คำพูดเหล่านั้นไม่เพียงแต่ทำให้หลัวฮุ่ยหมิ่นเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แต่ยังทำให้เย่ซิวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรในขณะนั้น“นี่พ่อหนุ่ม ไม่ต้องอายไปหรอก ป้าน่ะเปิดกว้าง ขอแค่ตระกูลของพ่อหนุ่มไม่มีประวัติด่างพร้อยและไม่ทำตัวเกียจคร้าน ป้าก็ยอมให้พวกเธอทั้งสองคนคบกันแล้ว”แล้วก็ไม่จำเป็นต้องหาเงินเก่งมากหรอก ป้ากับลุงต่างก็เกษียณแล้ว และแต่ละเดือนพวกเราก็ได้รับเงินบำนาญหลายหมื่น พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงพวกป้าหรอกนะในตอนนี้ หลัวฮุ่ยหมิ่นเองก็ทำงานกับหน่วยงานสำคัญ และเงินเดือนของเธอก็ไม่ใช่น้อย ๆ ต่อไป ถ้าเธอสองคนขยันทำงาน ชีวิตคู่ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เอง”หลัวฮุ่ยหมิ่นปิดหน้าด้วยสองมือ เธอรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนั้น แม่ของเธอจึงคิดว่าเธอกำลังรู้สึกเขินอายเย่ซิวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขืนไม่อธิบายตอนนี้ เธออาจจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ “เอ่อ คุณป้าครับ คุณป้าเข้าใจผิดแล้วครับ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาพบท่านผู้ว่าหลัว และที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อรักษาอาการให้กับท่านผู้ว่า” แม่ของเธอชะงักไปชั่วครู่ “รักษาอะไรกัน? เอ๊ะ ว่าแต่คุณพ่อเข้านอนแล
ปีนี้อายุของหลัวฮ่าวสี่สิบห้าปี ซึ่งห่างกับน้องสาวสิบห้าปีเมื่อเขากลับมาถึงบ้านแล้วเห็นเย่ซิว ผู้ชายที่มีสีหน้าแข็งกร้าวแบบเขาก็โค้งคำนับต่อเย่ซิวด้วยความจริงใจ“ขอบคุณคุณเย่ที่ช่วยชีวิตคุณพ่อของผม บุญคุณครั้งนี้ผมจะไม่มีวันลืม ถ้ามีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของประเทศ ผมก็เต็มใจทั้งนั้น บอกมาได้เลย!”เย่ซิวยกมือขึ้นและพูดว่า “คุณเกรงใจเกินไปแล้วครับ ที่ผมช่วยท่านผู้ว่าหลัวเพราะผมเองก็มีธุระส่วนตัวที่ต้องการให้ท่านช่วยเหมือน”หลัวฮ่าวแสดงสีหน้าจริงจัง “ ไม่ว่ายังไงผมก็จะจำใส่ใจเอาไว้ว่า คุณเป็นผู้มีพระคุณของผม!”เย่ซิวส่ายหัวและไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ต่อแม่ของหลัวฮ่าวที่ได้ยินเสียงจึงวิ่งออกมา เมื่อเห็นหลัวเฟิงเปลี่ยนไปมาก เธอไม่สนใจว่ามีคนอยู่เยอะหรือไม่ เธอโผพุ่งเข้าไปกอดหลัวเฟิงทันที“ที่รัก คุณไม่เป็นไรอะไรแล้ว มันวิเศษมาก! ต่อไปห้ามทำงานหนักอีกนะได้ยินไหม? ถ้าคุณกล้าทิ้งฉันแล้วหนีไปคนเดียว ฉันจะไปหาผู้ชายคนอื่นสักสิบคนยี่สิบคน ฉันจะสวมเขาให้คุณอายไปเลย! ”สีหน้าของหลัวเฟิงเข้มขึ้น “คุณกล้าเหรอ? เอาสิ คอยดูละกันว่าผมจะจัดการคุณยังไง!”หลัวฮุ่ยหมิ่นเ
หลัวฮ่าวรู้สึกเขินอายมาก เขาพูดกับเย่ซิวว่า “ลูกสาวของฉันตอนนี้อยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่สาม เธออยู่ในช่วงวัยต่อต้าน เรื่องเรียนเธอก็รู้สึกกดดันมาก เธอจึงมีท่าทีแบบนั้น คุณอย่างรังเกียจเลยนะครับ”เย่ซิวยิ้ม “ไม่มีปัญหา ทานข้าวกันเถอะครับ”โดยปกติแล้ว เขาจะไม่โต้เถียงกับเด็กนิสัยเสียเช่นนี้ที่โต๊ะอาหารเย็น แม่ของหลัวฮ่าวตักอาหารให้เย่ซิวอย่างต่อเนื่องด้วยความกระตือรือร้น“นี่ ๆ ลองชิมขาหมูนี่ดู”“เนื้อเผ็ดนี้ก็ค่อนข้างดีเลย”“นี่ น่องไก่ใหญ่ ๆ เลยนะ”……หลังจากนั้นไม่นาน ถ้วยของเย่ซิวก็กองสูงขึ้นเป็นเนินหลัวฮุ่ยหมิ่นทำหน้าบูดบึ้งและพูดอย่างอิจฉาว่า “แม่ ทำไมแม่ต้องตักอาหารให้เขาด้วย แล้วหนูล่ะ? หรือว่าหนูไม่ใช่ลูกของแม่แล้วใช่ไหม?”“ใช่ ฉันไม่รักแกแล้ว แกพาแฟนมาบ้านเมื่อไหร่ แกค่อยมาเป็นลูกของฉัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย”“เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของฉันประพฤติตนดีและเชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก ขยันเรียน ไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนชั้นต่ำ ไม่เคยไปไนต์คลับเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเด็กผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ถึงหาแฟนไม่ได้?”แววตาคู่นั้นสื่อความหมายอย่างลึกซึ้งหลัวฮุ่ยหมินหยุดพูดและกินอย่างเชื
สิ่งที่ทำให้หลัวเฟิงและหลัวฮ่าวประหลาดใจก็คือ แม้ว่าเย่ซิวจะดูเด็กมาก แต่ความรู้ของเขาก็กว้างขวางมาก ไม่ว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่องอะไรเขาก็ตามทันได้ทุกการสนทนากว่าจะรู้ตัวก็สี่ทุ่มแล้วเย่ซิวเตือนหลัวเฟิง “นายท่าน ถึงเวลาที่คุณจะต้องพักผ่อนแล้วนะครับ”หลัวเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ฉันเกือบลืมไปแล้ว คุณจะอยู่ต่ออีกสักสองสามวันก็ได้นะ ยังไงที่บ้านก็มีห้องว่างอยู่แล้ว”เย่ซิวส่ายหัว “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่โรงแรมข้างนอกก็ได้”หวังเหม่ยลี่แม่ของหลัวฮ่าวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไม่ได้ ๆ โรงแรมจะสะอาดเหมือนบ้านได้ยังไง ฉันเตรียมห้องไว้ให้แล้ว คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”หลัวฮ่าวยังกล่าวอีกว่า “ใช่ อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเองเถอะ”“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะครับ”อยู่ต่อก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน สำหรับเย่ซิว อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันอยู่แล้วหลังจากพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็กลับไปพักผ่อน ส่วนเย่ซิวเองก็กลับเข้าไปในห้องรับรองด้วยเช่นกันและเช่นเคย เขาส่งข้อความถึงหลิ่วเมิ่งอิ๋น เซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์เดิมทีโทรศัพท์ของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถูกยึดไปนานแล้ว ต่อมาเย่ซิวก็ได้ซื้อ
“โอเค ได้สิ นายจะพาฉันไปที่ไหนเหรอ?”เธอยังไม่เคยพบเจอกับความรุนแรงของสังคม ดังนั้น เมื่อเธอได้ยินว่า เพื่อนออนไลน์คนนี้ต้องการพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง เธอก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเลยเย่ซิวส่ายหัวผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป เรียกว่าโง่งมเลยก็ว่าได้ ไม่รู้จักระมัดระวังเลยสักนิดดวงตาของเด็กหนุ่มคนนั้นฉายแววมีเลศนัย เขาพาหลัวอีอีเดินไปตามริมทางเดินของถนนหลังจากเดินไปได้สักพักหนึ่งก็มาถึงหน้าบ้านที่ดูทรุดโทรมพอสมควรหลัวอีอีกะพริบตา “ที่นี่ที่ไหน? มันดูค่อนข้างน่าขนลุกนิดหน่อยนะ”“ที่นี่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวล่ะ ตามฉันมา รับรองได้เลยว่า อีกประเดี๋ยว เธอจะได้เจอเซอร์ไพรส์ใหญ่แน่นอน"เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มพูดเช่นนี้ ดวงตาของหลัวอีอีก็แสดงความคาดหวังมากขึ้นเล็กน้อย เธอเดินตามเขาเข้าไปข้างในจากนั้น เด็กหนุ่มก็เปิดประตูเหล็กและหันไปด้านข้างพร้อมผายมือเชิญชวนหลัวอีอี“เทพธิดาของฉัน เชิญครับ”“เทพธิดาอะไรของนายเล่า? บ้าแล้ว”หลัวอีอีพูดอย่างมีความสุขขณะที่เธอย่างก้าวเดินเข้าไปด้านในทว่า สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีที่เธอเข้ามามีเด็กหนุ่มวัยรุ่นแปดหรือเก้าคนอยู่ในห้อง คนพวกนั้นสวมเสื้อผ
