โรงงานวัสดุก่อสร้างซุ่นต๋านี่คือบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตเหล็กเส้นและวงกบประตู และเป็นหนึ่งในคู่ค้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วเจ้านายของพวกเขาเป็นผู้หญิงในวัยสี่สิบ และใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า เจ๊ลี่ในขณะนี้ หลังจากวางสาย มุมปากของเจ๊ลี่ก็เผยท่าทีเย้ยเยาะ “ยัยโง่ คิดว่าฉันจะตกลงช่วยขนส่งวัสดุจริง ๆ หรือไง!”ตรงข้ามกับเธอมีชายคนหนึ่งสวมแว่นตานั่งอยู่ เขาดูสง่าและสุภาพเมื่อได้ยินคำพูดของเจ๊ลี่ ชายคนนั้นก็หัวเราะ “เจ๊ลี่ คุณเลือกได้ฉลาดมาก บริษัทอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วคงอยู่ได้อีกไม่นาน มันดีกว่าอยู่แล้วที่จะร่วมมือกับเราในอนาคต”เจ๊ลี่ยังหัวเราะ “แน่นอนสิคะ บริษัทของคุณเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศ ราคาที่คุณให้ฉันก็ยังสูงกว่าที่ยัยหลินซวงนั่นให้ฉันตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์”ชายคนนั้นปรับแว่นตาขึ้น ดวงตาแวบประกายเฉียบคม “หลินซวงคงคิดว่าตัวเองแก้ไขปัญหาเรื่องวัสดุก่อสร้างได้แล้ว แต่เธอไม่รู้เลยว่า วิกฤติใหญ่กว่านั้นกำลังรอพวกเธออยู่”เจ๊ลี่พยักหน้า “ลองคำนวณซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้แล้ว เธอคงจะต้องเลื่อนโครงการออกไปอย่างน้อยครึ่งเดือน และด้วยที่เธอต้องเสียเงินวันละร้อยล้าน เธอจะต้องเสีย
สำหรับเย่ซิว คนพวกนี้ไม่สนใจเขาเลยดวงตาของหลางสือจิ่วเย็นชา “ไปให้พ้น!”ผู้ชายพวกนี้ไร้ยางอายและอาจหาญนักเป็นโสดมาหลายปีแล้ว จะให้ยอมถอยออกไปเพียงเพราะหลางสือจิ่วไม่พอใจได้อย่างไรกัน?ไม่ใช่แค่พวกเขาไม่ยอมถอยเท่านั้น แต่พวกเขาแต่ละคนกลับหัวเราะและเอื้อมมือไปทางหลางสือจิ่วไม่มีผู้หญิงในหมู่บ้านมานานแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปได้อย่างไรเล่า?กร๊อบ!ครั้งนี้คนพวกนี้ก็แค่เจอกับกำแพงเข้าให้แล้วหลางสือจิ่วออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถหักแขนของชายคนหนึ่งที่เอื้อมมือออกมาได้แล้ว จากนั้น ก็เตะเข้าที่หน้าท้องจนชายคนนั้นล้มลงกับพื้นด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดวินาทีต่อมา เธอหมุนตัวเหวี่ยงขาออกไปราวกับแส้และกระแทกที่ชายอีกสองคนจนล้มลงกับพื้นการกระทำของเธอยังกระตุ้นให้ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่เฝ้าดูจากระยะไกลโกรธเคืองและวิ่งเข้ามา บางคนถือเคียว จอบ และเครื่องมืออื่น ๆ“แม่เสือสาวนี่มาจากที่ไหน!”“กล้ามาทำป่าเถื่อนในหมู่บ้านของเรา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง!”“จับเธอไป เอาให้อับอายหนัก ๆ!”……เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายสามสี่สิบคน หลางสือจิ่วยังคงดูสงบและพูดกับเย่ซิวว่า “นาย
เดิมทีเย่ซิวคิดว่าในหมู่บ้านยากจนเช่นนี้ ผู้นำหมู่บ้านคงจะเป็นคนแก่น่ารำคาญไหนเลยจะรู้ว่าเธอจะเป็นหญิงวัยสาวที่ควรแต่งงานแล้วและยังมีเสน่ห์มากอีกด้วยเธออายุประมาณสามสิบห้าปี สวมกางเกงยีน รูปร่างโค้งมนมากในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยชายโสด ผู้หญิงลักษณะนี้จะปลอดภัยได้อย่างไร?แต่ในไม่ช้า เย่ซิวก็ตระหนักได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นปรมาจารย์ด้านพิษคาดว่าผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านคงจะรู้ว่าเธอมียาพิษเต็มไปหมด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้ามีเจตนาร้ายต่อเธอ“อ้อ! คุณอยากได้สิทธิ์ในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรายและกรวดหลังหมู่บ้านใช่ไหม?”หญิงถึงวัยอันควรแต่งงานแล้วคนนี้เผยรอยยิ้มอันร้ายกาจ เสียงของเธอนุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับเสียงลูกแมว เมื่อได้ยินก็ทำให้ใจสั่นเย่ซิวมองไปที่อีกฝ่าย “ผมมาที่นี่ด้วยความจริงใจ การขุดทรายและกรวดยังสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับหมู่บ้านได้ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน”“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล” หญิงสาวคนนั้นพยักหน้า แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชามาก “แต่ฉันไม่ต้องการ ออกไปจากที่นี่ซะ!”หลางสือจิ่วโกรธจัด พลันก้าวไปข้างหน้าเตรียมจะลงมือ สำหรับเธอ ใครก็ตา
หญิงสาวยิ้มอย่างขมขื่นพลางถอนหายใจ “สำนักแพทย์ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าคุณต้านพิษได้ร้อยชนิด แล้วยังไงล่ะ?"“ศัตรูของฉันมาจากหวงเฉิง เว้นแต่ว่าคุณจะเป็นปรมาจารย์ ไม่อย่างนั้นคุณก็ปกป้องฉันไม่ได้หรอก”“หนุ่มน้อย รีบกลับไปเถอะ แล้วอย่ามารบกวนฉันอีก”“ปรมาจารย์?” เย่ซิวพูดเบา ๆ “ช่างบังเอิญจริง ๆ พอดีผมเป็นปรมาจารย์”อีกฝ่ายตะคอกอย่างเย็นชา “อย่ามาขี้โม้แถวนี้ ถ้าคุณเป็นปรมาจารย์ ฉันจะเรียกคุณว่าพ่อเดี๋ยวนี้เลย... “ทันทีที่พูดจบ เย่ซิวก็ระเบิดพลังระดับปรมาจารย์ออกมาทันทีไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยพลังให้สูงกว่านี้เลย ในเมืองที่ใกล้เคียงนี้ แค่ระดับปรมาจารย์ก็แทบจะไร้คู่ต่อสู้อยู่แล้วผู้หญิงคนนี้ขาอ่อนแรงและทรุดตัวลงกับพื้นทันทีเป็นเพราะความหวาดกลัวสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นเกินกว่าความเข้าใจในโลกนี้ของเธอไปแล้ว“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? นี่ฉันย้อนกลับมาสมัยโบราณแล้วสินะ”เธอพึมพำกับตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อกับฉากที่อยู่ตรงหน้านี้เลยเย่ซิวชี้นิ้วออกไป กระแสกำลังภายในก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขาคล้ายกับดาบเล็ก ๆ ที่ยาวหลายสิบเซนติเมตร และลากนิ้วไปตามหน้าโต๊ะอย่างเบามือมุมหนึ่งของโต๊ะถูกตั
เขาเห็นไป๋ปิงสวมชุดนอนผ้าไหมถึงแม้ว่าชุดนอนจะค่อนข้างหลวม แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของเธอก็ให้ความรู้สึกเหมือนเสื้อผ้ารัดรูป เผยให้เห็นรูปร่างของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบไป๋ปิงเป็นผู้ใหญ่มากแล้วร่างกายของเธอเปล่งประกายถึงความเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์ที่กำลังรอให้ใครสักคนมาเก็บเกี่ยวมันเธอเดินไปหาเย่ซิวแล้ววางซุปในมือลงบนโต๊ะ “นายน้อย ทานซุปไก่หน่อยไหมคะ?”คอชุดนอนของเธอแหวกลึกมากไป๋ปิงโค้งตัวลงทำให้เย่ซิวเห็นบางสิ่งทันทีจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย…เย่ซิวเหลือบมองแล้วหันไปทางอื่นทันใด เขาหยิบซุปไก่ขึ้นมาซดรวดเดียว และชมว่า “ไม่เลวเลย รสชาติดีมาก”ไป๋ปิงยิ้มหวาน “นายน้อยชอบก็ดีแล้วค่ะ ถ้างั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ ”เธอถอยก้าวกลับอย่างสง่างามและปิดประตูตามหลังเงียบ ๆเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เย่ซิวส่งข้อความถึงลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นตามลำดับเขาบอกว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับ ให้พวกเธอปิดไฟเข้านอนเลย ประมาณเจ็ดโมงกว่า หลางสือจิ่วก็มาถึงพร้อมกับคนขุดทรายและกรวด พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ คนทั้งหมู่บ้านแตกตื่น ผู้คนต่างวิ่งออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้ ถ้าคนเห็นว่าเขาต้องการซื้อวัสดุปรับปรุงต่าง ๆ เช่น ประปาและเครื่องใช้ไฟฟ้า พวกเขาคงคิดว่าเย่ซิวเป็นบ้าไปแล้วอย่างแน่นอนพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่หยุดเขาเท่านั้น แต่ยังจะขายให้กับเย่ซิวในปริมาณมากและราคาอาจจะต่ำกว่าปกติด้วยซ้ำ“แก้ไขได้แล้วจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยซิ่วซิ่วไม่อยากจะเชื่อเลย “เรายังสามารถซื้ออิฐซีเมนต์จากโรงงานเล็ก ๆ ได้ แล้วทรายและกรวดล่ะ โดยพื้นฐานแล้วของพวกนั้นต้องผูกขาดกับบริษัทใหญ่ ๆ ไปแล้ว”เย่ซิวเดินไปพลางอธิบายให้เซี่ยซิ่วซิ่วฟัง“อย่างนี้นี่เอง” ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นประกาย เธอชื่นชมเย่ซิวมากขึ้นไปอีกเธอมองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เธอก็เขย่งปลายเท้าและจุ๊บเข้าที่แก้มของเย่ซิวไปหนึ่งกรุบ“นี่รางวัลของนาย”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งหนีไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำเย่ซิวยิ้มแล้วเอามือทาบแก้ม……สองวันต่อมาในคลับระดับไฮเอนด์หวังซงนอนสบาย ๆ อยู่บนเก้าอี้ โดยมีผู้หญิงสองคนที่มีรูปร่างหน้าตายอดเยี่ยมคอยดูแลเขาอยู่คนละด้านคนหนึ่งนวดหลังอีกคนหนึ่งป้อนองุ่นอีกคนบีบเท้าให้เขา และอีกคนถึงกับ…ข้าง ๆ เขายังมีเลขาสาวผู้มากความสามารถยืนอยู่“ตอนนี
“ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เราได้ใช้เงินไปแล้วสองหมื่นล้านในการซื้อวัสดุปรับปรุงใหม่จำนวนมาก และราคาก็ต่ำกว่าราคาตลาดประมาณสองในห้า”เซี่ยซิ่วซิ่วที่ตื่นเต้นมากกำลังรายงานผลลัพธ์ของสองวันที่ผ่านมาให้เย่ซิวฟังวัสดุที่ซื้อมาในตอนนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับอาคารเจ็ดหรือแปดหลังเย่ซิวพยักหน้า “กว้านซื้อให้ได้มากที่สุดในตอนที่พวกเขายังไม่รู้ตัว”เซี่ยซิ่วซิ่วกำลังจะตอบ ทันใดนั้นก็มีสายเข้ามาไม่นานหลังจากรับสาย สีหน้าของเธอก็ค่อนข้างจริงจัง“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”เซี่ยซิ่วซิ่ววางสายโทรศัพท์แล้วพูดกับเย่ซิว“บริษัทต่าง ๆ หยุดขายสินค้าให้เรากะทันหัน พวกเขาอาจรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ”เย่ซิวคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว“ถ้าอย่างนั้นก็หยุดการซื้อชั่วคราวแล้วทุ่มทำโครงการระยะแรกให้เสร็จก่อน”ด้วยวัตถุดิบที่จัดซื้อในปัจจุบัน การก่อสร้างระยะแรกจึงสามารถแล้วเสร็จได้อย่างราบรื่นเซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไปเย่ซิวเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ พลางสายตาครุ่นคิด“คนพวกนั้นจะไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แน่ ๆ หรืออาจจะฮึดสู้กลับเหมือนสุนัขจนตรอก”“หมู่บ้านช่างตีเหล็กไม่มีอะไรต้องกังวล แต่บริ
เมื่อคนเหล่านั้นเงยหน้าพร้อมกัน ก็เห็นผู้หญิงรูปร่างดีคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาหลางสือจิ่วมีสีหน้าที่เย็นชา “เป็นอย่างที่นายน้อยพูดไว้ไม่มีผิด จะต้องมีคนบุกมาทำลายที่นี่”“ไม่ได้การแล้ว เราถูกจับได้แล้ว!”“ไปพวกเรา ไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ!”คนเหล่านี้ต่างก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว พวกเขาชักมีดพับออกมาแล้วขว้างไปที่หลางสือจิ่วอย่างแรงฝีมือของคนเหล่านี้ถือว่าไม่เลวทีเดียว พวกเขาล้วนเคยผ่านการต่อสู้ในสังเวียนมาอย่างโชกโชนหากร่วมมือกัน พวกเขาสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ระดับหนึ่งได้ แต่สำหรับหลางสือจิ่วนั้นพวกเขาเทียบกับเธอไม่ติดเลย เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ใครคนหนึ่งถูกเตะปลิวออกไปและหมดสติในทันทีเธอใช้มือทั้งสองข้างกดพื้นและหมุนตัวด้วยความเร็วสูงกลุ่มคนที่ล้อมรอบต่างก็ถูกเธอจัดการจนลงไปนอนกองกับพื้นทีละคนท่าเตะที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดของเธอเตะเข้าที่กระดูกเข่าของพวกเขา จนทำให้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเป็นระยะ และด้วยท่าเตะนั้น ขาของพวกเขาจึงใช้การไม่ได้ทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังโวยวาย ไป๋ปิงก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันทีเธอมองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะรีบ
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม