Share

บทที่ 922

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
แคว้นเป่ยเยี่ยน ณ จวนอัครเสนาบดี

อัครเสนาบดีผู้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการขมวดคิ้วแน่น ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสุขสงบมาหลายคืนแล้ว

ขุนนางใต้บังคับบัญชาเข้ามารายงานสถานการณ์การรบด้วยท่าทางแตกตื่น

“ใต้เท้า! แย่แล้วขอรับ! กองหนุน...กองหนุนที่ส่งไปแคว้นหนานฉี ล้วนถูกกองทัพหนานฉีล้อมปราบ บ้างก็ตาย บ้างก็ถูกจับกุม!”

อัครเสนาบดีที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดพลันลุกขึ้นยืน

“เมืองเซวียนหรือ? พวกฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ทราบเลยขอรับ จนถึงยามนี้ไม่มีข่าวมาจากเมืองเซวียนเลยขอรับ...”

พูดยังไม่ทันจบ ขุนพลท่านหนึ่งก็เร่งรีบมาถึงจวนอัครเสนาบดี “ท่านอัครเสนาบดีขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว! เมืองเซวียนเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”

อัครเสนาบดีพลันรู้สึกใจสั่น

นี่ยังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือ?

ขุนพลผู้นั้นส่งของที่นำมาขึ้นไป แล้วพูดอธิบายด้วยสีหน้าซีดขาว

“นี่คือสาส์นตราตั้งจากแคว้นหนานฉี ต้องการประกาศสงครามกับแคว้นเป่ยเยี่ยนของเราขอรับ ทั้งยังบอกอีกว่าเมืองเซวียนถูกกองทัพหนานฉียึดเอาไว้แล้ว เป็นไปได้มากว่าฝ่าบาทกับเหล่าทหารอาจจะกลับมาไม่ได้แล้วขอรับ!”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าขุนนางรวมถึงอัครเสนาบด
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (15)
goodnovel comment avatar
Yok Gee
รอไม่ไหวแล้วค่ะ555
goodnovel comment avatar
jpp
ปกติจะอัพทุกวันตอน 16.00น.ค่ะ วันละ4ตอน
goodnovel comment avatar
Yok Gee
ฮ่องเต้กับฮองเฮาเจอกันแล้วอบอุ่นมาก เข้ามาดูทุก30นาทีว่าเมื่ไหน่จะอัพตอนใหม่สักที
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 923

    เมื่อสองแคว้นสู้รบกัน ไม่อาจฆ่าราชทูตที่มาเยือนได้ราชทูตของต้าเซี่ยถูกนำตัวไปที่อำเภอหลิวที่อยู่ใกล้เมืองเซวียนผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ด้านบนก็คือฮ่องเต้เซียวอวี้ราชทูตฝีปากคมกล้า ได้อธิบายว่าแคว้นต้าเซี่ยมาเจรจาสงบศึกด้วยความจริงใจ ทั้งยังหยิบยกเรื่องที่ว่าแคว้นหนานฉีและแคว้นต้าเซี่ยนั้นเป็นญาติพี่น้องกัน สาธยายไปจนถึงความสัมพันธ์กับองค์หญิงใหญ่เซียวอวี้นั่งอยู่บนที่นั่งประธาน ดื่มชาทีละคำ ดูไปแล้วเหมือนกำลังฟังอยู่ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความทระนงไม่อีนังขังขอบจนกระทั่งราชทูตนั่นพูดจบ เซียวอวี้ก็เหลือบตามองอย่างเย็นชา แววตาคมกริบดั่งธนู“เจรจาสงบศึก?”ราชทูตรีบถวายสาส์นตราตั้งที่เตรียมมาขึ้นไปทันทีหลังจากอ่านสาส์นตราตั้งจบ เซียวอวี้ค่อย ๆ ลุกขึ้น เงาร่างสูงใหญ่ราวกับกรงเล็บของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่ไร้รูปร่างลงมาบีบคอราชทูตเอาไว้ราชทูตไม่กล้าเงยหน้าสบตาอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้ เขาหลุบตาลง รู้สึกเพียงว่าลมหายใจติดขัดในความเงียบเชียบเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจนั้น ราชทูตได้รับความทุกข์ทรมานอย่างยิ่งจากนั้นเซียวอวี้ก็เปิดปากแววตาของเขาแฝงไปด้วยนัยยิ้มเยาะ“เจ้าจะมาเจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 924

    “เสด็จพี่สะใภ้! ไม่เจอกันนานเลยเพคะ!” องค์หญิงน้อยทำการถวายคำนับตามธรรมเนียมในวังนางสวมชุดกระโปรงแบบสบายตัว ใบหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจหอบแฮ่ก ๆจากนั้นก็หันกลับมาถวายคำนับให้เซียวอวี้ต่อ“คารวะฝ่าบาท!”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างไม่แปลกใจ“เหตุใดองค์หญิงจึงเข้าเมืองมาเล่า?”ทหารศัตรูในเมืองนี้ถูกควบคุมตัวเอาไว้เกือบหมดแล้ว ทว่าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะปลอดภัยทั้งหมดใบหน้าองค์หญิงน้อยยิ้มแย้มดุจดอกไม้ ไม่มีท่าทีกลัวการสู้รบแม้แต่น้อย“ข้ามากับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อเข้าเมืองมาส่งเสบียง ข้าสามารถช่วยได้นะ”เซียวอวี้ไม่คิดเช่นนั้น“เด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้า จะช่วยอะไรได้”องค์หญิงน้อยเท้าสะเอวด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วตอบอย่างไม่พอใจว่า“เสด็จพี่ฮ่องเต้ ท่านอย่าดูถูกคนอื่น“ข้าเติบโตในเมืองเซวียน สามารถบอกทางให้พวกเขาได้นะ!“จริงสิ เหตุใดพวกท่านจึงอยู่ที่โรงพักแรมหลวงนี่ ไม่ไปพักที่จวนกั๋วกงล่ะ? ที่นี่อัตคัดเกินไปแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“หากในเมืองมีข้าศึกเคลื่อนไหว การพักอยู่ที่โรงพักแรมหลวงจะนำทหารออกไปได้สะดวกกว่า”องค์หญิงน้อยพยักหน้า จากนั้นสายตาก็ตกอยู่ที่มือข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 925

    แคว้นหนานฉี ณ เมืองหลวงเหล่าราษฎรต่างใส่ใจสถานการณ์สงครามเป็นอย่างมาก เกรงว่าแคว้นหนานฉีจะล่มสลายทว่ากลับได้ยินข่าวว่าแคว้นหนานฉีจะบุกโจมตีกลับแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ยแล้ว“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”“ก็เรื่องจริงน่ะสิ ข้ามีหลานคนหนึ่งอยู่ในค่ายทหาร เขาเขียนจดหมายกลับมา บอกว่าพวกเราไม่ต้องกังวลแล้ว ช่วงอันตรายของแคว้นหนานฉีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ผู้ที่ต้องกังวลว่าแคว้นจะล่มสลายคือแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ย แล้วก็แคว้นอื่น ๆ !”ข่าวนี้ทำให้คนยินดียิ่งราษฎรทุกคนมีความสุขจนกระโดดโลดเต้นจากนั้นก็ได้ยินอีกว่าราชสำนักกำลังเกณฑ์ทหาร“ประกาศการเกณฑ์ทหารได้ติดไปทั่ว ดูเหมือนว่าข่าวทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง!”“ข้าจะเข้าร่วมกองทัพ! สามารถขยายดินแดนเพื่อแคว้นหนานฉีได้ เป็นการสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล!”“ข้าจะไปลงชื่อ! แคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นอื่น ๆ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำผิดต่อแคว้นหนานฉีเรา จะให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายไม่ได้!”การรับสมัครทหารขยายกำลังพลของราชสำนักในครั้งนี้ จำนวนคนที่มาสมัครมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนถึงอย่างไรพอผ่านประสบการณ์แคว้นเกือบล่มสลายมา เหล่าราษฎรต่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 926

    หร่วนฝูอวี้ดิ้นรนอยู่นาน จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เฮ้อ! เจ้าโง่ จริง ๆ แล้ว…คืนนั้นเจ้าหลับอย่างกับหมูตาย เจ้าไม่ได้ร่วมหอกับข้าเลยสักนิด”รุ่ยอ๋องได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าพลันหม่นลงเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเนื้อความที่เขาได้ยิน“เจ้า ว่าอะไรนะ?”ไม่ได้ร่วมหอ?แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?สายตาที่หร่วนฝูอวี้มองมายังเขา เจือไปด้วยความสงสารไม่น้อยเขาโง่ถึงเพียงนี้เลยหรือ ตัวเองทำหรือไม่ทำก็ยังไม่รู้ หลังจากนี้กลัวจะถูกคนหลอกง่าย ๆ“ไม่ได้ร่วมหอ และไม่มีลูกด้วย เข้าใจหรือไม่?” นางพูดอย่างละเอียดอ่อนรุ่ยอ๋องออกแรงจับข้อมือของนาง จดจ้องนางแน่นิ่ง นัยน์ตาที่เคยสงบสุข ย้อมไปด้วยโทสะหลายส่วน“ไม่มีลูก? แล้วชีพจรครรภ์คืออะไร”เขานิสัยดี จนถึงเวลานี้ยังคุมอารมณ์อยู่หร่วนฝูอวี้ตอบกลับ“วิชาไสยเวทของหนานเจียง ข้าใช้วิชาไสยเวทสร้างขึ้นมา”รุ่ยอ๋องเข้าใจในทันที ไม่แปลกใจเลย ที่ครรภ์ของนางจะดูออกช้าขนาดนี้ที่แท้ไม่ใช่เพราะนางรักษารูปร่าง แต่นางไม่ได้ตั้งท้องเลยต่างหาก!นางโกหกเขามาตลอด!นางโกหกเขาได้อย่างไร…รุ่ยอ๋องรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจลำบาก ทั่วทั้งร่างกายเหมือนมีไฟแผดเผา“ข้าไปทำอะไรให

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 927

    เมืองเซวียนกองทัพศัตรูภายในเมือง นอกจากกองทัพเยี่ยนที่ถอยกองกำลังไปอยู่ภูเขาจิ่วเหลียน กองทัพอื่นล้วนถูกจับเป็นเชลยเชลยศึกถูกบังคับให้ถอดเสื้อเกราะ วางอาวุธลง ถึงจะถูกปล่อยออกไปจากเมืองเซวียนธนูแต่ละแบบของแคว้นต้าเซี่ย ล้วนถูกทิ้งไว้ในเมืองเซวียน เสียไปให้กองทัพแคว้นหนานฉีอย่างสูญเปล่าเดิมทีซ่านชุนอยากทำลายธนูเหล่านั้นทิ้งก่อนทว่า ยามที่พวกเขาวางอาวุธนั้น ต่างมีกองทัพแคว้นหนานฉียืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ต่อให้เขาอยากเล่นตุกติก ก็ไม่มีโอกาสในสภาพอากาศหนาวเหน็บ เหล่าทหารกองทัพพันธมิตรออกไปจากเมืองเซวียนด้วยอาภรณ์ชิ้นบางเมื่อเห็นท่าทางหมดสภาพของกันและกัน ต่างคนต่างไม่ส่งเสียงออกมาซ่านชุนหันกลับไปมองเมืองเซวียน ปฏิญาณกับตัวเองว่า——เขาต้องได้นำกองทัพใหญ่โจมตีกลับอีก!หากไม่ใช่เพราะพวกเขาถูกลอบโจมตีโดยที่ไม่ได้เตรียมตัว  กินนอนก็ลำบาก กำลังทหารเบาบางลง  คงไม่แพ้จนมีสภาพน่าเวทนาขนาดนี้เหล่าเชลยศึกถูกส่งมายังค่ายทหาร ถูกควบคุมโดยแคว้นหนานฉีเข้าด้วยกันข้อดีของการถูกจับเป็นเชลยคือ มีอาหารให้กินในที่สุดถึงแม้ทุกคนจะได้กินแค่โจ๊กหนึ่งถ้วย หมั่นโถวหนึ่งลูก ก็ยังดีกว่าถูกขังอยู่ในเมือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 928     

    คำที่ผู้คุมโทษบอก ถานไถเหยี่ยนทำเป็นไม่สนใจดวงตาของเขามีเพียงใยแมงมุม สายตาว่างเปล่าทอดมองยาวไกล“สงครามข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”ผู้คุมโทษถูกจ้างมาจัดการให้ ท่าทีจึงเคารพนอบน้อม“ฝ่าบาทเสด็จไปรบด้วยตัวเอง ปราบปรามกองทัพศัตรูในเมืองเซวียนได้แล้ว กองกำลังเสริมของแต่ละแคว้นก็ถูกจับไปเป็นเชลยหมด“ราชสำนักเกณฑ์ทหารทุกพื้นที่ เตรียมบุกโจมตีเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ย คาดว่า แคว้นหนานฉีปลอดภัยแล้ว”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนเฉยชา“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘ใยแมงมุม’ หรือไม่”?ผู้คุมโทษนิ่งงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกสติกลับมา“ท่านหมายถึงสนามกลไกของตระกูลตงฟางหรือ! ของสิ่งนั้นวิเศษมาก เผยแพร่ไปทั่วแคว้นหนานฉี ไม่ว่ากองทัพศัตรูจะปรากฏที่ไหน ก็จะถูกพวกเราขัดขวาง!”พูดถึงเรื่องนี้ ผู้คุมโทษก็รู้สึกมีเกียรติเขาหมกมุ่นอยู่กับการเล่าเรื่องราว จนไม่สังเกตเห็น ความเปลี่ยนแปลงของถานไถเหยี่ยน ภายในห้องขังถานไถเหยี่ยนหันมา เผชิญหน้ากับเขา ถามเสียงเข้มว่า“สนามกลไกของตระกูลตงฟาง?”ผู้คุมโทษพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ใช่แล้ว! ตระกูลตงฟางนั่นแหละ! คุณชายตงฟางนำกองทัพใหญ่สร้างสนามกลไกขึ้นมา เพียงเส้นทา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 929   

    ณ จวนจู้กั๋วกง เมืองเซวียนองครักษ์เข้ามาในเรือนอย่างเร่งรีบ รายงานจู้กั๋วกงว่า“ใต้เท้า! กองทัพเยี่ยนจับฮ่องเต้เยี่ยน มุ่งหน้ามามอบตัว!”จู้กั๋วกงประหลาดใจเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ! ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด?”จู้กั๋งกงรีบนำคนตรงไปที่นั่น จึงเห็นเพียง ฮ่องเต้เยี่ยนที่หิวจนผอมโซ ถูกกองทัพเยี่ยนจับมัดแขนมัดขา โยนทิ้งไว้บนพื้นกองทัพเยี่ยนถอดเสื้อเกราะออก คุกเข่าบนพื้น ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มขมขื่นอย่างเอาใจและประจบสอพลอ“ขอร้องพวกท่านล่ะ ให้อาหารข้ากินเถอะ…พวกข้ายอมแพ้แล้ว!”จู้กั๋วกงเหลือบมองฮ่องเต้เยี่ยนที่สลบบนพื้น จากนั้นก็ส่ายหน้าเกรงว่าฮ่องเต้เยี่ยนคงคาดคิดไม่ถึง ว่าตัวเองจะตกอยู่ในเงื้อมมือคนของตัวเองจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงจริง ๆจู้กั๋วกงออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว“จับพวกเขากลับไป คุมขังเอาไว้!”“รับทราบ!”ในคืนนั้น จู้กั๋วกงเขียนจดหมายด้วยตนเองหนึ่งฉบับ สั่งให้คนไปส่งให้ฝ่าบาทอย่างเร่งด่วนในเวลาเดียวกัน เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงอยู่ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงบนถนนที่พวกเขาเดินทางกลับ ล้วนมีประชาชนคอยต้อนรับตลอดทางคืนนี้ พวกเขาเข้าพักที่โรงพักแรม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 930

    ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 933

    ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังต่อเซียวอวี้ นางจึงบอกตามความจริง“ก็แค่จดหมายเพคะ”เซียวอวี้เลือกหยิบจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ เห็นบนนั้นเขียนว่า---[อาเหยียนที่รัก]สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นฝืนข่มความรู้สึกไม่พอใจนั้นไว้ และหันมายิ้มให้เฟิ่งจิ่วเหยียนพร้อมถามว่า“นี่ต้วนไหวซวี่เป็นคนเขียนทั้งหมดหรือ?”หว่านชิวยืนอยู่ด้านข้าง เหมือนจะรับรู้บางอย่าง ทว่าก็ยังไม่แน่ชัด และยังไม่เข้าใจหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองที่เซียวอวี้ ก็หันไปพูดกับหว่านชิว “เจ้าออกไปก่อน”“เพคะ ฮองเฮา”ในตำหนักชั้นในไม่มีผู้อื่น เหลือเพียงฮ่องเต้กับฮองเฮาสองคนเท่านั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบจดหมายฉบับนั้นมาจากมือเซียวอวี้ และเอ่ยอย่างจริงจัง“เรื่องในอดีต ฝ่าบาทจักสนพระทัยไปไยเพคะ”เซียวอวี้กลับคว้าข้อมือของนางไว้ “เราอยากอ่าน”เขาดูท่าทางจริงจังอย่างมาก “เราอยากรู้ว่า ในจดหมายของเขา เขียนอะไรบ้าง และยิ่งอยากรู้ว่า เจ้าตอบเขาว่าอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝ่าบาท...”เซียวอวี้เอ่ยแทรกคำพูดของนาง มองนางด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ พร้อมกับย้อนถาม“ม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 932

    หลายวันก่อนเหล่าราชทูตก็ทยอยกันมาถึงแล้ว กำลังรอให้ฮ่องเต้ฉีเรียกเข้าเฝ้า เพื่อเจรจาเรื่องชดเชยการสงบศึกพวกเขามิอาจรบได้อีก และมิอาจเดิมพันได้ไหวหากหนานฉีโจมตีแว่นแคว้นของพวกเขาจริง ๆ จักต้องล่มสลายเป็นแน่ไม่เพียงแต่แคว้นเล็ก ๆ ที่ผู้คนรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แคว้นใหญ่อย่างต้าเซี่ยก็เช่นเดียวกันราชทูตต้าเซี่ยต้องการจะเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ เพราะหวังว่าองค์หญิงใหญ่จะออกหน้า ประสานความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นทว่า แม้แต่ประตูจวนองค์หญิงใหญ่พวกเขาก็ยังมิอาจเข้าไปได้เหล่าราชทูตอยู่รวมกัน ต่างมองหน้ากัน และถอนหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย“เฮ้อ!”“ทุกท่าน พวกท่านจะยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของหนานฉี ยอมยกดินแดนตามที่พวกเขาต้องการจริงหรือ?”“แล้วจะอย่างไร? พวกเรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”“พวกเรามิใช่เป่ยเยี่ยน ไม่มีกองกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับหนานฉีได้ การสงบศึกถึงจะรับประกันความสงบสุขได้”เหล่าราชทูตสีหน้าซีดเผือด ราวกับแบกภูเขาลูกใหญ่ หายใจแทบไม่ออกหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นคงจะไม่เข้าร่วมกับการสู้รบครั้งนี้......จันทราลอยอยู่บนกิ่งไม้ ม่านราตรีมาเยือนงานเลี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 931

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตว่า หลังจากเซียวอวี้ได้พบกับอาจารย์ศิษย์ทั้งสองคน หลายวันต่อมาหลังจากนั้นดูเหมือนในใจมีเรื่องครุ่นคิด คิ้วขมวดปมไม่คลาย คิดดูแล้วอาจจะวิตกกังวลเรื่องของมนุษย์โอสถขณะที่นางขี่ม้าอยู่ด้านหน้าเพื่อเปิดทาง จะรู้สึกอยู่เสมอว่ามีสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองนางเมื่อหันกลับมา ก็มองเห็นเพียงเซียวอวี้ ใบหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ดวงตาดำคล้ำคู่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ต้นเดือนเจ็ดกองทัพใหญ่ได้รับชัยชนะ และกลับมาถึงเมืองหลวงผู้คนในเมืองหลวงพากันออกจากบ้านเรือน มายืนอยู่ริมถนนสายหลักเพื่อต้อนรับกองทัพใหญ่ชาวบ้านต่างเปล่งเสียงด้วยความยินดี“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”“ฮองเฮาทรงเกรียงไกร!”เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ถูกพ่อแม่จับยกขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อมองดูฉากเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ผู้คนพากันพูดปากต่อปาก“ว่ากันว่าฝ่าบาททรงนำทัพด้วยพระองค์เอง จนพลิกสถานการณ์เลวร้าย แก้ไขวิกฤตในเมืองเซวียน ทหารกองทัพศัตรูก็ถูกจับกุมทั้งหมด”“ชายแดนเหนือกับชายแดนตะวันออกสร้างการป้องกันขึ้นมาใหม่! แคว้นต่าง ๆ ถูกหนานฉีพวกเราตีพ่ายจนหวาดกลัว คงมิกล้ามารุกรานอีกเป็นแน่!”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 930

    ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status