โรงงานวัสดุก่อสร้างซุ่นต๋านี่คือบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตเหล็กเส้นและวงกบประตู และเป็นหนึ่งในคู่ค้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วเจ้านายของพวกเขาเป็นผู้หญิงในวัยสี่สิบ และใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า เจ๊ลี่ในขณะนี้ หลังจากวางสาย มุมปากของเจ๊ลี่ก็เผยท่าทีเย้ยเยาะ “ยัยโง่ คิดว่าฉันจะตกลงช่วยขนส่งวัสดุจริง ๆ หรือไง!”ตรงข้ามกับเธอมีชายคนหนึ่งสวมแว่นตานั่งอยู่ เขาดูสง่าและสุภาพเมื่อได้ยินคำพูดของเจ๊ลี่ ชายคนนั้นก็หัวเราะ “เจ๊ลี่ คุณเลือกได้ฉลาดมาก บริษัทอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วคงอยู่ได้อีกไม่นาน มันดีกว่าอยู่แล้วที่จะร่วมมือกับเราในอนาคต”เจ๊ลี่ยังหัวเราะ “แน่นอนสิคะ บริษัทของคุณเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศ ราคาที่คุณให้ฉันก็ยังสูงกว่าที่ยัยหลินซวงนั่นให้ฉันตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์”ชายคนนั้นปรับแว่นตาขึ้น ดวงตาแวบประกายเฉียบคม “หลินซวงคงคิดว่าตัวเองแก้ไขปัญหาเรื่องวัสดุก่อสร้างได้แล้ว แต่เธอไม่รู้เลยว่า วิกฤติใหญ่กว่านั้นกำลังรอพวกเธออยู่”เจ๊ลี่พยักหน้า “ลองคำนวณซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้แล้ว เธอคงจะต้องเลื่อนโครงการออกไปอย่างน้อยครึ่งเดือน และด้วยที่เธอต้องเสียเงินวันละร้อยล้าน เธอจะต้องเสีย
สำหรับเย่ซิว คนพวกนี้ไม่สนใจเขาเลยดวงตาของหลางสือจิ่วเย็นชา “ไปให้พ้น!”ผู้ชายพวกนี้ไร้ยางอายและอาจหาญนักเป็นโสดมาหลายปีแล้ว จะให้ยอมถอยออกไปเพียงเพราะหลางสือจิ่วไม่พอใจได้อย่างไรกัน?ไม่ใช่แค่พวกเขาไม่ยอมถอยเท่านั้น แต่พวกเขาแต่ละคนกลับหัวเราะและเอื้อมมือไปทางหลางสือจิ่วไม่มีผู้หญิงในหมู่บ้านมานานแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปได้อย่างไรเล่า?กร๊อบ!ครั้งนี้คนพวกนี้ก็แค่เจอกับกำแพงเข้าให้แล้วหลางสือจิ่วออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถหักแขนของชายคนหนึ่งที่เอื้อมมือออกมาได้แล้ว จากนั้น ก็เตะเข้าที่หน้าท้องจนชายคนนั้นล้มลงกับพื้นด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดวินาทีต่อมา เธอหมุนตัวเหวี่ยงขาออกไปราวกับแส้และกระแทกที่ชายอีกสองคนจนล้มลงกับพื้นการกระทำของเธอยังกระตุ้นให้ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่เฝ้าดูจากระยะไกลโกรธเคืองและวิ่งเข้ามา บางคนถือเคียว จอบ และเครื่องมืออื่น ๆ“แม่เสือสาวนี่มาจากที่ไหน!”“กล้ามาทำป่าเถื่อนในหมู่บ้านของเรา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง!”“จับเธอไป เอาให้อับอายหนัก ๆ!”……เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายสามสี่สิบคน หลางสือจิ่วยังคงดูสงบและพูดกับเย่ซิวว่า “นาย
เดิมทีเย่ซิวคิดว่าในหมู่บ้านยากจนเช่นนี้ ผู้นำหมู่บ้านคงจะเป็นคนแก่น่ารำคาญไหนเลยจะรู้ว่าเธอจะเป็นหญิงวัยสาวที่ควรแต่งงานแล้วและยังมีเสน่ห์มากอีกด้วยเธออายุประมาณสามสิบห้าปี สวมกางเกงยีน รูปร่างโค้งมนมากในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยชายโสด ผู้หญิงลักษณะนี้จะปลอดภัยได้อย่างไร?แต่ในไม่ช้า เย่ซิวก็ตระหนักได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นปรมาจารย์ด้านพิษคาดว่าผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านคงจะรู้ว่าเธอมียาพิษเต็มไปหมด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้ามีเจตนาร้ายต่อเธอ“อ้อ! คุณอยากได้สิทธิ์ในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรายและกรวดหลังหมู่บ้านใช่ไหม?”หญิงถึงวัยอันควรแต่งงานแล้วคนนี้เผยรอยยิ้มอันร้ายกาจ เสียงของเธอนุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับเสียงลูกแมว เมื่อได้ยินก็ทำให้ใจสั่นเย่ซิวมองไปที่อีกฝ่าย “ผมมาที่นี่ด้วยความจริงใจ การขุดทรายและกรวดยังสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับหมู่บ้านได้ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน”“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล” หญิงสาวคนนั้นพยักหน้า แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชามาก “แต่ฉันไม่ต้องการ ออกไปจากที่นี่ซะ!”หลางสือจิ่วโกรธจัด พลันก้าวไปข้างหน้าเตรียมจะลงมือ สำหรับเธอ ใครก็ตา
หญิงสาวยิ้มอย่างขมขื่นพลางถอนหายใจ “สำนักแพทย์ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าคุณต้านพิษได้ร้อยชนิด แล้วยังไงล่ะ?"“ศัตรูของฉันมาจากหวงเฉิง เว้นแต่ว่าคุณจะเป็นปรมาจารย์ ไม่อย่างนั้นคุณก็ปกป้องฉันไม่ได้หรอก”“หนุ่มน้อย รีบกลับไปเถอะ แล้วอย่ามารบกวนฉันอีก”“ปรมาจารย์?” เย่ซิวพูดเบา ๆ “ช่างบังเอิญจริง ๆ พอดีผมเป็นปรมาจารย์”อีกฝ่ายตะคอกอย่างเย็นชา “อย่ามาขี้โม้แถวนี้ ถ้าคุณเป็นปรมาจารย์ ฉันจะเรียกคุณว่าพ่อเดี๋ยวนี้เลย... “ทันทีที่พูดจบ เย่ซิวก็ระเบิดพลังระดับปรมาจารย์ออกมาทันทีไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยพลังให้สูงกว่านี้เลย ในเมืองที่ใกล้เคียงนี้ แค่ระดับปรมาจารย์ก็แทบจะไร้คู่ต่อสู้อยู่แล้วผู้หญิงคนนี้ขาอ่อนแรงและทรุดตัวลงกับพื้นทันทีเป็นเพราะความหวาดกลัวสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นเกินกว่าความเข้าใจในโลกนี้ของเธอไปแล้ว“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? นี่ฉันย้อนกลับมาสมัยโบราณแล้วสินะ”เธอพึมพำกับตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อกับฉากที่อยู่ตรงหน้านี้เลยเย่ซิวชี้นิ้วออกไป กระแสกำลังภายในก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขาคล้ายกับดาบเล็ก ๆ ที่ยาวหลายสิบเซนติเมตร และลากนิ้วไปตามหน้าโต๊ะอย่างเบามือมุมหนึ่งของโต๊ะถูกตั
เขาเห็นไป๋ปิงสวมชุดนอนผ้าไหมถึงแม้ว่าชุดนอนจะค่อนข้างหลวม แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของเธอก็ให้ความรู้สึกเหมือนเสื้อผ้ารัดรูป เผยให้เห็นรูปร่างของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบไป๋ปิงเป็นผู้ใหญ่มากแล้วร่างกายของเธอเปล่งประกายถึงความเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์ที่กำลังรอให้ใครสักคนมาเก็บเกี่ยวมันเธอเดินไปหาเย่ซิวแล้ววางซุปในมือลงบนโต๊ะ “นายน้อย ทานซุปไก่หน่อยไหมคะ?”คอชุดนอนของเธอแหวกลึกมากไป๋ปิงโค้งตัวลงทำให้เย่ซิวเห็นบางสิ่งทันทีจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย…เย่ซิวเหลือบมองแล้วหันไปทางอื่นทันใด เขาหยิบซุปไก่ขึ้นมาซดรวดเดียว และชมว่า “ไม่เลวเลย รสชาติดีมาก”ไป๋ปิงยิ้มหวาน “นายน้อยชอบก็ดีแล้วค่ะ ถ้างั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ ”เธอถอยก้าวกลับอย่างสง่างามและปิดประตูตามหลังเงียบ ๆเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เย่ซิวส่งข้อความถึงลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นตามลำดับเขาบอกว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับ ให้พวกเธอปิดไฟเข้านอนเลย ประมาณเจ็ดโมงกว่า หลางสือจิ่วก็มาถึงพร้อมกับคนขุดทรายและกรวด พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ คนทั้งหมู่บ้านแตกตื่น ผู้คนต่างวิ่งออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้ ถ้าคนเห็นว่าเขาต้องการซื้อวัสดุปรับปรุงต่าง ๆ เช่น ประปาและเครื่องใช้ไฟฟ้า พวกเขาคงคิดว่าเย่ซิวเป็นบ้าไปแล้วอย่างแน่นอนพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่หยุดเขาเท่านั้น แต่ยังจะขายให้กับเย่ซิวในปริมาณมากและราคาอาจจะต่ำกว่าปกติด้วยซ้ำ“แก้ไขได้แล้วจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยซิ่วซิ่วไม่อยากจะเชื่อเลย “เรายังสามารถซื้ออิฐซีเมนต์จากโรงงานเล็ก ๆ ได้ แล้วทรายและกรวดล่ะ โดยพื้นฐานแล้วของพวกนั้นต้องผูกขาดกับบริษัทใหญ่ ๆ ไปแล้ว”เย่ซิวเดินไปพลางอธิบายให้เซี่ยซิ่วซิ่วฟัง“อย่างนี้นี่เอง” ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นประกาย เธอชื่นชมเย่ซิวมากขึ้นไปอีกเธอมองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เธอก็เขย่งปลายเท้าและจุ๊บเข้าที่แก้มของเย่ซิวไปหนึ่งกรุบ“นี่รางวัลของนาย”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งหนีไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำเย่ซิวยิ้มแล้วเอามือทาบแก้ม……สองวันต่อมาในคลับระดับไฮเอนด์หวังซงนอนสบาย ๆ อยู่บนเก้าอี้ โดยมีผู้หญิงสองคนที่มีรูปร่างหน้าตายอดเยี่ยมคอยดูแลเขาอยู่คนละด้านคนหนึ่งนวดหลังอีกคนหนึ่งป้อนองุ่นอีกคนบีบเท้าให้เขา และอีกคนถึงกับ…ข้าง ๆ เขายังมีเลขาสาวผู้มากความสามารถยืนอยู่“ตอนนี
“ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เราได้ใช้เงินไปแล้วสองหมื่นล้านในการซื้อวัสดุปรับปรุงใหม่จำนวนมาก และราคาก็ต่ำกว่าราคาตลาดประมาณสองในห้า”เซี่ยซิ่วซิ่วที่ตื่นเต้นมากกำลังรายงานผลลัพธ์ของสองวันที่ผ่านมาให้เย่ซิวฟังวัสดุที่ซื้อมาในตอนนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับอาคารเจ็ดหรือแปดหลังเย่ซิวพยักหน้า “กว้านซื้อให้ได้มากที่สุดในตอนที่พวกเขายังไม่รู้ตัว”เซี่ยซิ่วซิ่วกำลังจะตอบ ทันใดนั้นก็มีสายเข้ามาไม่นานหลังจากรับสาย สีหน้าของเธอก็ค่อนข้างจริงจัง“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”เซี่ยซิ่วซิ่ววางสายโทรศัพท์แล้วพูดกับเย่ซิว“บริษัทต่าง ๆ หยุดขายสินค้าให้เรากะทันหัน พวกเขาอาจรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ”เย่ซิวคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว“ถ้าอย่างนั้นก็หยุดการซื้อชั่วคราวแล้วทุ่มทำโครงการระยะแรกให้เสร็จก่อน”ด้วยวัตถุดิบที่จัดซื้อในปัจจุบัน การก่อสร้างระยะแรกจึงสามารถแล้วเสร็จได้อย่างราบรื่นเซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไปเย่ซิวเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ พลางสายตาครุ่นคิด“คนพวกนั้นจะไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แน่ ๆ หรืออาจจะฮึดสู้กลับเหมือนสุนัขจนตรอก”“หมู่บ้านช่างตีเหล็กไม่มีอะไรต้องกังวล แต่บริ
เมื่อคนเหล่านั้นเงยหน้าพร้อมกัน ก็เห็นผู้หญิงรูปร่างดีคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาหลางสือจิ่วมีสีหน้าที่เย็นชา “เป็นอย่างที่นายน้อยพูดไว้ไม่มีผิด จะต้องมีคนบุกมาทำลายที่นี่”“ไม่ได้การแล้ว เราถูกจับได้แล้ว!”“ไปพวกเรา ไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ!”คนเหล่านี้ต่างก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว พวกเขาชักมีดพับออกมาแล้วขว้างไปที่หลางสือจิ่วอย่างแรงฝีมือของคนเหล่านี้ถือว่าไม่เลวทีเดียว พวกเขาล้วนเคยผ่านการต่อสู้ในสังเวียนมาอย่างโชกโชนหากร่วมมือกัน พวกเขาสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ระดับหนึ่งได้ แต่สำหรับหลางสือจิ่วนั้นพวกเขาเทียบกับเธอไม่ติดเลย เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ใครคนหนึ่งถูกเตะปลิวออกไปและหมดสติในทันทีเธอใช้มือทั้งสองข้างกดพื้นและหมุนตัวด้วยความเร็วสูงกลุ่มคนที่ล้อมรอบต่างก็ถูกเธอจัดการจนลงไปนอนกองกับพื้นทีละคนท่าเตะที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดของเธอเตะเข้าที่กระดูกเข่าของพวกเขา จนทำให้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเป็นระยะ และด้วยท่าเตะนั้น ขาของพวกเขาจึงใช้การไม่ได้ทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังโวยวาย ไป๋ปิงก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันทีเธอมองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะรีบ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