"ฉันจะเสนอหกแสนล้านบาท!"เสียงของหลี่หรูปิงดังและชัดเจน ทันทีที่เปิดปากเขาก็ปล่อยไพ่ตายออกมาทำให้สีหน้าฝั่งคนทางด้านของหลิ่วอวี้ฝูเปลี่ยนไปอย่างมากในครั้งนี้หลิ่วอวี้ฝูเตรียมเงินไว้มากกว่าสี่แสนล้านบาทแม้จะรวมกับเย่ซิวและหูเม่ยเข้าด้วยกัน ก็มีมูลค่าเพียงประมาณสี่แสนแปดหมื่นล้านเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้พูด คนอื่น ๆ ก็ถูกกดลงไปหมดแล้วเมื่อมองดูใบหน้าของหลิ่วอวี้ฝู เย่ซิวก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาจึงถามเธออย่างไม่ต้องสงสัย “มีอะไรผิดปกติเหรอ? เพราะเงินไม่เพียงพอใช่ไหม?”คนเช่นตระกูลหลี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และเย่ซิวไม่ต้องการให้พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หากหลิ่วอวี้ฝูมีเงินไม่เพียงพอจริง ๆ เขาอาจจะต้องใช้เงินขององค์กรปัจจุบันองค์กรนั้นมีเงินในบัญชีมากกว่าหนึ่งล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินกองทุนฉุกเฉินเขาจะไม่ใช้มันเว้นแต่ว่าจะจำเป็นหลิ่วอวี้ฝูส่ายหัว “โชคดีที่ฉันเตรียมตัวมาดี ฉันมีญาติที่ทำงานในธนาคาร ฉันก็เลยใช้สินทรัพย์คุณภาพสูงบางส่วนเป็นหลักประกันในกรณีฉุกเฉินเธอหันมองไปที่หวังลี่แล้วพูดว่า “หกแสนห้าหมื่นล้านบาท”ดูเหมือนเธอจ
หลี่หรูปิงหัวเราะลั่น เขามองเย่ซิวด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ไอ้โง่ แกรู้ไหมว่าเงินแปดแสนล้านมันเป็นยังไง? แกมีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือยังไงถึงได้กล้าเสนอเงินมั่ว ๆ แบบนั้น!”ต่งอู่พูดเสริม “ที่นี่ไม่มีที่ให้คนกระจอกอย่างนายพูด หุบปากไปซะ!”เย่ซิวเพิกเฉยต่อสุนัขบ้าสองตัวนี้และแสดงข้อมูลธุรกรรมบนโทรศัพท์ให้หลิ่วอวี้ฝูดูหลิ่วอวี้ฝูเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ และทันใดนั้นเธอก็เบิกตากว้าง พลางโน้มตัวลงดู ใบหน้าแทบจะฝังเข้าไปในหน้าจอโทรศัพท์ของเย่ซิวอยู่แล้วเลขศูนย์ติดกันเป็นพืดจนเธอไม่อยากจะเชื่อเธอนับหลายครั้งติดต่อกันเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้นับผิด สายตาของเธอที่จ้องมองเย่ซิวเต็มไปด้วยประกายแวววาว“พี่เย่ นี่เรื่องจริงใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้ายิ้มทันใดนั้น หลิ่วอวี้ฝูก็ยืดอกขึ้น เธอรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เต็มเปี่ยม เธอมองไปที่หวังลี่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ “แปดแสนล้าน!”หวังลี่เหลือบมองเย่ซิว เจ้าหมอนี่มีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรือ?อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดอะไรและเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยแต่หลี่หรูปิงและต่งอู่โต้ตอบอย่างรุนแรง"เป็นไปไม่ได้!" หลี่หรูปิงทุบโต๊ะ “นี่เธอจะบอกว่าไอ้โง่นั่นหาเง
บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดมาก หลี่หรูปิงและต่งอู่หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าอย่างต่อเนื่อง“เก้าแสนเก้าหมื่นห้าพันล้านบาท!”หลี่หรูปิงเสนอตัวเลขอีกครั้งและจ้องไปที่หลิ่วอวี้ฝูด้วยสายตาแน่วแน่ในทางกลับกัน หลิ่วอวี้ฝูหันมองไปที่เย่ซิวอย่างสงสัยเงินที่ใช้ตอนนี้เป็นของเย่ซิว ดังนั้น จะประมูลต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขาเย่ซิวพยักหน้าให้หญิงสาวหลิ่วอวี้ฝูรู้สึกโล่งใจและเสนอราคาต่อไป“เก้าแสนเก้าหมื่นหกพันล้านบาท!”หลี่หรูปิงกัดฟันกรอดและจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาที่อยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ “ไอ้สารเลวนั่นให้เงินเธอไปเท่าไหร่กันวะ!”เขาควรจะชนะตั้งนานแล้ว!แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้เพราะเย่ซิวสถานการณ์เช่นนี้เขาอาจจะพ่ายแพ้ได้ในฉากนี้มีเพียงเย่ซิวคนเดียวที่ดูสงบนิ่งเขากำลังดื่มชาและเล่นโทรศัพท์มือถือ เขาดูผ่อนคลายมากท่าทางสงบเสงี่ยมของเขาทำให้หลี่หรูปิงและต่งอู่ต่างกังวลว่าเขาจะดึงเงินทุนออกมาได้มากแค่ไหนเย่ซิวไม่ได้ตั้งใจจะแสดงให้พวกเขาเห็น เขาไม่ได้รีบร้อนจริง ๆเขาสามารถเพิ่มเดิมพันกับพวกเขาต่อไปได้เรื่อย ๆสำหรับวิธีอุดรอยรั่วทางการขาดดุลนั้น
อย่างไรก็ตาม นามสกุลของลูกพี่ลูกน้องของเธอคือหลิ่วเช่นกันก่อนอื่น เธอจะต้องผูดมัดเขาไว้ก่อน!เมื่อเธอโตขึ้น เธอจะแย่งเย่ซิวไปจากลูกพี่ลูกน้องของเธอ หรือผู้หญิงสองคนจะรับใช้สามีคนเดียวด้วยกันก็ย่อมได้ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรในประเทศหลงเถิงแม้ประเทศนี้มีข้อบังคับว่าจะต้องมีคู่สมรสเพียงคนเดียว แต่ตราบใดที่ผู้ชายมีความสามารถก็มีภรรยาหลายคนได้ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เซี่ยซิ่วซิ่วก็เป็นคนแรกที่รู้สึกกังวลหูเม่ยเอ๋อร์และหรูฮว่าได้มุ่งความสนใจไปที่พวกเขา ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร จู่ ๆ ในใจของพวกเธอก็มีร่องรอยของความรู้สึกกังวลผุดขึ้นมา กลัวว่าเย่ซิวจะเห็นด้วยเย่ซิวยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก”หลิ่วอวี้ฝูรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้เมื่อสบโอกาสเธอจะโทรเรียกลูกพี่ลูกน้องของเธอ หากเย่ซิวได้เห็นเธอ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจในเมื่อทุกอย่างได้รับการจัดการแล้ว หลี่หรูปิงและต่งอู่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกหวังลี่เชิญทั้งสองคนออกไปก่อนจะเดินออกไป ทั้งสองหนุ่มก็มองเย่ซิวด้วยความแค้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยเย่ซิ่วไปและจะหาทา
ในห้องน้ำหญิง ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าแบบอนุรักษนิยมกำลังผลักผู้ชายที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ออกไปอย่างแรงผู้หญิงคนนี้สวยมากเธอสวมถุงน่องสีดำปกปิดขาที่เรียวยาวใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างบางเบาเพื่อเสริมรูปลักษณ์ของเธอให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นเธอรู้สึกโชคร้ายมากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้กับเธออีกแล้ว?เป็นไปได้ไหมว่าเธอคือสิ่งที่เรียกว่า ผู้หญิงสวยคือบ่อเกิดความหายนะ?แต่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมสวรรค์ถึงทำกับเธอเช่นนี้?ชายคนนั้นหอบหายใจอย่างหนัก “เลิกขัดขืนสักที ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกอยู่กับฉันไม่ดีหรือไง? ฉันมีเงินมากมาย ทรัพย์สินครอบครัวฉันมีหลายหมื่นล้าน พ่อของฉันมีลูกชายเพียงคนเดียวก็คือฉัน ทุกอย่างจะเป็นของฉันในอนาคต!”“ต่งเฟย ฉันไม่ได้ชอบคุณ คุณรวยขนาดนี้คุณจะหาผู้หญิงที่ไหนก็ได้ ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะ”ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ไม่หยุด เธอแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงอยู่แล้ว“ฉันไม่ดียังไง? รูปร่างหน้าตา ภูมิหลังครอบครัว อะไรมันไม่ดีสำหรับเธอกัน? ฉันไล่ตามเธอมานานแล้วแต่เธอก็เอาแต่ปฏิเสธฉัน ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ!”เพียะ!ยิ่งต่งเฟยคิดถึงเรื่องนี
