Share

บทที่ 792

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้พูดอะไรมากไม่ นางเพียงแค่กล่าวกับเซียวอวี้ว่า

“อาจารย์หญิงจะต้องกลับไปที่ชายแดนเหนือแล้ว”

เซียวอวี้คิดว่าพวกนางเศร้าเสียใจที่จะต้องจากกัน ถึงได้มีอาการหม่นหมองเช่นนี้

เขาจึงวางแขนโอบไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ พลางหันไปกล่าวกับฮูหยินเมิ่งว่า

“ท่านอาจารย์หญิงวางใจได้ จิ่วเหยียนแต่งให้เรานั้น นางจะมิถูกรังแกใด ๆ หากนางอยากไปเยี่ยมเยียนพวกท่านละก็ เราก็จะไม่ห้ามอีกด้วย ท่านเองก็เข้าวังมาพบนางได้เสมอ”

แน่นอนว่า มีเพียงฮูหยินเมิ่งเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้

ท่านแม่ทัพเมิ่งที่ตรึงกำลังเฝ้าปกป้องอยู่ที่ชายแดนนั้น ย่อมมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำแหน่ง

ฮูหยินเมิ่งโค้งกายคำนับขอบคุณ

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท เพียงเท่านี้ หม่อมฉันก็จากไปได้อย่างสบายใจแล้วเพคะ”

ถึงเวลารับสำรับมื้อค่ำพอดี เซียวอวี้จึงเสนอขึ้นมา

“รั้งอยู่รับสำรับมื้อค่ำด้วยกันเถิด มื้อนี้เพื่อเลี้ยงส่งท่านโดยเฉพาะ”

ฮูหยินเมิ่งเหลือบมองที่เฟิ่งจิ่วเหยียน ก่อนจะส่ายหัวไปมา

“อย่าดีกว่าเพคะ คู่ใหม่ปลามันเช่นฝ่าบาทและฮองเฮานั้น หม่อมฉันมิกล้ารบกวนเวลาของพวกท่าน”

……

หลังจากที่ฮูหยินเมิ่งจากไป เหล่าข้ารับใช้ในวังก็เข
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 793

    เซียวอวี้ยังจำเรื่องราววันพระราชสมภพของเสด็จแม่ ยามที่เขาอายุหกขวบได้เป็นอย่างดีคืนนั้น ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสด็จมาเยือนตำหนักเว่ยยาง เสด็จแม่มีความสุขยิ่งนัก ทั้งยังลงมือจัดเตรียมทำน้ำแกงด้วยตนเองเพื่อรอฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสด็จมาหมัวมัวพาเซียวอวี้ออกมา ก่อนจะแย้มยิ้มกล่าวกับเขาว่า “องค์ชายห้าเพคะ พระสนมจะเสด็จร่วมบรรมทมกับฝ่าบาทในคืนนี้ พระองค์ควรรีบกลับไปบรรมทมแต่โดยไวนะเพคะ”เขาเข้าใจความหมายของหมัวมัวได้ในทันที ว่าเสด็จแม่จักได้กลับมาเป็นที่โปรดปรานอีกครั้งแล้ว เช่นนี้ วันวานภายในตำหนักเว่ยยางก็จะกลับขึ้นมาดีขึ้นอีกครั้งเซียวอวี้ยังคงคาดหวังว่า เสด็จแม่กับเสด็จพ่อจักคืนดีกันเสียที เช่นนี้เสด็จแม่ก็จักมิต้องมีท่าทีเศร้าอกเศร้าใจตลอดวันอีกต่อไป“เราจำได้ว่า แสงจันทร์ในคืนนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง”เสียงของเซียวอวี้แหบแห้งเล็กน้อย “ฮ่องเต้พระองค์ก่อนรู้สึกเหนื่อยอ่อนนัก จึงเข้าไปงีบหลับบนเตียง เสด็จแม่ที่เป็นกังวลว่าพระองค์จะมีอาการเมามายจากฤทธิ์สุรานั้น จึงได้ไปที่ห้องเครื่องเพื่อจัดเตรียมน้ำแกงสร่างเมา หลังจากที่พระนางกลับมายังห้องโถงหลักนั้น ก็พลันพบว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนกำลังร่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 794

    ห้องทรงพระอักษรรุ่ยอ๋องรายงานคำให้การของเหยาเนียงเซียวอวี้เพียงกวาดตามองเล็กน้อย ก่อนสายตาจะไปหยุดจับจ้องที่คำว่า “เป่ยเยี่ยน” สองคำนี้แววตาของรุ่ยอ๋องแห้งพลันเต็มไปด้วยรอยแดงก่ำเล็กน้อยเขาพลางเอ่ยออกมาด้วยความเนิบนาบว่า“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ตามที่เหยาเนียงได้ให้การยอมรับออกมานั้น นางเป็นสายให้กับเป่ยเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ ในปีนั้นนางได้รับคำสั่งให้ทำการลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อน เพื่อต้องการทำให้หนานฉีเกิดความระส่ำระส่าย“ยามนี้ ฝั่งของเป่ยเยี่ยนคงมิอาจนิ่งนอนใจได้อีก ถึงได้ส่งนางมาสังหารท่านเช่นนี้”ดวงตาของเซียวอวี้หรี่เรียวเล็กลง พลางก้มหน้าอ่านคำให้การเสียหลายครั้งหลายครา“เจ้าคิดว่า สิ่งที่นางกล่าวออกมานั้นน่าเชื่อถือได้มากเพียงใดกัน?”น้ำเสียงของเซียวอวี้เจือไปด้วยความเย็นชา สายตาของเขาหาได้มีที่ว่างเว้นใด ๆ ไม่รุ่ยอ๋องพลางกล่าวออกมาตามจริงว่า“ภายใต้การทรมานที่รุนแรงเช่นนี้ ย่อมมีความจริงปรากฏขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ“ทว่า เมื่อคิดดูดี ๆ แล้วนั้น บุคคลที่ถูกส่งตัวให้มาเป็นสายลับได้เช่นนี้ คงหาใช่คนธรรมดาไม่“กระหม่อมก็มิรู้ว่า สมควรจักเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด“ทว่า เรื่องท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 795

    หร่วนฝูอวี้พลันยกมือสองข้างจับประตูห้องขังเอาไว้ ท่วงท่าของนางดูมีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งนัก ราวกับอสรพิษสาวกำลังเลื้อยพันประตูซึ่งต่างจากนักโทษคนอื่น ๆนางมองไปที่รุ่ยอ๋อง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ออกมา“คนที่ท่านชอบ คือฝ่าบาทใช่หรือไม่?”ดวงตาของรุ่ยอ๋องพลันมืดคล้ำไปในทันทีฝ่ามือของหร่วนฝูอวี้พลันวางเอาไว้บนริมฝีปากของตน ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา“อั๊ยหยา! ข้าเดาถูกจริง ๆ หรือนี่?”คิดว่านางโง่เง่ามากหรือไรในช่วงหลายวันที่อยู่ในเมืองหลวงนั้น นางลอบตรวจสอบเขามาหมดแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เขาหาได้มีสตรีข้างกายไม่ กลับมักจะตัวติดกับฮ่องเต้สุนัขผู้นั้น อีกทั้งทั้งสองคนยังชอบนัดเจอกันที่สนามม้าหลวงอีกเมื่อมาเห็นเช่นนี้ คนที่อยู่ในใจของเขาหาได้อยู่ไกลไม่ แต่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม!รุ่ยอ๋องที่ยินเสียงหัวเราะของนางเช่นนั้น พลันรู้สึกได้ถึงความเยาะเย้ยและความชั่วร้ายที่ลอยออกมารุ่ยอ๋องที่มิอาจทนไหวนั้น กำลังจะหันกายจากไป หร่วนฝูอวี้พลันรีบเรียกเขาเอาไว้“เฮ้! ช้าก่อน! ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงโมโหเช่นนั้นเล่า?“หน้าท่านบางมากหรือไร!“เช่นนั้น ให้ข้าช่วยป่าวประกาศให้ท่านดีหรือไม่?”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 796

    วันเวลาแห่งความสุขมักจะแสนสั้นเสมอหลังผ่านงานมงคลสมรสไปได้สามวันนั้น เซียวอวี้ก็ได้เวลาไปว่าความยามเช้าเสียทีเขามักจะตื่นนอนตรงเวลา กิจวัตรเช่นนี้หาได้เคยหย่อนยานไม่ทว่า เมื่อมีสตรีงามมาร่วมเคียงหมอนด้วยเช่นนี้ ก็ทำเอาเขามิอยากจากนางไปหลังจากพักผ่อนที่ตำหนักหย่งเหอเมื่อคืนนี้ ยามที่เซียวอวี้ลืมตาขึ้นมานั้น เมื่อคิดที่จะเข้าไปโอบกอดคนข้างกายกลับพบว่าคว้าได้แต่อากาศเซียวอวี้จึงสะดุ้งขึ้นมาในทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้นเปิดม่านออกมา“ฮองเฮาเล่า!”หลิวซื่อเหลียงที่กำลังรั้งรออยู่ห้องโถงด้านนอกนั้น เมื่อได้ยินเสียงจึงรีบเดินเข้ามารายงาน“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฟ้ายังมิสางฮองเฮาก็ตื่นบรรทมมาฝึกยุทธ์อยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เรื่องนี้ทำเอาหลิวซื่อเหลียงเองนึกตกใจยิ่งนักมิแปลกใจเลยที่ฮองเฮาเติบโตมาจากค่ายทหาร แม้แต่การตื่นนอนในยามเช้ายังตื่นไวกว่าฝ่าบาทเสียอีกเซียวอวี้รู้ดีว่านางมีนิสัยฝึกยุทธ์ในตอนเช้า ทว่า เขามิคิดว่าจะเช้ามากขนาดนี้ด้านนอกตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่ชุดลำลอง พร้อมผมที่รวบเอาไว้สูง ผมหางม้าของนางสะบัดไปตามแรงเคลื่อนไหว หากมองจากไกล ๆ คล้ายกับชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 797

    มีบางอย่างที่เซียวอวี้มิต้องการเก็บมันเอาไว้ในใจ เขาต้องการรู้คำตอบที่ชัดเจนเซียวอวี้จ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะไล่จี้ถาม“เรากับต้วนไหวซวี่ เจ้ารักใครมากกว่ากัน? เจ้าปฏิบัติกับเขาอ่อนโยนเช่นนั้น แต่เหตุใดกับเราถึงทำเป็นเย็นชาทั้งยังมิรู้ร้อนรู้หนาวอีกด้วย? จิ่วเหยียน สิ่งที่เจ้าเคยเอ่ยกับต้วนไหวซวี่นั้น เจ้าหาได้เคยเอ่ยวาจาเช่นนั้นกับเราไม่...”เมื่อมองย้อนกลับไป คำพูดที่นางเคยทำให้เขารู้สึกชอบนั้น คงจะเป็นคำที่นางบอกว่ามีใจต่อเขากระมังในยามนั้น เพียงแค่ได้ยินก็ทำเอาเซียวอวี้นึกพอใจกับมันยิ่งนักแต่เขายังอยากได้มากกว่านี้ ทั้งยังอยากรู้อีกว่า นางรักเขามากเพียงใด ถึงขนาดมิอยากจากเขาไปหรือไม่เซียวอวี้ที่กล่าวออกมามากมายนั้น หากแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพียงแค่ถามกลับคำเดียว“ข้าเคยเอ่ยอันใดกับต้วนไหวซวี่กัน?”นางหาได้รู้เรื่องนี้ไม่ เหตุใดเขาถึงรู้เล่า?เซียวอวี้เอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงจัง“เจ้าเรียกเขาว่า ‘ท่านพี่’...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเป็นปมมากไปอีกจนทำให้นางต้องเอ่ยอธิบายออกมาด้วยท่าทีจริงจัง“นั่นเพราะท่านแตกต่างจากเขา ท่านเป็นถึงฮ่องเต้ หม่อมฉัน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 798

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเอ่ยถามกับเซียวอวี้“ลูกของท่าน?”เซียวอวี้เพียงรู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระเท่านั้น“หาใช่ของเราไม่”ครู่หนึ่ง ราวกับเซียวอวี้ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หรือว่า…”ยามที่เกิดความชุลมุนในวิหารบรรพบรุษนั้น มู่หรงหลันตามหาเด็กที่มีรูปร่างคล้ายกับเขาแล้วเอามาแอบอ้างว่าเป็นทายาทของเขากันหลังจากที่พรรคเทียนหลงพ่ายแพ้ไปแล้วนั้น เด็กคนนั้นก็ถูกโยนเข้าไปในคุกเทียนเหลาหลังจากที่รุ่ยอ๋องสืบความแล้วนั้น ก็พบว่าเด็กคนนั้นถูกพรรคเทียนหลงนำไปชุบเลี้ยงใช้งาน เขาถูกขโมยตัวมาจากบิดามารดาที่แท้จริงของตนเองหลังจากตามหาจนพบว่า ครอบครัวนี้หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลงไม่ รุ่ยอ๋องจึงจัดการส่งเด็กให้กลับไปอยู่ข้างกายบิดามารดาที่แท้จริงของตนเองอีกครั้ง……เพื่อป้องกันมิให้เด็กคนนี้เอ่ยเรื่องไร้สาระออกมาที่หน้าประตูวังหลวง เฉินจี๋จึงนำเด็กคนนั้นเข้าวังมาทำการสอบสวนเป็นดั่งที่เซียวอวี้คิดเอาไว้ เป็นเด็กคนนั้นจริงทั้งยังคงสวมใส่เสื้อผ้าตัวเดิม ทว่า ใบหน้ากลับซูบผอมมากกว่าเดิมเสียอีกเมื่อเห็นเซียวอวี้นั้น เด็กคนนั้นพลางเอ่ยถามออกมาด้วยท่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 799

    “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหยาเนียงจักต้องมิใช่คนของเป่ยเยี่ยนอย่างแน่นอน” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจแต่หากมิใช่เป่ยเยี่ยนแล้วเป็นผู้ใดที่เป็นคนชี้นำเล่า?ทั้งเฟิ่งจิ่วเหยียนและเซียวอวี้ก็ยังมิอาจหาข้อสรุปให้กับเรื่องนี้ได้ในขณะเดียวกันโรงพักแรมนอกเมืองบุรุษที่สวมใส่อาภรณ์เนื้อธรรมดาพลางยืนอยู่ริมหน้าต่าง ก่อนจะเหม่อมองยังทิศทางของราชวังหนานฉีใช้ใต้หล้าเป็นหมาก ย่อมต้องเป็นผู้เริ่มเดินน่าเสียดายที่คู่ต่อสู้สูญเสียความทะเยอทะยานของตนเองไป จนยินยอมไปเป็นฮูหยินผู้อื่นเช่นนี้……เซียวอวี้จึงฝากเรื่องของเหยาเหนียงให้หยิ่นเอ้อร์ไปทำการสืบหาต่อไปใต้หล้าเกิดความผัดพวน คลื่นลมมีความแปรปรวนสิ่งที่เซียวอวี้ต้องทำในยามนี้คือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหนานฉี เพื่อป้องกันศัตรูภายนอกมิให้เข้ามารุกรานได้ง่าย ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ หาได้จำเป็นต้องเกรงกลัวอันใดไม่คืนนี้ ทั้งเขาและเฟิ่งจิ่วเหยียนต่างก็พูดคุยปรึกษาหารือกันว่าจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกองทัพจนถึงดึกดื่น“ที่ท่านอาจารย์ของเจ้าเสนอให้มีการปรับโครงสร้างนั้น เราว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว ทว่า เรายังอยากฟังความคิดเห็นของ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 800

    ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากผ่านการคัดเลือกคนแล้วนั้น นักเรียนในสถาบันทางการทหารนั้นมีมากถึงสามสิบนายมีทั้งทหารที่เคยเข้าร่วมรบ ทั้งยังมีท่านแม่ทัพที่เคยเป็นขุนนาง ยังมีเหล่าผู้คนที่คุ้นเคยกับการออกศึกและต้องการอุทิศตนเพื่อรับใช้ประเทศชาติอีกด้วยถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการฝึกฝนแม่ทัพ เหล่าราษฎรคนธรรมดานั้นยากที่จะเข้ามาร่วมเรียนด้วยได้อาจารย์ในสถาบันทางการทหารนั้นตอนนี้มีเพียงสามคนนอกจากเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วนั้น ยังมีอาจารย์ที่สอนด้านกลยุทธ์ เช่นการวาดแผนภูมิประเทศ การวางแผนการจัดกองกำลังพล หรือการสร้างข้อความลับ อาจารย์อีกท่านหนึ่งนั้นจักสอนวิธีการจดจำ การใช้งานคนรวมไปถึงการต่อสู้ด้านจิตวิทยาก่อนที่ชั้นเรียนของสถาบันทหารจะเริ่มต้นขึ้นนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมากนางต้องคิดว่า ตนเองจักสอนอะไรพวกเขาและจะสอนพวกเขาเช่นไรตกกลางคืน เซียวอวี้ที่เสด็จมายังตำหนักหย่งเหอนั้น เมื่อเห็นตำราทางการทหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะ รวมไปถึงบรรดารายชื่อของนักเรียนที่เข้ามาร่วมชั้นสถาบันทหารหลังจากที่เขาหยิบขึ้นมาอ่านก่อนจะพลิกไปพลิกมาอยู่ครู่หนึ่งมีหลายชื่อที่เขาคุ้นหน้าคุ้นต

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1014

    หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1013

    หลังจากท่านผู้เฒ่าหลินรู้สถานะของเฟิ่งจิ่วเหยียน เดิมทีก็คิดจะสานสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับนางทว่านางกลับบอกว่า มิใช่เครือญาติแท้ ๆ หรือ?ใครมิใช่เครือญาติแท้ ๆ กันเล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยสีหน้าเย็นชา “บุตรสาวคนที่สองของตระกูลหลิว เมื่อคลอดออกมาก็มอบให้พวกเจ้าดูแลใช่หรือไม่?”ท่านผู้เฒ่าหลินสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและงุนงง นึกไม่ถึงว่า สิ่งที่นางต้องการจะถาม กลับเป็นเรื่องราวในตอนนั้น...เขาก้มศีรษะลง กลัวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะเห็นสีหน้าของตน“พ่ะย่ะค่ะ! ตอนนั้น น้องสาวของข้าน้อยคลอดบุตรสาวคนเล็ก ก็มอบให้พวกเราดูแลเลย“ฮองเฮา เรื่องนี้ยังจะมีอะไรให้น่าพูดถึงอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงถือเครื่องมือทรมานนั้นอยู่ในมือ สายตาดูเยือกเย็นไร้ความปรานี“เจ้ายืนยันได้หรือไม่ว่า เด็กที่มอบให้กับมือพวกเจ้าในตอนนั้น เพิ่งจะคลอดมาได้ไม่นาน?”ท่านผู้เฒ่าหลินตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เด็กคนนั้นคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน ก็ถูกพวกเรานำมาดูแลแล้ว...”“โกหก” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา นางเงยหน้าขึ้นมองท่านผู้เฒ่าหลิน “หากข้าเดาไม่ผิด เด็กคนนั้น ตอนที่มาถึงมือพวกเจ้า น่าจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1012

    ภายในคุกที่ว่าการท่านผู้เฒ่าหลินในวัยชรา ยืนพิงอยู่มุมกำแพงด้วยอาการตัวสั่นเทาเขามองไปยังเจ้าหน้าที่เหล่านั้นโดยฝืนทำเป็นสงบนิ่ง“พวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับข้า ข้าไม่มีความผิด...”เอ่ยยังมิทันจบ เจ้าหน้าที่ก็ถอยแยกเป็นสองฝั่ง เพื่อเปิดช่องทางตรงกลางหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาจากด้านนอก เส้นผมนางถูกรวบยกสูง ดวงตาทั้งคู่ดูองอาจน่ายำเกรง“ทุกคนออกไปก่อน”ตามคำสั่งของนาง บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ออกไปอย่างรู้งาน อู๋ไป๋ปิดประตูห้องขัง และคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องขังภายในห้องขังท่านผู้เฒ่าหลินมิรู้จักเฟิ่งจิ่วเหยียน ในตอนแรกคิดว่านางเป็นขุนนาง ทว่าพอได้ยินเสียงนางเป็นสตรี ก็มิแน่ใจแล้วว่านางเป็นใคร“เจ้าเป็นใคร?” ท่านผู้เฒ่าหลินมองนางตาไม่กะพริบ ไม่มีท่าทีอ่อนข้อสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็นและหมางเมิน ราวกับดวงดาวระยิบในค่ำคืนเหน็บหนาว ทำเอาผู้คนสั่นสะท้านนางมองท่านผู้เฒ่าหลิน พลางแสร้งทำเป็นหยิบเครื่องมือทรมานที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจแค่การกระทำนี้ ก็ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลินตกใจกลัวจนลำคอแห้งผาก ดวงตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว“ข้า ข้ามิเคยทำเรื่องช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1011

    ไม่นานรุ่ยอ๋องก็จัดหาหญิงสาวให้กับหร่วนฝูอวี้ได้แล้ว เป็นสาวใช้ภายในจวนเขายืนอยู่นอกห้อง ยืนอยู่นานก็มิยอมไปหนึ่งชั่วยามต่อมา ด้านในก็เรียกขอน้ำสาวใช้ผลักประตูเดินออกมารุ่ยอ๋องรีบหันไปมองนาง เห็นเพียงนางถืออ่างเลือดออกมา“พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามด้วยท่าทีใส่ใจการถอนพิษกู่เสน่ห์ มิใช่แค่ต้องมีสัมพันธ์กับใครสักคนเท่านั้นหรือ?เหตุใดจึงมีเลือดออกมามากมายเพียงนี้?สาวใช้ตอบด้วยอาการตัวสั่นเทา“พระชายาเลือดออกมาก บ่าวคอยช่วยพระชายาเปลี่ยนอาภรณ์ และชำระร่างกายเจ้าค่ะ”สีหน้าของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยดูแล้วสาวใช้ผู้นี้ ไม่เหมือน...“แค่ช่วยพระชายาชำระร่างกาย?” เขาถามด้วยความไม่แน่ใจสาวใช้พยักหน้าซ้ำ ๆ“เจ้าค่ะ”รุ่ยอ๋องรู้สึกงุนงง มิรู้ว่าหร่วนฝูอวี้ทำสิ่งใดลงไปหรือว่า เขาเข้าใจเจตนาของนางผิดไป นางขอให้เขาหาหญิงสาวให้นาง มิใช่เพื่อจะถอนพิษกู่เสน่ห์หรอกหรือ?ในระหว่างที่ครุ่นคิด เขาก็พุ่งตรงเข้าไปในห้องทันทีทว่าเห็นหร่วนฝูอวี้นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หร่วนฝูอวี้พลันลืมตาขึ้นนางจ้องมองไปทางรุ่ยอ๋อง ดว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1010

    ฉึก---ตามเข็มที่หร่วนฝูอวี้แทงลงไป กู่เสน่ห์ในร่างกายของรุ่ยอ๋องก็แตกระเบิด แปรเปลี่ยนเป็นกองเลือดในเวลานี้ รุ่ยอ๋องรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงโจมตีเข้ามา จากนั้นตามมาด้วยความรู้สึกโล่งสบายราวกับปล่อยวางของหนักกู่เสน่ห์ หายไปแล้วเขาผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ มิคาดคิดว่า กู่เสน่ห์ที่ทรมานเขามาหลายเดือนนั้น จะกำจัดได้อย่างราบรื่นเช่นนี้...ในชั่วขณะนั้น หร่วนฝูอวี้ในสภาพราวกับใบไม้แห้งที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งตัวคนกลับเอนมาทางด้านหน้า และล้มลงในอ้อมอกเขารุ่ยอ๋องรีบประคองนางไว้ทันที โดยมิรู้สาเหตุ“เจ้าเป็นอะไร?”เมื่อครู่นางก็ยังดี ๆ อยู่มิใช่หรือ?เมื่อก้มลงมอง สีหน้านางซีดขาวไร้เลือดฝาด ส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดรุ่ยอ๋องรับรู้ได้ทันทีว่า นี่อาจจะเป็นผลที่ย้อนกลับมาทำร้ายของกู่เสน่ห์!หากต้องการจะฝังกู่เสน่ห์ให้กับคนอื่น ตนเองก็ต้องฝังกู่เสน่ห์ตัวแม่ไว้ด้วยเช่นกันตอนนี้กู่เสน่ห์ตัวลูกในร่างกายของเขาตายไปแล้ว หร่วนฝูอวี้ย่อมต้องทรมานเป็นธรรมดาทว่าเขามิมีความรู้ด้านนี้มากนัก มิรู้ว่าอาการของนางร้ายแรงเพียงใด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่รุ่ยอ๋องจึงตัดสินใจเด็ดข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1009

    หลิวอิ๋งต้องการอาศัยสถานะราชทูต เพื่อเข้าวังไปพบฮ่องเต้ทว่า ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จออกไปภายนอก ยังมิได้เสด็จกลับวัง ข้าหลวงจึงเพียงรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปตามลำดับขั้นภายในวังเมื่อฮองเฮาไม่อยู่ หน้าที่ในวังหลังจึงอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหนิงเฟยนางได้ยินว่าด้านนอกประตูวังมีราชทูตมาจากแคว้นซีหนี่ว์ ต้องการจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ พลันรู้สึกราวกับว่าเผชิญศัตรูตัวฉกาจถึงอย่างไร นางก็แค่รับผิดชอบแต่ในวังหลัง นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญของบ้านเมือง นางมิเคยจัดการมาก่อนเช่นกัน“รีบไปเชิญรุ่ยอ๋องมาเดี๋ยวนี้!”หายากที่นางจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็มีราชทูตมาเยือน คงมิใช่ต้องการให้นางจัดงานเลี้ยงในวัง และต้อนรับราชทูตอีกแล้วกระมัง!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนิงเฟยรู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายนางเริ่มจะคิดถึงฮองเฮาขึ้นมาแล้วเหตุการณ์ในวังแห่งนี้ ช่างเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า จนรู้สึกสับสนวุ่นวายรุ่ยอ๋องก็มิเคยได้ยินมาก่อนว่า ราชทูตจากแคว้นซีหนี่ว์จะเดินทางมาเยือนเขาพบกับหลิวอิ๋งเป็นการส่วนตัวสิ่งที่นางพูด เป็นคำพูดเพียงฝ่ายเดียวถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าก็ควรเชื่อแม้จะยังยื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1008

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้กลับไปยังเมืองหลวงในทันทีไม่ นางต้องการจะสืบเรื่องของซู่ยวนให้กระจ่างเซียวอวี้ยังมีราชกิจที่ต้องสะสาง สองคนจึงแยกทางกันณ เมืองหลวงหลิวอิ๋งแม่ลูกมาถึงในฐานะราชทูต คณะก็เข้าพักในโรงพักแรม ทว่ามิคาดคิดว่า วันต่อมาก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น เจิ้งจีวิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องตะโกน“ท่านแม่! ท่านแม่! เหตุใดคนอื่น ๆ ถึงหายไปแล้วเจ้าคะ?”สีหน้าหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความประหลาดใจคณะราชทูตที่มาพร้อมกับพวกนาง ยังมีขุนนางอีกหลายคนคนเหล่านั้นจะหายไปได้อย่างไร?หลิวอิ๋งวิ่งไปยังห้องที่พวกเขาพักอยู่ ตรวจดูแต่ละห้อง ทว่าว่างเปล่าไร้เงาคนนี่ช่างน่าแปลกยิ่งนัก!สีหน้าเจิ้งจีดูกังวลใจ“ท่านแม่ พวกเขาคงมิได้ถูกมองว่าเป็นสายลับ และถูกจับตัวไปแล้ว?”หลิวอิ๋งสงบสติ เอ่ยพึมพำ“เป็นไปมิได้”แคว้นซีหนี่ว์กับหนานฉีเป็นพันธมิตรกัน หนานฉีคงมิทำให้พวกนางต้องขุ่นเคืองใจหลิวอิ๋งจึงตัดสินใจในทันที “ไปแจ้งทางการ!”ณ ที่ว่าการเจ้าหน้าที่ศาลพาสองแม่ลูกมายังห้องโถงรองซึ่งแตกต่างจากห้องโถงหลักที่ใช้สอบสวนคดี ห้องโถงรองเป็นสถานที่ที่ขุนนางจัดการงานราชการ และรับรองสหาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1007

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบนายหญิงเฟิ่งด้วยท่าทีระวังคำพูด“หลิวอิ๋งต่างหากที่เป็นหลิวหนิงบุตรสาวคนโตเริ่มแรกของตระกูลหลิว “ทว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า มิได้มั่นใจเต็มร้อย”นางยึดถือตามความเชื่อเรื่องการกดดวงชะตา จึงได้คาดเดาทว่าประมุขแคว้นซีหนี่ว์กลับเชื่ออย่างสนิทใจหากเป็นเช่นนั้น ข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุ ก็คลี่คลายได้มิยากแล้วนางมองไปที่นายหญิงเฟิ่ง สายตาแสดงออกถึงความอ่อนโยน“เจ้าถึงจะเป็นน้องสาวของเรา ตระกูลหลิวให้เจ้าเป็นตัวตายตัวแทน ให้เจ้าแทนที่ตัวตนของหลิวหนิง“ปิ่นปักผมที่หักนั้น ก็เป็นของเจ้า มันเป็นหลักฐานที่ทำให้พวกเราพี่น้องได้รู้ถึงสายสัมพันธ์”นายหญิงเฟิ่งสีหน้าดูสับสน แยกไม่ออกว่าอะไรจริง และอะไรเท็จขึ้นมาชั่วขณะเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอแนะ“รอหม่อมฉันกลับไปที่หนานฉี จะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างต่อไป”ประมุขแคว้นกังวลพระทัยว่านางจักพานายหญิงเฟิ่งกลับไปด้วย สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางมารดา “สิ่งที่ข้ารู้ ก็บอกให้ท่านรู้แล้วทั้งหมด ตอนนี้ ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจแล้ว ท่านจะกลับไปหนานฉีกับข้า หรือจะอยู่ต่อ?”นายหญิงเฟิ่งตกอยู่ในภาวะก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1006

    นายหญิงเฟิ่งคิดอย่างไรก็ยังมิเข้าใจว่า ตนเองกลายเป็นน้องสาวของประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้อย่างไรเห็นกันอยู่ว่านางเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ เรื่องนี้ เพื่อนบ้านและญาติมิตรที่บ้านเกิด ล้วนเป็นพยานได้พวกเขาต่างเห็นตอนนางคลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบภาพเหมือนของคนตระกูลหลิวออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้ามารดา“หากดูจากภาพเหมือนแล้ว ท่านไม่เหมือนบุตรแท้ ๆ ของพวกเขาเลย”นายหญิงเฟิ่งคิ้วขมวดแน่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ มิอาจยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้หากนางมิใช่บุตรแท้ ๆ เหตุใดถึงถูกท่านพ่อท่านแม่รับมาเลี้ยงยังมี ปิ่นปักผมที่หักอันนั้น ก็มิใช่ของอาอิ๋งหรอกหรือ?นางรู้สึกสับสนในใจยิ่งนักในเวลานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองไปยังประมุขแคว้นซีหนี่ว์ พลางเอ่ยอย่างช้า ๆ “ข้าสืบพบว่า ตอนนั้นสามีภรรยาตระกูลหลิวให้กำเนิดบุตรสาวคนโต พร้อมกับตั้งชื่อว่าหลิวหนิง“หลิวหนิงตั้งแต่เกิด ร่างกายก็มิค่อยแข็งแรง มักจะร้องไห้งอแงในตอนกลางคืน“คนในหมู่บ้านต่างพูดว่า นางถูกวิญญาณชั่วร้ายตามรังควาน ในไม่ช้าก็จะถูกวิญญาณอาฆาตมาเอาชีวิต”นายหญิงเฟิ่งได้ยินเช่นนี้ จึงพยักหน้าเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนั้นจริง ท่านพ่อท่านแ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status