ซูหนิงเซียวได้แต่เสียใจแทนฟ่านเหลียนที่ถูกอาจารย์คาดโทษ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อฟ่านเหลียนทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์ตัดสินโทษไปแล้ว เธอจึงได้ขอตัวกลับพร้อมเพื่อน ๆ และบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอยู่ห่าง ๆ
อาจารย์ประจำชมรมและรุ่นพี่ปีสอง ปีสามที่เห็นซูหนิงเซียวมีบอดี้การ์ดเป็นครั้งแรกต่างมั่นใจแล้วว่าเธอไม่น่าจะเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งธรรมดา ๆ เพราะปกติแล้วขนาดรุ่นพี่ที่เป็นดารามาเรียน พวกเขายังไม่เคยมีบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเลย ที่นี่ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาง่าย ๆ อีกด้วย แสดงว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษแน่
“เรื่องซูหนิงเซียว ทุกคนก็อย่าไปก่อกวนเธอเข้าล่ะ จะได้ไม่มีปัญหา เท่าที่อาจารย์ดูมา กลุ่มของเธอไม่เคยทำตัวไม่ดีเหมือนกลุ่มของฟ่านเหลียน ดังนั้นก็ดูแลพวกเธอให้เหมือนรุ่นน้องที่ดี ๆ คนอื่น ๆ ก็แล้วกันนะ”
“ได้ค่ะอาจารย์ พวกเราเข้าใจดีค่ะ อีกอย่างพวกน้อง ๆ ให้ความร่วมมือกับชมรมมาตลอด เวลาพูดคุยก็ให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างพวกเราด้วยค่ะ”
<กว่าซูหนิงเซียวจะตื่นก็เกือบ 11 โมงแล้ว เธอรีบอาบน้ำแล้วไปหาข้าวทานในครัวอย่างรู้หน้าที่ โดยทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งคุยกันและอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาก่อนจะไปทานอาหารเช้ารวมมื้อเที่ยงด้วยเลย เธออยากเอาทำนองเข้าใส่ในเนื้อเพลงมากจริง ๆ และอยากรู้ว่าเธอจะสามารถร้องเพลงได้ดีหรือไม่ด้วยซูหนิงจิงกับกู่ซิงต่างนั่งอ่านหนังสือรอให้ซูหนิงเซียวทานอาหารเสร็จก่อนจะได้สอบถามว่าเมื่อคืนนี้ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งคู่รอไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ออกจากห้องครัวมานั่งเล่นกับแม่และป้ากู่ของเธอก่อนจะเข้าไปทำงานในห้องอัด“เมื่อคืนทำงานเป็นยังไงบ้างหนิงเซียว”“หนูแต่งเนื้อเพลงเสร็จแล้วค่ะป้ากู่ วันนี้ว่าจะลองใส่ทำนองและร้องลองดูค่ะ”“ดึกมั้ยลูกเมื่อคืน”“ประมาณตีหนึ่งค่ะแม่ แต่วันนี้หนูได้นอนเต็มที่แล้วนะคะ เที่ยงนี้หนูยังอิ่มอยู่ แม่กับป้ากู่กินข้าวกันสองคนไปก่อนนะคะ มื้อเย็นเดี๋ยวหนูช่วยทำกับข้าว”
หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียน ซูหนิงเซียวและอาจารย์ต่างนั่งฟังเพลงบรรเลงที่กำลังเปิดอยู่อย่างตั้งใจ ซึ่งเพลงที่พวกเธอได้ฟังนั้นเป็นเพลงแจ๊สในแนวสนุกสนาน ฟังสบายจนทำให้ทุกคนต่างยิ้มตามจังหวะดนตรีไปด้วย เพลงของหานลู่หรงใช้เวลาเล่นอยู่นานเกือบ 5 นาที กว่าจะถึงตอนจบของเพลงบรรเลงคนอื่น ๆ ในห้องต่างปรบมือให้หานลู่หรงที่สามารถแต่งเพลงสนุก ๆ แบบนี้ได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งเพลงของเธอยังไม่มีจุดไหนสะดุดหรือติดขัดแต่กลับลื่นไหลไปตามโน้ตที่เธอเล่นออกมาตามอารมณ์ในขณะอัดเสียง หลังเสียงปรบมือหยุดลง อาจารย์ก็ให้คำแนะนำหานลู่หรงตามประสบการณ์ที่เธอมี“การบรรเลงทำได้อย่างดีเยี่ยม สมแล้วที่เธอเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กนะหานลู่หรง