แชร์

บทที่ 830

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เมื่อรู้ว่าถานไถเหยี่ยนต้องการเข้าพบตัวเอง เฟิ่งจิ่วเหยียนก็กล่าวเสียงเรียบนิ่ง

“ส่งแม่ทัพอาวุโสหลี่ไปที่คุกหลวง”

หากถานไถเหยี่ยนอยากช่วยหนานเจียง และแคว้นหนานฉีด้วยใจจริง เช่นนั้น เขาก็สามารถบอกกลยุทธ์ต้านศัตรูแก่ใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนาง

หว่านชิวเห็นด้วย

ตอนแรกนางกังวล ว่าพระนางจะไปพบหลิวเหยี่ยนด้วยตัวเอง เพราะเรื่องหนานเจียง

ดูจากตอนนี้ พระนางเหมือนจะรอบคอบกว่านางอีก

อีกคนที่กังวลเหมือนหว่านชิว ก็คือเซียวอวี้

หลังจากที่เขาได้ยินว่าหลิวเหยี่ยนขอเข้าพบ ก็รีบวางราชสารในมือ ตรงมาที่ตำหนักหย่งเหออย่างรีบร้อน

เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนยังนั่งอยู่ในตำหนัก เขาถึงได้ถอนหายใจโล่งอกอย่างสังเกตได้ยาก

จากนั้นก็เดินเข้าไปหา

เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้น ขณะที่กำลังจะทำความเคารพ เขาก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด โอบรัดไว้แน่น

“ฮองเฮา รับปากเรา ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม ห้ามไปพบหลิวเหยี่ยนแบบส่วนตัวเด็ดขาด  คนผู้นี้มีความคิดที่คาดเดาได้ยาก เรากลัวว่าเขาจะใช้มันมาหลอกล่อ ทำไม่ดีกับเจ้า”

เขาเองก็ได้ยินเรื่องพิษมนุษย์โอสถอะไรนั่นมาเหมือนกัน

แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่า หลิวเหยี่ยนไม่น่าเชื่อถือ

เขาคิดเอาเองว่า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (6)
goodnovel comment avatar
Yok Gee
หม่อมฉันสละเงินเดือนและสายตาให้ฝ่าบาทและฮองเฮาไปหมดแล้วเพคะจบสักทีเถิด
goodnovel comment avatar
Sakon Jindanin
จิ่วเยี่ยน ฉลาดมากกก สามีภรรยา ใจเป็นหนึ่ง สามัคคี กัน มากๆ ค่ะ
goodnovel comment avatar
Nipawan Kaosaam
หน้าจะอีกยาวมีตัวละครใหม่ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1

    “แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 2

    เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 3

    ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 4

    ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 5

    กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 6

    เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”เป็นเสียงของบุรุษ!เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามาทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออกฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!ภายในม่านฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดแต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรงหากเป็นสต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 7

    คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 830

    เมื่อรู้ว่าถานไถเหยี่ยนต้องการเข้าพบตัวเอง เฟิ่งจิ่วเหยียนก็กล่าวเสียงเรียบนิ่ง“ส่งแม่ทัพอาวุโสหลี่ไปที่คุกหลวง”หากถานไถเหยี่ยนอยากช่วยหนานเจียง และแคว้นหนานฉีด้วยใจจริง เช่นนั้น เขาก็สามารถบอกกลยุทธ์ต้านศัตรูแก่ใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนางหว่านชิวเห็นด้วยตอนแรกนางกังวล ว่าพระนางจะไปพบหลิวเหยี่ยนด้วยตัวเอง เพราะเรื่องหนานเจียงดูจากตอนนี้ พระนางเหมือนจะรอบคอบกว่านางอีกอีกคนที่กังวลเหมือนหว่านชิว ก็คือเซียวอวี้หลังจากที่เขาได้ยินว่าหลิวเหยี่ยนขอเข้าพบ ก็รีบวางราชสารในมือ ตรงมาที่ตำหนักหย่งเหออย่างรีบร้อนเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนยังนั่งอยู่ในตำหนัก เขาถึงได้ถอนหายใจโล่งอกอย่างสังเกตได้ยากจากนั้นก็เดินเข้าไปหาเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้น ขณะที่กำลังจะทำความเคารพ เขาก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด โอบรัดไว้แน่น“ฮองเฮา รับปากเรา ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม ห้ามไปพบหลิวเหยี่ยนแบบส่วนตัวเด็ดขาด  คนผู้นี้มีความคิดที่คาดเดาได้ยาก เรากลัวว่าเขาจะใช้มันมาหลอกล่อ ทำไม่ดีกับเจ้า”เขาเองก็ได้ยินเรื่องพิษมนุษย์โอสถอะไรนั่นมาเหมือนกันแต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่า หลิวเหยี่ยนไม่น่าเชื่อถือเขาคิดเอาเองว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 829

    ชายแดนของหนานเจียงกับแคว้นหนานฉีเชื่อมต่อกัน ทั้งยังมีพิษระบาด หากทั้งสองแคว้นไม่สู้รบกัน หนานเจียงก็จะเป็นด่านกั้นทางทิศใต้ของแคว้นหนานฉีตอนนี้หนานเจียงโดนล้อมโจมตี แคว้นหนานฉีจึงไม่อาจนิ่งดูดายเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องตั้งแต่เมื่อใด? แคว้นไหนเป็นคนทำ?”น้ำเสียงของเซียวอวี้เคร่งขรึม“ไม่กี่วันก่อน เผ่าสุยเหอรวบรวมชนเผ่าอื่น เคลื่อนกองทัพทั้งหมดบุกเข้าโจมตีหนานเจียง สงครามเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงห้าวัน แนวป้องกันรอบด้านของหนานเจียงพังทลาย ราวกับว่า กองกำลังพันธมิตรเผ่าสุยเหอทำลายแนวป้องกันได้ เตรียมการณ์มาล่วงหน้า” ……หนานเจียงไม่ใช่แคว้นใหญ่แต่ดำรงอยู่ได้มากว่าร้อยปี ย่อมมีศักยภาพ ครั้งนี้ต้องมาเจอหายนะครั้งใหญ่ฉับพลัน ราชสำนักและราษฎรต่างสั่นสะเทือนสองแคว้นดั่งน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าหากหนานเจียงถูกทำลายล้าง ชานแดนใต้ของแคว้นหนานฉีก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วยเช่นกันขุนนางทุกหมู่เหล่าจึงผนึกรวมปัญญาและพละกำลัง หาวิธีรับมือ“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ศัตรูตัวฉกาจของแคว้นหนานฉีคือเป่ยเยี่ยน ชายแดนเหนือสมควรเพิ่มแนวป้องกันมากที่สุด ด้วยการส่งทหารไปเป็นกำลังเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 828

    เฟิ่งจิ่วเหยียนนำพิมพ์เขียว “ใยแมงมุม” มาส่งให้ตงฟางซื่อด้วยตัวเอง เพื่อให้เขาวิเคราะห์ว่าจริงหรือปลอมตงฟางซื่อดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตามมาด้วยความประหลาดใจ“พิมพ์เขียวนี้ หากเต็มสิบมีส่วนเป็นเรื่องจริงแปดถึงเก้าส่วน!”เขาตื่นเต้นขึ้นมาชั่วขณะ จับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ แล้วเขย่าตัวนาง “ซูฮ่วน หากเป็นเรื่องจริง นี่ก็จะเป็น ‘ใยแมงมุม’ ที่สมบูรณ์! เจ้าไปเอามาจากไหน!!”เฟิ่งจิ่วเหยียนบอกตามความจริง“จากคนที่บอกว่าตัวเองคือคนในตระกูลถานไถ”เมื่อได้ยินคำว่าถานไถ สีหน้าของตงฟางซื่อพลันเปลี่ยนไปทันทีรอยยิ้มที่มีอยู่ในตอนแรกกลายเป็นความกังวล“ตระกูลถานไถ? พวกเขาออกมาจากภูเขาแล้วหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดอะไรมาก “‘ใยแมงมุม’นี้ ข้าฝากเจ้าไว้ก่อนแล้วกัน”ตงฟางซื่อพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ได้ มีพิมพ์เขียวแผ่นนี้ คงหาจุดเชื่อมต่อครบได้ง่าย เหมือนเสือติดปีก อีกอย่าง ในเมื่อตระกูลถานไถสร้างขึ้นมา คาดว่าคงใช้ในสงคราม ซึ่งเป็นผลดีต่อแคว้นหนานฉีอย่างยิ่ง“เพียงแต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างระมัดระวังตงฟางซื่อมีท่าทางคาดคิดไม่ถึง“‘ใยแมงมุม’ นี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 827

    “ฝ่าบาท…” เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นทำความเคารพเซียวอวี้ก้าวเดินยาว ๆ มาหยุดตรงหน้านาง แล้วพยุงนางขึ้นเขาหันไป ทอดมองถานไถเหยี่ยนด้วยสายตาเยือกเย็นบรรยากาศภายในห้องโถงหลักตึงเครียดไม่น้อยถานไถเหยี่ยนไม่ถ่อมตนแต่ก็ไม่เย่อหยิ่ง ต่อบทสนทนาก่อนหน้านี้ พูดต่ออีกว่า“ที่ข้าให้เหยาเหนียงจงใจเปิดเผยว่าเป็นสายลับของเป่ยเยี่ยนนั้น ก็เพื่อตบตาคนที่ทางกษัตริย์แคว้นตงซานส่งมาติดตามข้า“อีกอย่าง ข้าเองก็รู้ดีว่า แผนการยุยงที่ไร้ความเฉลียวฉลาดเช่นนี้ เจ้าต้องสังเกตได้เป็นแน่ แล้วไปสืบเป่ยเยี่ยน สาวต่อไปจนถึงแคว้นตงซาน ก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังมาถึงตรงนี้ ก็เริ่มเอนเอียงในใจนางถามต่อ“บัวกลีบเปลวเพลิง เจ้าเป็นคนส่งมาหรือ?”ถานไถเหยี่ยนมองมาที่นาง ไม่ได้ปฏิเสธเขาหันไปมองทางเซียวอวี้“ฮ่องเต้ฉี ข้าคิดว่า ทั่วใต้หล้านี้สามารถเป็นหมากได้ทั้งหมด หากมีคนคุมหมากจริง ๆ ก็ต้องเป็นท่านและแคว้นหนานฉีเท่านั้น“เรื่องสงครามของแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นหนานฉี ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้แล้ว“ดังนั้น ควรทำลายล้างแคว้นเป่ยเยี่ยนตั้งแต่ตอนนี้ แล้วค่อยทำลายล้างแคว้นตงซานต่อไป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 826

    ขนตาของหลิวเหยี่ยนหลุบลง จนสะท้อนเป็นแสงเงา“ที่ลงดาบในครานั้น ข้าสูญเสียสติ เพราะข้าโดนวางยาพิษ เกือบถูกทำให้กลายเป็นมนุษย์โอสถ…”เมื่อได้ยินคำว่า “มนุษย์โอสถ” แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลิวเหยี่ยนหยุดนิ่งไปครู่ใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยว่า“พิษที่มนุษย์โอสถโดน มีฤทธิ์ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ กลายเป็นคนอารมณ์ดุร้าย ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เห็นใครก็ฆ่าคนนั้น”เรื่องที่เขาพูด ตรงกับที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์โอสถมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเหล่ามนุษย์โอสถที่นางเจอในวิหารลัทธิเต๋าในตอนนั้น หรือมนุษย์โอสถที่ถูกพรรคเทียนหลงใช้มาบุกโจมตีเมืองในภายหลัง ล้วนเป็นหุ่นเชิดที่มีความคิดอยากฆ่าคนเพียงอย่างเดียวนางจำปฏิกิริยาของหลิวเหยี่ยนที่จะฆ่านางในตอนนั้นไม่ค่อยได้แล้วนางจึงถามว่า“เจ้ากับข้าแทบจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แล้วเจ้าไปโดนพิษมนุษย์โอสถได้อย่างไร”หลิวเหยี่ยนส่ายหน้า“เรื่องที่ข้าเจออันตรายอย่างไรนั้น ข้าไม่สามารถบอกรายละเอียดกับเจ้าได้ เพราะข้ารับปากคนผู้หนึ่งเอาไว้ จะไม่ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด”“คนผู้นั้นคือใคร!” น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้มขึ้นหลิวเห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 825

    ใบหน้าที่แท้จริงของหลิงเหยี่ยน เหมือนกับรูปเหมือนที่ตงฟางซื่อวาดไม่ผิดเพี้ยน!ใบหน้าหล่อเหลางามสง่าอย่างผู้มีคุณธรรมถึงจะถูกเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ทว่าเขาไม่ตื่นตระหนก เขาเพียงจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียนตาไม่กระพริบ แววตาแฝงด้วยความรู้สึกผิดเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบรูปเหมือนที่กางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเอาให้หลิวเหยี่ยนดู“นี่คือรูปเหมือนที่ข้าให้คนวาดขึ้นจากความทรงจำเมื่อตอนนั้น“หลิวเหยี่ยน จนถึงยามนี้แล้ว เจ้ายังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่!”เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดหลิวเหยี่ยนมองรูปเหมือนนั้นที่หล่นอยู่บนพื้น แววตาเข้มขึ้นเรื่อย ๆจากนั้นเขาก็ฝืนยิ้ม“สุดท้ายก็ถูกเจ้ามองออกจนได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนกำหมัดแน่นขึ้นอย่างอดไม่ได้เป็นเขาจริง ๆ ด้วย!เขาช่างปิดบังได้เก่งนัก ยามนี้ยังมาซ่อนตัวใต้เปลือกตาของนางอีก!เมื่อตอนนั้นที่เขายังชื่อ ‘โจวเยี่ยน’ เขาเคยเป็นสหายสนิทของนางในสนามรบ เขาเคยสละชีพช่วยนางต่อมาเขากลายเป็นกุนซือของนาง ช่วยนางวางแผนและร่วมกันสู้ต่อกับข้าศึกเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นสหายร่วมรบที่รู้ใจกันมากที่สุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 824

    กลางดึก ตงฟางซื่อถูกเสียงเคาะประตูที่เร่งรีบปลุกให้ตื่นเขาสวมชุดคลุมแล้วลุกขึ้นเปิดประตูเมื่อเงยหน้าก็สบตาเข้ากับเฟิ่งจิ่วเหยียน“ซูฮ่วน?”ดึกดื่นเพียงนี้ นางมาทำอะไรกัน?เมื่อดูอีกที ฝ่าบาทก็มาด้วย!ตงฟางซื่อคิดว่าตนคงจะฝันไปคู่สามีภรรยาฮ่องเต้ฮ่องเฮาคู่นี้ ช่างไม่เหมือนคนปกติเอาเสียเลย......“จะให้ข้าวาดรูป?” ตงฟางซื่อเพิ่งตื่น ดวงตาปรือเฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งคำนับเขาเซียวอวี้หันไปให้เฉินจี๋นำเงินตอบแทนมาให้ตงฟางซื่อมองเงินทองเหมือนดินโคลนที่ไร้ค่า เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา“ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเรา การวาดรูปเหมือนไม่ใช่ปัญหา“เพียงแต่เจ้ามาผิดเวลา“กลางดึกเช่นนี้ ถูกเจ้าปลุกให้ตื่นจากฝัน ยากที่จะมีสมาธิจริง ๆ รอข้าซักครู่ ให้ข้าปลุกตัวเองเสียหน่อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม“ได้”นางมองเงาร่างของตงฟางซื่อที่เดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจที่สับสนหลังเวลาผ่านไปสองถ้วยชา ตงฟางซื่อก็เริ่มวาดได้แล้วเขากางกระดาษขาวออก ตั้งอกตั้งใจฟังคำบรรยายของเฟิ่งจิ่วเหยียนหลังผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วยามตงฟางซื่อก็วาดเสร็จเขานำรูปเหมือนส่งให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ตามที่เจ้าพู

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 823

    อีกสองวันหร่วนฝูอวี้ก็จะแต่งงานแล้ว นางต้องเรียนพิธีการมากตัวนางอยู่ในโรงพักแรมหลวง ใจกลับลอยไปไกลตั้งนานแล้วยามค่ำคืน บุรุษสวมหน้ากากผู้หนึ่งก็หานางเจอยามที่นางกำลังจะโจมตี คนผู้นั้นก็ถอดหน้ากากออก“ศิษย์น้อง?”ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ“ศิษย์พี่ ท่านอาจารย์รู้ว่าท่านมาที่แคว้นหนานฉีก็โมโหมาก จึงสั่งให้ข้ามาตามหาท่าน“ที่ก่อนหน้านี้ท่านตามจีบซูฮ่วนก็ช่างเถิด ยามนี้ยังจะแต่งงานอีก? หากท่านอาจารย์รู้เข้า...”“เช่นนั้นก็อย่าให้นางรู้” หร่วนฝูอวี้ตัดจบคำพูดเขา แล้วพิงเตียงอย่างเกียจคร้าน“ไม่ได้! ข้ารับปากท่านอาจารย์แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องบอกนาง”“พูดมากเพียงนี้เชียว?” หร่วนฝูอวี้กวาดตามองนาง “มิน่ายายแก่ถึงส่งเจ้ามา วิชาไสยเวทไม่ได้เรื่องของเจ้า ถึงไม่มีเจ้าก็ไม่เป็นไร”ศิษย์น้องเล็กถูกคำพูดนี้ของนางแทงใจดำจนตาแดง“ศิษย์พี่ จะเกินไปแล้วนะ! ข้าจะบอกอาจารย์! ว่าท่านหัวเราะเยาะข้า!”สองมือของหร่วนฝูอวี้กอดอก พลางหัวเราะเยาะ“โอ้โห เพิ่งพูดกับเจ้าสองประโยค ก็จะร้องไห้แล้วเหรอ?”“ศิษย์พี่! ท่านมีสติหน่อย! ข้ารู้นะว่าทำไมท่านถึงจะแต่งกับรุ่ยอ๋อง ท่านทำเพื่อซูฮ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 822

    เมื่อเห็นเซียวอวี้ สมองของเจียงหลินก็พลันหยุดทำงาน ครู่หนึ่งถึงได้สติ“เซียวเอ้อร์ เจ้าก็อยู่ด้วยหรือ!“วันนี้เจ้าแต่งตัวเช่นนี้ ข้านึกว่าเจ้าเป็นเซียวกวนเอ๋อร์(ชายขายบริการ) เสียอีก!”ไม่ใช่บุรุษทุกคนที่จะสวมชุดสีแดงแล้วดูดีมีเพียงเซียวกวนเอ๋อร์ในหอเฟิงเยว่เท่านั้น ที่จะใส่แล้วดูเย้ายวนเช่นนี้แววตาของเซียวอวี้เข้มขึ้นทันทีเซียวกวนเอ๋อร์?เขาอยากตายรึ!เจียงหลินเป็นคนประเภทพูดไม่คิด ปกติคำพูดมักลอยออกไปก่อน แล้วสมองค่อยคิดตามเมื่อคำพูดของเขาออกจากปาก สมองก็เพิ่งจะตามทันทันใดนั้นเขาก็พลันนิ่งชะงักเดี๋ยวนะ!ไม่ใช่ว่าซูฮ่วนแต่งให้ฮ่องเต้แล้วหรอกหรือ?ตามหลักการแล้ว นางไม่มีทางกล้าแอบหาบุรุษอื่นลับหลังฮ่องเต้เช่นนั้น...เซียวเอ้อร์ที่อยู่เบื้องหน้านี้ คงจะไม่ใช่...เจียงหลินเพิ่งตระหนักถึงความจริงเขายิ้มแฉ่ง เท้าขวาก้าวไปด้านข้าง เท้าซ้ายก้าวตาม เท้าขวาก้าวไปด้านข้างอีกครั้ง ไม่กี่อึดใจก็อยู่ห่างออกไปไกลกว่าสองจ้าง“คือว่า ซูฮ่วน วันนี้จังหวะไม่ดีเลย ไว้เราค่อยพบกันใหม่...”จากนั้นคนผู้นี้ก็วิ่งหายไปทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียน: ?เซียวอวี้วางถ้วยสุราลงบนโต๊ะอย่างน่าเกร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status