อวี้จิ่นกลับมาถึงจวนก็พบว่า ทั้งบิดามารดาและพี่ชายมานั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียง นางเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าเหตุใดทุกคนถึงมานั่งอยู่ที่นี่“คารวะท่านพ่อ ท่านแม่และพี่ใหญ่เจ้าค่ะ พวกท่านมานั่งอยู่ที่นี่กำลังรอผู้ใดอยู่หรือไม่เจ้าคะ” อวี้จิ่นตั้งคำถามเมื่อทำความเคารพเสร็จก็ค่อย ๆ เดินไปนั่งเช่นคนอื่นบ้าง“จิ่นเอ๋อร์!! จิ่นเอ๋อร์!! จิ่นเอ๋อร์!!”“ห๊า!! จะ จะ เจ้าคะ หยะ หยะ อยู่กันแค่นี้ทำไมเรียกซะเสียงดังเชียวเจ้าคะ” อวี้จิ่นสะดุ้งโหยง เมื่อถูกเรียกชื่อจากคนทั้งสามตรงหน้าของนาง“ลูกพ่อ เจ้าช่างเก่งกาจอะไรเช่นนี้แค่ไม่นานก็มีชื่อเสียงเสียแล้ว”“ลูกแม่ ฝีมือเรื่องยาสมุนไพรของเจ้าเหนือกว่าหมอในเมืองหลวงเชียวหรือนี่”“น้องพี่ ยามนี้เจ้าคงถูกคุณหนูในห้องหอมากมายเพ่งเล็ง เพราะอิจฉาริษยาความเก่งกาจของเจ้าแน่ ๆ แต่พวกนางจะทำสิ่งใดได้ ในเมื่อน้องสาวของพี่เป็นลูกรักของท่านเทพนี่นา ฮ่า ๆ ๆ”“เฮ้อ นึกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเสียอีกพวกท่านทำข้าตกใจแทบแย่”“จิ่นเอ๋อร์รู้ไหมว่ายามนี้ผู้คนต่างก็พูดถึงบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ ว่ามีฝีมือด้านยาสมุนไพรและเริ่มระแคะระคายเรื่องการทำนายดวงชะตา ทั้งสองเรื่
ตั้งแต่ปล่อยให้ลูกค้าเข้าไปซื้อยาสมุนไพร ก็เริ่มมีการบอกต่อเพิ่มขึ้นจ้วงอู่ที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในหมู่ชาวบ้าน ที่ทยอยกันมาเมื่อได้ยินว่าร้านสมุนไพรของเถ้าแก่เฮ่อ มีบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เป็นเจ้าของร่วมด้วย ก็เป็นกังวลแทนเจ้านายขึ้นมาไหนจะมีฟู่กั๋วกงและใต้เท้ากวนนั่นอีก แค่แม่ทัพใหญ่คนเดียวก็ว่าหนักแล้วแต่ยังมีฟู่กั๋วกงร่วมด้วยนี่สิจ้วงอู่คอยสังเกตดูผู้คนที่หลั่งไหลมาเรื่อย ๆ ได้เพียงหนึ่งเค่อ ก็หลบออกไปเพื่อนำสิ่งที่ตนได้เห็นกลับไปรายงานต่อเจ้านาย ที่ยามนี้คงนั่งรอฟังข่าวอยู่ในห้องทำงานของร้านสมุนไพรแล้ว“ก๊อก ๆ ๆ นายท่านข้าน้อยจ้วงอู่ขอรับ”“เข้ามาได้รีบรายงานมาที่ร้านนั่นเป็นอย่างไร” เฝิงเกาซูอยากรู้จนนั่งไม่ติด“เรียนนายท่านร้านสมุนไพรของเถ้าแก่เฮ่อ มีบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เป็นเจ้าของร่วมกันขอรับ และการขายยาสมุนไพรก็แตกต่างไปจากเดิม ที่ร้านนั่นจะขายยาสมุนไพรที่ต้องใช้วิธีต้มให้กับโรคที่หายาก หรือเป็นโรคเรื้อรังที่คนป่วยเป็นมานานหลายปีแต่รักษาไม่หายเสียที ส่วนอาการป่วยทั่วไปกลับมียาที่ปรุงไว้เรียบร้อยแล้วออกมาขายแทน ที่สำคัญยังเป็นยาลูกกลอนที่ทำยากที่สุดออกมาขายด้วยขอรับนายท่าน”“เจ้าว่าอะไรนะ!
กลางยามจื่อที่เงียบสงัดภายในเมืองหลวงแคว้นจ้าว มีเพียงชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่ตีฆ้องบอกเวลาเท่านั้น ที่ยังคงเดินวนเวียนไปตามถนนตรอกต่าง ๆ แต่ในเงามืดอีกด้านหนึ่งกำลังมีคนชุดดำมากกว่าห้าคน มุ่งหน้าไปยังร้านขายสมุนไพรของอวี้จิ่นกับเถ้าแก่เฮ่อ คนชุดดำต้องทำตามคำสั่งของเจ้านายเมื่อร้านแห่งนี้ทำให้เจ้านายไม่พอใจแต่มันจะง่ายดายปานปอกกล้วยเข้าปากได้อย่างไร ในเมื่อมีบุรุษผู้หนึ่งเตรียมการป้องกันร้านค้าของนางในดวงใจไว้อย่างดี นอกจากคนที่เตรียมไว้แล้วยังมีลูกจ้างของร้านคอยช่วยอีกแรง ตงลู่ที่มาร่วมทำภารกิจในคืนนี้กับกลุ่มของลิ่วชงต่างมองเห็นกลุ่มคนทั้งห้าแล้ว จึงส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมรับมือทันที“หัวหน้าข้าได้ยินพวกชาวบ้านพูดถึงยาสมุนไพรร้านนี้ ก่อนจะเผาทำลายพวกเราหยิบติดตัวไปคนละขวดสองขวดดีหรือไม่ ข้ารู้สึกเสียดายหากยาพวกนี้ถูกทำลายไปโดยเปล่าประโยชน์น่ะ” ฉานเวยลูกน้องมือขวาของจ้วงอู่เอ่ยถาม เพราะเขาได้ยินว่ายาพวกนี้เป็นยาที่ใช้ดีจากปากชาวบ้าน“หึ แน่นอนสิฉานเวยพวกเราจะทำลายทิ้งจนหมดได้อย่างไร ของดีเช่นนี้ต้องเก็บไว้ใช้รักษาตัวเองถึงจะถูกมิใช่หรือ เจ้าก็รู้พอ ๆ กับข้าว่าที่ร้านของนายท่านยาสมุน
อวี้จิ่นที่ตื่นมาในเช้าวันใหม่ และได้รับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากบิดาของตน นางทั้งตกใจและรู้สึกโกรธแค้นไปในคราวเดียวกัน ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นชีวิตของผู้อื่นมีค่าน้อยกว่าเงินทอง ยิ่งรู้ว่าฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ จึงมีใจอยากช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว “คนพวกนี้สมควรถูกประหารแล้วเจ้าค่ะ โดยเฉพาะหมอหลวงผู้นั้นหากจะเห็นแก่เงินทอง ไม่ควรเข้าไปเป็นหมอหลวงเพื่อรักษาเชื้อพระวงศ์สักนิด กว่าจะเรียนสำเร็จเป็นหมอที่ผู้คนยอมรับได้ก็ยากเย็น แต่กลับนิสัยเปลี่ยนเมื่อเห็นเงินทองมากองตรงหน้าเสียอย่างนั้น”“คนบางคนไม่รู้จักพอหรอกนะจิ่นเอ๋อร์ เมื่อคืนนี้ถือว่าโชคดีมากที่อาเหยียนมีไหวพริบ นึกถึงยาของเจ้าจึงได้นำไปช่วยรักษาพระอาการของฝ่าบาท มิเช่นนั้นคงแย่เพราะสำนักหมอหลวงยามนี้ไม่มีสมุนไพรที่ใช้ได้เลย” แม่ทัพใหญ่เล่าให้บุตรสาวได้ฟังเรื่องยาของนาง หากไม่ได้ฟู่หลงเหยียนที่สั่งการได้รวดเร็ว ฮ่องเต้อาจล้มป่วยหนักและเหล่าองค์ชายจะฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้น“ท่านพี่แล้วเรื่องที่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้สำนักหมอหลวงมาตั้งโต๊ะ เพื่อรักษาอาการป่วยให้ราษฎรจะทำเช่นไรเจ้าคะ ในเมื่อไม่มียาสมุนไ
ข่าวใหญ่ที่หลานสาวของฮองเฮาได้รับสมรสพระราชทาน อวี้จิ่นย่อมรับรู้จากการพูดคุยของบ่าวไพร่ในจวน มีเรื่องใดบ้างในเมืองหลวงยามที่พวกเขาออกไปนอกจวน เมื่อกลับเข้ามาจะไม่นำมาเล่าสู่กันฟังแต่นั่นไม่เกี่ยวกับอวี้จิ่นเนื่องจากพี่ชายของนางกลับมาถึงยามซวีวานนี้ พร้อมเกวียนวัวที่ขนหีบมามากมายหลายเล่ม พอได้ยินว่าในหีบเหล่านั้นเป็นสมุนไพรชั้นดี อวี้จิ่นดีใจกระโดดกอดพี่ชายจนเขาเกือบรับร่างของนางไว้ไม่ทัน“จิ่นเอ๋อร์ พี่ใหญ่นำสมุนไพรชั้นดีมาให้เจ้ามากมาย ถ้าหากพี่ใหญ่จะรบกวนเจ้าช่วยแบ่งยาที่ปรุงแล้ว มอบเป็นน้ำใจให้กับกองกำลังของตระกูลเราสักนิดจะได้หรือไม่” เจียงหยวนต้องถามความเห็นของน้องสาวเสียก่อน“แน่นอนสิเจ้าค่ะพี่ใหญ่ เรื่องนี้จะไม่ใส่ใจได้อย่างไรเพราะทุกคนล้วนตั้งใจทำงาน อืม เช่นนั้นข้าจะมอบยาบำรุง และยารักษาแผลให้พวกเขาก็แล้วกันนะเจ้าคะ แต่ถ้ามีใครเจ็บป่วยเป็นไข้ก็ให้คนมาบอกได้ทุกเมื่อ การจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซื่อสัตย์ภักดีกับเรา จำเป็นต้องใช้อำนาจในทางที่ถูกและมีเมตตาไปพร้อมกันเจ้าค่ะ ส่วนพี่ใหญ่สิ่งที่ข้าจะตอบแทนให้ท่านเพิ่มได้ก็คืออาหารแสนอร่อยเจ้าค่ะ” พี่ชายของนางกับกองกำลังของตระกูล ทำเพื
เมื่อแขกทุกคนมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นท่าทางของอวี้จิ่น ยิ่งทำให้เกิดความสงสัยว่านางเป็นอันใด หรือเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแน่“เอ่อ คะ คะ คือว่า”“พี่สาวทำไมถึงมีแต่ท่านที่มองเห็นซวนซวนล่ะขอยับ ซวนซวนเรียกท่านปู่ท่านย่าทุกวันแต่ไม่มีใครได้ยินเยย ฮึก ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ย้องไห้ ซวนซวนจะกอดก็ทำไม่ได้ขอยับ ฮือ ๆ” เด็กน้อยในร่างของดวงวิญญาณเอ่ยถามกับอวี้จิ่น ที่จ้องมองตนเองคล้ายกับว่านางสามารถมองเห็นตนเองได้ จึงตัดพ้อเรื่องราวของตนให้นางฟัง“อาเหยียนเกิดสิ่งใดขึ้นกับน้องหรือลูก แล้วทำไมจิ่นเอ๋อร์ถึงเอาแต่มองด้านหน้าของตนเช่นนั้น” เซี่ยฮูหยินเดินมาถึงพร้อมทุกคนก็ถามกับบุตรชาย“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับท่านแม่ แต่จิ่นเอ๋อร์ดูท่าทางจะตกไม่น้อยเลยขอรับ” ฟู่หลงเหยียนยังไม่ได้คำตอบจากอวี้จิ่น จึงไม่อาจตอบคำถามของมารดาได้‘เปิดตำหนักวันแรกก็ส่งงานใหญ่ให้ข้าเชียวนะท่านเทพ ฮึ่ย! ทำไมถึงส่งงานเห็นดวงวิญญาณมาให้ข้าด้วยเล่า’เมื่อหลับตาตั้งสติได้อวี้จิ่นจึงค่อย ๆ ย่อตัวลงไป และพูดกับความว่างเปล่าต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากถามถึงชื่อแซ่ของเด็กน้อย นางจึงเงยหน้า
หลังจากออกจากจวนของใต้เท้าเหลียง จนมาถึงร้านน้ำชาตัวแทนชาวบ้านทั้งสามคน ก็เริ่มร่ายยาวเล่าเรื่องที่ตนได้เห็นกับตา ว่าบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่มีความสามารถ ประหนึ่งเทพโอสถ และยังมีอีกร่างเป็นเทพธิดาแห่งการทำนายดวงชะตาที่แม่นยำมากทั้งยาสมุนไพรชั้นเลิศช่วยรักษาคุณชายน้อยเหลียงจื่อซวน และการทำนายว่านางกำนัลขององค์หญิงสามไม่ใช่ผู้ร้าย ยังมีคำชื่นชมอีกมากมายที่เพิ่มเติมเข้าไปเท่าที่จะคิดได้ ตามประสาชาวบ้านที่ชอบเล่าเรื่องที่ตนเองได้พบเจอ นอกจากนี้ข่าวลือยังไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้ ที่ทรงเป็นห่วงพระนัดดาจากองค์หญิงสามเช่นกัน“ทูลฝ่าบาท ยามนี้ในเมืองหลวงเกิดข่าวลือใหญ่ ว่ากันว่าพระนัดดาเหลียงจื่อซวน ได้หมอเทวดามาช่วยรักษา บัดนี้ได้สติตื่นขึ้นมาจากนิทราแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉีกงกงเป็นผู้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้“เจ้าพูดจริงรึฉีกงกง!! หลานชายคนนี้ของเจิ้นตื่นจากนิทราอันยาวนาน และได้รับการรักษาจากหมอเทวดาเช่นนั้นรึ” ฮ่องเต้ทรงหยุดพู่กันที่กำลังจรดลงบนกระดาษ เพื่อฟังเรื่องที่ฉีกงกงนำมารายงาน“จริงพ่ะย่ะค่ะ เป็นคำยืนยันจากคนของเราที่อยู่ในจวน และที่พระนัดดาทรงเป็นเช่นนี้ เพราะมีคนต้องการให้องค์หญิงเสียพระ
จ่างเกาเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้นอีกเนื่องจากไม่อาจชักช้าได้ จนกระทั่งถึงจวนตระกูลกวนจึงเดินตรงไปยังห้องหนังสือ ที่เจ้านายของตนมักใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพื่อทำงานเสมอ“ก๊อก ๆ ๆ นายท่านขอรับข้าน้อยจ่างเกา”“หืม จ่างเการึรีบเข้ามาและเล่าให้ข้าฟังที ว่ามีความเคลื่อนไหวอันใดเกิดขึ้นบ้าง” ใต้เท้ากวนนั่งทำงานรอก็แทบไม่มีสมาธิในการทำงาน“เรียนนายท่านเป็นไปตามที่พวกท่านคาดการณ์ไว้ เมื่อฉือตานถิงได้ทราบเรื่องของคุณชายน้อยเหลียง นางกับสาวใช้ก็รีบไปที่จวนตระกูลเหลียง ทำทีนำยาบำรุงไปฝากและอยากเข้าเยี่ยมคุณชายน้อย แต่ถูกใต้เท้าเหลียงกับเหลียงรุ่ยหานคิดหาข้ออ้างไว้ได้ หลังจากขอเข้าเยี่ยมไม่สำเร็จนางจึงขอตัวกลับจวน และมีคำสั่งให้สาวใช้คนสนิทไปส่งข่าวกับใต้เท้าเจิง เกี่ยวกับตำหนักทำนายดวงชะตาของคุณหนูเจียง ส่วนตระกูลเหลียงนางจะให้คนของใต้เท้าฉือลงมือเองขอรับ” นี่เป็นครั้งแรกที่จ่างเกาพูดได้ยาวกว่าทุกครั้ง“นี่นางจิตใจอำมหิตถึงกับจะสังหารคนตระกูลเหลียง ไม่พอยังสมรู้ร่วมคิดกับสำนักพยากรณ์ ให้อีกฝ่ายส่งคนไปสังหารคุณหนูเจียงอีกคน ครั้งนี้สำนักพยากรณ์คงเหลือเพียงชื่อเสียแล้วกระมัง” ใต้เท้ากวนคาดไม่ถึงว่าฉือต
ฟู่หลงเหยียนและเจียงหยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าสองพี่น้องจะรับมือคนพวกนี้ เพื่อหาทางเอาตัวรอดอย่างไร “พวกเจ้าเอาตัวเด็กสองคนนั่นลงมา อย่ามัวชักช้ายืดยาด หากงานไม่สำเร็จละก็ จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องตายแทน” ซานถูลงไปยืนรอยังจุดที่เลือกไว้ สำหรับการขุดหลุมฝังเจียงข่ายเหวินและฟู่เจียฉี“ถุ้ย!! อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาถูกตัวน้องสาวข้า” เจียงข่ายเหวินตะคอกลูกน้องซานถูทันที เมื่อมือหยาบนั้นกำลังจะดึงตัวฟู่เจียฉี ออกไปจากอ้อมกอดของตน“เหวินเกอไม่ต้องกลัวนะ ฉีเอ๋อร์จะปกป้องท่านเองเจ้าค่ะ” ฟู่เจียฉีมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยขี้แย เพราะมีบิดาคอยสอนให้เข้มแข็งมีสติ ถึงจะเป็นเด็กแต่เมื่อมีสติก็สามารถเอาตัวรอดได้“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ดูเจ้าเด็กสองคนนี่สิ ช่างเป็นญาติพี่น้องที่รักกันดีเสียเหลือเกิน” เกาจิ่งหัวเราะกับท่าทางของฟู่เจียฉี“เหอะ ก็คงเห็นตัวอย่างจากบิดมารดากระมัง เร็ว ๆ ๆ พาตัวลงจากรถม้าได้แล้ว ยังต้องขุดหลุมอีกพวกเจ้าอย่าลืมสิ” ซานถูเร่งลูกน้องของตนให้ทำตามคำสั่งขณะที่เกาจิ่งหันไปพูดคุยกับซานถู ฟู่เจียเฟยได้หยิบห่อยาพิษที่บิดาเพิ่งมอบให้ ก่อนจะแบ่งให้เจียงข่ายเหวินอีกสองห่อ เด็กชายมองหน้า
ณ จวนตระกูลเจียงหลังจากอวี้จิ่นออกเรือนแต่งเข้าตระกูลฟู่ ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงอย่างจ้าวเจียเฟย ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งในอนาคตเขาขคือผู้สืบทอดตระกูลเจียงต่อจากบิดา ชื่อของหลานชายฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จตา ประทานนามให้ว่า ‘ข่ายเหวิน’ หมายถึง ผู้ชนะและมีความรู้ และชื่อนี้ก็เข้ากับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีนอกจากมารดาจะเป็นที่โปรดปรานแล้ว เมื่อให้กำเนิดหลานชายย่อมได้รับความโปรดปราน ไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาเช่นกัน สร้างความอิจฉาริษยาให้กับองค์ชายองค์หญิงที่มีหลานให้กับฮ่องเต้ องค์ชายองค์หญิงที่รู้จักประมาณตน จะอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รักญาติพี่น้อง แต่สำหรับคนที่จิตใจดำมืดเกินเยียวยา ย่อมสั่งสอนและปลูกฝังความริษยาลงในจิตใจของบุตร ตระกูลเจียงมีทายาทแล้ว ทางด้านตระกูลฟู่จะไม่มีได้อย่างไร หลังจากเจียงข่ายเหวินอายุได้สองหนาว อวี้จิ่นแต่งเข้าจวนฟู่ได้ครึ่งปีก็ตั้งครรค์ และให้กำเนิดบุตรสาวนามว่าฟู่เจียฉี หากจะกล่าวว่าญาติผู้พี่เจียงข่ายเหวินหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย ญาติผู้น้องอย่างฟู่เจียฉีจะน้อยหน้าได้หรือ เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงหน้ารูปหยดน้ำ จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้า ริ
หลังจากตระกูลฟู่และตระกูลเจียง ได้แลกหนังสือหมั้นหมายของบุตรชายบุตรสาว ข่าวลือเรื่องทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน ก็แพร่กระจายไปตามร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว คนที่อวยพรให้ทั้งสองสุขสมก็มีอยู่มาก คนที่อิจฉาริษยาก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกแต่แล้วอย่างไรในเมื่อฟู่หลงเหยียนมิได้สนใจ พวกนางก็เป็นได้แค่เศษฝุ่นที่ลอยไปกับสายลมเท่านั้น เพราะในสายตาของฟู่หลงเหยียน ไม่เคยละไปจากคู่หมั้นที่เริ่มจะเปล่งประกายความงามหลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมา ปรากฏว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ อย่างที่อวี้จิ่นเคยบอกพวกเขาเอาไว้จริง ๆ เจียงหยวนแอบไปพบน้องสาว เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะได้เตรียมรับมือบุตรคนได้ถูก พอได้รู้ว่าตนเองจะได้บุตรชาย การวางแผนเลี้ยงดูจึงถูกคิดขึ้นทันทีตั้งแต่อวี้จิ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหัวสำนักตรวจการ หากไม่มีภารกิจลับและออกเดินทางไปต่างเมือง ข้างกายของอวี้จิ่นย่อมมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ นามว่าฟู่หลงเหยียนอยู่กับนางเสมอ จนเหล่าบุรุษที่มั่นใจว่าตนเองหน้าตาหล่อเหลา ต้องวิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน แค่ฟู่หลงเหยียนจ้องมองพวกเขาก็หายไม่ออกกันแล้วทุก
ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นกลับมาส่งที่จวน ภายหลังที่พลุถูกจุดจนหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยตอนมาร่วมงานเขานั่งรถม้า ยามนี้จำเป็นต้องยืมเจ้าเสี่ยวหงกลับจวนไปก่อน และค่อยนำมันมาคืนอวี้จิ่นทีหลังอวี้จิ่นยืนส่งฟู่หลงเหยียนขี่เจ้าเสี่ยวหง จนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากสายตา ถึงได้เดินเข้าจวนอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเดินตามหลังอย่างตงลู่กับเฟยอิน เอ็นดูกับท่าทางที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเขินอาย อยากจะหัวเราะแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้แต่พอมาถึงเรือนของตนอวี้จิ่นพบว่า เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ กำลังเดินไปมาชะเง้อมองหาใครอยู่ “หืม นั่นใช่พี่เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ใช่ไหมพี่เฟยอิน”“ใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่นางมาทำอะไรที่เรือนของท่าน ยามนี้มิใช่ต้องอยู่รอรับใช้องค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”เป่าจูเมื่อเห็นอวี้จิ่นกลับมาที่เรือน จึงสาวเท้าไปหานางดั่งพายุ สร้างความงุนงงจนอดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดเรื่องอันใดที่เรือนของพี่ชายตนหรือไม่“คุณหนูเจียงในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเป่าจูดูร้อนรนแปลก ๆ“พี่เป่าจูท่านมารอพบข้ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“คือบ่าวมารอพบคุณหนูที่นี่ เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่เ
ซีอ๋องอยู่ร่วมงานเลี้ยงชนะสงครามเท่านั้น อีกสองวันต่อมาจึงออกเดินทางพร้อมหีบยาจำนวนมาก ยังมีเมล็ดพันธุ์ผักที่อวี้จิ่นใจดีมอบให้อีกหนึ่งหีบ ที่สำคัญทรงอยากกลับไปชำระความ กับสตรีชั่วที่ปองร้ายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน ซึ่งตอนนี้นางกำลังตั้งตนเป็นเจ้าของตำหนักอ๋อง จนลืมไปว่านางเป็นแค่ชายารองเท่านั้นข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องฤกษ์มหามงคลที่มีขึ้น ในอีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ ทำเอาวังหลวงวุ่นวายจนเวียนหัว เพื่อเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงใหญ่ พระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ให้ออกมาดีที่สุด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวส่วนตระกูลเจียงถือว่าโชคดีมาก ที่อวี้จิ่นได้บอกมารดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในจวนจึงพร้อมต้อนรับสะใภ้ใหญ่ หลังจบงานเลี้ยงวันถัดมายามปลายยามเฉิน ขบวนสินสอดนับร้อยหีบผูกด้วยผ้าสีแดง พร้อมสามหนังสือหกพิธีการนำไปส่งมอบให้กับฮองเฮา ก็ทยอยออกจากจวนตระกูลเจียงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีชาวบ้านสองข้างทางต่างหยุดมอง และเริ่มพูดถึงเรื่องสมรสพระราชทานอีกครั้ง ตระกูลใดที่รอจัดงานพร้อมแม่ทัพเจียง ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของเรือนหอ อาหารการกินที่ต้องใช้เลี้ยงแขกในงาน เผื่อว่าการแต่งงานในฤก
หลังจากหวาอานส่งจดหมายกลับไปยังเหอหยาง เมื่อแม่ทัพเสียนมู่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย จึงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปยังจวนซีอ๋อง เพื่อรับตัวซื่อจื่อมาดูแลเป็นการชั่วคราว คราแรกพระชายารองไม่ยินยอม แต่พอได้เห็นป้ายผู้แทนของซีอ๋อง ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเสียนมู่แล้ว ถึงได้ยอมปล่อยซื่อจื่อให้แม่ทัพเสียนมู่พาตัวกลับจวนส่วนเจ้าของคำสั่งที่พักอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่ ได้เห็นแปลงผักที่หลากหลายก็เกิดความสนใจ ซีอ๋องคิดว่าหากกองทัพหรือราษฎรที่เหอหยาง สามารถปลูกพืชผักได้เช่นจวนแม่ทัพใหญ่ ย่อมมีเสบียงสำรองมากพอยามฤดูเหมันต์มาเยือน ทุกคนต้องผ่านความอดอยากได้แน่เมื่อซีอ๋องถามกับบ่าวไพร่เรื่องการปลูกผัก คำตอบที่ได้ก็เกี่ยวกับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว จนกระทั่งได้มานั่งพูดคุยเรื่องการค้า ซีอ๋องจึงถือโอกาสสอบถามอวี้จิ่นเรื่องผักที่ปลูกด้วยเสียเลย“คุณหนูเจียงเรื่องสัญญาการค้ายาสมุนไพร เปิ่นหวางยินดีทำตามข้อเสนอของเจ้า เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่เปิ่นหวางอยากรู้”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ยอมทำการค้า กับร้านยาเล็ก ๆ ของหม่อมฉันเพคะ ว่าแต่ท่านอ๋องทรงอยากทราบเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เปิ่นหวางอยากถามเกี่ยวกับวิธีปลูกผัก ให้ไ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงบุปผาในวังหลวง ถูกพูดถึงในเช้าวันต่อมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของเลี่ยวหลวนเฉิน สมรู้ร่วมคิดกับโจรหยางเสวียน กดขี่ข่มเหงขูดรีดเงินภาษีจากชาวเมืองซุยโจว เมื่อถึงเวลานำตัวทาสทุกคนออกเดินทาง จึงใช้เวลานานกว่าทุกครั้งเพราะผู้คนสองข้างทาง ต่างเฝ้ารอขว้างปาสิ่งของและด่าทอสาปแช่ง กว่าจะหลุดพ้นจากประตูเมืองหลวง ก็บาดเจ็บกันไปไม่น้อยกับทาสทั้งหลายหลังจากงานเลี้ยงจบลงได้ไม่ดีเท่าใดนัก อีกสามวันต่อมารัชทายาทจ้าวเจาเยี่ยน ก็กลับมาจากการทำภารกิจตามราชโองการ แต่รัชทายาทกลับไปชำระล้างพระวรกายที่ตำหนักบูรพา จากนั้นจึงเสด็จไปเข้าเฝ้ากราบทูลรายงานต่อพระบิดา“ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ลุกขึ้นเถิดรัชทายาท เจ้าเพิ่งกลับมาถึงเช่นนั้นรึ” ฮ่องเต้ทรงเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของโอรสก็ทรงทราบแล้ว“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพิ่งกลับมาถึงเมื่อยามซื่อ และต้องการรายงานเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทมิอาจรั้งรอได้นาน เนื่องจากต้องรีบคัดเลือกขุนนางไปรับตำแหน่งเจ้าเมือง“ปัญหาเรื่องน้ำที่เมืองสุยโจวเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมนุษย์กันแน่”“ทูลเสด็จพ่อเป็น
ภายหลังที่ได้หลักฐานและล่วงรู้แผนชั่วแล้ว ฟู่หลงเหยียนมาส่งอวี้จิ่นด้วยวิธีเดิม และไม่ลืมพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงบุปผา ที่ฮองเฮาจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เขาบอกให้อวี้จิ่นและมารดารออยู่ที่จวน แล้วเขาจะเป็นคนมารับอวี้จิ่นด้วยตนเองพอกลับมาถึงจวนฟู่หลงเหยียนย่อมไปพบบิดา เพื่อบอกเล่าแผนการของเลี่ยวหลวนคุน และยังมีหลักฐานที่สายของตนได้มา“ก๊อก ๆ ๆ ท่านพ่อข้าเองขอรับ”“เข้ามาเถิดอาเหยียน”เมื่ออนุญาตให้บุตรชายเข้ามาในห้องหนังสือได้ ก็มีห่อผ้าวางลงตรงหน้าของฟู่กั๋วกง คำถามจึงเกิดจากสายตาโดยไม่ต้องมีคำพูด“เรียนท่านพ่อ ในห่อผ้านี้เป็นสมุดบัญชีที่ใต้เท้าเลี่ยว แอบนำไปฝังไว้ใต้ดินหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม สายของเราที่อยู่ในจวนสังเกตเห็นท่าทางมีพิรุธ ถึงได้ตามไปเงียบ ๆ จากนั้นก็ขุดมันออกมามอบให้ข้าขอรับ”“หมายความว่าสิบปีที่ผ่านมา ใต้เท้าเลี่ยวติดต่อกับโจรป่าหยางเสวียน และแบ่งปันทรัพย์สินจากการปล้น รวมถึงเงินที่เก็บภาษีจากชาวบ้านด้วยงั้นรึ” ฟู่กั๋วกงไม่คิดมาก่อนว่าใต้เท้าเลี่ยว จะเก็บซ่อนความลับนี้ได้นานถึงสิบปี โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคายแม้แต่น้อย“คาดว่าจะเป็นเช่นที่ท่านพ่อพูดมาขอรับ ส่วนเรื่อง
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเศรษฐีม่าย เมื่อพยานอย่างม่ายจิ่นเม่ยให้การกับใต้เท้ากวน และลูกน้องทั้งสองของท่านหมอซัง ยอมสารภาพทุกอย่างต่อใต้เท้ากวน เพราะพวกเขาถูกดวงวิญญาณหญิงสาว ตามมาคอยหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ ไหนจะความเจ็บปวดจากยาพิษของอวี้จิ่น ทำให้พวกเขาอยากตายเพื่อหลุดพ้นความทรมานเมื่อมีทั้งพยานที่ยังรอดชีวิตและคำสารภาพ จากคนเป็นลูกน้องของซังปินจีทั้งสองคน โทษประหารชีวิตย่อมเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแค่ก่อนจะลงดาบประหารนั้น ใต้เท้ากวนได้ให้ทั้งสามคนได้รู้ซึ้งถึงความทรมาน ของหญิงสาวที่ตกตายด้วยน้ำมือของพวกเขาเสียก่อน ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ทำการแขวนคอนักโทษ พอใกล้จะขาดใจก็หย่อนเชือกให้หายใจต่อ ทำเช่นนั้นอยู่ถึงสามครั้งถึงจะนำตัวไปตัดหัว“เจ้าหมอชั่วจงตกนรกอย่าได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกเลย”“ถ้าพวกเจ้ากลับมาเกิดขอให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่เป็นเหยื่อให้สัตว์ใหญ่ไล่ล่ากินเนื้อพวกเจ้า”“สงสารหญิงสาวที่ต้องตายเพราะคนชั่วจริง ๆ ขอให้พวกเจ้าไปสู่สุขคติด้วยเถิด”ในวันประหารชีวิตมีชาวบ้านไม่น้อยมามุงดู หนึ่งในนั้นย่อมเป็นครอบครัวตระกูลม่าย ที่ได้รับความเป็นธรรมและยังมีชีวิตอยู่ต่อไปก่อนครอบครัวตระกูล