เด็กหนุ่มรูปร่างแข็งแกร่งคนหนึ่งยื่นมือออกไปเพื่อที่จะคว้าตัวหลัวอีอีปัง!อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มือของเขากำลังจะแตะต้องตัวของหลัวอีอี ก็มีก้อนหินก้อนหนึ่งบินเข้ามาจากหน้าต่างและกระแทกเข้ากับข้อมือของเขาเด็กหนุ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขายกมืออีกข้างจับข้อมือไว้แล้วมองไปรอบ ๆ“ใครมันแอบซุ่มทำร้ายฉัน รีบออกมาสิวะ!”กลุ่มวัยรุ่นต่างก็มองไปรอบ ๆปัง! ปัง! ปัง!จากนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากทุกทิศทางได้เลยหินทุกก้อนกระแทกเข่าอย่างแม่นยำ พวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าหลัวอีอีหลัวอีอีที่แต่เดิมสิ้นหวัง กลับตกตะลึงจนลืมร้องไห้ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าเป็นฝีมือใครจากนั้น เธอก็เบิกตากว้าง เมื่อประตูเหล็กถูกเปิดออก เย่ซิ่วก็เดินเข้ามา“คุณ เป็นไปได้ยังไง!”เพียะ!เย่ซิวก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าเธอเสียงที่คมชัดทำให้หลัวอีอีตะลึงค้างไป มือของเธอกุมแก้มที่ถูกตบและจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา“คุณตบฉันเหรอ? คุณตบฉันทำไม?!”“ตบครั้งนี้ เพื่อสอนบทเรียนแทนพ่อแม่ของคุณ!” น้ำเสียงของเย่ซิวเปลี่ยนเป็นเย็นชา“มันไม่ง่ายเลยที่พ่อแม่เลี้ยงดูคุณมา แทนที่จะตั้งใจเรียนเป็นการตอ
หลังจากรู้ว่าหลัวอีอีเป็นหลานสาวของผู้ว่าราชการหวู่เฉิง วัยรุ่นเหล่านี้ก็แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดลงไปกับพื้นโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจะต้องตอบทุกสิ่งที่เย่ซิวถามโดยไม่กล้าปิดบังอะไรแม้แต่น้อย“พวกเราติดตามคนที่ชื่อพี่หนาน เขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก เขาเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย มีลูกน้องหลายร้อยคน พวกเราเป็นแค่ลูกน้องตัวเล็ก ๆ ของเขาเท่านั้น”เย่ซิวลากเก้าอี้มานั่งหลัวอีอียืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเชื่อฟังมีเพียงการยืนข้างเย่ซิวเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย“เรียกเขามา ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ตาม จำไว้ว่าอย่าให้เขาสงสัยเด็ดขาด”หนึ่งในนั้นกลืนน้ำลาย “ผมโทรเรียกเองครับ ผมโทรเอง”เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกทันที จากนั้นเขาก็เปิดลำโพงเสียงรอสายดัง “ตู๊ด” เป็นครั้งที่สองและสายก็ถูกรับ เสียงที่หยาบกร้านดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “ไอ้พวกบ้า แกจะเอาอะไรจากฉัน?”“พี่หนาน ตอนนี้พี่ยุ่งอยู่ไหมครับ? วันนี้น้องชายคนนี้ได้เจอกับสาวสวย ๆ ด้วยนะ ขาวสวยหมวยอึ๋ม เรียวขายาว ไร้เดียงสาสุด ๆ ที่สำคัญกว่านั้น เธอยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยนะครับ ผมไม่กล้าสนุกคนเดียวหรอก เลยคิดว่าจะให้เกียรติลูกพี่ก่อนซะหน
“แกเป็นใคร? ไอ้หนู เห็นพี่หนานแล้วยังนั่งนิ่งไม่ขยับอีก รีบลุกขึ้นมาสิวะ!”ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังพี่หนานเห็นเย่ซิวนั่งนิ่งสงบอย่างนั้นก็ตำหนิเขาทันทีเย่ซิวมองไปที่พี่หนานด้วยสายตาที่ล้ำลึก “คุณคงทำเรื่องเลวร้ายมาไม่น้อยเลยสินะ ในที่อย่างหวู่เฉิง คุณทำตัวอวดดีได้ขนาดนี้ แสดงว่าจะต้องมีคนหนุนหลังคุณ”“นี่” พี่หนานเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา เขามองเย่ซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไอ้หนู ดูไม่คุ้นเคยเลยนะ แกมาจากแก๊งไหนล่ะ?”“คุณไม่คู่ควรที่จะรู้หรอก”คำพูดของเย่ซิวทำให้ลูกน้องของพี่หนานมีอารมณ์ขึ้นทีละคน พวกเขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหาเย่ซิว“ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กนี่ แกกล้ามากนะ กล้าดียังไงมาพูดกับพี่หนานแบบนี้วะ!”“คอยดูเถอะ ฉันจะจัดการกับแกด้วยตัวเอง!”…..กลิ่นอายของพวกเขาดุร้าย ดวงตาของพวกเขาฉายแววโหดเหี้ยมหลัวอีอีกรีดร้อง เธอไม่เคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้เช่นนี้มาก่อน และใบหน้าของเธอก็ซีดลงด้วยความหวาดกลัวดวงตาของวัยรุ่นสองสามคนเบิกกว้าง พวกเขาอยากจะดูว่า เย่ซิวจะจัดการคนที่แข็งแรงกว่าพวกนี้อย่างไรเย่ซิวนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น เมื่อคนเหล่านี้กำลังจะเข้ามาใกล้ วินาทีนั้น เขาเ
“ตอนนี้เราดำเนินการผลิตเต็มกำลัง สามารถผลิตจักรกลมังกรดำได้วันละสองร้อยชุด ตอนนี้ผลิตเสร็จแล้วแปดร้อยชุด”เย่ซิวเอ่ยชมด้วยความประทับใจ สมกับที่เป็นประเทศหลงเถิง มีประสิทธิภาพน่าตื่นตะลึงจริง ๆจักรกลมังกรดำแปดร้อยชุดนี้สามารถสร้างพลังการข่มขู่ที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจอย่างมากหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็เสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายมากขึ้นพร้อมทั้งยื่นข้อเสนอที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา รวมถึงเปิดโรงงานและสาขาย่อยที่สำนักโอสถเย่ซิวเข้าใจได้ทันทีว่าข้อเสนอนี้คือการที่ประเทศหลงเถิงยื่นมือเข้ามาช่วยสำนักโอสถโดยตรงนี่ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สำนักโอสถทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่มีเหตุผลอะไรเย่ซิวที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างแน่นอนหลังจากจบการสนทนากับนายกรัฐมนตรี เย่ซิวก็เดินทางไปยังสายการผลิตเป้าหมายต่อไปของเขาคือเพิ่มจักรกลมังกรดำให้ถึงสามสิบชุด และยังต้องรับสมัครผู้ควบคุมเกราะกลไกเพิ่มอีกขณะเดียวกันทางฝั่งประเทศจ้านฉงตี้ ประเทศจ้านอิงตี้ และประเทศใหญ่อื่น ๆ รวมถึงประเทศขนาดกลางและเล็กอีกนับร้อยต่างก็จัดประชุมลับอีกครั้งจักรพรรดิอินทรีครามเป็นคนเริ่มพูดก
เย่ซิวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงเก็บสิ่งที่หล่นลงมาจากตัวเด็กหญิงมันคือจี้ชิ้นหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่าทำจากวัสดุอะไร ผิวด้านนอกเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายเย่ซิวพลิกดูซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ในขณะที่เขากำลังจะวางมันกลับคืนไปบนตัวเด็กหญิงนั้นทันทีที่จี้เข้าใกล้ตัวเธอ รอยร้าวบนจี้กลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นเย่ซิวหรี่ตาลงพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเก็บจี้นี้ไว้กับตัวเองก่อนจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสวนยา แบ่งสมุนไพรที่เหลือออกเป็นหมวดหมู่และปลูกไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบพร้อมทั้งเก็บสมุนไพรที่โตเต็มที่ไว้บางส่วนเพื่อเตรียมใช้งานในอนาคตหลังจากจัดการที่สวนยาเสร็จ เย่ซิวก็เดินไปยังค่ายทหาร เขามีแผนจะคัดเลือกทหารจำนวนหนึ่งพันสองร้อยนายเพื่อจัดตั้งกองกำลังพิเศษเกณฑ์ในการคัดเลือกของเขาไม่ใช่การเลือกคนที่เก่งที่สุด แต่กลับเลือกคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มเพราะเขาเชื่อว่าเมื่อคนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นมา พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งและภักดีต่อเขามากกว่าเดิมหลังจากคัดเลือกทหารได้ครบหนึ่งพันสองร้อยนายแล้ว ยังต้องมีการทดสอบเรื่องความภักดี การป้องกันสายลับ และกา
เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจได้ทันทีมันน่าจะเกิดจากตอนที่เขาวางค่ายกลและใช้เลือดตัวเองหยดลงบนจี้หยกเดิมทีเขาตั้งใจจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้จี้หยกและเสริมพลังของค่ายกลตอนที่มันเสร็จสมบูรณ์เพราะตอนนี้เลือดของเขามีค่ามากมายมหาศาลแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือการทำเช่นนี้กลับทำให้พลังหายนะเชื่อมโยงกับเขาในแบบที่อธิบายไม่ได้เย่ซิวไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องดีหรือร้าย เขายื่นมือออกไปอย่างระมัดระวังค่อย ๆ เข้าใกล้กระบี่เล่มนั้นในขณะเดียวกันก็คอยเฝ้าสังเกตดวงชะตาของตัวเอง ถ้ารู้สึกถึงการกัดกร่อนจะถอยออกมาทันทีแต่สิ่งที่เขากังวลกลับไม่เกิดขึ้นและสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากก็คือในวินาทีที่เขากำกระบี่เล่มนั้นไว้ ดวงชะตาที่เคยถูกกัดกร่อนก็ฟื้นคืนกลับมากระบี่เล่มนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อเขาอีกต่อไปในวินาทีที่จับกระบี่ไว้ เย่ซิวก็รับรู้ถึงความสามารถของมันได้ทันทีกระบี่นี้มีไว้เพื่อทำลายล้างพลังบำเพ็ญของผู้อื่นไม่ใช่เพื่อสังหารคนโดยตรงและเมื่อฟันออกไป มันสามารถตัดทอนพลังบำเพ็ญของเป้าหมายได้ถึงหนึ่งส่วน สองส่วน หรืออาจมากกว่านั้นอีกทั้งส่วนหนึ่งของพลังที่ถูกทำลายจะถูกส่งกลับคืนมาใ
ค่ายกลมรณะ!เย่ซิวไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้ถึงได้เชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันค่ายกลแบบนี้ต้องใช้ของที่ทั้งอำมหิตและชั่วร้ายสุด ๆ เป็นแกนกลางในการวางค่ายกลพลังทำลายล้างไม่ต้องพูดถึงเพราะมันเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เย่ซิวเคยเห็นค่ายกลนี้ในหอตำราของสำนักหุ่นเชิดมาก่อนในอดีตค่ายกลนี้ถือเป็นค่ายกลต้องห้ามเขาไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะพยายามนึกถึงขั้นตอนการวางค่ายกลในหัวอย่างเร่งรีบจากนั้นก็หยิบจี้หยกออกมาหลายชิ้น ก่อนจะป้ายเลือดของตัวเองไปที่แต่ละชิ้นและจัดวางตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เขาหันไปเอ่ยกับเด็กหญิงว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ หลับตาไว้ก่อนนะ พอฉันบอกให้ลืมตาค่อยลืมตา”เด็กหญิงเงยหน้ามองเย่ซิว ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่ายและหลับตาลงเย่ซิวใช้เธอเป็นศูนย์กลางของค่ายกล จากนั้นเขาก็รีบวางค่ายกลจนเสร็จสมบูรณ์ในวินาทีที่ค่ายกลเสร็จสิ้น ท้องฟ้าทั้งผืนพลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำหนาทึบพร้อมกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากึกก้องพลังแห่งความหายนะในตัวเด็กหญิงเริ่มปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับถูกค่ายกลดูดซับเข้าไปเหนือศีรษะของเธอปรากฏดวงดาวดวงหนึ่งด
จากนั้นเย่ซิวก็ปล่อยปราณกระบี่ออกมาหลายสาย ผนึกพื้นที่รอบตัวเด็กหญิงไว้ เด็กหญิงมองเย่ซิวด้วยสายตาที่น่าสงสาร เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นดาวหายนะ พ่อแม่และครอบครัวของเธอทั้งหมดล้วนต้องตายไปเพราะเธอ หลังจากนั้นเธอก็ถูกขังไว้ในกรงพิเศษ ไม่เคยเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลย จนกระทั่งถูกปล่อยตัวออกมาในตอนนี้ เย่ซิวมองแววตาของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ร่างกายที่เป็นอยู่เกิดจากชะตาฟ้าลิขิต เธอเองไม่อาจควบคุมได้ และไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย เย่ซิวเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้อย่างบุ่มบ่ามพลังหายนะของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป หากพลาดพลั้งแม้เพียงเล้กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่เกินจะจินตนาการได้ หลังจากครุ่นคิด เขาก็ร่ายอาคม สร้างเหยี่ยวตัวหนึ่งให้ก่อตัวขึ้น แล้วให้มันบินไปเกี่ยวตัวเด็กหญิงขึ้นมา เตรียมจะพาขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังไม่ทันจะบินขึ้น เหยี่ยวกลับสลายตัวไปในพริบตาเย่ซิวลองหาวิธีอื่นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ได้เลยเย่ซิวรู้สึกปวดหัวไปหมด เขาจึงตัดสินใจปลอบเด็กหญิงก่อน แล้วโยนอาหารไปให้เธอจากระยะไกลไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธ
เย่ซิวเดินออกจากห้องลับ แล้วพบว่าโลกทั้งใบที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น และเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้น เฉินหลานเพิ่งกลับมาจากข้างนอก พอเห็นเย่ซิวก็ยิ้มหวานออกมา "สวัสดีค่ะ นายท่าน" เย่ซิวโบกมือไปมา "ต่อไปไม่ต้องเรียกนายท่านแล้ว เรียกว่าท่านเจ้าสำนักเถอะ" เฉินหลานมองเขาด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำ ก่อนจะพยักหน้าขานรับอืมเบา ๆเรียกว่าเจ้าสำนักดูจะเป็นกันเองกว่าการเรียกว่านายท่าน "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?" เย่ซิวถาม "ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ หลังจากจบศึกครั้งนี้ คนในสำนักโอสถก็ยิ่งให้ความไว้วางใจกับพวกเรามากขึ้น งานในด้านอื่น ๆ ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น" "แล้วในระดับนานาชาติล่ะ?" "บรรดาทูตจากนานาชาติมาถึงประเทศหลงเถิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ เดิมทีพวกเขาต้องการเริ่มการเจรจาทันที แต่รัฐบาลหลงเถิงกลับจัดเตรียมอาหารเลิศรส และการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจให้พวกเขา โดยให้เหตุผลว่าประเทศของตนให้ความสำคัญกับมารยาทมากที่สุด เมื่อลูกค้ามาเยือนก็ต้องให้การต้อนรับอย่างดี จากนั้นจึงค่อยพูดคุยเรื่องอื่น บรรดาทูตก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมเพลิดเพลินไปกับกา
หลังจากที่ฝึกฝนความสามารถใหม่ของร่างกายจนคุ้นเคยแล้ว เย่ซิวก็กลับมาทำการหลอมโอสถต่อมีโอสถอีกหลายประเภทที่ต้องหลอมเช่นโอสถยอดเพชร โอสถต้นกำเนิด โอสถร้อยพิษไม่กล้ำกรายและอื่น ๆนอกจากเตรียมโอสถสำหรับสร้างกองกำลังสุดยอดแล้ว ยังมีบางส่วนที่เย่ซิวตั้งใจจะเตรียมไว้ใช้เอง รวมถึงให้คนใกล้ตัวของเขาหลังจากที่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ประสิทธิภาพในการหลอมยาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอัตราการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขาหลังจากใช้งานก็เร็วขึ้นหลายเท่าตัวสองวันต่อมา ประเทศจ้านส่งสมุนไพรมาเป็นค่าชดเชย ซึ่งถูกใช้ไปแล้วกว่าเก้าหมื่นต้น ผลลัพธ์คือโอสถชนิดต่าง ๆ ถูกหลอมออกมามากกว่าห้าหมื่นเม็ดเมื่อหลอมยาเสร็จ เย่ซิวก็หยุดการหลอม เก็บเตาโอสถกลับไปแล้วหันไปมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงน้ำแข็งทันใดนั้นภาพถ่ายที่พรีเอลล์เคยส่งให้ก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขาเธอเคยพูดถึงโซเฟียลูกพี่ลูกน้องของเธอเย่ซิวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่าย แล้วเดินไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างหน้าตาอาจจะแตกต่างกัน แต่บรรยากาศและพลังบางอย่างที่แผ่ออกมานั้นคล้ายกันมากมันให้ความรู้สึกเหมือนประชาชนของมหาอำนาจประเทศหนึ่ง กับคน
ตอนนี้เย่ซิวกำลังหลอมโอสถยอดเพชรโอสถชนิดนี้สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น หากรับประทานในปริมาณที่มากพอ อาจทำให้ร่างกายกลายเป็นกายาวัชระได้ ซึ่งเป็นกายาอันแข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่พุทธศาสนา นี่คือโอสถที่เย่ซิวเตรียมไว้สำหรับกองกำลังพิเศษในอนาคตของเขา ในเมื่อเป็นกองกำลังระดับสุดยอด ก็ต้องมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้ การป้องกัน การลอบสังหาร ทุกอย่างต้องอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถมีจุดอ่อนได้ ภายในเตาหลอมโอสถ ตอนนี้มีโอสถยอดเพชรกว่ายี่สิบเม็ด แต่ท่ามกลางโอสถเหล่านั้น มีอยู่เม็ดหนึ่งที่แตกต่างจากเม็ดอื่นโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และมีแสงสีทองระยิบระยับไหลเวียนอยู่ภายใน ดวงตาของเย่ซิวหดแคบลงทันที นี่มันหรือว่าจะเป็นโอสถกลายพันธุ์ในตำนาน? บางครั้งในการหลอมโอสถ นักปรุงยาอาจพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้โอสถเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา โอสถกลายพันธุ์เหล่านี้ บางครั้งอาจไร้ประโยชน์ หรือร้ายแรงถึงขั้นมีพิษรุนแรง แต่ในบางกรณี มันอาจมีสรรพคุณสูงกว่าโอสถทั่วไปหลายสิบเท่า และในบางครั้งโอสถกลายพันธุ์เหล่านี
นอกจากนี้เย่ซิวยังมีฐานปลูกสมุนไพรอีกแห่งหนึ่งที่ประเทศหลงเถิง เมื่อรวมกันแล้ว ฐานทั้งสองแห่งสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับการหลอมยาได้เป็นจำนวนมหาศาล ต่อไปเมื่อเขาสามารถหลอมยาได้มากพอ ก็จะสามารถใช้โอสถเหล่านั้นสร้างกองกำลังสุดแกร่งขึ้นมาได้ เป็นกองกำลังที่สามารถทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง เย่ซิวมีแนวคิดเกี่ยวกับกองกำลังนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มดำเนินการ สำหรับแกนหลักของกองกำลัง เย่ซิววางแผนให้สมาชิกของหน่วยกองกำลังหมาป่าราตรีเป็นผู้รับผิดชอบ พวกเขามีทั้งพลังและประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ หลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันไป เย่ซิวมอบหมายให้หวังซวงเป็นผู้จัดการเรื่องรถถังและทองคำ โดยทองคำบางส่วนจะถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงและทรัพยากร ก่อนจะส่งไปให้ถังอวิ้น การพัฒนาของประเทศสุ่ยจือยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องกังวลมากนักก็คือ ประเทศสุ่ยจือมีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้าน แนวภูเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้เป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง โอกาสที่ประเทศนี้จะถูกโจมตีนั้นค่อนข้างต่ำ อีกทั้งตอนนี้สภาพของที