เมื่อไปถึงตลาดหุ้นแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปที่ออฟฟิศบริษัทของไป่เฉิงทันที หลังแจ้งประชาสัมพันธ์ไม่นาน พวกเธอก็เดินตามหลังประชาสัมพันธ์ไปยังห้องของไป่เฉิง
“เชิญค่ะ”
“ขอบคุณที่เดินมาส่งพวกเรานะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วค่ะ”
หลังประชาสัมพันธ์จากไปและปิดประตูห้องให้พวกเธอแล้ว ทั้งสามคนต่างทักทายไป่เฉิงพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงได้นั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งไป่เฉิงเตรียมต้อนรับพวกเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้
“วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณซู”
“ฮ่า ฮ่า ไม่ถึงกับต้องมารับใช้ดิฉันหรอกนะคะคุณไป่ แค่หนิงเซียวอยากเพิ่มเงินในหุ้นที่เธอซื้อเอาไว้คราวก่อนเท่านั้นค่ะ ส่วนดิฉันกับพี่กู่อยากรู้ว่าหุ้นที่ถืออยู่ได้กำไรบ้างหรือยังค่ะ”
“อ้อ ไม่มีปัญหาครับ คุณหนูซูต้องการเพิ่มเงินอีกหุ้นละเท่าไหร่ครับ”
เกือบ 20 นาที อาหารที่สั่งจึงมาวางที่โต๊ะของซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่เพิ่งได้สติตอนที่พนักงานวางอาหารก็รีบถามซูหนิงจิงเรื่องบอดี้การ์ดกันใหญ่“บอดี้การ์ดเป็นคนของจ้านเกาส่งมาดูแลเราน่ะลูก ตอนนี้แม่เริ่มธุรกิจในเมืองหลวงแล้ว ย่อมมีศัตรูในที่มืดอยากได้ประโยชน์จากโครงการของแม่ไม่น้อย ลูกก็เหมือนกัน ในวงการบันเทิงมีแต่เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น แม่ไว้ใจให้คนของจ้านเกาดูแลลูกเพิ่มนอกจากพี่กู่ซิงจะสบายใจกว่า เพราะหลังจากเริ่มโครงการแล้ว แม่จะไม่มีเวลาดูแลลูกกับพี่กู่อีก ลูกกับพี่กู่จะต้องขับรถไปทำงานเอง แต่ถ้ามีคนของจ้านเกาอยู่ด้วย แม่ค่อยทำงานของตัวเองได้อย่างสบายใจ”“อ่า แล้วแม่รู้เรื่องนี้มานานแล้วเหรอคะ?”“นานแล้วลูก เพียงแต่พวกพี่เขาจะไม่ลงมือถ้าเราไม่ถูกคุกคามเหมือนอย่างเมื่อกี้ไง”“เฮ้อ หนูกลัวจริง ๆ นะคะแม่เมื่อกี้นี้ ป้าคนนั้นน่ากลัวมากเลย หนูจำได้ว่าก่อนเราออกจากบ้านพ่อ เธอยังดูสวยอยู่เลย แต่ตอนนี้กล
ซูหนิงเซียวที่แต่งตัวเสร็จก็ออกมาพร้อมกับกู่ซิงพอดี เธอได้ยินน้ำเสียงดูถูกจากนักแสดงไอดอลที่เธอต้องร่วมงานด้วยพอดี ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วกับความหยิ่งของพวกเขา แต่ในเมื่อเธอเป็นมือใหม่ ซูหนิงเซียวจึงไม่อยากมีเรื่อง เธอแค่ต้องถ่ายงานออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น“อ้าว คุณซูแต่งตัวเสร็จพอดี ทุกคนประจำตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้ได้เลยครับ เดี๋ยวพอเพลงขึ้นมาก็ทำตามบทที่ให้ไปได้เลยนะครับ”ซูหนิงเซียวพยักหน้ารับคำของผู้กำกับโดยไม่สนใจที่จะทักทายดาราอีกสามคนที่ต่างมองเธอเป็นตาเดียวกัน ที่พวกเขามองก็เพราะว่าซูหนิงเซียวสวยสดใสมากจนพวกเขาที่เป็นดาราไอดอลถึงกับอับอายไม่น้อย อีกทั้งซูหนิงเซียวยังสูงมากเหมือนนางแบบมากกว่าดาราเสียอีกไอดอลทั้งสามพอได้ยินเสียงผู้กำกับบอกให้ประจำที่ พวกเขาจึงรีบเดินไปยังตำแหน่งที่ทีมงานชี้บอกเอาไว้ทันที แน่นอนว่าแถวหลังเป็นซูหนิงเซียวกับชายหนุ่มที่เป็นดาราไอดอลร่างสูงพอ ๆ กับซูหนิงเซียว ส่วนแถวหน้าเป็นไอดอลสาวสองคนผู้กำกับพอเห็นว่าทั้งสี
ผู้จัดการห้างเชิญท่านประธานกับแขกเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกับรอรับคำสั่งว่าวันนี้ท่านประธานกับแขกจะกินอะไร เขาให้เด็กเสิร์ฟเตรียมเมนูอาหารเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วจ้านเกาชวนซูหนิงเซียวกับซูหนิงจิงที่นั่งข้างกันให้เลือกสั่งอาหารตามสบาย เขาเองก็สั่งอาหารหลายอย่างที่เคยกินแล้วอร่อยมาเพิ่มด้วย กระทั่งทั้งสามคนรู้สึกว่าสั่งอาหารเยอะพอแล้วจึงได้หยุดสั่งผู้จัดการห้างรับออเดอร์เสร็จก็ขอตัวออกไปสั่งผู้จัดการร้านอาหารให้เร่งทำอาหารออกมาให้กับห้องของท่านประธานทันที จ้านเกาพยักหน้ารับคำผู้จัดการก่อนที่จะชวนซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวคุยฆ่าเวลารออาหารและรอกู่ซิงกับเค่อหานที่ยังไม่มาถึงห้องอาหารไปพลาง ๆ“น้องหนิงเซียวยังมีงานอีกหลังจากวันนี้หรือเปล่าครับ เท่าที่พี่รู้ อีกไม่ถึงสัปดาห์น้องก็จะเปิดเรียนแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่มีงานแล้วค่ะพี่ ป้ากู่หยุดรับงานให้หนูพักผ่อนรอเปิดเรียนค่ะ”“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ ทำงานมากเกิ
“ใช่ หนิงเซียวพูดถูก” หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนรีบเข้ามาสมทบกับเพื่อนทันที“เฮอะ ทำเป็นพูดดี ฉันว่าไม่มีใครจ้างเธอมากกว่า เธอมันก็ดีแค่สวยเท่านั้นแหละ คงไม่มีความสามารถพอด้านการแสดงเหมือนฉันหรอก”“แล้วแต่เธอจะคิดเถอะฟ่านเหลียน อย่างน้อยผลงานของฉันก็ออกมาเป็นเล่มนิตยสารมากมาย ไหนจะยอดมิวสิควิดีโอที่ยังคงมีคนเข้าชมจนกระทั่งวันนี้ แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าฉันมีงานไม่น้อยไปกว่าการแสดงละครแค่เรื่องเดียวทั้งเดือนอย่างเธอ อ้อ ฉันเห็นว่าเธออยากรู้เรื่องฉันมากนักใช่ไหม เธอรอดูงานโฆษณาของฉันที่จะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ด้วยล่ะ ไม่แน่นะ โฆษณาที่ฉันเล่นอาจจะออกฉายคั่นเวลาละครของเธอก็ได้”“จริงเหรอหนิงเซียว เธอรับถ่ายโฆษณาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” โจวเสี่ยวเซียนตื่นเต้นมากที่รู้ว่าเพื่อนสนิทรับงานอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“จริงสิเสี่ยวเซียน พวกเธอก็รอดูกันได้เลยนะ ฉันว่าเรารีบไปจ่ายค่าเทอมกับรับตารางเรียนกันดีกว่า แถวนี้อากาศเริ่
