ใบหน้าของพี่เฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผมได้ยินมาว่า มันเป็นโอสถที่ทรงพลังมาก มีสองเม็ด เม็ดหนึ่งสำหรับชีวิตและอีกเม็ดสำหรับความตาย”“จอมยุทธระดับที่ห้าที่ใช้โอสถชีวาอาสัญครั้งแรกจะไปถึงขั้นสูงสุดของระดับห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ”“ถ้าอย่างนั้น แสดงว่า การใช้โอสถสามารถทำให้ทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้ แต่ว่ากันว่าโอสถประเภทนี้มีข้อจำกัด”“การกลั่นโอสถต้องใช้เลือดของผู้กลั่นโอสถ ดังนั้น หากมีใครกินโอสถนั้นเข้าไป คนผู้นั้นก็จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้กลั่นโอสถไปตลอดชีวิต”“ยิ่งกว่านั้น ตลอดชีวิตนี้ ระดับวิทยายุทธของผมไม่สามารถทะลวงไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว หรือว่า… ท่าน!!!”จู่ ๆ พี่เฟิงก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ทั้งความคิดและจิตใจของเขาสั่นคลอนอย่างรุนแรงเย่ซิวพยักหน้า “คุณเดาได้ถูกแล้ว ผมรู้วิธีกลั่นโอสถชีวาอาสัญ แล้วคุณยินดีที่จะเป็นสุนัขรับใช้เคียงข้างผมไหมล่ะ?”นี่คือการตัดสินใจของเย่ซิวในนาทีสุดท้ายรอบตัวเขานั้นมีปรมาจารย์อยู่น้อยเกินไปเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องยุ่งยากบางอย่าง เขาก็ต้องจัดการเรื่องเหล่านั้นด้วยตัวเองพี่เฟิงคนนี้เป็นจอมยุทธระดับห้า และโดยเนื้อแท้ของเขาก็ไม่ใช่
แม้ว่าหลัวอีอีจะเรียนมัธยมปลายเท่านั้น แต่เธอก็อายุเต็มสิบแปดปีแล้วเธอเติบโตมาอย่างดีและมีทุนทรัพย์เพียบพร้อมอย่างไรก็ตาม เย่ซิวไม่มีเจตนาร้ายอะไรต่อเธอ เขาก้าวไปข้างหน้าและตบร่างกายของเธอเบา ๆ เพื่อปลุกเธอให้ตื่นหลัวอีอีตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เธอลืมตาขึ้น ดูสับสนมึนงงเล็กน้อยฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่ไหน ฉันทำอะไรอยู่?ไม่นาน หลังจากนั้นเธอก็ตั้งสติได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิว และอุทานว่า “ฉันจำได้ ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนที่ทำให้ฉันหมดสติ คนชั่ว คุณทำอะไรฉันใช่ไหม?”“ฮือ ฮือ ฮือ ฉันเพิ่งอายุสิบแปดปีเองนะ ทั้งบริสุทธิ์ทั้งบอบบางขนาดนี้ คุณจะทนไม่ลงมือทำได้ยังไง”“จิตสำนึกคุณมีปัญหาใช่ไหม?”เย่ซิวกลอกตามองเธอและหันหลังเดินออกไปเด็กผู้หญิงคนนี้นี่ช่างเป็นเจ้าแม่การละครเสียจริง“นี่ อย่าเพิ่งไป คุณต้องรับผิดชอบฉัน”หลัวอีอีรีบลงไปและตามเขาไปอย่างรวดเร็วเขายืนอยู่บนราวบันได เบื้องล่างมองเห็นเหล่าบอดี้การ์ดที่ถูกเขาคว่ำไปอยู่บนพื้นบางคนเริ่มกลับมาได้สติมีเรี่ยวแรงก็พยายามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขอความช่วยเหลือเย่ซิวสะบัดนิ้ว กระแสกำลังภายในที่อัดแน่นไปด้วยพลังเข้าโจมตีอย่างแม่นยำ ท
เย่ซิวเมินเฉยต่อเธอเขาคลายมือที่โอบเอวนั้นออก และทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสลบไปอีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกเขาขับรถพาหลัวอีอีออกไปอย่างสบาย ๆในรถ ร่างช่างพูดของหลัวอีอีก็โผล่ออกมาอีกแล้วและพูดไม่หยุด“เราจะไปไหนเหรอ?”“จะกลับแล้วเหรอ?”“คุณจะพาฉันไปเปิดห้องเหรอ? ว่าแล้วเชียว ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด หึ ฉันไม่ไปด้วยหรอกนะ ฉันไม่ใช่คนใจง่ายอยู่แล้ว”คราวนี้เย่ซิวได้เรียนรู้บทเรียนเป็นอย่างดีแล้ว เขาจึงสกัดจุดหูทั้งสองข้างของเขา ดังนั้นไม่ว่าเธอจะพูดมากแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียวผ่านไปประมาณสี่สิบนาที รถก็หยุดจอดเย่ซิวเปิดประตูรถแล้วเดินออกไปที่นี่คือตลาดผักตอนนี้เป็นเวลาตีสี่แล้วหลายคนก็เริ่มทำงานแล้วเช่นกันหลัวอีอีเองก็ลงจากรถมาด้วย ลมหนาวพัดมา และเธอก็กอดรัดร่างตัวเองตามสัญชาตญาณแต่เมื่อเธอเห็นตลาดผักขนาดใหญ่เธอก็ตะลึงเธอเห็นคนมากมายทำงานหนักเพื่อขนส่งสินค้าและยังเห็นคุณตาคุณยายอายุหกสิบเจ็ดสิบปีคอยดูแลแผงขายผักด้วยใบหน้าของพวกเขาแดงด้วยความหนาวเย็นของลมหนาวที่กัดกิน ในขณะนี้ จิตใจของหลัวอีอีได้รับผลกระทบอย่างมากนี่เป็นอีกด้านหนึ่งของเ
ในที่สุดยาในหม้อใบใหญ่ก็ถูกเคี่ยวจนกลายเป็นก้อนสีดำก้อนใหญ่เย่ซิวยังคงเคลื่อนไหวต่อไปโดยใช้กำลังภายในเข้าช่วยด้วยหลังจากผ่านไปสิบนาที ในที่สุดมันก็กลายเป็นยาเม็ดสีดำสนิทเขาเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับยาในมือ และพูดกับพี่เฟิงว่า “รับไปสิ”พี่เฟิงรับมาอย่างระมัดระวัง และกลืนยานั้นลงไปโดยไม่ลังเลรอสักครู่เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เขาคำรามไปมา มีเส้นเลือดปูดขึ้นทั่วร่างกาย และเขาดูน่ากลัวมากเย่ซิวเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆพลังของโอสถอาสัญนี้รุนแรงมาก มันเปลี่ยนร่างของเขาอย่างโหดร้ายจะเห็นได้ว่า กล้ามเนื้อของพี่เฟิงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เขากลายเป็นชายร่างกำยำ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วแต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็กลับสู่สภาพเดิมทั่วร่างกายของเขาส่งกลิ่นเหม็น สิ่งสกปรกมากมายถูกขับออกจากร่างกายของเขา“แข็งแกร่งมาก ความแข็งแกร่งของผมเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายเท่าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”พี่เฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เขารู้สึกหลงใหลไปกับมันอย่างมากแต่ชั่วขณะต่อมา เมื่อมองไปที่เย่ซิ่ว เขาก็แสดงท่าทีแสดงความเคารพทัน
เขาพูดอย่างเรียบง่าย แต่เมื่อตระกูลหลัวได้ฟังกลับรู้สึกหวาดหวั่น“น้องเย่ ฉันขอบคุณมาก ๆ!” หลัวฮ่าวโค้งคำนับเย่ซิวอย่างจริงจังภรรยาของเขาเองก็โค้งคำนับตามหลัวอีอีเป็นดวงใจของพวกเขาทั้งสองคนหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรหลัวเฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเด็กสมัยนี้ ชักจะบังอาจเกินไปแล้ว เราต้องจัดการขั้นเด็ดขาด!”หวังเหมยลี่ก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ควรที่จะจัดการสักที ไม่อย่างนั้น ต่อไปไม่รู้จะมีเด็กผู้บริสุทธิ์อีกกี่คนที่ต้องได้รับความเสียหาย”จากนั้น เย่ซิวก็ส่งหลักฐานอาชญากรรมของหวังซงให้กับหลัวเฟิงเมื่อหลัวเฟิงเห็นหลักฐานพวกนี้ เขาทั้งตกใจและดีใจ“ฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยมมาก คราวนี้หวังซงหนีไม่รอดแน่!”เมื่อคืนพวกเขาคิดว่าเย่ซิวล้อพวกเขาเล่น แต่ใครจะรู้ว่าตอนเช้าจะได้เห็นหลักฐานวางอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ พวกเขาเพิ่งได้พบเป็นครั้งแรกเย่ซิวพูดกับหลัวเฟิง “ท่านครับ มาให้ผมช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่านกัน”……ในขณะเดียวกัน ณ ที่พักของหลินซวงเมื่อถึงเวลาตื่นนอน เธอก็ตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้น ก็พบว่ามีข้อความจำน
หลินซวงถึงกับพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าควรโต้ตอบเพื่อนของเธออย่างไรดีในขณะนั้นหลินซวงส่ายหน้าอย่างแรงแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เกือบโดนเธอพาเข้ารกเข้าพงไปแล้ว รีบลุกขึ้นเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”เธอเล่ารายละเอียดเรื่องราวให้กับหนานกงเยวี่ยฟังณ ที่พักของหนานกงเยวี่ยเธอนอนอยู่บนเตียง ฟังเรื่องราวอย่างไม่ใส่ใจแต่ไม่นาน เธอก็ตาลุกวาวและตกใจอย่างสุดขีด “อะไรนะ? เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?”ข่าวที่หลินซวงพูด ถึงเรียกได้ว่าทำให้เธอช็อกถึงขีดสุดบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพียงแค่บริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งต้าเป็นบริษัทแห่งเดียวก็ครองส่วนแบ่งตลาดไปเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์นี่เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมากตำแหน่งผู้นำและอำนาจของพวกเขามีความมั่นคงอย่างยิ่ง และอิทธิพลก็ซับซ้อนมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีผู้คนมากมายที่พยายามจะก้าวข้ามและโค่นล้มพวกเขา แต่สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเองเมื่อหนานกงเยวี่ยได้ฟังคำพูดของหลินซวงก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที ในมือกำโทรศัพท์ไว้ “หลินซวง เธอมั่นใจว่าหลักฐานพวกนั้นเป็นของจริงใช่ไหม?!”ผ้าห่มที่คลุมตัวเธออยู่หลุดออกเผยให้เห็
“แล้วอย่างที่สอง วันนี้ฉันมีสอบ ฉันส่งข้อสอบก่อนเวลาแล้วก็้เพิ่งจะกลับบ้านมา เป็นยังไง? ฉันเก่งไหม? ชมฉันหน่อยสิ”เย่ซิวเอ่ยตอบเสียงเรียบ “แม้ว่าผมจะอ่อนกว่าคุณ แต่ในด้านนิสัยและความคิด คุณยังห่างไกลจากผมมากเลยนะ”หลัวอีอีนั่งข้างเย่ซิว กลิ่นกายของเธอส่งกลิ่นหอมอบอวลดูเหมือนจะเป็นกลิ่นของสบู่เหลวหรืออาจเป็นกลิ่นตัวของเธอเอง ซึ่งเป็นกลิ่นที่หอมมาก“นายว่า ฉันควรเลือกเรียนคณะอะไรดี?” หลัวอีอีกระพริบตาถาม“ก็ต้องดูว่าคุณชอบอะไรสิ”หลัวอีอีเอ่ยขึ้นว่า “ฉันคิดว่านายพูดถูก ฉันควรพยายามเรียนรู้ให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนชั้นล่างมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะเดินตามเส้นทางของคุณพ่อกับคุณปู่!”เธอเอ่ยคำพูดนี้อย่างจริงจัง เย่ซิวมองไปที่ดวงตาบริสุทธิ์ของเธอ เหมือนมีแสงไฟที่ส่องประกายในดวงตาลึก “คุณแน่ใจนะ?”หลัวอีอีพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ดี ในเมื่อคุณคิดได้แบบนี้ อย่างนั้น ผมก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับคุณ!พูดจบ เย่ซิวก็วางมือหนึ่งไว้ที่ไหล่ของหลัวอีอีทันใดนั้น ใบหน้าของหลัวอีอีก็เริ่มแดงขึ้น ดวงตาของเธอเปล่งประกายเหมือนสายน้ำไหล เธอเอ่ยเบา ๆ “อย่าทำแบบนี้นะ…ในบ
เมื่อสิ่งสกปรกบนร่างกายของเธอถูกน้ำสะอาดชำระล้างออกไป ก็เผยให้เห็นผิวของหลัวอีอีที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่นและความเงางาม เหมือนกับการเกิดใหม่หลัวอีอีมองดูผิวของตัวเองด้วยความตกใจเมื่อใช้มือสัมผัสก็รู้สึกนุ่มนวลจนไม่อยากปล่อยมือ“พระเจ้า นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”หลัวอีอีรู้สึกตกใจนี่เหมือนกับการเกิดใหม่อีกครั้งเธอยืนอยู่หน้ากระจก มองตัวเองตอนนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล “นี่มันนางฟ้าชัด ๆ ชอบมาก ชอบจริง ๆ”เธอยังคงโพสท่าทางต่าง ๆ ที่หน้ากระจก ยิ่งดูยิ่งชอบ“ฉันนี่สวยมาตั้งแต่เกิดจริง ๆ ถ้าฉันออกไปข้างนอกแบบนี้ มีเหรอพวกหนุ่ม ๆ จะไม่คลั่งไคล้ฉัน…โอ๊ย!!”ทันใดนั้น เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเพราะมัวแต่หลงระเริงกับความภูมิใจในตนเอง ดังนั้น จึงทำให้เธอเหยียบพลาดและลื่นล้มลง การล้มครั้งนี้ทำให้หลังทั้งแผ่นช้ำไปหมด หลัวอีอีจึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เป็นเวลานานขณะที่อยู่ข้างนอก เย่ซิวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงลุกขึ้นทันทีและเดินไปที่ห้องของหลัวอีอี เขายืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้วเอ่ยถามว่าเธอว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงของหลัวอีอีสั่นเครือเหมือนกำลังจะร้องไห้ “ฮือ ๆ
“ตอนนี้เราดำเนินการผลิตเต็มกำลัง สามารถผลิตจักรกลมังกรดำได้วันละสองร้อยชุด ตอนนี้ผลิตเสร็จแล้วแปดร้อยชุด”เย่ซิวเอ่ยชมด้วยความประทับใจ สมกับที่เป็นประเทศหลงเถิง มีประสิทธิภาพน่าตื่นตะลึงจริง ๆจักรกลมังกรดำแปดร้อยชุดนี้สามารถสร้างพลังการข่มขู่ที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจอย่างมากหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็เสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายมากขึ้นพร้อมทั้งยื่นข้อเสนอที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา รวมถึงเปิดโรงงานและสาขาย่อยที่สำนักโอสถเย่ซิวเข้าใจได้ทันทีว่าข้อเสนอนี้คือการที่ประเทศหลงเถิงยื่นมือเข้ามาช่วยสำนักโอสถโดยตรงนี่ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สำนักโอสถทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่มีเหตุผลอะไรเย่ซิวที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างแน่นอนหลังจากจบการสนทนากับนายกรัฐมนตรี เย่ซิวก็เดินทางไปยังสายการผลิตเป้าหมายต่อไปของเขาคือเพิ่มจักรกลมังกรดำให้ถึงสามสิบชุด และยังต้องรับสมัครผู้ควบคุมเกราะกลไกเพิ่มอีกขณะเดียวกันทางฝั่งประเทศจ้านฉงตี้ ประเทศจ้านอิงตี้ และประเทศใหญ่อื่น ๆ รวมถึงประเทศขนาดกลางและเล็กอีกนับร้อยต่างก็จัดประชุมลับอีกครั้งจักรพรรดิอินทรีครามเป็นคนเริ่มพูดก
เย่ซิวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงเก็บสิ่งที่หล่นลงมาจากตัวเด็กหญิงมันคือจี้ชิ้นหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่าทำจากวัสดุอะไร ผิวด้านนอกเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายเย่ซิวพลิกดูซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ในขณะที่เขากำลังจะวางมันกลับคืนไปบนตัวเด็กหญิงนั้นทันทีที่จี้เข้าใกล้ตัวเธอ รอยร้าวบนจี้กลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นเย่ซิวหรี่ตาลงพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเก็บจี้นี้ไว้กับตัวเองก่อนจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสวนยา แบ่งสมุนไพรที่เหลือออกเป็นหมวดหมู่และปลูกไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบพร้อมทั้งเก็บสมุนไพรที่โตเต็มที่ไว้บางส่วนเพื่อเตรียมใช้งานในอนาคตหลังจากจัดการที่สวนยาเสร็จ เย่ซิวก็เดินไปยังค่ายทหาร เขามีแผนจะคัดเลือกทหารจำนวนหนึ่งพันสองร้อยนายเพื่อจัดตั้งกองกำลังพิเศษเกณฑ์ในการคัดเลือกของเขาไม่ใช่การเลือกคนที่เก่งที่สุด แต่กลับเลือกคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มเพราะเขาเชื่อว่าเมื่อคนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นมา พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งและภักดีต่อเขามากกว่าเดิมหลังจากคัดเลือกทหารได้ครบหนึ่งพันสองร้อยนายแล้ว ยังต้องมีการทดสอบเรื่องความภักดี การป้องกันสายลับ และกา
เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจได้ทันทีมันน่าจะเกิดจากตอนที่เขาวางค่ายกลและใช้เลือดตัวเองหยดลงบนจี้หยกเดิมทีเขาตั้งใจจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้จี้หยกและเสริมพลังของค่ายกลตอนที่มันเสร็จสมบูรณ์เพราะตอนนี้เลือดของเขามีค่ามากมายมหาศาลแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือการทำเช่นนี้กลับทำให้พลังหายนะเชื่อมโยงกับเขาในแบบที่อธิบายไม่ได้เย่ซิวไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องดีหรือร้าย เขายื่นมือออกไปอย่างระมัดระวังค่อย ๆ เข้าใกล้กระบี่เล่มนั้นในขณะเดียวกันก็คอยเฝ้าสังเกตดวงชะตาของตัวเอง ถ้ารู้สึกถึงการกัดกร่อนจะถอยออกมาทันทีแต่สิ่งที่เขากังวลกลับไม่เกิดขึ้นและสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากก็คือในวินาทีที่เขากำกระบี่เล่มนั้นไว้ ดวงชะตาที่เคยถูกกัดกร่อนก็ฟื้นคืนกลับมากระบี่เล่มนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อเขาอีกต่อไปในวินาทีที่จับกระบี่ไว้ เย่ซิวก็รับรู้ถึงความสามารถของมันได้ทันทีกระบี่นี้มีไว้เพื่อทำลายล้างพลังบำเพ็ญของผู้อื่นไม่ใช่เพื่อสังหารคนโดยตรงและเมื่อฟันออกไป มันสามารถตัดทอนพลังบำเพ็ญของเป้าหมายได้ถึงหนึ่งส่วน สองส่วน หรืออาจมากกว่านั้นอีกทั้งส่วนหนึ่งของพลังที่ถูกทำลายจะถูกส่งกลับคืนมาใ
ค่ายกลมรณะ!เย่ซิวไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้ถึงได้เชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันค่ายกลแบบนี้ต้องใช้ของที่ทั้งอำมหิตและชั่วร้ายสุด ๆ เป็นแกนกลางในการวางค่ายกลพลังทำลายล้างไม่ต้องพูดถึงเพราะมันเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เย่ซิวเคยเห็นค่ายกลนี้ในหอตำราของสำนักหุ่นเชิดมาก่อนในอดีตค่ายกลนี้ถือเป็นค่ายกลต้องห้ามเขาไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะพยายามนึกถึงขั้นตอนการวางค่ายกลในหัวอย่างเร่งรีบจากนั้นก็หยิบจี้หยกออกมาหลายชิ้น ก่อนจะป้ายเลือดของตัวเองไปที่แต่ละชิ้นและจัดวางตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เขาหันไปเอ่ยกับเด็กหญิงว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ หลับตาไว้ก่อนนะ พอฉันบอกให้ลืมตาค่อยลืมตา”เด็กหญิงเงยหน้ามองเย่ซิว ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่ายและหลับตาลงเย่ซิวใช้เธอเป็นศูนย์กลางของค่ายกล จากนั้นเขาก็รีบวางค่ายกลจนเสร็จสมบูรณ์ในวินาทีที่ค่ายกลเสร็จสิ้น ท้องฟ้าทั้งผืนพลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำหนาทึบพร้อมกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากึกก้องพลังแห่งความหายนะในตัวเด็กหญิงเริ่มปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับถูกค่ายกลดูดซับเข้าไปเหนือศีรษะของเธอปรากฏดวงดาวดวงหนึ่งด
จากนั้นเย่ซิวก็ปล่อยปราณกระบี่ออกมาหลายสาย ผนึกพื้นที่รอบตัวเด็กหญิงไว้ เด็กหญิงมองเย่ซิวด้วยสายตาที่น่าสงสาร เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นดาวหายนะ พ่อแม่และครอบครัวของเธอทั้งหมดล้วนต้องตายไปเพราะเธอ หลังจากนั้นเธอก็ถูกขังไว้ในกรงพิเศษ ไม่เคยเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลย จนกระทั่งถูกปล่อยตัวออกมาในตอนนี้ เย่ซิวมองแววตาของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ร่างกายที่เป็นอยู่เกิดจากชะตาฟ้าลิขิต เธอเองไม่อาจควบคุมได้ และไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย เย่ซิวเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้อย่างบุ่มบ่ามพลังหายนะของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป หากพลาดพลั้งแม้เพียงเล้กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่เกินจะจินตนาการได้ หลังจากครุ่นคิด เขาก็ร่ายอาคม สร้างเหยี่ยวตัวหนึ่งให้ก่อตัวขึ้น แล้วให้มันบินไปเกี่ยวตัวเด็กหญิงขึ้นมา เตรียมจะพาขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังไม่ทันจะบินขึ้น เหยี่ยวกลับสลายตัวไปในพริบตาเย่ซิวลองหาวิธีอื่นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ได้เลยเย่ซิวรู้สึกปวดหัวไปหมด เขาจึงตัดสินใจปลอบเด็กหญิงก่อน แล้วโยนอาหารไปให้เธอจากระยะไกลไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธ
เย่ซิวเดินออกจากห้องลับ แล้วพบว่าโลกทั้งใบที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น และเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้น เฉินหลานเพิ่งกลับมาจากข้างนอก พอเห็นเย่ซิวก็ยิ้มหวานออกมา "สวัสดีค่ะ นายท่าน" เย่ซิวโบกมือไปมา "ต่อไปไม่ต้องเรียกนายท่านแล้ว เรียกว่าท่านเจ้าสำนักเถอะ" เฉินหลานมองเขาด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำ ก่อนจะพยักหน้าขานรับอืมเบา ๆเรียกว่าเจ้าสำนักดูจะเป็นกันเองกว่าการเรียกว่านายท่าน "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?" เย่ซิวถาม "ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ หลังจากจบศึกครั้งนี้ คนในสำนักโอสถก็ยิ่งให้ความไว้วางใจกับพวกเรามากขึ้น งานในด้านอื่น ๆ ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น" "แล้วในระดับนานาชาติล่ะ?" "บรรดาทูตจากนานาชาติมาถึงประเทศหลงเถิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ เดิมทีพวกเขาต้องการเริ่มการเจรจาทันที แต่รัฐบาลหลงเถิงกลับจัดเตรียมอาหารเลิศรส และการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจให้พวกเขา โดยให้เหตุผลว่าประเทศของตนให้ความสำคัญกับมารยาทมากที่สุด เมื่อลูกค้ามาเยือนก็ต้องให้การต้อนรับอย่างดี จากนั้นจึงค่อยพูดคุยเรื่องอื่น บรรดาทูตก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมเพลิดเพลินไปกับกา
หลังจากที่ฝึกฝนความสามารถใหม่ของร่างกายจนคุ้นเคยแล้ว เย่ซิวก็กลับมาทำการหลอมโอสถต่อมีโอสถอีกหลายประเภทที่ต้องหลอมเช่นโอสถยอดเพชร โอสถต้นกำเนิด โอสถร้อยพิษไม่กล้ำกรายและอื่น ๆนอกจากเตรียมโอสถสำหรับสร้างกองกำลังสุดยอดแล้ว ยังมีบางส่วนที่เย่ซิวตั้งใจจะเตรียมไว้ใช้เอง รวมถึงให้คนใกล้ตัวของเขาหลังจากที่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ประสิทธิภาพในการหลอมยาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอัตราการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขาหลังจากใช้งานก็เร็วขึ้นหลายเท่าตัวสองวันต่อมา ประเทศจ้านส่งสมุนไพรมาเป็นค่าชดเชย ซึ่งถูกใช้ไปแล้วกว่าเก้าหมื่นต้น ผลลัพธ์คือโอสถชนิดต่าง ๆ ถูกหลอมออกมามากกว่าห้าหมื่นเม็ดเมื่อหลอมยาเสร็จ เย่ซิวก็หยุดการหลอม เก็บเตาโอสถกลับไปแล้วหันไปมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงน้ำแข็งทันใดนั้นภาพถ่ายที่พรีเอลล์เคยส่งให้ก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขาเธอเคยพูดถึงโซเฟียลูกพี่ลูกน้องของเธอเย่ซิวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่าย แล้วเดินไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างหน้าตาอาจจะแตกต่างกัน แต่บรรยากาศและพลังบางอย่างที่แผ่ออกมานั้นคล้ายกันมากมันให้ความรู้สึกเหมือนประชาชนของมหาอำนาจประเทศหนึ่ง กับคน
ตอนนี้เย่ซิวกำลังหลอมโอสถยอดเพชรโอสถชนิดนี้สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น หากรับประทานในปริมาณที่มากพอ อาจทำให้ร่างกายกลายเป็นกายาวัชระได้ ซึ่งเป็นกายาอันแข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่พุทธศาสนา นี่คือโอสถที่เย่ซิวเตรียมไว้สำหรับกองกำลังพิเศษในอนาคตของเขา ในเมื่อเป็นกองกำลังระดับสุดยอด ก็ต้องมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้ การป้องกัน การลอบสังหาร ทุกอย่างต้องอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถมีจุดอ่อนได้ ภายในเตาหลอมโอสถ ตอนนี้มีโอสถยอดเพชรกว่ายี่สิบเม็ด แต่ท่ามกลางโอสถเหล่านั้น มีอยู่เม็ดหนึ่งที่แตกต่างจากเม็ดอื่นโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และมีแสงสีทองระยิบระยับไหลเวียนอยู่ภายใน ดวงตาของเย่ซิวหดแคบลงทันที นี่มันหรือว่าจะเป็นโอสถกลายพันธุ์ในตำนาน? บางครั้งในการหลอมโอสถ นักปรุงยาอาจพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้โอสถเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา โอสถกลายพันธุ์เหล่านี้ บางครั้งอาจไร้ประโยชน์ หรือร้ายแรงถึงขั้นมีพิษรุนแรง แต่ในบางกรณี มันอาจมีสรรพคุณสูงกว่าโอสถทั่วไปหลายสิบเท่า และในบางครั้งโอสถกลายพันธุ์เหล่านี
นอกจากนี้เย่ซิวยังมีฐานปลูกสมุนไพรอีกแห่งหนึ่งที่ประเทศหลงเถิง เมื่อรวมกันแล้ว ฐานทั้งสองแห่งสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับการหลอมยาได้เป็นจำนวนมหาศาล ต่อไปเมื่อเขาสามารถหลอมยาได้มากพอ ก็จะสามารถใช้โอสถเหล่านั้นสร้างกองกำลังสุดแกร่งขึ้นมาได้ เป็นกองกำลังที่สามารถทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง เย่ซิวมีแนวคิดเกี่ยวกับกองกำลังนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มดำเนินการ สำหรับแกนหลักของกองกำลัง เย่ซิววางแผนให้สมาชิกของหน่วยกองกำลังหมาป่าราตรีเป็นผู้รับผิดชอบ พวกเขามีทั้งพลังและประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ หลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันไป เย่ซิวมอบหมายให้หวังซวงเป็นผู้จัดการเรื่องรถถังและทองคำ โดยทองคำบางส่วนจะถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงและทรัพยากร ก่อนจะส่งไปให้ถังอวิ้น การพัฒนาของประเทศสุ่ยจือยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องกังวลมากนักก็คือ ประเทศสุ่ยจือมีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้าน แนวภูเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้เป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง โอกาสที่ประเทศนี้จะถูกโจมตีนั้นค่อนข้างต่ำ อีกทั้งตอนนี้สภาพของที