เพียงแต่บางท่อนยังคล้ายกับเพลงของนักเปียโนอื่นอยู่บ้าง ทำให้ความเป็นตัวเองของเธอไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ในเพลงบรรเลงบทนี้ ต่อไปลองไม่ฟังเสียงเปียโนคนอื่นดูแล้วแต่งไปตามอารมณ์และเป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่ ไม่ว่าเพลงจะออกมาแบบไหน ก็ใช้อารมณ์ตอนนั้นเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาบทเพลงบรรเลงให้เป็นตัวเอ
ซูหนิงเซียวกลับถึงบ้านเกือบหกโมงเย็น เธอรีบทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกพร้อมรอยยิ้ม“วันนี้ทำไมกลับเย็นนักล่ะลูก”“นั่นสิ ปกติวันนี้หนิงเซียวเลิกเร็วไม่ใช่เหรอ”“หนูกับเพื่อนส่งเพลงให้อาจารย์ช่วยฟังและขอคำแนะนำอยู่น่ะค่ะ เลยกลับช้าไปหน่อย แม่กับป้ากู่ไปกินข้าวกันเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูเก็บของแล้วจะรีบตามไป”ซูหนิงจิงกับกู่ซิงพยักหน้ารับคำซูหนิงเซียว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อรอทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ตามไปที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวร่วมกับแม่และป้ากู่ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเล่าให้ทั้งสองคนฟังว่าอาจารย์ให้คำแนะนำกับเธอเรื่องเพลงที่ทำออกมาอย่างไรบ้าง และเธอจะแก้ไขงานเพลงที่ทำไปทีหลัง ตอนนี้ใกล้ช่วงสอบกลางภาคแล้ว เธอจึงจะต้องทบทวนตำราเรียนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ“ลูกทำตารางอ่านหนังสือเอาไว้หรือยังเทอมนี
สิบโมงเช้า คนของเจิ้งจุนก็มาถึงคอนโดของซูหนิงจิง เธอทักทายก่อนจะชวนให้เขานำใบเสนอราคามาอธิบายเบื้องต้นให้เธอกับกู่ซิงฟังก่อนจะรับเอกสารเอาไว้และฝากบอกเขาให้แจ้งเจิ้งจุนว่าจะโทรให้คนกลับมารับเอกสารหลังจากที่เธอตรวจสอบราคาเสร็จเลขาของเจิ้งจุนเป็นคนมาส่งเอกสารเองรับปากกับซูหนิงจิงว่าจะนำข้อความของเธอไปแจ้งให้เจิ้งจุนทราบ ก่อนจะขอตัวกลับไป ซูหนิงจิงจึงลุกขึ้นไปส่งเขาที่หน้าประตูแล้วกลับมานั่งตรวจสอบใบเสนอราคาในแฟ้มเอกสารที่ได้รับมากู่ซิงเห็นว่าซูหนิงจิงกำลังตรวจสอบครั้งแรกตามปกติ เธอจึงนั่งอ่านหนังสือรอจนกว่าซูหนิงจิงจะส่งเอกสารบางส่วนมาให้เธอตรวจสอบซ้ำอีกครั้งกวานจื้อจิวกับทีมงานในบริษัทประชุมวางแผนการก่อสร้างเสร็จในช่วงบ่ายของวันนี้ เขาสั่งให้ใช้ทรัพยากรในการทำโครงการนี้ให้เต็มที่เพื่อความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยทีมงานเผื่อระยะเวลาการก่อสร้างเอาไว้ถึงสามเดือนเนื่องจากเป็นอาคารหลังใหญ่และมีถึง 30 ชั้น แต่ละชั้นยังมีรายละเอียดแตกต่างกัน รวมระยะเวลาการก่อสร้างที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
ณ คฤหาสน์ครอบครัวจ้าวในเมืองหลวงวันนี้ซูหนิงจิงไปรับลูกสาวกลับจากโรงเรียนในตอนเย็น เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอกลับพบว่าสามีพาผู้หญิงสวยคนหนึ่งพร้อมกับเด็กชายหญิงอีกสองคนนั่งรอเธอกับลูกอยู่ที่ห้องรับแขก ซูหนิงจิงบอกให้ลูกขึ้นไปรอที่ห้องก่อน“แม่คะ หนูจะอยู่กับแม่”“แม่ไม่เป็นไรลูก ลูกขึ้นไปรอแม่อยู่ในห้องดี ๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟังทีหลัง”“ก็ได้ค่ะ แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”“แม่รู้จ๊ะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ รีบไปเถอะ”จ้าวหนิงเซียวได้แต่หันมองแม่ของเธอระหว่างที่เดินกลับขึ้นไปยังห้องของตนเองที่อยู่บนชั้นสองของบ้านด้วยความเป็นห่วง เธอไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความ สิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เธอพอจะเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอซูหนิงจิงเดินไปนั่งที่เก้าอีกอีกตัวที่ว่างอยู่ เธอมองสามีด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากคนที่เป็นสามีและคนที่ช่วยกันสร้างบริษัทขึ้นมาจนมีฐานะร่ำรวยอยู่ในทุกวันนี้“นี่หลิวอ้ายโหรวภรรยาอีกคนของผม ส่วนเด็กสองคนนั้นก็เป็นลูกของผมเช่นกัน บ้านหลังนี้ไม่ใช่เล็ก ๆ ผมอยากให้เธอกับลูกเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย คุณคิดว่ายังไง
ซูหนิงจิงเดินไปถึงห้องอาหารแล้วก็เห็นว่าแม่บ้านตั้งโต๊ะพร้อมแล้ว ในบ้านหลังใหญ่นี้มีแม่บ้านอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกเธอจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้านายมาแต่ไหนแต่ไร จึงทำให้สามารถทำงานอยู่ที่นี่ได้นานเกือบสิบปีตั้งแต่ที่ซูหนิงจิงกับจ้าวไห่ถังซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อแปดปีก่อน“พวกคุณออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณหนูก็ลงมาแล้ว ค่อยมาเก็บทีหลังก็แล้วกัน”“ค่ะ คุณผู้หญิง”แม่บ้านทั้งสามคนที่ทำงานครัวออกจากห้องอาหารไปอย่างรู้งาน ช่วงหลายปีหลังมานี้คุณผู้ชายไม่เคยกลับมากินข้าวที่บ้านเลย จะมีก็แต่คุณผู้หญิงกับคุณหนูเท่านั้นที่กลับมาอยู่ที่นี่ตลอด แต่พวกเธอก็ไม่กล้าสอบถามอะไรให้ถูกไล่ออกเพราะสอดรู้สอดเห็นเรื่องเจ้านายไม่นานนักจ้าวหนิงเซียวก็มาถึงห้องอาหาร เธอนั่งลงที่เก้าอี้ประจำแล้วคอยตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้แม่อย่างเอาใจใส่ ซูหนิงจิงเองก็คอยตักอาหารให้ลูกสาวเช่นเดียวกัน สองแม่ลูกต่างมีรอยยิ้มมอบให้กันถึงแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องราวหนักหนาสาหัสมาได้ไม่นาน นี่เป็นเพราะซูหนิงจิงที่มั่นใจในตัวเองมากและวางแผนอนาคตเอาไว้เสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้ายเข้ามา อย่างน้อยตอนนี้บริษัทที่เธอกับจ้าวไห่ถังสร้างมาก็ทำกำไรต่อปีได
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ซูหนิงจิงเรียกให้แม่บ้านมาช่วยยกกล่องกระดาษขึ้นไปยังห้องของเธอและลูกโดยแบ่งกล่องกันคนละครึ่งจากที่ซื้อมา ส่วนเทปติดกล่องก็แบ่งกันคนละครึ่งเช่นเดียวกัน แม่บ้านไม่สอบถามอะไรมากมายเช่นเคย พวกเธอช่วยคุณผู้หญิงกับคุณหนูยกกันคนละไม้คนละมือขึ้นไปที่ห้องของเจ้านายแต่ละคน หลังจากยกขึ้นไปแล้ว ซูหนิงจิงก็บอกให้พวกเธอออกไปก่อน แล้วค่อยเตรียมอาหารเย็นให้เธอกับลูกทีหลัง แม่บ้านทั้งสามรับคำของคุณผู้หญิงก่อนจะออกจากห้องไปทำหน้าที่อย่างอื่นก่อนถึงเวลาทำอาหารเย็นให้พวกเธอซูหนิงจิงมองภาพห้องนอนที่มีสิ่งของต่าง ๆ มากมายของเธอพร้อมกับถอนหายใจยาว ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ซูหนิงจิงก็จะไม่คิดถึงวันเวลาที่แย่ ๆ อีกต่อไป เธอเริ่มเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดลงในกล่องและเหลือไว้เพียงชุดที่จะใส่พรุ่งนี้เท่านั้น ซูหนิงจิงเปิดเซฟที่มีเครื่องประดับที่เธอสะสมเอาไว้เก็บใส่กล่องกระดาษทั้งหมด ถ้าไปถึงที่ก้านโจวแล้วเธอค่อยหาซื้อตู้เซฟใหม่มาเก็บเอาไว้ทีหลัง โชคดีที่จ้าวไห่ถังไม่แอบเอาเครื่องประดับของเธอไปให้ผู้หญิงคนนั้นด้านซูหนิงเซียวเองก็เก็บหนังสือเรียนของเธอลงกล่องจนหมด แล้วจึงเริ่มเก็บเสื้อผ้ามากมายที่แม่ซื้
ซูหนิงจิงมองป้ายซอยตามที่เจ้าของบ้านบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขับนำรถขนของไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านที่เจ้าของบ้านโบกมือรออยู่ รถสองคันจอดต่อกันก่อนที่ซูหนิงจิงจะลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายเพื่อจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและค่าประกันทั้งหมดสองหมื่นหยวน ซูหนิงจิงอ่านเอกสารก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าบ้านให้เรียบร้อยเจ้าของบ้านมอบกุญแจบ้านทั้งพวงให้กับซูหนิงจิง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเช่นกัน“พวกคุณขนของเข้าไปวางไว้ในบ้านได้เลยค่ะ ฉันจะโอนค่าใช้จ่ายให้บริษัทของคุณตามที่ตกลงกันเอาไว้”“ครับ คุณผู้หญิง ขอบคุณมากครับ”ชายทั้งสองช่วยกันยกกล่องทั้งหมดลงจากรถไปโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ซูหนิงจิงเห็นว่าพวกเขาทำงานดีก็มอบเงินให้พวกเขาคนละหนึ่งพันหยวนเป็นค่าตอบแทนที่พวกเขาช่วยยกของให้พวกเธอสองแม่ลูกชายทั้งสองกล่าวขอบคุณก่อนที่จะพากันขึ้นรถเพื่อขับกลับไปยังเมืองหลวงทันที พวกเขาคิดว่าน่าจะไปถึงตอนมืดแล้วเป็นแน่ เพราะระยะทางไกลไม่น้อย“ลูกเข้าไปดูในบ้านก่อนสิว่าพอจะอยู่ได้สักสองเดือนไหม พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาที่เรียนแต่เช้า เราจะได้หาข้าวเช้ากินด้วย ถ้าออกไปซื้ออาหารตอนนี้น่
สิบโมงเช้า คนของเจิ้งจุนก็มาถึงคอนโดของซูหนิงจิง เธอทักทายก่อนจะชวนให้เขานำใบเสนอราคามาอธิบายเบื้องต้นให้เธอกับกู่ซิงฟังก่อนจะรับเอกสารเอาไว้และฝากบอกเขาให้แจ้งเจิ้งจุนว่าจะโทรให้คนกลับมารับเอกสารหลังจากที่เธอตรวจสอบราคาเสร็จเลขาของเจิ้งจุนเป็นคนมาส่งเอกสารเองรับปากกับซูหนิงจิงว่าจะนำข้อความของเธอไปแจ้งให้เจิ้งจุนทราบ ก่อนจะขอตัวกลับไป ซูหนิงจิงจึงลุกขึ้นไปส่งเขาที่หน้าประตูแล้วกลับมานั่งตรวจสอบใบเสนอราคาในแฟ้มเอกสารที่ได้รับมากู่ซิงเห็นว่าซูหนิงจิงกำลังตรวจสอบครั้งแรกตามปกติ เธอจึงนั่งอ่านหนังสือรอจนกว่าซูหนิงจิงจะส่งเอกสารบางส่วนมาให้เธอตรวจสอบซ้ำอีกครั้งกวานจื้อจิวกับทีมงานในบริษัทประชุมวางแผนการก่อสร้างเสร็จในช่วงบ่ายของวันนี้ เขาสั่งให้ใช้ทรัพยากรในการทำโครงการนี้ให้เต็มที่เพื่อความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยทีมงานเผื่อระยะเวลาการก่อสร้างเอาไว้ถึงสามเดือนเนื่องจากเป็นอาคารหลังใหญ่และมีถึง 30 ชั้น แต่ละชั้นยังมีรายละเอียดแตกต่างกัน รวมระยะเวลาการก่อสร้างที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
ซูหนิงเซียวกลับถึงบ้านเกือบหกโมงเย็น เธอรีบทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกพร้อมรอยยิ้ม“วันนี้ทำไมกลับเย็นนักล่ะลูก”“นั่นสิ ปกติวันนี้หนิงเซียวเลิกเร็วไม่ใช่เหรอ”“หนูกับเพื่อนส่งเพลงให้อาจารย์ช่วยฟังและขอคำแนะนำอยู่น่ะค่ะ เลยกลับช้าไปหน่อย แม่กับป้ากู่ไปกินข้าวกันเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูเก็บของแล้วจะรีบตามไป”ซูหนิงจิงกับกู่ซิงพยักหน้ารับคำซูหนิงเซียว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อรอทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ตามไปที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวร่วมกับแม่และป้ากู่ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเล่าให้ทั้งสองคนฟังว่าอาจารย์ให้คำแนะนำกับเธอเรื่องเพลงที่ทำออกมาอย่างไรบ้าง และเธอจะแก้ไขงานเพลงที่ทำไปทีหลัง ตอนนี้ใกล้ช่วงสอบกลางภาคแล้ว เธอจึงจะต้องทบทวนตำราเรียนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ“ลูกทำตารางอ่านหนังสือเอาไว้หรือยังเทอมนี
หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียน ซูหนิงเซียวและอาจารย์ต่างนั่งฟังเพลงบรรเลงที่กำลังเปิดอยู่อย่างตั้งใจ ซึ่งเพลงที่พวกเธอได้ฟังนั้นเป็นเพลงแจ๊สในแนวสนุกสนาน ฟังสบายจนทำให้ทุกคนต่างยิ้มตามจังหวะดนตรีไปด้วย เพลงของหานลู่หรงใช้เวลาเล่นอยู่นานเกือบ 5 นาที กว่าจะถึงตอนจบของเพลงบรรเลงคนอื่น ๆ ในห้องต่างปรบมือให้หานลู่หรงที่สามารถแต่งเพลงสนุก ๆ แบบนี้ได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งเพลงของเธอยังไม่มีจุดไหนสะดุดหรือติดขัดแต่กลับลื่นไหลไปตามโน้ตที่เธอเล่นออกมาตามอารมณ์ในขณะอัดเสียง หลังเสียงปรบมือหยุดลง อาจารย์ก็ให้คำแนะนำหานลู่หรงตามประสบการณ์ที่เธอมี“การบรรเลงทำได้อย่างดีเยี่ยม สมแล้วที่เธอเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กนะหานลู่หรง เพียงแต่บางท่อนยังคล้ายกับเพลงของนักเปียโนอื่นอยู่บ้าง ทำให้ความเป็นตัวเองของเธอไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ในเพลงบรรเลงบทนี้ ต่อไปลองไม่ฟังเสียงเปียโนคนอื่นดูแล้วแต่งไปตามอารมณ์และเป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่ ไม่ว่าเพลงจะออกมาแบบไหน ก็ใช้อารมณ์ตอนนั้นเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาบทเพลงบรรเลงให้เป็นตัวเอ
กว่าซูหนิงเซียวจะตื่นก็เกือบ 11 โมงแล้ว เธอรีบอาบน้ำแล้วไปหาข้าวทานในครัวอย่างรู้หน้าที่ โดยทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งคุยกันและอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาก่อนจะไปทานอาหารเช้ารวมมื้อเที่ยงด้วยเลย เธออยากเอาทำนองเข้าใส่ในเนื้อเพลงมากจริง ๆ และอยากรู้ว่าเธอจะสามารถร้องเพลงได้ดีหรือไม่ด้วยซูหนิงจิงกับกู่ซิงต่างนั่งอ่านหนังสือรอให้ซูหนิงเซียวทานอาหารเสร็จก่อนจะได้สอบถามว่าเมื่อคืนนี้ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งคู่รอไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ออกจากห้องครัวมานั่งเล่นกับแม่และป้ากู่ของเธอก่อนจะเข้าไปทำงานในห้องอัด“เมื่อคืนทำงานเป็นยังไงบ้างหนิงเซียว”“หนูแต่งเนื้อเพลงเสร็จแล้วค่ะป้ากู่ วันนี้ว่าจะลองใส่ทำนองและร้องลองดูค่ะ”“ดึกมั้ยลูกเมื่อคืน”“ประมาณตีหนึ่งค่ะแม่ แต่วันนี้หนูได้นอนเต็มที่แล้วนะคะ เที่ยงนี้หนูยังอิ่มอยู่ แม่กับป้ากู่กินข้าวกันสองคนไปก่อนนะคะ มื้อเย็นเดี๋ยวหนูช่วยทำกับข้าว”
ซูหนิงเซียวได้แต่เสียใจแทนฟ่านเหลียนที่ถูกอาจารย์คาดโทษ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อฟ่านเหลียนทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์ตัดสินโทษไปแล้ว เธอจึงได้ขอตัวกลับพร้อมเพื่อน ๆ และบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอยู่ห่าง ๆอาจารย์ประจำชมรมและรุ่นพี่ปีสอง ปีสามที่เห็นซูหนิงเซียวมีบอดี้การ์ดเป็นครั้งแรกต่างมั่นใจแล้วว่าเธอไม่น่าจะเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งธรรมดา ๆ เพราะปกติแล้วขนาดรุ่นพี่ที่เป็นดารามาเรียน พวกเขายังไม่เคยมีบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเลย ที่นี่ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาง่าย ๆ อีกด้วย แสดงว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษแน่“เรื่องซูหนิงเซียว ทุกคนก็อย่าไปก่อกวนเธอเข้าล่ะ จะได้ไม่มีปัญหา เท่าที่อาจารย์ดูมา กลุ่มของเธอไม่เคยทำตัวไม่ดีเหมือนกลุ่มของฟ่านเหลียน ดังนั้นก็ดูแลพวกเธอให้เหมือนรุ่นน้องที่ดี ๆ คนอื่น ๆ ก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะอาจารย์ พวกเราเข้าใจดีค่ะ อีกอย่างพวกน้อง ๆ ให้ความร่วมมือกับชมรมมาตลอด เวลาพูดคุยก็ให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างพวกเราด้วยค่ะ”
วันต่อมา ซูหนิงเซียวที่นั่งรอเพื่อนอยู่ก็ทบทวนเนื้อเพลงที่เธอแต่งได้เมื่อวานเพิ่มมาอีกหนึ่งท่อนโดยร้องคลอเบา ๆ พอเห็นว่าเนื้อเพลงเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็อัพเดทเว่ยป๋อเล่าเรื่องที่เธอกำลังแต่งเพลงให้กับผู้ติดตามของเธอฟังก่อนเข้าเรียนเหล่าผู้ติดตามที่เห็นข้อความของซูหนิงเซียวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าอยากฟังเพลงที่เธอแต่งกันเสียแล้ว ทำให้ซูหนิงเซียวได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่อย่างน้อยยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยากฟังเพลงของเธอ เธอรับปากพวกเขาว่าถ้าเธอแต่งเสร็จแล้วจะบันทึกเสียงและอัพเดทให้พวกเขาฟังเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะลาทุกคนในเว่ยป๋อเพื่อรอเข้าเรียนพร้อมเพื่อนที่เพิ่งมาถึงไม่นาน“นี่ ๆ เมื่อวานฉันแต่งได้ท่อนนึงแล้วนะเพลงเปียโน แต่ฉันคิดว่าชอบแนวป็อปร็อกมากกว่าอ่ะ” โจวเสี่ยวเซียนรีบนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง“ส่วนฉันชอบป็อปสบาย ๆ เหมือนหนิงเซียวมากกว่า ฉันก็แต่งได้ท่อนนึงเหมือนกัน วันนี้กลับไปฉันจะไปนั่งแต่งต่อให้ได้มากที่สุด ยังไงพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ก็วันหยุด ฉันว่าน่าจะแ
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เราค่อยคิดกันหลังจากดูหนิงเซียวอีกสักปีสองปีก็ได้ค่ะ อย่างไรถ้าเราต้องใช้โปรดิวเซอร์จริง ๆ ก็ไม่น่าจะหายากนัก”ซูหนิงจิงพยักหน้าเห็นด้วยกับกู่ซิง ไม่นานนักพวกเธอก็ทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินก่อนจะออกจากร้านเพื่อไปซื้อหนังสือกันต่อ หลังจากซื้อหนังสือกันเกือบหนึ่งชั่วโมง กู่ซิงกับซูหนิงจิงก็ได้หนังสือหลายเล่มมาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ในเรื่องธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นรวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นที่กู่ซิงสนใจอีกด้วย ทั้งสองคนจ่ายค่าหนังสือต่าง ๆ แยกกันเพราะกู่ซิงไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาจ่ายเงินสำหรับหนังสือและสมุดโน้ตส่วนตัวของเธอ ซึ่งซูหนิงจิงก็ไม่ได้ขัดกู่ซิง เธอเข้าใจดีว่ากู่ซิงคงเกรงใจเหมือนเคย“น้องซูคิดว่าเรื่องธุรกิจออนไลน์น่าสนใจเหรอคะ พี่เห็นน้องซื้อมาอ่านหลายเล่มเลย”“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องยังไม่ค่อยมีความรู้มากนักว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ยังไง น้องเลยอยากศึกษาเอาไว้เผื่อว่าเราจะสามารถนำความรู
ซูหนิงเซียวออกจากบ้านหลังทานอาหารเช้าเพื่อไปเรียนตามปกติ ซูหนิงจิง กับกู่ซิงก็นั่งคุยกันเรื่องสัญญาการจ้างงานที่ซูหนิงจิงส่งให้กู่ซิงอ่านดูก่อน“ขอบคุณมากนะคะน้องซูที่ไว้ใจพี่ พี่ลงชื่อเลยนะคะ”“ไม่มีปัญหาค่ะพี่กู่ ขอบคุณพี่กู่ด้วยนะคะที่ยอมทำงานกับน้อง หวังว่าหลังจากนี้เราจะช่วยกันดูแลงานและหนิงเซียวไปพร้อม ๆ กันได้อย่างดีด้วยค่ะ”กู่ซิงลงชื่อในเอกสารทั้งสองฉบับ โดยส่งฉบับหนึ่งให้ซูหนิงจิงเก็บเอาไว้ ส่วนเธอก็เก็บสัญญาเอาไว้กับตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ น้องซูไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้แค่รอให้หนิงเซียวทำงานเพลงออกมาได้เสียก่อน พี่จะค่อย ๆ ประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว่ยป๋อไปก่อนสำหรับซิงเกิ้ลแรก ส่วนเรื่องการวางแผนงานระยะยาว พี่อยากรอให้หนิงเซียวเรียนจบก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินสายแสดงคอนเสิร์ตของตัวเองถ้าเพลงของหนิงเซียวติดตลาดและมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นนะคะ”“ควา
“น้องซูแน่ใจนะคะว่าจะไม่กู้เงินธนาคารสำหรับการลงทุนครั้งนี้”“แน่ใจค่ะพี่กู่ น้องคำนวณดูแล้วยังพอเหลือเงินสำหรับทำอย่างอื่นได้อีกสองร้อยกว่าล้านหยวน อย่าลืมว่าถ้าเราเริ่มโครงการได้สักครึ่งทางแล้วน้องจะให้บริษัทภายนอกมาขายโครงการของเรา เราสามารถนำเงินมัดจำของลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องของเรากลับมาได้ในเวลานั้นด้วยนะคะ”“ถ้าน้องซูมั่นใจ พี่เองก็จะช่วยดูแลเรื่องการขายโครงการอีกแรงหนึ่งค่ะ”“ขอบคุณพี่กู่มากนะคะที่คอยช่วยเหลือน้องมาตลอด อย่างน้อยน้องก็ยังมีพี่กู่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ น้องก็สบายใจมากแล้วค่ะ ส่วนเรื่องสัญญาเงินเดือนของพี่กู่ เราจะเริ่มทำกันเมื่อไหร่ดีคะ ตอนนี้พี่กู่ก็เข้าใจโครงการของน้องมากพอแล้ว หลังจากนี้เรายังต้องไปทำสัญญากับบริษัทของกวานจื้อจิว จ้านเกาและเจิ้งจุนอีกนะคะ น้องอยากเคลียร์เรื่องเงินเดือนของพี่ให้เสร็จด้วยเลยค่ะ”“พี่แล้วแต่น้องจะเสนอให้เลยค่ะ อย่างไรตอนนี้พี่ก็กินอยู่ฟรีกับน้องซ