หานลู่หรงทนไม่ไหวไปอีกคน ซูหนิงเซียวได้แต่ถอนหายใจกับเรื่องทะเลาะที่ไร้สาระแบบนี้ ทั้งที่พวกเธอก็ต่างคนต่างอยู่มาตลอดเทอมแล้ว แต่พอเทอมใหม่นี้ ฟ่านเหลียนกลับคอยพูดจายั่วยุให้หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนต้องอารมณ์ขึ้น ถ้ารุ่นพี่เห็นเข้าคงคิดว่าพวกเราปีหนึ่งแตกแยกกันแน่ ๆ แต่ขณะที่ซูหนิงเซียวกำลังจะห้ามเพื่อนไม่ให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้ บอดี้การ์ดทั้งสี่เห็นว่าคุณหนูซูถูกกลุ่มหญิงสาวกำลังพูดจาอะไรสักอย่างอยู่นานจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และได้ยินเสียงของหานลู่หรงเข้าพอดี พวกเขาจึงรู้ว่ากลุ่มสี่สาวตรงหน้านั้นกำลังหาเรื่องคุณหนูซูอยู่ ทั้งสี่คนจึงรีบเดินเข้าไปกั้นระหว่างทั้งสองกลุ่มทันที“คุณหนูซูรีบไปขึ้นรถกับเพื่อนเถอะครับ ปล่อยเรื่องที่นี่ให้พวกเราจัดการเองครับ”“เฮ้อ ขอบคุณพวกพี่ ๆ มากนะคะ หนูก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับใครเหมือนกัน ฝากเรื่องตรงนี้ด้วยก็แล้วกันค่ะ พวกพี่ค่อยตามหนูไปที่ห้างก่อนถึงคอนโดนะคะ หนูจะไปกินไอศกรีมกับเพื่อนที่นั่นค่ะ”“ได้รับคุณหนู เดี๋ยวพวกผ
ซูหนิงจิงที่ดูแบบกับแพทริกซึ่งกำลังนำเสนอให้เธออยู่กับกู่ซิงก็พอใจมากสำหรับแบบโครงการใหม่ของเธอในครั้งนี้ แต่ละอาคารจะมีจุดเด่นแตกต่างกัน ซึ่งน่าจะเป็นที่พอใจของผู้ซื้อที่กลุ่มเป้าหมายครั้งนี้คือกลุ่มคนวัยทำงานในบริเวณใกล้ ๆ กับโครงการที่กำลังจะก่อสร้างของเธอ“แบบไม่มีอะไรต้องแก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณคุณแพทริกมากนะคะที่ช่วยออกแบบงานให้ เดี๋ยวดิฉันจะโอนเงินค่าแบบงวดสุดท้ายให้คุณเลยนะคะ”“ขอบคุณที่ชอบการออกแบบของผมนะครับ ไม่ทราบว่าคุณซูมีสถาปนิกที่จะคอยคุมงานก่อสร้างของโครงการนี้หรือยัง?”“ยังเลยค่ะ ถ้าได้คุณแพทริกที่เป็นคนออกแบบมาคุมเอง ดิฉันก็จะได้เบาใจ เพียงแต่เกรงใจคุณมากกว่าค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมเองก็อยากเห็นสิ่งที่ผมออกแบบไว้ สร้างออกมาได้ตามแบบเหมือนกัน ราคาผมลดให้คุณซู 30% เหมือนตอนเขียนแบบเลยครับ”“ขอบพระคุณมากนะคะ เดี๋ยวดิฉันขอไปปริ้นใบเสร็จหลังโอนค่าแบบให้ก่อนก็แล
“ใช่แล้ว มันเป็นชุดเครื่องประดับเพชรสีชมพูน่ะ ตั้งสามล้านแน่ะ ฉันซื้อไหวที่ไหนกันเล่า”“โอ้โห แม่เธอนี่รักเธอมากเลยนะหนิงเซียว แถมยังกล้าให้เธอใส่มาเรียนโดยไม่กลัวหายอีกต่างหาก”“แน่นอนสิ ก็ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นี่นา ฮิ ฮิ”“ชิ เดี๋ยวฉันจะให้แม่พาไปหาซื้อบ้าง วันนี้เราก็ซื้อแค่เท่าที่เราซื้อมาใส่เล่นกันก็พอ”“ตกลง ๆ งั้นเราหาแบบที่เหมือนกันดีมั้ย จะได้ใส่เหมือนกันไง”“ก็ดีนะ เรามีชุดธีมเดียวกันแล้ว ถ้ามีเครื่องประดับเหมือนกันอีกก็คงน่ารักดีนะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปชั้นบนกันเลย”หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียนและซูหนิงเซียวเดินอย่างร่าเริงขึ้นไปชั้นบนซึ่งเต็มไปด้วยร้านจิวเวลรี่ พวกเธอเลือกเข้าร้านที่ใหญ่หน่อยเผื่อจะมีแบบสวย ๆ ให้พวกเธอซื้อใส่เหมือนกันพนักงานร้านเห็นส
“เด็กโง่ ยังไงแม่ก็ห่วงลูกทุกอย่างอยู่แล้ว ดีที่พวกบอดี้การ์ดช่วยทัน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไปถึงอาจารย์ลูกแน่”“นี่ขนาดหนิงเซียวยังไม่เข้าวงการแสดงเต็มตัวนะคะ เธอยังถูกเพื่อนหาเรื่องเลย หากในอนาคตต้องไปแคสติ้งงานที่ต้องสู้กันทั้งความสามารถและหน้าตา พี่ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีคนมาหาเรื่องหนิงเซียวมากขนาดไหน”“เฮ้อ ถ้าเป็นอย่างที่พี่กู่ว่า น้องก็ไม่อยากให้หนิงเซียวไปร่วมเล่นละครสักเท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ การเป็นนักร้องก็สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้เหมือนกัน ลูกคิดยังไง”“หนูเห็นด้วยนะคะ เอาเป็นว่าหนูจะตั้งใจเรียนร้องเพลงและแต่งเพลงให้ได้ภายในเวลาก่อนเรียนจบก็แล้วกันค่ะ ถ้ามันออกมาดี หนูก็จะเอาดีทางนี้ ดีกว่าที่จะต้องไปมีปัญหาเวลาทำงาน แม่กับป้ากู่ก็รู้ว่าหนูไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย”“อืม ถ้าอย่างนั้นแม่จะสนับสนุนลูกในทุกทางที่ลูกเลือกก็แล้วกัน ส่วนเรื่องชมรมการแสดง ยังไงลูกก็เข้าไปแล้ว ก็แค่ทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุดก็
ซูหนิงเซียวกลับถึงบ้านเกือบหกโมงเย็น เธอรีบทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกพร้อมรอยยิ้ม“วันนี้ทำไมกลับเย็นนักล่ะลูก”“นั่นสิ ปกติวันนี้หนิงเซียวเลิกเร็วไม่ใช่เหรอ”“หนูกับเพื่อนส่งเพลงให้อาจารย์ช่วยฟังและขอคำแนะนำอยู่น่ะค่ะ เลยกลับช้าไปหน่อย แม่กับป้ากู่ไปกินข้าวกันเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูเก็บของแล้วจะรีบตามไป”ซูหนิงจิงกับกู่ซิงพยักหน้ารับคำซูหนิงเซียว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อรอทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ตามไปที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวร่วมกับแม่และป้ากู่ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเล่าให้ทั้งสองคนฟังว่าอาจารย์ให้คำแนะนำกับเธอเรื่องเพลงที่ทำออกมาอย่างไรบ้าง และเธอจะแก้ไขงานเพลงที่ทำไปทีหลัง ตอนนี้ใกล้ช่วงสอบกลางภาคแล้ว เธอจึงจะต้องทบทวนตำราเรียนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ“ลูกทำตารางอ่านหนังสือเอาไว้หรือยังเทอมนี
หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียน ซูหนิงเซียวและอาจารย์ต่างนั่งฟังเพลงบรรเลงที่กำลังเปิดอยู่อย่างตั้งใจ ซึ่งเพลงที่พวกเธอได้ฟังนั้นเป็นเพลงแจ๊สในแนวสนุกสนาน ฟังสบายจนทำให้ทุกคนต่างยิ้มตามจังหวะดนตรีไปด้วย เพลงของหานลู่หรงใช้เวลาเล่นอยู่นานเกือบ 5 นาที กว่าจะถึงตอนจบของเพลงบรรเลงคนอื่น ๆ ในห้องต่างปรบมือให้หานลู่หรงที่สามารถแต่งเพลงสนุก ๆ แบบนี้ได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งเพลงของเธอยังไม่มีจุดไหนสะดุดหรือติดขัดแต่กลับลื่นไหลไปตามโน้ตที่เธอเล่นออกมาตามอารมณ์ในขณะอัดเสียง หลังเสียงปรบมือหยุดลง อาจารย์ก็ให้คำแนะนำหานลู่หรงตามประสบการณ์ที่เธอมี“การบรรเลงทำได้อย่างดีเยี่ยม สมแล้วที่เธอเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กนะหานลู่หรง เพียงแต่บางท่อนยังคล้ายกับเพลงของนักเปียโนอื่นอยู่บ้าง ทำให้ความเป็นตัวเองของเธอไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ในเพลงบรรเลงบทนี้ ต่อไปลองไม่ฟังเสียงเปียโนคนอื่นดูแล้วแต่งไปตามอารมณ์และเป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่ ไม่ว่าเพลงจะออกมาแบบไหน ก็ใช้อารมณ์ตอนนั้นเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาบทเพลงบรรเลงให้เป็นตัวเอ
กว่าซูหนิงเซียวจะตื่นก็เกือบ 11 โมงแล้ว เธอรีบอาบน้ำแล้วไปหาข้าวทานในครัวอย่างรู้หน้าที่ โดยทักทายแม่กับป้ากู่ที่นั่งคุยกันและอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาก่อนจะไปทานอาหารเช้ารวมมื้อเที่ยงด้วยเลย เธออยากเอาทำนองเข้าใส่ในเนื้อเพลงมากจริง ๆ และอยากรู้ว่าเธอจะสามารถร้องเพลงได้ดีหรือไม่ด้วยซูหนิงจิงกับกู่ซิงต่างนั่งอ่านหนังสือรอให้ซูหนิงเซียวทานอาหารเสร็จก่อนจะได้สอบถามว่าเมื่อคืนนี้ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งคู่รอไม่นานนักซูหนิงเซียวก็ออกจากห้องครัวมานั่งเล่นกับแม่และป้ากู่ของเธอก่อนจะเข้าไปทำงานในห้องอัด“เมื่อคืนทำงานเป็นยังไงบ้างหนิงเซียว”“หนูแต่งเนื้อเพลงเสร็จแล้วค่ะป้ากู่ วันนี้ว่าจะลองใส่ทำนองและร้องลองดูค่ะ”“ดึกมั้ยลูกเมื่อคืน”“ประมาณตีหนึ่งค่ะแม่ แต่วันนี้หนูได้นอนเต็มที่แล้วนะคะ เที่ยงนี้หนูยังอิ่มอยู่ แม่กับป้ากู่กินข้าวกันสองคนไปก่อนนะคะ มื้อเย็นเดี๋ยวหนูช่วยทำกับข้าว”
ซูหนิงเซียวได้แต่เสียใจแทนฟ่านเหลียนที่ถูกอาจารย์คาดโทษ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อฟ่านเหลียนทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์ตัดสินโทษไปแล้ว เธอจึงได้ขอตัวกลับพร้อมเพื่อน ๆ และบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอยู่ห่าง ๆอาจารย์ประจำชมรมและรุ่นพี่ปีสอง ปีสามที่เห็นซูหนิงเซียวมีบอดี้การ์ดเป็นครั้งแรกต่างมั่นใจแล้วว่าเธอไม่น่าจะเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งธรรมดา ๆ เพราะปกติแล้วขนาดรุ่นพี่ที่เป็นดารามาเรียน พวกเขายังไม่เคยมีบอดี้การ์ดมาคอยคุ้มกันเลย ที่นี่ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาง่าย ๆ อีกด้วย แสดงว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษแน่“เรื่องซูหนิงเซียว ทุกคนก็อย่าไปก่อกวนเธอเข้าล่ะ จะได้ไม่มีปัญหา เท่าที่อาจารย์ดูมา กลุ่มของเธอไม่เคยทำตัวไม่ดีเหมือนกลุ่มของฟ่านเหลียน ดังนั้นก็ดูแลพวกเธอให้เหมือนรุ่นน้องที่ดี ๆ คนอื่น ๆ ก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะอาจารย์ พวกเราเข้าใจดีค่ะ อีกอย่างพวกน้อง ๆ ให้ความร่วมมือกับชมรมมาตลอด เวลาพูดคุยก็ให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างพวกเราด้วยค่ะ”
วันต่อมา ซูหนิงเซียวที่นั่งรอเพื่อนอยู่ก็ทบทวนเนื้อเพลงที่เธอแต่งได้เมื่อวานเพิ่มมาอีกหนึ่งท่อนโดยร้องคลอเบา ๆ พอเห็นว่าเนื้อเพลงเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็อัพเดทเว่ยป๋อเล่าเรื่องที่เธอกำลังแต่งเพลงให้กับผู้ติดตามของเธอฟังก่อนเข้าเรียนเหล่าผู้ติดตามที่เห็นข้อความของซูหนิงเซียวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าอยากฟังเพลงที่เธอแต่งกันเสียแล้ว ทำให้ซูหนิงเซียวได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่อย่างน้อยยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยากฟังเพลงของเธอ เธอรับปากพวกเขาว่าถ้าเธอแต่งเสร็จแล้วจะบันทึกเสียงและอัพเดทให้พวกเขาฟังเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะลาทุกคนในเว่ยป๋อเพื่อรอเข้าเรียนพร้อมเพื่อนที่เพิ่งมาถึงไม่นาน“นี่ ๆ เมื่อวานฉันแต่งได้ท่อนนึงแล้วนะเพลงเปียโน แต่ฉันคิดว่าชอบแนวป็อปร็อกมากกว่าอ่ะ” โจวเสี่ยวเซียนรีบนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง“ส่วนฉันชอบป็อปสบาย ๆ เหมือนหนิงเซียวมากกว่า ฉันก็แต่งได้ท่อนนึงเหมือนกัน วันนี้กลับไปฉันจะไปนั่งแต่งต่อให้ได้มากที่สุด ยังไงพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ก็วันหยุด ฉันว่าน่าจะแ
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เราค่อยคิดกันหลังจากดูหนิงเซียวอีกสักปีสองปีก็ได้ค่ะ อย่างไรถ้าเราต้องใช้โปรดิวเซอร์จริง ๆ ก็ไม่น่าจะหายากนัก”ซูหนิงจิงพยักหน้าเห็นด้วยกับกู่ซิง ไม่นานนักพวกเธอก็ทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินก่อนจะออกจากร้านเพื่อไปซื้อหนังสือกันต่อ หลังจากซื้อหนังสือกันเกือบหนึ่งชั่วโมง กู่ซิงกับซูหนิงจิงก็ได้หนังสือหลายเล่มมาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ในเรื่องธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นรวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นที่กู่ซิงสนใจอีกด้วย ทั้งสองคนจ่ายค่าหนังสือต่าง ๆ แยกกันเพราะกู่ซิงไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาจ่ายเงินสำหรับหนังสือและสมุดโน้ตส่วนตัวของเธอ ซึ่งซูหนิงจิงก็ไม่ได้ขัดกู่ซิง เธอเข้าใจดีว่ากู่ซิงคงเกรงใจเหมือนเคย“น้องซูคิดว่าเรื่องธุรกิจออนไลน์น่าสนใจเหรอคะ พี่เห็นน้องซื้อมาอ่านหลายเล่มเลย”“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องยังไม่ค่อยมีความรู้มากนักว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ยังไง น้องเลยอยากศึกษาเอาไว้เผื่อว่าเราจะสามารถนำความรู
ซูหนิงเซียวออกจากบ้านหลังทานอาหารเช้าเพื่อไปเรียนตามปกติ ซูหนิงจิง กับกู่ซิงก็นั่งคุยกันเรื่องสัญญาการจ้างงานที่ซูหนิงจิงส่งให้กู่ซิงอ่านดูก่อน“ขอบคุณมากนะคะน้องซูที่ไว้ใจพี่ พี่ลงชื่อเลยนะคะ”“ไม่มีปัญหาค่ะพี่กู่ ขอบคุณพี่กู่ด้วยนะคะที่ยอมทำงานกับน้อง หวังว่าหลังจากนี้เราจะช่วยกันดูแลงานและหนิงเซียวไปพร้อม ๆ กันได้อย่างดีด้วยค่ะ”กู่ซิงลงชื่อในเอกสารทั้งสองฉบับ โดยส่งฉบับหนึ่งให้ซูหนิงจิงเก็บเอาไว้ ส่วนเธอก็เก็บสัญญาเอาไว้กับตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ น้องซูไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้แค่รอให้หนิงเซียวทำงานเพลงออกมาได้เสียก่อน พี่จะค่อย ๆ ประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว่ยป๋อไปก่อนสำหรับซิงเกิ้ลแรก ส่วนเรื่องการวางแผนงานระยะยาว พี่อยากรอให้หนิงเซียวเรียนจบก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินสายแสดงคอนเสิร์ตของตัวเองถ้าเพลงของหนิงเซียวติดตลาดและมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นนะคะ”“ควา
“น้องซูแน่ใจนะคะว่าจะไม่กู้เงินธนาคารสำหรับการลงทุนครั้งนี้”“แน่ใจค่ะพี่กู่ น้องคำนวณดูแล้วยังพอเหลือเงินสำหรับทำอย่างอื่นได้อีกสองร้อยกว่าล้านหยวน อย่าลืมว่าถ้าเราเริ่มโครงการได้สักครึ่งทางแล้วน้องจะให้บริษัทภายนอกมาขายโครงการของเรา เราสามารถนำเงินมัดจำของลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องของเรากลับมาได้ในเวลานั้นด้วยนะคะ”“ถ้าน้องซูมั่นใจ พี่เองก็จะช่วยดูแลเรื่องการขายโครงการอีกแรงหนึ่งค่ะ”“ขอบคุณพี่กู่มากนะคะที่คอยช่วยเหลือน้องมาตลอด อย่างน้อยน้องก็ยังมีพี่กู่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ น้องก็สบายใจมากแล้วค่ะ ส่วนเรื่องสัญญาเงินเดือนของพี่กู่ เราจะเริ่มทำกันเมื่อไหร่ดีคะ ตอนนี้พี่กู่ก็เข้าใจโครงการของน้องมากพอแล้ว หลังจากนี้เรายังต้องไปทำสัญญากับบริษัทของกวานจื้อจิว จ้านเกาและเจิ้งจุนอีกนะคะ น้องอยากเคลียร์เรื่องเงินเดือนของพี่ให้เสร็จด้วยเลยค่ะ”“พี่แล้วแต่น้องจะเสนอให้เลยค่ะ อย่างไรตอนนี้พี่ก็กินอยู่ฟรีกับน้องซ
“ไม่เห็นจะยากเลยหนิงเซียว เธอก็เข้าไปดูในยูทูปหรือถามแฟนคลับในเว่ยป๋อของเธอก็ได้ว่าชอบฟังเพลงแนวไหน แล้วเธอค่อยหาตัวอย่างมาฟังแล้วทดลองแต่งเพลงในสไตล์ของตัวเองออกมา เดี๋ยวนี้หาข้อมูลง่ายจะตายไป”“นั่นสิ ๆ อย่างฉันนะชอบเพลงแนวน่ารัก ๆ สดใสเหมือนพวกไอดอลมากกว่า ฉันก็จะเลือกฟังแต่เพลงพวกนี้เวลาว่างนั่นแหละ แต่เวลาเล่นเปียโนฉันดันชอบเพลงแจ๊ส ก็เลยชอบเล่นเปียโนและแต่งเพลงแจ๊สมากกว่าเพราะมันสนุกดี”“อย่างนั้นเหรอ อืม ขอบใจพวกเธอนะที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้ฉัน ฉันจะลองหาข้อมูลและฟังเพลงหลาย ๆ แบบดูก่อนว่าตัวฉันเองชอบสไตล์ไหน แล้วค่อยแต่งออกมาน่าจะดีกว่า”สามสาวนั่งกินไปคุยไปจนเกือบจะห้าโมงเย็นแล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ซูหนิงเซียวส่งข้อความไปบอกแม่ของเธอก่อนแล้วว่าจะมานั่งกินไอศกรีมกับเพื่อนจึงไม่ได้กังวลว่าแม่จะเป็นห่วง เธอขับรถกลับคอนโดโดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีถึงแม้รถจะติดมากก็ตาม เพราะห้างอยู่ฝั่งเดียวกับคอนโดของเธอที่อยู่ไม่ไกลจึงขับรถได้อย่างสบาย ๆ