หลังวางสายจากผู้จัดการโครงการ ซูหนิงจิงก็บอกเรื่องการติดตั้งแอร์ให้กับช่างทั้งสามคนทราบด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่รอก่อน เนื่องจากตอนนี้อุปกรณ์ที่เหลืออีกไม่มากกำลังจะติดตั้งเสร็จแล้ว หากพวกเขาทดสอบระบบเสียงก็จำเป็นจะต้องปิดห้องเพื่อเก็บเสียงด้วย เธอจึงกลัวว่าพวกเขาจะขาดอากาศหายใจกันเสียก่อน
“ตกลงครับคุณผู้หญิง อีกไม่ถึง 20 นาทีก็น่าจะติดตั้งระบบไฟเรียบร้อยทั้งหมดครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเตรียมของว่างเอาไว้ให้ระหว่างนั่งรอช่างแอร์มาติดตั้งหลังจากนี้ค่ะ”
พนักงานทั้งสามต่างขอบคุณซูหนิงจิงแล้วเร่งต่อระบบไฟและเก็บสายให้ดีเพื่อที่เวลามีคนเข้ามาในห้องอัดจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ
ซูหนิงจิงชวนซูหนิงเซียวเข้าไปเตรียมของว่างเอาไว้ให้ช่างทั้งสามคนก่อนที่พวกเขาจะทำงานเสร็จ กู่ซิงเห็นว่าตัวเองไม่มีอะไรทำก็ขอไปช่วยยกด้วยเช่นกัน
“อีกสักพักช่างแอร์จะเข้ามาติดแอร์ห้องอัดเสียงของลูกนะหนิงเซียว แม่แจ้งผู้จัด
หัวหน้าช่างหลังจากอธิบายการใช้งานหลายรูปแบบให้กับซูหนิงเซียวจบก็ชมเธอไม่น้อยกับคำถามต่าง ๆ ที่เธอสงสัย น้อยคนนักที่เขาไปติดตั้งให้จะกล้าถามคำถามเหล่านี้เพราะกลัวเสียหน้า แต่เด็กคนนี้ดูมีความพยายามทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการใช้งานเครื่องมิกซ์และอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้เขาประทับใจไม่น้อยและยิ่งอยากเห็นผลงานการแต่งเพลงของเด็กคนนี้ในอนาคตอีกด้วย“ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วยสอนจนหนูเข้าใจวิธีการใช้งานและเทคนิคต่าง ๆ”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ หวังว่าพวกผมจะได้ฟังผลงานเพลงดี ๆ จากคุณหนูหลังจากนี้นะครับ”ซูหนิงเซียวยิ้มรับคำของหัวหน้าช่างและชวนเขาออกไปด้านนอกเพื่อบอกแม่ของเธอว่าเรียนรู้กันเสร็จแล้ว จากนั้นซูหนิงจิง กู่ซิงและซูหนิงเซียวรอให้หัวหน้าช่างได้นั่งพักดื่มน้ำทานของว่างก่อนจะส่งพวกเขากลับพร้อมกันตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ซูหนิงจิงจึงให้ลูกสาวเก็บของว่างและน้ำดื่มทั้งหมดบนโต๊ะรับแขกเข้าไปล้างทำความสะอาด ส่วนเธอจะเตรียมอาหา
“ไม่เห็นจะยากเลยหนิงเซียว เธอก็เข้าไปดูในยูทูปหรือถามแฟนคลับในเว่ยป๋อของเธอก็ได้ว่าชอบฟังเพลงแนวไหน แล้วเธอค่อยหาตัวอย่างมาฟังแล้วทดลองแต่งเพลงในสไตล์ของตัวเองออกมา เดี๋ยวนี้หาข้อมูลง่ายจะตายไป”“นั่นสิ ๆ อย่างฉันนะชอบเพลงแนวน่ารัก ๆ สดใสเหมือนพวกไอดอลมากกว่า ฉันก็จะเลือกฟังแต่เพลงพวกนี้เวลาว่างนั่นแหละ แต่เวลาเล่นเปียโนฉันดันชอบเพลงแจ๊ส ก็เลยชอบเล่นเปียโนและแต่งเพลงแจ๊สมากกว่าเพราะมันสนุกดี”“อย่างนั้นเหรอ อืม ขอบใจพวกเธอนะที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้ฉัน ฉันจะลองหาข้อมูลและฟังเพลงหลาย ๆ แบบดูก่อนว่าตัวฉันเองชอบสไตล์ไหน แล้วค่อยแต่งออกมาน่าจะดีกว่า”สามสาวนั่งกินไปคุยไปจนเกือบจะห้าโมงเย็นแล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ซูหนิงเซียวส่งข้อความไปบอกแม่ของเธอก่อนแล้วว่าจะมานั่งกินไอศกรีมกับเพื่อนจึงไม่ได้กังวลว่าแม่จะเป็นห่วง เธอขับรถกลับคอนโดโดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีถึงแม้รถจะติดมากก็ตาม เพราะห้างอยู่ฝั่งเดียวกับคอนโดของเธอที่อยู่ไม่ไกลจึงขับรถได้อย่างสบาย ๆ
“น้องซูแน่ใจนะคะว่าจะไม่กู้เงินธนาคารสำหรับการลงทุนครั้งนี้”“แน่ใจค่ะพี่กู่ น้องคำนวณดูแล้วยังพอเหลือเงินสำหรับทำอย่างอื่นได้อีกสองร้อยกว่าล้านหยวน อย่าลืมว่าถ้าเราเริ่มโครงการได้สักครึ่งทางแล้วน้องจะให้บริษัทภายนอกมาขายโครงการของเรา เราสามารถนำเงินมัดจำของลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องของเรากลับมาได้ในเวลานั้นด้วยนะคะ”“ถ้าน้องซูมั่นใจ พี่เองก็จะช่วยดูแลเรื่องการขายโครงการอีกแรงหนึ่งค่ะ”“ขอบคุณพี่กู่มากนะคะที่คอยช่วยเหลือน้องมาตลอด อย่างน้อยน้องก็ยังมีพี่กู่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ น้องก็สบายใจมากแล้วค่ะ ส่วนเรื่องสัญญาเงินเดือนของพี่กู่ เราจะเริ่มทำกันเมื่อไหร่ดีคะ ตอนนี้พี่กู่ก็เข้าใจโครงการของน้องมากพอแล้ว หลังจากนี้เรายังต้องไปทำสัญญากับบริษัทของกวานจื้อจิว จ้านเกาและเจิ้งจุนอีกนะคะ น้องอยากเคลียร์เรื่องเงินเดือนของพี่ให้เสร็จด้วยเลยค่ะ”“พี่แล้วแต่น้องจะเสนอให้เลยค่ะ อย่างไรตอนนี้พี่ก็กินอยู่ฟรีกับน้องซ
ซูหนิงเซียวออกจากบ้านหลังทานอาหารเช้าเพื่อไปเรียนตามปกติ ซูหนิงจิง กับกู่ซิงก็นั่งคุยกันเรื่องสัญญาการจ้างงานที่ซูหนิงจิงส่งให้กู่ซิงอ่านดูก่อน“ขอบคุณมากนะคะน้องซูที่ไว้ใจพี่ พี่ลงชื่อเลยนะคะ”“ไม่มีปัญหาค่ะพี่กู่ ขอบคุณพี่กู่ด้วยนะคะที่ยอมทำงานกับน้อง หวังว่าหลังจากนี้เราจะช่วยกันดูแลงานและหนิงเซียวไปพร้อม ๆ กันได้อย่างดีด้วยค่ะ”กู่ซิงลงชื่อในเอกสารทั้งสองฉบับ โดยส่งฉบับหนึ่งให้ซูหนิงจิงเก็บเอาไว้ ส่วนเธอก็เก็บสัญญาเอาไว้กับตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ น้องซูไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้แค่รอให้หนิงเซียวทำงานเพลงออกมาได้เสียก่อน พี่จะค่อย ๆ ประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว่ยป๋อไปก่อนสำหรับซิงเกิ้ลแรก ส่วนเรื่องการวางแผนงานระยะยาว พี่อยากรอให้หนิงเซียวเรียนจบก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินสายแสดงคอนเสิร์ตของตัวเองถ้าเพลงของหนิงเซียวติดตลาดและมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นนะคะ”“ควา
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เราค่อยคิดกันหลังจากดูหนิงเซียวอีกสักปีสองปีก็ได้ค่ะ อย่างไรถ้าเราต้องใช้โปรดิวเซอร์จริง ๆ ก็ไม่น่าจะหายากนัก”ซูหนิงจิงพยักหน้าเห็นด้วยกับกู่ซิง ไม่นานนักพวกเธอก็ทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินก่อนจะออกจากร้านเพื่อไปซื้อหนังสือกันต่อ หลังจากซื้อหนังสือกันเกือบหนึ่งชั่วโมง กู่ซิงกับซูหนิงจิงก็ได้หนังสือหลายเล่มมาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ในเรื่องธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นรวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นที่กู่ซิงสนใจอีกด้วย ทั้งสองคนจ่ายค่าหนังสือต่าง ๆ แยกกันเพราะกู่ซิงไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาจ่ายเงินสำหรับหนังสือและสมุดโน้ตส่วนตัวของเธอ ซึ่งซูหนิงจิงก็ไม่ได้ขัดกู่ซิง เธอเข้าใจดีว่ากู่ซิงคงเกรงใจเหมือนเคย“น้องซูคิดว่าเรื่องธุรกิจออนไลน์น่าสนใจเหรอคะ พี่เห็นน้องซื้อมาอ่านหลายเล่มเลย”“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องยังไม่ค่อยมีความรู้มากนักว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ยังไง น้องเลยอยากศึกษาเอาไว้เผื่อว่าเราจะสามารถนำความรู
วันต่อมา ซูหนิงเซียวที่นั่งรอเพื่อนอยู่ก็ทบทวนเนื้อเพลงที่เธอแต่งได้เมื่อวานเพิ่มมาอีกหนึ่งท่อนโดยร้องคลอเบา ๆ พอเห็นว่าเนื้อเพลงเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็อัพเดทเว่ยป๋อเล่าเรื่องที่เธอกำลังแต่งเพลงให้กับผู้ติดตามของเธอฟังก่อนเข้าเรียนเหล่าผู้ติดตามที่เห็นข้อความของซูหนิงเซียวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าอยากฟังเพลงที่เธอแต่งกันเสียแล้ว ทำให้ซูหนิงเซียวได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่อย่างน้อยยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยากฟังเพลงของเธอ เธอรับปากพวกเขาว่าถ้าเธอแต่งเสร็จแล้วจะบันทึกเสียงและอัพเดทให้พวกเขาฟังเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะลาทุกคนในเว่ยป๋อเพื่อรอเข้าเรียนพร้อมเพื่อนที่เพิ่งมาถึงไม่นาน“นี่ ๆ เมื่อวานฉันแต่งได้ท่อนนึงแล้วนะเพลงเปียโน แต่ฉันคิดว่าชอบแนวป็อปร็อกมากกว่าอ่ะ” โจวเสี่ยวเซียนรีบนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง“ส่วนฉันชอบป็อปสบาย ๆ เหมือนหนิงเซียวมากกว่า ฉันก็แต่งได้ท่อนนึงเหมือนกัน วันนี้กลับไปฉันจะไปนั่งแต่งต่อให้ได้มากที่สุด ยังไงพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ก็วันหยุด ฉันว่าน่าจะแ
ซูหนิงเซียวได้แต่เสียใจแทนฟ่านเหลียนที่ถูกอาจารย์คาดโทษ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อฟ่านเหลียนทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์ตัดสินโทษไปแล้ว เธอจึงได้ขอตัวกลับพร้อมเพื่อน ๆ และบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอยู่ห่าง ๆอาจารย์ประจำชมรมและรุ่นพี่ปีสอง ปีสามที่เห็นซูหนิงเซียวมีบอดี้การ์ดเป็นครั้งแรกต่างมั่นใจแล้วว่าเธอไม่น่าจะเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งธรรมดา ๆ เพราะปกติแล้วขนาดรุ่นพี่ที่เป็นดารามาเรียน พวกเขายังไม่เคยมีบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเลย ที่นี่ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาง่าย ๆ อีกด้วย แสดงว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษแน่“เรื่องซูหนิงเซียว ทุกคนก็อย่าไปก่อกวนเธอเข้าล่ะ จะได้ไม่มีปัญหา เท่าที่อาจารย์ดูมา กลุ่มของเธอไม่เคยทำตัวไม่ดีเหมือนกลุ่มของฟ่านเหลียน ดังนั้นก็ดูแลพวกเธอให้เหมือนรุ่นน้องที่ดี ๆ คนอื่น ๆ ก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะอาจารย์ พวกเราเข้าใจดีค่ะ อีกอย่างพวกน้อง ๆ ให้ความร่วมมือกับชมรมมาตลอด เวลาพูดคุยก็ให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างพวกเราด้วยค่ะ”
กว่าซูหนิงเซียวจะตื่นก็เกือบ 11 โมงแล้ว เธอรีบอาบน้ำแล้วไปหาข้าวทานในครัวอย่างรู้หน้าที่ โดยทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งคุยกันและอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาก่อนจะไปทานอาหารเช้ารวมมื้อเที่ยงด้วยเลย เธออยากเอาทำนองเข้าใส่ในเนื้อเพลงมากจริง ๆ และอยากรู้ว่าเธอจะสามารถร้องเพลงได้ดีหรือไม่ด้วยซูหนิงจิงกับกู่ซิงต่างนั่งอ่านหนังสือรอให้ซูหนิงเซียวทานอาหารเสร็จก่อนจะได้สอบถามว่าเมื่อคืนนี้ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งคู่รอไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ออกจากห้องครัวมานั่งเล่นกับแม่และป้ากู่ของเธอก่อนจะเข้าไปทำงานในห้องอัด“เมื่อคืนทำงานเป็นยังไงบ้างหนิงเซียว”“หนูแต่งเนื้อเพลงเสร็จแล้วค่ะป้ากู่ วันนี้ว่าจะลองใส่ทำนองและร้องลองดูค่ะ”“ดึกมั้ยลูกเมื่อคืน”“ประมาณตีหนึ่งค่ะแม่ แต่วันนี้หนูได้นอนเต็มที่แล้วนะคะ เที่ยงนี้หนูยังอิ่มอยู่ แม่กับป้ากู่กินข้าวกันสองคนไปก่อนนะคะ มื้อเย็นเดี๋ยวหนูช่วยทำกับข้าว”
สายวันต่อมา จ้านหย่งเหอและจ้านเซียงชิงมาพร้อมพ่อบ้านที่จัดเตรียมอาหารสำหรับคนป่วยเพื่อเยี่ยมหลานชาย ซูหนิงจิงยังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าฝากพ่อบ้านนำมาให้ลูกสาวของเธอที่เฝ้าดูแลจ้านเกาเช่นเดียวกัน กู่ซิงวันนี้เธอต้องจัดการเรื่องรับสมัครพนักงานทางออนไลน์จึงไม่ออกมาด้วย มีเพียงซูหนิงจิงที่เดินทางไปทำงานพร้อมบอดี้การ์ดตามปกติ ระหว่างทางซูหนิงจิงให้เพื่อนของเธอสืบหาตัวการที่ทำร้ายจ้านเกาและบอกเขาให้เอาคืนคนที่กล้าทำร้ายว่าที่ลูกเขยของเธอด้วย โดยครั้งนี้ซูหนิงจิงจะช่วยเพื่อนขยายกิจการไปยังเมืองต่าง ๆ เป็นการตอบแทน เติ้งโหย่วมีหรือจะไม่ชอบใจกับข้อตกลงของซูหนิงจิง เขาอยากขยายสาขามานานมากแล้ว ติดเพียงแค่เงินทุนและระบบการจัดการบริหารเท่านั้นที่เขาไม่ค่อยจะมีความรู้ ส่วนลูกน้องของเขาก็มีมากมายที่สามารถวางใจให้ไปดูแลสาขาต่าง ๆ ได้ในอนาคต เมื่อได้รับการตอบรับจากเติ้งโหย่วแล้ว ซูหนิงจิงก็วางสายอย่างสบายใจ เธอไม่กลัวว่าเขาจะทำงานไม่สำเร็จ ในเมื่อเขามีอิทธิพลมากในวงการใต้ดิน มีหัวโจกหลายกลุ่มต้องการล้มเขามานาน แต่ด้วยระบบการจัดการที่ซูหนิงจิ
วันนี้กว่าที่จ้านเกาจะเสร็จจากงานในบริษัท เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบจะสามทุ่มแล้ว เขาเก็บเอกสารส่งให้เค่อหานนำไปเก็บเพื่อส่งต่อให้บริษัทในเครือวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะออกจากห้องทำงานไปพร้อมบอดี้การ์ดส่วนตัวตามปกติ คนของเจียวจิ้งเหอเฝ้าดูกิจวัตรประจำวันของจ้านเกามาสองวันแล้ว วันนี้พวกเขาจึงคิดจะลงมือโดยดักซุ่มรอที่ทางผ่านกลับบ้านตระกูลจ้านซึ่งขณะนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา พวกเขาจอดรถแอบเอาไว้ที่ซอยใกล้กับถนนใหญ่ ก่อนที่จะไปซุ่มรอที่หลังต้นไม้ริมทางทั้งสี่คน แต่ละคนเตรียมปืนออโตเมติกสมรรถนะสูงมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขารับงานมาจากเจ้านายแล้วจึงต้องทุ่มสุดตัว ขบวนรถของจ้านเกามาถึงจุดที่คนของเจียวจิ้งเหอดักรออยู่ในอีก 30 นาทีต่อมา ขณะที่รถทั้งสองคันกำลังจะผ่านทางไป กลุ่มกระสุนแถวแรกก็สาดเข้าใส่รถทั้งสองคันอย่างไม่สนใจว่าใครจะบาดเจ็บล้มตาย คนขับเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเร่งเครื่องให้ผ่านทางอันตรายไปโดยเร็ว ถึงแม้รถทั้งสองคันจะกันกระสุนได้ก็จริง แต่ปืนที่คนร้ายใช้กลับสามารถส่งคมกระสุนเจาะทะลุผ่านกระจกรถได้อย่างไม่ลำบาก แต่ยิ่งขับไปด้านหน้ามากเท่า
ด้านหลงเอ้อหลางกับพวกที่ถูกคุมขังอยู่กลับไม่มีความสุขนัก พวกเขาถูกพ่อด่ากันอีกครั้ง แถมครั้งนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัวเพราะเป็นคดีร้ายแรง ทำให้ทั้งหกคนถูกฝากขังที่ศาลก่อนจะถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรกในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า บรรดาแม่ ๆ ของพวกเขาต่างร้อนรนที่ลูกต้องเข้าไปอยู่ในคุกแบบนี้ พวกเธออาละวาดจนสามีแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งกับหลงฮ่าวที่ได้รับรายงานเรื่องทั้งหมดจากบอดี้การ์ดด้วยแล้ว เขายิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกจนไม่คิดจะช่วยอะไรลูกชาย“คุณไม่คิดจะหาทางช่วยเอ้อหลางเลยหรือยังไง เขาเป็นลูกชายของคุณนะ!”“ฮึ แล้วใครใช้ให้มันไปลักพาตัวคู่หมั้นจ้านเกาล่ะ คุณคิดว่าผมจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อนี่เป็นคดีร้ายแรง”“คุณก็ไปบอกไอ้จ้านเกานั่นไม่ให้มันเอาเรื่องลูกชายฉันสิ”“นี่คุณคิดว่าเขาจะยอมง่าย ๆ เหรอ? คุณก็รู้ว่าเขาเกลียดผมมากแค่ไหนน่ะ”“ฮึ คุณมันไม่ได้เรื่อง ฉันไปให้พ่อฉันช่วยลูกก็ได้ คอยดูนะ ฉันจะจัดการไอ้จ้านเกานั่นให้ดู!” เจียวจูเดินปึงปังออกจากบ้านไปอย่างไม่เหลียวหลังมามองว่าสามีของเธอมี
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินทางมาถึงบ้านตระกูลจ้านก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงยังคงนั่งรอพวกเธออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนหลานชายพวกเขาก็ไปอยู่เป็นเพื่อนซูหนิงเซียวที่ห้องด้านบนพร้อมกับแม่บ้านหลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินขึ้นไปห้องของซูหนิงเซียวโดยมีพ่อบ้าน แม่บ้านช่วยกันยกกระเป๋าของพวกเธอตามขึ้นไปด้วย ระหว่างทางซูหนิงจิงยังได้รับการปลอบโยนจากสองผู้อาวุโสจนเธอใจชื้นขึ้นบ้างหลังจากที่กังวลมาตลอดตั้งแต่ทราบเรื่องของลูกสาว เมื่อซูหนิงจิงเห็นลูกของเธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงคุยกับจ้านเกาที่นั่งเก้าอี้ข้างเตียงเข้า น้ำตาของเธอก็รื้นขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปกอดซูหนิงเซียวเอาไว้อย่างแสนรักที่เตียงอีกด้านหนึ่ง คนอื่น ๆ เห็นซูหนิงจิงที่เข้มแข็งมาตลอดเป็นเช่นนี้ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงเป็นห่วงลูกมาก จ้านหย่งเหอไม่อยากรบกวนสองแม่ลูก เขาจึงชวนทุกคนไปนั่งที่ห้องรับแขกบนชั้นสองรอให้ซูหนิงจิงพูดคุยกับลูกสาวสักพักก่อนเพื่อคลายความเป็นห่วง ซูหนิงเซียวที่ได้รับอ้อมกอดอุ่นจากแม่ของเธอก็สะอื้นขึ้นมาอีกคร
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี