่า การใช้โอสถสามารถทำให้ทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้ แต่ว่ากันว่าโอสถประเภทนี้มีข้อจำกัด”“การกลั่นโอสถต้องใช้เลือดของผู้กลั่นโอสถ ดังนั้น หากมีใครกินโอสถนั้นเข้าไป คนผู้นั้นก็จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้กลั่นโอสถไปตลอดชีวิต”“ยิ่งกว่านั้น ตลอดชีวิตนี้ ระดับวิทยายุทธของผมไม่สามารถทะลวงไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว หรือว่า… ท่าน!!!”จู่ ๆ พี่เฟิงก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ทั้งความคิดและจิตใจของเขาสั่นคลอนอย่างรุนแรงเย่ซิวพยักหน้า “คุณเดาได้ถูกแล้ว ผมรู้วิธีกลั่นโอสถชีวาอาสัญ แล้วคุณยินดีที่จะเป็นสุนัขรับใช้เคียงข้างผมไหมล่ะ?”นี่คือการตัดสินใจของเย่ซิวในนาทีสุดท้ายรอบตัวเขานั้นมีปรมาจารย์อยู่น้อยเกินไปเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องยุ่งยากบางอย่าง เขาก็ต้องจัดการเรื่องเหล่านั้นด้วยตัวเองพี่เฟิงคนนี้เป็นจอมยุทธระดับห้า และโดยเนื้อแท้ของเขาก็ไม่ใช่
แม้ว่าหลัวอีอีจะเรียนมัธยมปลายเท่านั้น แต่เธอก็อายุเต็มสิบแปดปีแล้วเธอเติบโตมาอย่างดีและมีทุนทรัพย์เพียบพร้อมอย่างไรก็ตาม เย่ซิวไม่มีเจตนาร้ายอะไรต่อเธอ เขาก้าวไปข้างหน้าและตบร่างกายของเธอเบา ๆ เพื่อปลุกเธอให้ตื่นหลัวอีอีตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เธอลืมตาขึ้น ดูสับสนมึนงงเล็กน้อยฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่ไหน ฉันทำอะไรอยู่?ไม่นาน หลังจากนั้นเธอก็ตั้งสติได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิว และอุทานว่า “ฉันจำได้ ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่ทำให้ฉันหมดสติ คนชั่ว คุณทำอะไรฉันใช่ไหม?”“ฮือ ฮือ ฮือ ฉันเพิ่งอายุสิบแปดปีเองนะ ทั้งบริสุทธิ์ทั้งบอบบางขนาดนี้ คุณจะทนไม่ลงมือทำได้ยังไง”“จิตสำนึกคุณมีปัญหาใช่ไหม?”เย่ซิวกลอกตามองเธอและหันหลังเดินออกไปเด็กผู้หญิงคนนี้นี่ช่างเป็นเจ้าแม่การละครเสียจริง“นี่ อย่าเพิ่งไป คุณต้องรับผิดชอบฉัน”หลัวอีอีรีบลงไปและตามเขาไปอย่างรวดเร็วเขายืนอยู่บนราวบันได เบื้องล่างมองเห็นเหล่าบอดี้การ์ดที่ถูกเขาคว่ำไปอยู่บนพื้นบางคนเริ่มกลับมาได้สติมีเรี่ยวแรงก็พยายามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขอความช่วยเหลือเย่ซิวสะบัดนิ้ว กระแสกำลังภายในที่อัดแน่นไปด้วยพลังเข้าโจมตีอย่างแม่นยำ ท
เย่ซิวเมินเฉยต่อเธอเขาคลายมือที่โอบเอวนั้นออก และทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสลบไปอีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกเขาขับรถพาหลัวอีอีออกไปอย่างสบาย ๆในรถ ร่างช่างพูดของหลัวอีอีก็โผล่ออกมาอีกแล้วและพูดไม่หยุด“เราจะไปไหนเหรอ?”“จะกลับแล้วเหรอ?”“คุณจะพาฉันไปเปิดห้องเหรอ? ว่าแล้วเชียว ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด หึ ฉันไม่ไปด้วยหรอกนะ ฉันไม่ใช่คนใจง่ายอยู่แล้ว”คราวนี้เย่ซิวได้เรียนรู้บทเรียนเป็นอย่างดีแล้ว เขาจึงสกัดจุดหูทั้งสองข้างของเขา ดังนั้นไม่ว่าเธอจะพูดมากแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียวผ่านไปประมาณสี่สิบนาที รถก็หยุดจอดเย่ซิวเปิดประตูรถแล้วเดินออกไปที่นี่คือตลาดผักตอนนี้เป็นเวลาตีสี่แล้วหลายคนก็เริ่มทำงานแล้วเช่นกันหลัวอีอีเองก็ลงจากรถมาด้วย ลมหนาวพัดมา และเธอก็กอดรัดร่างตัวเองตามสัญชาตญาณแต่เมื่อเธอเห็นตลาดผักขนาดใหญ่เธอก็ตะลึงเธอเห็นคนมากมายทำงานหนักเพื่อขนส่งสินค้าและยังเห็นคุณตาคุณยายอายุหกสิบเจ็ดสิบปีคอยดูแลแผงขายผักด้วยใบหน้าของพวกเขาแดงด้วยความหนาวเย็นของลมหนาวที่กัดกิน ในขณะนี้ จิตใจของหลัวอีอีได้รับผลกระทบอย่างมากนี่เป็นอีกด้านหนึ่งของเ
ในที่สุดยาในหม้อใบใหญ่ก็ถูกเคี่ยวจนกลายเป็นก้อนสีดำก้อนใหญ่เย่ซิวยังคงเคลื่อนไหวต่อไปโดยใช้กำลังภายในเข้าช่วยด้วยหลังจากผ่านไปสิบนาที ในที่สุดมันก็กลายเป็นยาเม็ดสีดำสนิทเขาเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับยาในมือ และพูดกับพี่เฟิงว่า “รับไปสิ”พี่เฟิงรับมาอย่างระมัดระวัง และกลืนยานั้นลงไปโดยไม่ลังเลรอสักครู่เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เขาคำรามไปมา มีเส้นเลือดปูดขึ้นทั่วร่างกาย และเขาดูน่ากลัวมากเย่ซิวเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆพลังของโอสถอาสัญนี้รุนแรงมาก มันเปลี่ยนร่างของเขาอย่างโหดร้ายจะเห็นได้ว่า กล้ามเนื้อของพี่เฟิงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เขากลายเป็นชายร่างกำยำ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วแต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็กลับสู่สภาพเดิมทั่วร่างกายของเขาส่งกลิ่นเหม็น สิ่งสกปรกมากมายถูกขับออกจากร่างกายของเขา“แข็งแกร่งมาก ความแข็งแกร่งของผมเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายเท่าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”พี่เฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เขารู้สึกหลงใหลไปกับมันอย่างมากแต่ชั่วขณะต่อมา เมื่อมองไปที่เย่ซิ่ว เขาก็แสดงท่าทีแสดงความเคารพทัน
เขาพูดอย่างเรียบง่าย แต่เมื่อตระกูลหลัวได้ฟังกลับรู้สึกหวาดหวั่น“น้องเย่ ฉันขอบคุณมาก ๆ!” หลัวฮ่าวโค้งคำนับเย่ซิวอย่างจริงจังภรรยาของเขาเองก็โค้งคำนับตามหลัวอีอีเป็นดวงใจของพวกเขาทั้งสองคนหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรหลัวเฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเด็กสมัยนี้ ชักจะบังอาจเกินไปแล้ว เราต้องจัดการขั้นเด็ดขาด!”หวังเหมยลี่ก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ควรที่จะจัดการสักที ไม่อย่างนั้น ต่อไปไม่รู้จะมีเด็กผู้บริสุทธิ์อีกกี่คนที่ต้องได้รับความเสียหาย”จากนั้น เย่ซิวก็ส่งหลักฐานอาชญากรรมของหวังซงให้กับหลัวเฟิงเมื่อหลัวเฟิงเห็นหลักฐานพวกนี้ เขาทั้งตกใจและดีใจ“ฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยมมาก คราวนี้หวังซงหนีไม่รอดแน่!”เมื่อคืนพวกเขาคิดว่าเย่ซิวล้อพวกเขาเล่น แต่ใครจะรู้ว่าตอนเช้าจะได้เห็นหลักฐานวางอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ พวกเขาเพิ่งได้พบเป็นครั้งแรกเย่ซิวพูดกับหลัวเฟิง “ท่านครับ มาให้ผมช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่านกัน”……ในขณะเดียวกัน ณ ที่พักของหลินซวงเมื่อถึงเวลาตื่นนอน เธอก็ตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้น ก็พบว่ามีข้อความจำน
หลินซวงถึงกับพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าควรโต้ตอบเพื่อนของเธออย่างไรดีในขณะนั้นหลินซวงส่ายหน้าอย่างแรงแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เกือบโดนเธอพาเข้ารกเข้าพงไปแล้ว รีบลุกขึ้นเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”เธอเล่ารายละเอียดเรื่องราวให้กับหนานกงเยวี่ยฟังณ ที่พักของหนานกงเยวี่ยเธอนอนอยู่บนเตียง ฟังเรื่องราวอย่างไม่ใส่ใจแต่ไม่นาน เธอก็ตาลุกวาวและตกใจอย่างสุดขีด “อะไรนะ? เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?”ข่าวที่หลินซวงพูด ถึงเรียกได้ว่าทำให้เธอช็อกถึงขีดสุดบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพียงแค่บริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นบริษัทแห่งเดียวก็ครองส่วนแบ่งตลาดไปเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์นี่เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมากตำแหน่งผู้นำและอำนาจของพวกเขามีความมั่นคงอย่างยิ่ง และอิทธิพลก็ซับซ้อนมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีผู้คนมากมายที่พยายามจะก้าวข้ามและโค่นล้มพวกเขา แต่สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเองเมื่อหนานกงเยวี่ยได้ฟังคำพูดของหลินซวงก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที ในมือกำโทรศัพท์ไว้ “หลินซวง เธอมั่นใจว่าหลักฐานพวกนั้นเป็นของจริงใช่ไหม?!”ผ้าห่มที่คลุมตัวเธออยู่หลุดออกเผยให้เห็
“แล้วอย่างที่สอง วันนี้ฉันมีสอบ ฉันส่งข้อสอบก่อนเวลาแล้วก็้เพิ่งจะกลับบ้านมา เป็นยังไง? ฉันเก่งไหม? ชมฉันหน่อยสิ”เย่ซิวเอ่ยตอบเสียงเรียบ “แม้ว่าผมจะอ่อนกว่าคุณ แต่ในด้านนิสัยและความคิด คุณยังห่างไกลจากผมมากเลยนะ”หลัวอีอีนั่งข้างเย่ซิว กลิ่นกายของเธอส่งกลิ่นหอมอบอวลดูเหมือนจะเป็นกลิ่นของสบู่เหลวหรืออาจเป็นกลิ่นตัวของเธอเอง ซึ่งเป็นกลิ่นที่หอมมาก“นายว่า ฉันควรเลือกเรียนคณะอะไรดี?” หลัวอีอีกระพริบตาถาม“ก็ต้องดูว่าคุณชอบอะไรสิ”หลัวอีอีเอ่ยขึ้นว่า “ฉันคิดว่านายพูดถูก ฉันควรพยายามเรียนรู้ให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนชั้นล่างมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะเดินตามเส้นทางของคุณพ่อกับคุณปู่!”เธอเอ่ยคำพูดนี้อย่างจริงจัง เย่ซิวมองไปที่ดวงตาบริสุทธิ์ของเธอ เหมือนมีแสงไฟที่ส่องประกายในดวงตาลึก “คุณแน่ใจนะ?”หลัวอีอีพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ดี ในเมื่อคุณคิดได้แบบนี้ อย่างนั้น ผมก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับคุณ!พูดจบ เย่ซิวก็วางมือหนึ่งไว้ที่ไหล่ของหลัวอีอีทันใดนั้น ใบหน้าของหลัวอีอีก็เริ่มแดงขึ้น ดวงตาของเธอเปล่งประกายเหมือนสายน้ำไหล เธอเอ่ยเบา ๆ “อย่าทำแบบนี้นะ…ในบ
เมื่อสิ่งสกปรกบนร่างกายของเธอถูกน้ำสะอาดชำระล้างออกไป ก็เผยให้เห็นผิวของหลัวอีอีที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่นและความเงางาม เหมือนกับการเกิดใหม่หลัวอีอีมองดูผิวของตัวเองด้วยความตกใจเมื่อใช้มือสัมผัสก็รู้สึกนุ่มนวลจนไม่อยากปล่อยมือ“พระเจ้า นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”หลัวอีอีรู้สึกตกใจนี่เหมือนกับการเกิดใหม่อีกครั้งเธอยืนอยู่หน้ากระจก มองตัวเองตอนนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล “นี่มันนางฟ้าชัด ๆ ชอบมาก ชอบจริง ๆ”เธอยังคงโพสท่าทางต่าง ๆ ที่หน้ากระจก ยิ่งดูยิ่งชอบ“ฉันนี่สวยมาตั้งแต่เกิดจริง ๆ ถ้าฉันออกไปข้างนอกแบบนี้ มีเหรอพวกหนุ่ม ๆ จะไม่คลั่งไคล้ฉัน…โอ๊ย!!”ทันใดนั้น เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเพราะมัวแต่หลงระเริงกับความภูมิใจในตนเอง ดังนั้น จึงทำให้เธอเหยียบพลาดและลื่นล้มลง การล้มครั้งนี้ทำให้หลังทั้งแผ่นช้ำไปหมด หลัวอีอีจึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เป็นเวลานานขณะที่อยู่ข้างนอก เย่ซิวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงลุกขึ้นทันทีและเดินไปที่ห้องของหลัวอีอี เขายืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้วเอ่ยถามว่าเธอว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงของหลัวอีอีสั่นเครือเหมือนกำลังจะร้องไห้ “ฮือ ๆ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงการทุ่มกำลังคนและอาวุธมากมายขนาดนี้ นอกจากจะไม่สามารถจับตัวเย่ซิวได้ แต่ผู้บัญชาการสูงสุดยังถูกสังหารอีก เรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินเรื่องที่เหลือต่อจากนี้ก็จะง่ายขึ้นแล้วผู้อาวุโสมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าทิ้งกำลังทหารไว้ที่ชายแดนอีกต่อไปและต่อให้พวกเขากล้า ผู้อาวุโสเพียงขู่พวกเขาก็เพียงพอแล้วเช่นการพูดว่า ถ้าในบรรดาผู้นำระดับสูงของพวกแกมีคนที่จะต้านทานการลอบสังหารของเย่ซิวได้ก็จงอยู่ต่อไปเถอะเย่ซิวมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ทุกคนก็ได้เห็นกับตาแล้วดังนั้น วิกฤตครั้งนี้นอกจากจะถูกคลี่คลาย แต่ยังทำให้แต่ละประเทศเกรงกลัวประเทศหลงเถิงมากยิ่งขึ้นอย่างน้อยที่สุด ก่อนที่จะจัดการกับภัยแฝงที่ชื่อว่าเย่ซิวได้สำเร็จ คงไม่มีใครกล้าลงมือกับประเทศหลงเถิงง่าย ๆ แน่ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคงจะร้ายแรงมาก“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ผู้อาวุโสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งลูกน้องข้างกายว่า “เอาภาพเหตุการณ์ตอนเย่ซิวต่อสู้เมื่อกี้ไปจัดเรียง แล้วเผยแพร่ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต”ลูกน้องตกใจ “จะไ
“ฮ่า ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นตัวทดลองที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงหลายปีมานี้ พลังต่อสู้แข็งแกร่งมากจริง ๆ น่าเสียดายที่มันมีชีวิตอยู่ได้แค่สามถึงห้าปีเท่านั้น” โซโลเอ่ยด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นขณะมองเย่ซิวที่ถูกขวางไว้“ไม่เล่นแล้ว จบกันเสียที!”ดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายเย็นเยียบ ก่อนจะฟาดกระบี่ออกไปและใช้วิชาอัดปราณกระบี่หกชั้นในทันทีกระบี่พุ่งทะลุร่างของกระบี่คลั่งอย่างจัง พร้อมทั้งทำลายกุญแจมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ข้อมือและข้อเท้าของเขาจนแหลกละเอียดร่างยักษ์ของเขาทรุดตัวลงช้า ๆ ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาค่อย ๆ เลือนหายไปและแทนที่ด้วยความสับสนทันใดนั้น ภาพความทรงจำในอดีตพลันผุดขึ้นมาในหัวของเขา ก่อนที่น้ำตาสีเลือดจะไหลออกมาจากดวงตาเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ กับพ่อแม่มีภรรยาที่เขารัก และลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก ครอบครัวของเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนกระทั่งวันหนึ่งก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามา พวกมันจับตัวเขาไป และสังหารพ่อแม่ ภรรยา และลูกสาวของเขาต่อหน้าต่อตาความเกลียดชังที่ไร้จุดสิ้นสุดพวยพุ่งออกมาจากร่างของกระทิงคลั่ง แม้แต่เย่ซิวก็อดไม่ได้ที่จะหันไปม
เย่ซิวมองดูอาวุธที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น จากนั้นแสงจากแหวนผนึกของก็ส่องสว่างขึ้น เขากวาดเอาอาวุธในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดไม่ว่าจะสภาพดีหรือเสียหายใส่เข้าไปในแหวนยังไงอาวุธพวกนี้ก็พอขายทำเงินได้บ้าง อย่างน้อยก็ช่วยชดเชยความเสียหายจากครั้งนี้ได้บางส่วน“อ๊าวว…”เสี่ยวปิงถอยกลับมา ก่อนที่ร่างกายหดเล็กลงจนเหมือนลูกสุนัขอีกครั้ง ทั่วตัวมันเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหลไม่หยุดเพราะมันยังไม่เข้าสู่ระดับจินตานจึงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เต็มที่แต่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ก็ช่วยให้เย่ซิวฟื้นพลังวิญญาณกลับมาได้ครึ่งหนึ่งแล้วส่วนเสี่ยวปิงเองก็สามารถสังหารทหารแนวหน้าได้หกถึงเจ็ดร้อยคน ผลลัพธ์นี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วเย่ซิวเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงทันทีพร้อมกับปลุกพลังเปลวไฟลุกท่วมร่าง เขากำลังจะเตรียมพุ่งทะลวงแล้วเมื่อโซโลเห็นสายตาของเย่ซิว เขาก็ทั้งตกใจทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน ก่อนจะหันไปมองเงามืดด้านหลัง “กระทิงคลั่ง คราวนี้ถึงตาแกแล้ว ต่อให้ต้องเผาผลาญยีนของแก แกก็ต้องหยุดมันให้ได้!”จากเงามืดนั้นปรากฏชายร่างยักษ์ที่ดูแข็งแกร่งเกินมนุษย์กล้ามเนื้อของเขาแน่นหนาราวกับ
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เย่ซิวก็บุกทะลวงไปได้กว่าสองพันเมตรระหว่างทางเขาได้ทำลายรถถัง ทหารระดับแนวหน้า และอาวุธต่าง ๆ กว่าหลายพันชิ้นเพียงชายหนึ่งคนกับกระบี่หนึ่งเล่ม แต่กลับแสดงพลังการต่อสู้ที่น่าทึ่ง!พร้อมทั้งปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่นที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ฝูงโดรนจำนวนมากบินมาเป็นระลอกเหนือตัวเขา ก่อนจะระเบิดใส่เย่ซิวจากทุกทิศทาง แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยเย่ซิวเหวี่ยงกระบี่ดาวตกในมือออกไปแสงกระบี่พุ่งออกไปราวสายรุ้ง ทุกสิ่งที่สัมผัสถูกทะลวงอย่างไร้ความปรานีจากนั้นเขาก็วางมือทั้งสองลงบนพื้น พลางเอ่ยเสียงต่ำ “หอกมังกรดิน!”หนามดินขนาดมหึมาผุดขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะแทงทะลุเหล่าทหารแนวหน้าทันที อาคมปกคลุมไปทั่วพื้นที่กว้างกว่าหมื่นเมตรเย่ซิวจับกระบี่ดาวตกที่บินกลับมาได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะทะยานต่อไปอีกสองพันเมตรการโจมตีเริ่มถี่ขึ้นเรื่อง ๆ ฝ่ายศัตรูก็เข้าสู่โหมดโกรธจัด ก่อนจะปล่อยท่าไม้ตายที่รุนแรงทุกชนิดออกมา ทำให้เย่ซิวต้องใช้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเขาเรียกกระบี่หงส์โบยบินออกมาและใช้พลังจิตควบคุมกระบี่สองเล่มให้พุ่งทะลวงซ้ายขวาเข้าโจมตีศัตรูดาบ
“นายคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานงั้นเหรอ? ดี งั้นฉันจะคอยดูว่าแกจะไปได้สักกี่น้ำ ทุกหน่วยเตรียมพร้อม ล็อกเป้าหมาย เปิดฉากยิงเต็มกำลัง!”ตูม! ตูม! ตูม!ลูกระเบิดจำนวนมหาศาลถูกยิงออกมาเหมือนพายุที่ถาโถมใส่เย่ซิวอย่างบ้าคลั่งการโจมตีรุนแรงจนยากจะหาคำมาบรรยายในภาพจากห้องควบคุมของทั้งสองฝ่าย ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยเปลวไฟที่ปกคลุมไปทั่วผู้อาวุโสแห่งประเทศหลงเถิงทุบหมัดลงบนแผงควบคุมอย่างแรง “น่ารังเกียจนัก ถ้าพวกเราแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย พวกมันจะกล้าท้าทายเราขนาดนี้ได้ยังไง!”เขารู้สึกผิดอย่างมาก คิดว่าเป็นเพราะความอ่อนแอของประเทศที่ทำให้เย่ซิวต้องเสียสละตัวเองเขาจ้องมองหน้าจอที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเด็กบ้านี่ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ นายคือความหวังของพวกเรา”ผู้อาวุโสรู้ความลับบางอย่างที่คนธรรมดาไม่อาจล่วงรู้เดิมทีเขาตั้งใจจะหาโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้เย่ซิวฟัง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก่อนโซโลหัวเราะลั่น “โจมตีไปขนาดนี้ ต่อให้แก…”เขาพูดยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดชะงักทันทีเย่ซิวพุ่งออกมาจากจุดศูนย์กลางของการระเบิดพร้อมกับฟาดกระบี่ออกไปคลื่นกระบี่ยาวนับพันเมต
หลังจากเย่ซิวออกมาจากห้องของหยางชิงเสวี่ย เขาก็ตรงไปยังสวนสมุนไพรทันทีจากนั้นก็ไปหาหลี่อวี่ถงและขอให้เธอคัดลอกผลงานวิจัยล่าสุดมาให้เขาชุดหนึ่งจากนั้นก็รีบไปหาถังเขอเข่อต่อช่วงนี้ถังเข่อเข่อกำลังยุ่งอยู่กับการวิจัยเทคโนโลยีต่าง ๆ เลยยังไม่รู้เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นภายนอกเมื่อเห็นเย่ซิวมา เธอจึงสงสัยเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น?เย่ซิวไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามตรง ๆ ทันทีว่า “ตอนนี้คุณสร้างหุ่นยนต์ไปได้กี่ตัวแล้ว? เอาแบบที่ติดอาวุธด้วยนะ”“ตัวที่สามเพิ่งออกจากสายการผลิต ทำไมเหรอ?”“พาผมไปดูหน่อย”เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเย่ซิว ถังเขอเข่อเองก็เริ่มรู้สึกตึงเครียดไปด้วย เธอรีบพาเขาไปยังที่เก็บหุ่นยนต์ทันทีหุ่นยนต์สามตัวสูงสิบกว่าเมตรตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นตัวเกราะถูกพ่นสีดำล้วน มือข้างหนึ่งถือดาบมังกรครองจันทร์ ส่วนมืออีกข้างถือโล่ด้านหลังติดตั้งอาวุธปืนหกกระบอก และที่หัวไหล่ทั้งสองข้างมีส่วนที่นูนขึ้นมาถังเขอเข่ออธิบายว่าส่วนนูนนี้บรรจุโดรนขนาดเล็กสามตัว ซึ่งสามารถใช้ทั้งการสอดแนมและการโจมตีแบบแม่นยำได้ เรียกได้ว่าอาวุธครบครันลยทีเดียวเย่ซิวเก็บหุ่นยนต์ทั้งสามตัวเข้าไปในแหวน
หากเกิดสงครามขึ้น ผลที่ตามมาย่อมยากจะคาดเดาแม้พลังของเย่ซิวในตอนนี้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่หากประเทศเหล่านั้นยิงขีปนาวุธเข้ามาพร้อมกันหมด ลำพังตัวเขาเองคงไม่มีทางสกัดกั้นได้ทั้งหมดแน่นอนเพียงแค่พลาดไปลูกเดียว ก็อาจสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ประชาชนในประเทศหากมันตกลงในเมืองใหญ่ ชีวิตของผู้คนนับล้านอาจสูญสิ้นในชั่วพริบตาเย่ซิวยิ้มบาง “จะให้ทำยังไงได้? คงไม่ถึงขั้นปล่อยให้คนจำนวนมากต้องตายไปพร้อมกับผมหรอก”เขาหันกลับมาหาหยางชิงเสวี่ย แล้วยื่นมือออกไป “เอามาสิ”“อะไรเหรอ?”“ของสำคัญที่แสดงถึงตัวตนของผู้นำสำนักเยียนอวี่ อย่าบอกนะว่าไม่มีของแบบนั้น”หยางชิงเสวี่ยพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินไปที่ตู้ จากนั้นก็ก้มลงเปิดมันจากมุมมองของเย่ซิวในตอนนี้ จังหวะที่หยางชิงเสวี่ยก้มตัวลงนั้นทำให้เห็นส่วนโค้งกลมกลึงเขารู้สึกวูบวาบเล็กน้อยจึงเบือนสายตาไปทางอื่นผู้หญิงคนนี้ช่างดึงดูดจนทำให้ใครก็ยากจะถอนตัวจากเธอได้หยางชิงเสวี่ยหยิบเหรียญตราที่ทำจากวัสดุบางอย่างจากตู้แล้วส่งให้เย่ซิวตรานั้นให้สัมผัสอบอุ่น บนพื้นผิวมีตัวอักษรสองตัวสลักไว้ว่า ‘เยียนอวี่’เย่ซิวเก็บตราไว้อย่างระมัดระวัง ก
การจุติจากเปลวเพลิง!ความสามารถนี้คือการที่เย่ซิวสามารถคืนชีพจากเปลวเพลิงได้หลังจากถูกสังหารนับเป็นความสามารถที่เหนือธรรมชาติและทรงพลังถึงขีดสุด ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เกิดใหม่ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้นด้วยข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวคือความสามารถนี้สามารถใช้ได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้นเมื่อเย่ซิวได้รับความสามารถนี้ เขาก็ถึงกับตกตะลึงอยู่พักใหญ่เขาก้มมองหยางชิงเสวี่ยที่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง ในใจของเขาเริ่มคาดเดาถึงภูมิหลังและตัวตนที่แท้จริงของเธอแต่สำหรับข้อสันนิษฐานนั้น เขาไม่มีทางพิสูจน์ได้ และแม้จะถามเธอ เธอก็คงไม่พูดอะไรอยู่ดีเย่ซิวนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะรวบรวมสมาธิ และสำรวจร่างกายหลังจากถูกเปลวไฟเผาผลาญจิตวิญญาณก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทันทีพลังวิญญาณของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลราวกับเป็นผลลัพธ์จากการบำเพ็ญตนอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาหนึ่งถึงสองปีเขาค่อย ๆ ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับพลังที่เพิ่มขึ้นก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆหยางชิงเสวี่ยดูเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป แต่เย่ซิวอธิบายไม่ได้ว่าเปลี่ยนตรงไหนแต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ
“คุณค่อย ๆ ดูไปก่อนนะ ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือจะไปรอฉันที่ห้องนอนก็ได้”เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบเหมือนกำลังคุยเรื่องอาหารเย็นว่าจะกินอะไร“คุณไปเถอะ”เย่ซิวตอบก่อนจะตั้งใจอ่านเอกสารทั้งหมด โดยจดจำข้อมูลทุกอย่างลงในสมองสำหรับข้อมูลองค์กรขนาดใหญ่เช่นนี้ หากให้เย่ซิวสร้างขึ้นด้วยตัวเอง คงใช้เวลาอย่างน้อยห้าถึงหกปีกว่าจะสำเร็จได้แต่ชื่นชมว่าอาจารย์เขาช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!อีกด้านหนึ่ง หยางชิงเสวี่ยเดินกลับไปที่ห้องนอนก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าสายตาเธอจับจ้องที่ชุดเดรสตัวยาวสีแดงชุดหนึ่งบนเดรสตัวนั้นปักลายหงส์กางปีกโบยบินด้วยด้ายทองอย่างวิจิตรบรรจงหงส์ตัวนั้นดูเหมือนมีชีวิตจริง ๆ ราวกับสามารถโบยบินออกมาจากชุดได้ทุกเมื่อหยางชิงเสวี่ยลูบชุดเดรสนั้นเบา ๆ ภาพความทรงจำบางอย่างปรากฏขึ้นในหัวของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบชุดและเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีปกติแล้วหยางชิงเสวี่ยมักจะแต่งตัวอย่างเรียบร้อยและสุภาพเสมอแต่เมื่อเธอปลดพันธนาการออกจากร่างกายแล้ว ความงดงามสมบูรณ์แบบของเธอก็เผยออกมา ต่อให้นางแบบระดับโลกมาอยู่ตรงหน้าเธอก็ยังเทียบไม่ติดเสียงน้ำจากฝักบัวไหลรินลงมาชโลมร่างกายของ