“ไอ้สารเลว แกกำลังรนหาที่ตาย! แกรู้ไหมว่าพ่อของฉันเป็นใคร พ่อของฉันคือ ต่งอู่ ถ้าคืนนี้แกกล้าตีฉัน แกไม่รอดแน่นอน!”เมื่อเย่ซิวได้ยินเช่นนั้น แทนที่จะกลัวเขากลับหัวเราะเยาะนี่มันเป็นการเจอศัตรูในที่แคบชัด ๆเขาเดินไปนั่งยอง ๆ ต่อหน้าต่งเฟย“คุณเพิ่งบอกว่าคุณเป็นลูกชายคนเดียวของต่งอู่ใช่ไหม?”ต่งเฟยตะคอกอย่างเย็นชา “ใช่ แกกลัวขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ!”“ถ้าแกไม่อยากตายก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉันผู้นี้และโขกหัวคำนับร้อยครั้งซะ ถ้าฉันอารมณ์ดีฉันอาจจะไว้ชีวิตที่น่าสมเพชของแก!”ท่าทีของเขาช่างดูหยิ่งยโส และคิดว่าเย่ซิวกลัวเขา“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เยี่ยมมาก” เย่ซิวพูดอะไรบางอย่างที่ต่งเฟยไม่เข้าใจ และลงมือทันทีเขาโจมตีร่างกายท่อนบนของต่งเฟยอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้งในการโจมตีแต่ละครั้ง เขาได้ปล่อยกำลังภายในเข้าไปในร่างกายของต่งเฟยดวงตาของต่งเฟยตกตะลึง เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังเข้าสู่ร่างกายแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวและโกรธ “แกทำอะไรกับฉัน!”เย่ซิวตบไหล่ “ไม่มีอะไร คุณก็สูญเสียหน้าที่ที่ผู้ชายควรจะมีไปก็เท่านั้น”“ในโลกนี้มีคนไม่เกินสามคนที่สามารถรักษาคุณไ
ภายในห้อง มีผู้หญิงที่สวยมากเพิ่มมาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เขาพบเมื่อกี้ที่ประตูห้องน้ำหญิงเย่ซิวคิดกับตัวเองว่า นี่มันบังเอิญเกินไปแล้วผู้หญิงคนนั้นเห็นเย่ซิวก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วหลิ่วอวี้ฝูยืนขึ้นแล้วดึงเย่ซิวให้มานั่งข้างเธอ จากนั้นก็ชี้ไปที่ผู้หญิงผมสีทองแล้วพูดว่า“พี่เย่ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จัก นี่คือรองประธานอีกคนของบริษัทของเรา หลินโหรว”“เธอมีความสามารถรอบด้าน ฉันโทรเรียกให้เธอมาที่นี่เพื่อจะได้ดูว่าเราจะหารือเรื่องความร่วมมือกันในอนาคตของบริษัทของพี่ยังไงดี”ตระกูลหลิ่วมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และมีหลายด้านที่พวกเขาสามารถร่วมมือกับบริษัทของเย่ซิวได้เย่ซิวยิ้มและยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมเย่ซิว”ร่องรอยของความรังเกียจแวบขึ้นมาในดวงตาของหลินโหรว แต่เพราะหลิ่วอวี้ฝูอยู่ตรงนี้ด้วยเธอจึงยื่นมือออกไปจับมือของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลินโหรว” หลิ่วอวี้ฝูเหลือบมองหลินโหรวอย่างแปลกใจ ทำไมวันนี้เธอทำตัวแปลก ๆ?หลิ่วอวี้ฝูไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเข้าใจผิด หลินโหรวจึงมองว่าเย่ซิวเป็นพวกโรคจิตลามก……“ป้าจาง ถั่วงอกพวกนี้ขายยังไงคะ?”“กะหล่ำปล
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็นำของที่ซื้อมาไปวางไว้ในครัว จากนั้นก็อุ่นซาลาเปาและซาลาเปาเนื้อที่เหลือจากมื้อเช้าแล้วนำไปใส่ไว้ในชามเธอยังเทน้ำลงในแก้วกระดาษและถือออกไปแม่ชีขอบคุณเธอและเริ่มทานมันเธอทานอย่างรวดเร็วแต่ยังคงความสง่างามเอาไว้เธอรีบทานซาลาเปาและซาลาเปาเนื้อจนหมดอย่างรวดเร็วหลิ่วเมิ่งอิ๋นยื่นน้ำให้ “แม่ชี ดื่มน้ำหน่อยนะคะ”“ขอบใจแม่หนู!”แม่ชีกล่าวขอบคุณอีกครั้ง เธอดื่มน้ำรวดเดียวพร้อมพูดว่า “แม่หนู ฉันขอดูลายมือให้หนูหน่อยได้ไหม?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ และยื่นมือออกไปแม่ชีจับมือของเธอแล้วบีบทีละนิ้วแววตาของแม่ชีค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อใกล้จะถึงจุดจบ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนตัวสั่นเล็กน้อย“แม่ชี มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หลิ่วเมิ่งอิ๋นถามด้วยความงุนงงเล็กน้อย พฤติกรรมของแม่ชีผู้นี้แปลกจริง ๆแม่ชีกลับมามีสติพลันส่ายหน้าแล้วยิ้ม "ไม่มีอะไร แม่หนูช่างโชคดี ขอบคุณสำหรับอาหาร แล้วพบกันเมื่อสวรรค์ต้องการ”จากนั้นแม่ชีก็จากไปหลิ่วเมิ่งอิ๋นกลับมาบ้านอีกครั้งแต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แม่ชีกลับมาอีกครั้งและปรากฏตัวบนกำแพงและสังเหตุ
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส