เซียวอวี้โอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ ไม่อยากให้นางเห็นน้ำตาที่ควบคุมไม่ได้นั้นโธ่เอ๊ย!บุรุษไม่ควรหลั่งน้ำตาง่าย ๆ แล้วเขาร่ำไห้ได้อย่างไร!ช่างอับอายขายหน้าจริง ๆ !ทว่า...รู้สึกอิ่มเอมใจในที่สุดจิ่วเหยียนก็บอกว่ารักเขาความรู้สึกของเซียวอวี้ผสมปนเปกัน เขาหอมที่แก้มนาง“เจ้าพูดอะไร? เมื่อครู่เราไม่ได้ยิน”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ได้ยินหรือ ถ้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”มือสองข้างของเซียวอวี้ประคองใบหน้านางขึ้นมาทันที “ใจร้ายนัก เจ้าตั้งใจ เราก็แค่อยากได้ยินเจ้าพูดอีกครั้ง มิได้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก จากนั้น เงยคางขึ้น แตะลงไปที่ข้างริมฝีปากเขาเบา ๆ“เพคะ หม่อมฉันรักท่าน…”ในสมองของเซียวอวี้ราวกับพลุดอกไม้ไฟระเบิดขึ้น โชติช่วง สุกสกาว ไม่มีวันร่วงโรยแขนสองข้างของเขาโอบตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ ราวกับได้กินน้ำผึ้งมิปาน รู้สึกมีความสุข“จิ่วเหยียน เราดีใจจริง ๆ ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ตายก็ไม่เสียใจจริง ๆ!”ต่อมาฟังนางเล่าเรื่องราว ถึงรู้ว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอนั้นเสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่หิมะถล่มใกล้เข้ามา ตามสามัญสำนึก ควรจะวิ่งไปด้านข้าง ทว่
เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่ชุดเกราะ เซียวอวี้เห็นแล้ว ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที“เจ้าจะทำอะไร มิใช่พูดแล้วหรือว่า เรื่องสำคัญอันดับแรกของเจ้าคือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ”เฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งและใจเย็น“อาการบาดเจ็บของหม่อมฉันไม่ร้ายแรง หากอยู่ที่นี่ไปตลอด ในทางตรงกันข้ามร่างกายจะยิ่งไม่สบาย“การขับไล่กองทัพเยี่ยน เรื่องนี้ไม่ควรรอช้า ยิ่งไปกว่านั้นหยางเหลียนซั่วก็อยู่ที่กองทัพเยี่ยนด้านนั้นด้วย การจัดการพวกเขาโดยเร็วที่สุด ถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยเขาขวางนางไว้ แววตาดูเคร่งขรึม“เราไม่อนุญาต อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้อีก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“หม่อมฉันจะดูแลตนเองให้ดี”“จิ่วเหยียน เจ้า...”เขายังคิดจะเกลี้ยกล่อมนาง ทว่าด้านนอกกลับได้ยินเสียงรายงาน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนตะโกนโวยวาย ให้เราส่งมอบตัวซูฮ่วน มิเช่นนั้นจะเปิดฉากสงคราม”ชายแดนด้านตะวันออกด้านนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพเยี่ยนมืดฟ้ามัวดิน ธงรบสีแดงถูกลมพัดเสียงดังพรึ่บพรั่บกองทัพทั้งสองประจันหน้ากัน แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยนฉินเซียวท่าทางหยิ่งทะนงเพราะด้านหลัง
มังกรไฟที่หนานฉีลากออกมา จะทำให้กองทัพเยี่ยนถูกโจมตีอย่างหนักก่อนหน้านี้ กองทัพเยี่ยนคิดไปเองว่า การสร้างปืนหอกไฟที่มีเฉพาะของหนานฉีขึ้นมา จะทำให้เป่ยเยี่ยนไร้คู่ต่อกร ผู้ใดจะคิดว่า หนานฉีก็แอบลักจำเช่นกัน!แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยน---ฉินเซียวก็มิอยากเชื่อ เขาจักต้องเห็นด้วยตาตนเอง มิเช่นนั้น ยากจะรับประกันได้ว่ากองทัพฉีมิได้หลอกลวง!หลังจากเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นฐานมังกรไฟของกองทัพฉี ก็เหมือนกับของเป่ยเยี่ยนพวกเขาทุกประการ!กองทัพฉียังส่งคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ลากมังกรไฟไปทางด้านกองทัพเยี่ยนของพวกเขา มังกรไฟของทั้งสองแคว้นเฉียดผ่านกันไป สถานการณ์ทำเอาคนพูดไม่ออกกองทัพฉียังคงโห่ร้อง“ฮ่องเต้พวกเราตรัสว่า ขอบคุณเป่ยเยี่ยนที่ส่งกระสุนมังกรไฟมาให้!”ฉินเซียวมือไม้อ่อนแรงขึ้นมาทันทีกระสุนมังกรไฟลูกนั้นมอบให้กลุ่มกบฏพรรคเทียนหลง เพื่อช่วยพวกเขาก่อความวุ่นวาย และสังหารฮ่องเต้ตอนนี้กลับมาปรากฏอยู่ที่นี่!หากหนานฉีมีมังกรไฟจริง ๆ แผนการของเขาก็คงใช้กันไม่ได้แล้วมิใช่แค่เพียงกองทัพเยี่ยน แม้แต่เหล่าทหารหนานฉีในด่านเฉาอวี๋ ในเวลานี้ต่างตะลึงงัน และประหลาดใจอย่างที่สุดแม่ทัพใหญ่ก
เมื่อปีใหม่มาเยือน กองทัพหนานฉีจึงเริ่มโจมตีกลับเป็นระลอก ๆ การโจมตีกลับในครานี้เป็นเพียงแค่การยั่วยุเท่านั้น หาใช่การสู้รบจริง ๆ ไม่ดูเหมือนจะมิเป็นอันตรายอันใด ทว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งทั้งวันทั้งคืนเข้า ก็ทำเอาทั้งกองทัพเยี่ยนตกอยู่ในความวิตกกังวลตลอดเวลาหลังจากเป็นเช่นนี้ไปนานครึ่งเดือนนั้น ตกกลางคืน พลันเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นภายในค่ายกองทัพเยี่ยน...“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ! ค่ายแตกขอรับ!”ค่ายแตกในที่นี่หมายถึงค่ายเกิดการจลาจลปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทว่า นับเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกองทัพเป็นอย่างมากฉินเซียวลุกขึ้นมาในทันที เหล่าองครักษ์จึงกรูเข้าอารักขาเขา พลางกล่าวคำรามออกมาว่า“คุ้มกันท่านแม่ทัพหนีออกไป!”การจลาจลในค่ายพลันเกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิดเพียงแค่ทหารนายหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ฆ่า” พลางทำเอาทหารภายในกองทัพหันมาห้ำหั่นกันเอง กองทัพเยี่ยนในยามนี้พลันตกอยู่ในความสับสนอลหม่านไปในทันทีเหล่าทหารกองทัพเยี่ยนในยามนี้คล้ายกับแมลงวันที่ไร้หัว พวกเขารีบร้อนลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พลางกรีดร้องออกมาด้วยความโกลาหลวุ่นวายในส
เมื่อเป่ยเยี่ยนต้องการถอยทัพนั้น หาใช่เรื่องดีสำหรับหยางเหลียนซั่วไม่เขาจึงเข้าพบฉินเซียวในทันที“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของพวกฉีเท่านั้น…”กองทัพใหญ่ได้เคลื่อนย้ายแล้ว ฉินเซียวมิต้องการฟังเรื่องไร้สาระอันใดจากเขาอีก“หยางเหลียนซั่ว เป็นเพราะเจ้ากล่าวว่าพวกเรามีโอกาสได้ชัย ฝ่าบาทจึงส่งกองกำลังเสริมมาให้กับพวกเราแน่! พวกเราหาได้มีความคิดที่จะต้องมารบกับหนานฉีจริง ๆ ไม่! ยามนี้งามหน้ายิ่งนัก เรื่องของเจ้าก็มิอาจจัดการได้สำเร็จ ยังมาทำให้พวกเราต้องสูญเสียกองกำลังอีกครึ่งหนึ่งไปอีก!“แม่ทัพเช่นข้านึกสงสัยยิ่งนัก ว่าเจ้าร่วมมือกับเซียวอวี้เพื่อมาทำลายเป่ยเยี่ยนของข้าใช่หรือไม่!“ไสหัวไป! คิดว่าตนเองเป็นใครกัน ถึงจะมาให้พวกข้าทำงานถวายชีวิตให้กับเจ้า?”ใบหน้าของหยางเหลียนซั่วพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันทีเพียงแค่เขาโบกมือเล็กน้อยก็คว้าเข้าที่คอของฉินเซียวฉินเซียวตกใจยิ่งนักทั้งยังเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“หยางเหลียนซั่ว...เจ้า...”ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ากำลังภายในที่ร่างกายของเขากำลังรั่วไหลออกมาหยางเหลียนซั่วที่กำลังดูดซึมกำลังภายใน พลางเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีเคร
“หยางเหลียนซั่ว ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวออกมาเสียที!”บนเนินเขา ตงฟางซื่อพร้อมทั้งเหล่าสหายในยุทธภพมากมายมารวมตัวกันจัดตั้งค่ายกลเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ได้ติดต่อกับพวกเขามาก่อนหน้านั้น การซุ่มโจมตีกานโจวในครานี้ ไม่เพียงแต่เพื่อกองทัพเยี่ยนเท่านั้น แต่ยังเพื่อจับกุมหยางเหลียนซั่วอีกด้วยถึงแม้ว่าหยางเหลียนซั่วจักสามารถระบุตำแหน่งได้จากการฟังเสียงก็ตาม แต่นั่นก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควรอีกทั้ง กานโจวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่หยางเหลียนซั่วไม่คุ้นชินอีกด้วยผมเผ้าของหยางเหลียนซั่วที่มิได้มัดให้เรียบร้อยนั้น ทว่า ดวงตาทั้งสองข้างกลับถูกมัดด้วยผ้าสีดำ หูของเขาตั้งขึ้นเพื่อพยายามแยกแยะเสียงอย่างเต็มที่“เซียวอวี้! ซูฮ่วน! พวกเจ้าสองคน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”อย่างแรก เขาต้องการหวนคืนแว่นแคว้น อย่างที่สองเขาต้องการแก้แค้นพวกมันสองคนสังหารบุตรชายของเขา แค้นในครานี้อย่างไรก็ต้องชำระ!เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่บนที่สูง พลางก้มมองดูเขาอย่างเย็นชาผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางนั้นคือเซียวอวี้เหล่าแม่ทัพคนอื่น ๆ ก็นำกองกำลังของตนออกไปสู้รบกับกองทัพเยี่ยนที่เนินเขาด้วยกำลังพลเพียงแค่ห้าพันนายเท่านั้น
“พวกเจ้ายังคิดที่จะโกหกข้าอีกหรือ! ซูฮ่วน เจ้าสมควรตาย!” หยางเหลียนซั่วไม่มีทางที่ถูกคำพูดยั่วยุของพวกเขาทำให้ไขว้เขวอีกต่อไปเขาหาได้คิดฟังสิ่งใดไม่ พลางสูบฉีดกำลังภายในของตงฟางซื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนชักดาบของตนเองออกมาในทันที ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าไป ราวกับนกนางแอ่นที่บินได้อย่างคล่องแคล่ว พลางพุ่งตรงไปที่หยางเหลียนซั่ว...หูทั้งสองข้างของหยางเหลียนซั่วกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังดาบอันแหลมคมที่เข้ามาใกล้ ๆ เขาเอียงตัวไปด้านข้าง ถูกบังคับให้เก็บพลังภายในกลับตงฟางซื่อถือโอกาสหลุดพ้นออกมาและล้มลง หลังของเขากระแทกกับพื้นหินอันขรุขระไปในทันที พร้อมด้วยผมเผ้าที่กระจัดกระจายออกมาหยางเหลียนซั่วมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปโต้กลับเฟิ่งจิ่วเหยียนภายในใจของเขาที่มีจิตใจอาฆาตแค้นนั้น อยากที่จะสังหารนักฆ่าที่ปลิดชีพบุตรชายของตนเป็นอย่างยิ่ง!ทว่า หยางเหลียนซั่วหาได้โจมตีออกไปโดยตรงไม่ แต่กลับเคลื่อนที่ไปที่ข้างหลังของนางแทนพร้อมทั้งฝ่ามือที่กำลังจะกระแทกมาที่หลังของนาง“ซูฮ่วน! ระวัง!” ตงฟางซื่อร้องเตือนผัวะยามที่เฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้ากลับมานั้น เป็นเซียวอวี
หร่านชิวที่เป็นผู้ฝึกตนวิชาดาราโรยหมื่นวิถีนั้น กำลังดูดซับกำลังภายในของหยางเหลียนซั่ว จนทำให้ทักษะของนางเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากทั้งนางและหยางเหลียนซั่วต่างก็ต่อกรกันตั้งแต่พื้นดินจนไปถึงบนภูเขา ทว่า ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนตัวไปที่ใด ทั้งฝุ่นควันเศษหินต่างก็ปลิวว่อนตลบอบอวลไปหมดในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง กองทัพหนานฉีก็กำลังโรมรันกับกองทัพเยี่ยนรองแม่ทัพเยี่ยนที่เห็นเงาของหยางเหลียนซั่วเลือนรางนั้น ภายในใจนึกเป็นกังวลยิ่งนักมิใช่กล่าวว่าตนเองสามารถสังหารฮ่องเต้หนานฉีได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ?เหตุใดยามนี้ถึงยังไม่ยอมจัดการเล่า?ฝั่งของเขาใกล้จะต้านไม่ไหวเต็มทีแล้ว!เมื่อพบเจอกับการซุ่มโจมตีของกองทัพหนานฉีหลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ ยามที่พวกเขาคิดว่าสามารถจัดการได้แล้วนั้น ก็มักจะมีคนกลุ่มใหม่พุ่งเข้ามาต่ำช้ายิ่งนัก!เหล่าทหารของกองทัพเยี่ยนต่างก็หวาดผวาไปในทันทีแม่ทัพใหญ่กองทัพฉีกวนไหลอิ้งขี่ม้าบุกเข้ามา พลางร้องตะโกนออกมาว่า“กองทัพเยี่ยนจงฟัง ท่านแม่ทัพของเรากล่าวว่า ตราบใดที่พวกเจ้ายอมวางอาวุธ ถอดชุดเกราะออก และโยนหมวกเหล็กบนหัวทิ้งไปเพื่อยอมจำนนนั้น ก็จักอนุญาติให้กองทัพเยี่
เพื่อได้แต่งงานเร็ว เซียวอวี้ยังหาช่างเย็บปักมาอีกสิบกว่าคน หมุนเวียนมาทำงานด้วยเหตุนี้ ชุดแต่งงานจึงเสร็จก่อนกำหนดสำนักโหรหลวงได้ทำนาย ฤกษ์งามยามดีออกมาคือเดือนสิบ เกือบจะถูกเซียวอวี้ปลดจากตำแหน่งจากนั้นจึงรีบเปลี่ยนคำพูด กล่าวว่า“งานอภิเษกจัดวันไหน ฤกษ์งามยามดีก็คือวันนั้น!”เหล่าขุนนางนิ่งอึ้งโหรหลวงผู้นี้ ควรปลดทิ้งเสียจริง ๆ!ดังนั้น งานอภิเษกจึงกำหนดขึ้นในวันที่สิบเดือนห้าเซียวอวี้มอบหมายหน้าที่ให้รุ่ยอ๋องไปรับตัวเจ้าสาว ทั้งยังส่งกองกำลังเสริมไปให้เขาคาดโทษเสียงเยือกเย็น“เรื่องนี้ ห้ามให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแม้เพียงนิด”รุ่ยอ๋องประสานมือรับคำสั่ง “น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!” การแต่งงานเร่งรัด เรียกได้ว่าคึกคักเร่าร้อนพิธีในวังมีหนิงเฟยเป็นตัวหลักในการดำเนินงาน ส่วนองค์หญิงใหญ่ก็เอาแต่ชี้นิ้วออกคำสั่งไม่น้อย ใส่ใจเสียยิ่งกว่างานแต่งของตัวเองอีกเรื่องนี้ หนิงเฟยจึงอัดอั้นจนพูดไม่ออก อีกด้าน รุ่ยอ๋องนำขบวนมารับตัวเจ้าสาว ด้วยความยิ่งใหญ่มหาศาลกลางทางถึงได้พบว่า หร่วนฝูอวี้ตามหลังมาตลอดทางเขาดึงนางออกมา ถามอย่างสุดจะทน“แม่นางหร่วน เจ้าคิดจะทำอะไรอี
เวยเฉียงหลุกหลิกไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อ กัดริมฝีปากแน่นซ่งหลีดื่มสุรามา ใบหน้าจึงแดงระเรื่อเขาเดินเข้าไป สวมกอดนางอย่างเงอะงะ“แม่หญิง…”หัวใจของเวยเฉียงเต้นกระหน่ำเหมือนกวางวิ่งเต้น หลุบตาลง “พี่ใหญ่ซ่ง”ซ่งหลีมองตรงมาที่นาง พูดกลั้วยิ้มว่า “เจ้าควรเรียกข้าว่าสามีสิ”“เจ้าค่ะ สามี” ใบหูของนางแดงก่ำไปหมด ไม่กล้าเงยหน้ามองเขายิ่งกว่าเดิมซ่งหลีจับมือของนาง จูงนางเดินไปยังเตียงนอนจากนั้นก็ประคองนางนั่งลง ปล่อยม่านมุ้งมงคลลงทีละชั้นเวยเฉียงเห็นเช่นนั้น ลำคอพลันแห้งผาก หัวใจเต้นรัวเร็วกว่าเดิมซ่งหลีเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ เพียงปล่อยไปตามสัญชาตญาณของร่างกาย ค่อย ๆ โน้มตัวนางนอนลงบนเตียง ก้มลงจูบริมฝีปากของนาง ด้วยการกระทำแสนอ่อนโยนเวยเฉียงหลับตาลงอย่างประหม่า ลมหายใจกระชั้นชิด“ท่านพี่…”นางหวาดกลัวเล็กน้อยมือของซ่งหลีลูบตามร่างกายที่สั่นเทาของนางอย่างแผ่วเบา ปลอบโยนนางว่า “ไม่ต้องกลัว แม่หญิง”เขารู้ว่านางเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมา เขาเองก็กลัวว่านางจะถูกกระตุ้น จนกลับไปนึกถึงเรื่องราวแสนอัปยศเหล่านั้นดังนั้น เขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมากเขาจะร
ภายในเรือนหอแม่สื่อและสาวใช้ไฉ่เยว่ยืนอยู่ข้างเตียง มองเจ้าบ่าวที่กำลังหน้าแดงก่ำอีกฝ่ายกลับเอาแต่จ้องตรงไปยังเจ้าสาว——เวยเฉียงมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปกปิดใบหน้า มือทั้งสองข้างวางซ้อนไว้บนตัก แผ่นหลังยืดตรง ท่านั่งดูแข็งทื่อ เห็นเท่านี้ก็พอจะรู้ว่านางกำลังประหม่าซ่งหลีเองก็ไม่ต่างกันเขารับคันชั่งที่ไฉ่เยว่ยื่นมาให้ ด้วยมือสั่นเทากลัวว่าจะเผลอเกี่ยวโดนหน้าของเวยเฉียงเขาระมัดระวัง แง้มเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ภายใต้ผ้าผืนนั้น ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างงดงามหมดจรดค่อย ๆ เผยออกมาเวยเฉียงหลุบตาลงอย่างขวยเขิน ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อยิ่งกว่าริมฝีปากเสียอีกนางไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดออกมา บรรยากาศภายในเรือนหอเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่นหัวใจของซ่งหลีสั่นไหว“แม่หญิง เจ้าช่างงามเหลือเกิน”เขาคิดกับเวยเฉียงเป็นแค่คนไข้ที่ต้องดูแลในตอนแรก กอปรกับมีคำฝากฝังจากเพื่อนสนิทด้วยเหตุนี้ เขาจึงดูแลรักษานางอย่างไม่ขาดตกบกพร่องต่อมาเขาก็เริ่มสงสารนาง เพราะเรื่องที่นางประสบพบเจอมามันน่าหดหู่มากจริง ๆหลังจากนั้น พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนางก็ทำให้เขาหวั่นไหวแ
เมื่อเจ้าสาวจะออกเรือน พี่น้องชายของเจ้าสาวจะเป็นคนแบกเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวเฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดบุรุษเต็มตัว ใช้ฐานะของพี่ชายฝั่งบ้านเจ้าสาวแบกเวยเฉียงขึ้นหลังฝีเท้าของนางมั่นคงอย่างมากเวยเฉียงพิงหลังอยู่บนหลังนาง ด้วยจิตใจที่สงบสุข“ท่านพี่ พวกเราจะต้องมีความสุข”น้ำตาหยดหนึ่ง หยดลงบนคอของเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเสียงเบา“แน่นอน”ล้วนกล่าวกันว่า ต้นร้ายปลายดี เวยเฉียงต้องผ่านความทุกข์มามากมายเพียงนี้ จากนี้ไปย่อมมีแต่ความราบรื่นเป็นแน่......เกี้ยวมงคลร้องรำทำเพลงไปตลอดทางจนถึงบ้านตระกูลซ่งเจ้าสาวก็ถูกคนประคองให้เดินลงมาซ่งหลีสวมชุดเจ้าบ่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาทนไม่ไหวจนอยากจะไปประคองเจ้าสาวของตน แต่ถูกหญิงมงคลขวางเอาไว้“ท่านเจ้าบ่าว ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ทำพิธีไหว้ฟ้าดินก่อน!”ผู้คนรอบ ๆ พร้อมใจกันหัวเราะทันทีซ่งหลีเองก็หน้าแดงเช่นกันเขาไม่ได้พบเวยเฉียงนานเกินไปแล้ว คิดถึงนางยิ่งหากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องกับซูฮ่วน พวกเขาคงเป็นสามีภรรยากันไปนานแล้วแขกที่มาในวันนี้บางส่วนเป็นสหายที่ดีในยุทธภพของซ่งหลี เจียงหลินก็มาเช่นกันคนหลังพอได้พบเฟิ่งจิ่วเ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ อาจารย์หญิง พวกท่านปิดบังอะไรข้ากันแน่”ฮูหยินเมิ่งมองนางอย่างลึกซึ้งจิ่วเหยียนถึงกับยอมตัดสัมพันธ์กับตน ก็จะไล่สืบเรื่องมนุษย์โอสถให้ได้ นางไร้กำลังที่จะทำอะไรแล้วจริง ๆจากนั้น นางก็เปิดปากพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและเศร้าโศก“ตอนนั้นสิงโจวเองก็รู้ถึงเรื่องมนุษย์โอสถ จึงแอบปกปิดตัวตนเข้าไปตรวจสอบ เขาเคยเขียนจดหมายให้พวกเรา บอกว่าพบแหล่งซ่องสุมของมนุษย์โอสถพวกนั้นแล้ว จะตามไปสืบต่อ หลังจากนั้น...”“ศิษย์พี่ถูกพวกเขาฆ่าตายหรือ?” เสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนดังขึ้นทันทีหลายปีมานี้ นางกลัวว่าจะทำให้อาจารย์และอาจารย์หญิงเศร้าใจ จึงไม่เคยตามเรื่องการตายของศิษย์พี่อย่างละเอียดมาโดยตลอดศิษย์พี่ผู้นั้นที่ดีกับนางมากที่สุด นางนึกว่าเขาไปช่วยเหลือคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุจนสิ้นชีพอย่างที่อาจารย์บอกในยามปกติฮูหยินเมิ่งทั้งใจเย็นและเข้มแข็งทว่ายามนี้เมื่อนึกถึงเรื่องของบุตรชาย นางสะอึกสะอื้นจนพูดต่อไม่ไหว จากนั้นก็ลุกแล้วเดินจากไปใบหน้าที่แข็งทื่อของแม่ทัพเมิ่ง เล่าเรื่องที่เหลือออกมา“อาจารย์หญิงของเจ้าตรวจศพด้วยตนเอง สิงโจวถูกตีจนหัวเข่
ต้วนเจิ้งที่มีท่าทางอ่อนแอ ทว่ายังมีแรงจะด่าคน“ไสหัวไป...ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติ! อย่ามาจับข้า...ไปไกล ๆ !”สาวใช้ผู้นั้นใจเย็นมาก ไม่ว่าเขาจะด่านางอย่างไร นางก็ยังป้อนยาให้เขาอย่างอดทนพอต้วนเจิ้งเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียน เขาก็เก็บอารมณ์ที่ระเบิดออกมาอยู่ทันที คล้ายกับได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจถึงที่สุด ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ใช่คนที่ด่าผู้อื่น แต่เป็นเขาที่ถูกด่า“ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้าไปใกล้ มองขาทั้งสองข้างของเขาที่ถูกมัดไว้กับแผ่นไม้ดวงตาของต้วนเจิ้งแดงขึ้น ราวกับมีความทุกข์ใจที่ยากจะพูดออกมา“เป็นหร่านชิว นางมัดข้าเอาไว้ นางอยากได้เถ้ากระดูกของพี่ข้า“ข้าไม่ยอมบอกนาง“นางดูดพลังภายในของข้าจนแห้ง...ใช่ เจ้าคงจะยังไม่รู้! นางฝึกเคล็ดวิชาดาราโรยหมื่นวิถี!”“กว่าข้าจะหนีออกมาได้ไม่ง่ายเลย ข้าตกลงมาจนขาหัก ทั้งหมดนี่เป็นนางที่ทำร้ายข้า!“เฟิ่งจิ่วเหยียน ท่านจะต้องช่วยข้าฆ่านาง!“คนผู้นี้ช่างน่าแค้นนัก!”หลังจากที่ต้วนเจิ้งถูกช่วยออกมา ก็ฝากคนให้ช่วยพาเขามาส่งที่จวนแม่ทัพชายแดนเหนือด้วยความช่วยเหลือของแม่ทัพเมิ่ง เขาจึงถูกส่งมารักษาที่เซียวเ
“โกหก” เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังเซียวอวี้พูดเรื่องของรุ่ยอ๋องจบ ก็วิเคราะห์ออกมาเช่นนี้ปริมาณสุราที่หร่วนฝูอวี้รับได้นั้น นางรู้ชัดอย่างยิ่ง ไม่มีทางดื่มจนเมาได้เว้นเสียแต่ว่าหร่วนฝูอวี้จะยินยอมแต่แสร้งทำเป็นเมาทว่าหร่วนฝูอวี้ชอบสตรี ดังนั้นนางไม่มีทางมีอะไรกับรุ่ยอ๋องเซียวอวี้เองก็เดาได้เช่นกัน เหตุใดหร่วนฝูอวี้ต้องทำเช่นนี้ด้วยนอกเสียจากจะอยากอยู่ในเมืองหลวงต่อ เพื่ออยู่ข้างกายจิ่วเหยียนสิ่งที่เขาไม่แน่ใจคือทัศนคติของรุ่ยอ๋องหากรุ่ยอ๋องชอบหร่วนฝูอวี้เข้า นับว่าเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วจริง ๆเขายังไม่ทันไตร่ตรองอย่างละเอียด เฟิ่งจิ่วเหยียนก็พูดขึ้นว่า“ฝ่าบาท ข้าจะไปชายแดนเหนือซักรอบ ออกเดินทางพรุ่งนี้”เซียวอวี้ได้สติทันที จากนั้นเขาก็กุมมือของนาง“ใกล้จะถึงพิธีสมรสแล้ว ไปชายแดนเหนือทำไมกัน?”เขาถูกทอดทิ้งหลายครั้งเกินไป จึงรู้ไม่สบายใจแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งเฉย นางตอบอย่างจริงจังว่า “เวยเฉียงจะแต่งงานแล้ว”เดิมทีกำหนดวันแต่งงานของเวยเฉียงคือสิ้นเดือนสิบเอ็ดของปีที่แล้วด้วยเหตุที่เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางบนภูเขาเทียนฉือ งานแต่งจึงเลื่อนออกไปเซียวอวี้เริ่มคำนวณวั
เฟิ่งจิ่วเหยียนลองกระบี่ แววตาคมกล้าเผยความแข็งแกร่งออกมาพอกระบี่ล้ำค่าอยู่ในมือ นางก็รู้สึกอยากฟันอะไรซักอย่าง เปิดคมกระบี่เสียหน่อย เซียวอวี้ที่เห็นนางชอบกระบี่ชื่อหยวนมาก รอยยิ้มในแววตาก็ยิ่งเผยความอ่อนโยนทว่าผ่านไปไม่นานก็รู้สึกว่าผิดปกตินางเอาใจใส่กระบี่มากกว่าเอาใจใส่เขาโดยเฉพาะแววตาที่นางมองกระบี่ ดูลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าเวลามองเขาเสียอีก!“เราไปดูฎีกาด้านนอกก่อน”ยามที่เซียวอวี้พูดประโยคนี้ ก็หวังว่านางจะมองตนทว่าสุดท้ายนางก็ยังจับกระบี่นั่นไปมา ไม่หันมามองไม่ส่งเสียงตอบรับ ไม่พูดอะไรซักคำเซียวอวี้: กระบี่นั่นมีดีขนาดนั้นเลยรึ?เซียวอวี้กักเก็บความเคืองโกรธเอาไว้แล้วก้าวยาว ๆ ออกไปด้านนอก อ่านฎีกาต่อเมื่อเห็นใบรายการสิ่งของที่ฝังลงหลุมศพของฮ่องเต้ไท่จงแคว้นเฉิน ความโกรธของเขาก็หายไปจนหมดแต่งกับภรรยาเช่นนี้ได้ ผู้เป็นสามีจะยังต้องการอะไรอีกเล่าเป็นเขาเองที่ใจแคบ เซียวอวี้ปลอบตนเองเรียบร้อย......นอกวังหลวงณ ตำหนักรุ่ยอ๋องช่วงนี้รุ่ยอ๋องถูกหร่วนฝูอวี้รัดตัวเอาไว้หมายถึงถูกรัดเอาไว้จริง ๆบนแขนของเขามีงูตัวหนึ่งพันอยู่ องครักษ์นาม หลิวหวา เป็นบุรุษร่า
เซียวอวี้รู้สึกมุทะลุน่าขันถึงว่านาง “สูญหาย” ไปหลายวัน ยังทำให้ตนเองกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ที่แท้ก็ไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของคนอื่น !เขาเดินมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน ยกมือเช็ดฝุ่นบนใบหน้าให้นางด้วยตนเอง“เรื่องอันตรายเช่นนี้ ทำไมเจ้าจะต้องไปทำด้วยตนเอง ?“เจ้ารออภิเษกอยู่อย่างสงบ ไม่ได้หรือ ? ”ตอนนี้ก็เหลือเพียงชุดแต่งงานยังปักไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นเขาสู่ขอนางเข้าวังมาตั้งแต่แรกแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกวี่วันทว่าครั้งนี้ถือว่าเข้าใจหัวอก ความรู้สึกของสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งในตอนนั้นตอนที่นางยังเป็นเด็ก ก็คง “อยู่ไม่เป็นสุข” เช่นนี้ วันทั้งวันวิ่งไปโน่นวิ่งไปนี่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง“หลุมฝังศพมีกลไกมาก ข้าก็อยากไปเรียนรู้”มองท่าทีแสวงหาความรู้ด้วยความตั้งใจจริงของนาง ในใจเซียวอวี้อ่อนไหวทันที ประคองใบหน้าของนางไว้ พร้อมจูบบนริมฝีปากของนางสองทีชื่นชอบนางอย่างมากจริง ๆ จนไม่รู้จะพรรณนายังไงเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกเขาจูบอย่างแรงจนเซถอยหลัง “พูดเรื่องจริงจัง สิ่งของที่ถูกฝังกับศพ ไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด...”เซียวอวี้ใช้มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยของนางไว้