“ใช่ หนิงเซียวพูดถูก” หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนรีบเข้ามาสมทบกับเพื่อนทันที
“เฮอะ ทำเป็นพูดดี ฉันว่าไม่มีใครจ้างเธอมากกว่า เธอมันก็ดีแค่สวยเท่านั้นแหละ คงไม่มีความสามารถพอด้านการแสดงเหมือนฉันหรอก”
“แล้วแต่เธอจะคิดเถอะฟ่านเหลียน อย่างน้อยผลงานของฉันก็ออกมาเป็นเล่มนิตยสารมากมาย ไหนจะยอดมิวสิควิดีโอที่ยังคงมีคนเข้าชมจนกระทั่งวันนี้ แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าฉันมีงานไม่น้อยไปกว่าการแสดงละครแค่เรื่องเดียวทั้งเดือนอย่างเธอ อ้อ ฉันเห็นว่าเธออยากรู้เรื่องฉันมากนักใช่ไหม เธอรอดูงานโฆษณาของฉันที่จะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ด้วยล่ะ ไม่แน่นะ โฆษณาที่ฉันเล่นอาจจะออกฉายคั่นเวลาละครของเธอก็ได้”
“จริงเหรอหนิงเซียว เธอรับถ่ายโฆษณาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” โจวเสี่ยวเซียนตื่นเต้นมากที่รู้ว่าเพื่อนสนิทรับงานอย่างอื่นเพิ่มแล้ว
“จริงสิเสี่ยวเซียน พวกเธอก็รอดูกันได้เลยนะ ฉันว่าเรารีบไปจ่ายค่าเทอมกับรับตารางเรียนกันดีกว่า แถวนี้อากาศเริ่
หานลู่หรงทนไม่ไหวไปอีกคน ซูหนิงเซียวได้แต่ถอนหายใจกับเรื่องทะเลาะที่ไร้สาระแบบนี้ ทั้งที่พวกเธอก็ต่างคนต่างอยู่มาตลอดเทอมแล้ว แต่พอเทอมใหม่นี้ ฟ่านเหลียนกลับคอยพูดจายั่วยุให้หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนต้องอารมณ์ขึ้น ถ้ารุ่นพี่เห็นเข้าคงคิดว่าพวกเราปีหนึ่งแตกแยกกันแน่ ๆ แต่ขณะที่ซูหนิงเซียวกำลังจะห้ามเพื่อนไม่ให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้ บอดี้การ์ดทั้งสี่เห็นว่าคุณหนูซูถูกกลุ่มหญิงสาวกำลังพูดจาอะไรสักอย่างอยู่นานจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และได้ยินเสียงของหานลู่หรงเข้าพอดี พวกเขาจึงรู้ว่ากลุ่มสี่สาวตรงหน้านั้นกำลังหาเรื่องคุณหนูซูอยู่ ทั้งสี่คนจึงรีบเดินเข้าไปกั้นระหว่างทั้งสองกลุ่มทันที“คุณหนูซูรีบไปขึ้นรถกับเพื่อนเถอะครับ ปล่อยเรื่องที่นี่ให้พวกเราจัดการเองครับ”“เฮ้อ ขอบคุณพวกพี่ ๆ มากนะคะ หนูก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับใครเหมือนกัน ฝากเรื่องตรงนี้ด้วยก็แล้วกันค่ะ พวกพี่ค่อยตามหนูไปที่ห้างก่อนถึงคอนโดนะคะ หนูจะไปกินไอศกรีมกับเพื่อนที่นั่นค่ะ”“ได้รับคุณหนู เดี๋ยวพวกผ
ซูหนิงจิงที่ดูแบบกับแพทริกซึ่งกำลังนำเสนอให้เธออยู่กับกู่ซิงก็พอใจมากสำหรับแบบโครงการใหม่ของเธอในครั้งนี้ แต่ละอาคารจะมีจุดเด่นแตกต่างกัน ซึ่งน่าจะเป็นที่พอใจของผู้ซื้อที่กลุ่มเป้าหมายครั้งนี้คือกลุ่มคนวัยทำงานในบริเวณใกล้ ๆ กับโครงการที่กำลังจะก่อสร้างของเธอ“แบบไม่มีอะไรต้องแก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณคุณแพทริกมากนะคะที่ช่วยออกแบบงานให้ เดี๋ยวดิฉันจะโอนเงินค่าแบบงวดสุดท้ายให้คุณเลยนะคะ”“ขอบคุณที่ชอบการออกแบบของผมนะครับ ไม่ทราบว่าคุณซูมีสถาปนิกที่จะคอยคุมงานก่อสร้างของโครงการนี้หรือยัง?”“ยังเลยค่ะ ถ้าได้คุณแพทริกที่เป็นคนออกแบบมาคุมเอง ดิฉันก็จะได้เบาใจ เพียงแต่เกรงใจคุณมากกว่าค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมเองก็อยากเห็นสิ่งที่ผมออกแบบไว้ สร้างออกมาได้ตามแบบเหมือนกัน ราคาผมลดให้คุณซู 30% เหมือนตอนเขียนแบบเลยครับ”“ขอบพระคุณมากนะคะ เดี๋ยวดิฉันขอไปปริ้นใบเสร็จหลังโอนค่าแบบให้ก่อนก็แล
“ใช่แล้ว มันเป็นชุดเครื่องประดับเพชรสีชมพูน่ะ ตั้งสามล้านแน่ะ ฉันซื้อไหวที่ไหนกันเล่า”“โอ้โห แม่เธอนี่รักเธอมากเลยนะหนิงเซียว แถมยังกล้าให้เธอใส่มาเรียนโดยไม่กลัวหายอีกต่างหาก”“แน่นอนสิ ก็ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นี่นา ฮิ ฮิ”“ชิ เดี๋ยวฉันจะให้แม่พาไปหาซื้อบ้าง วันนี้เราก็ซื้อแค่เท่าที่เราซื้อมาใส่เล่นกันก็พอ”“ตกลง ๆ งั้นเราหาแบบที่เหมือนกันดีมั้ย จะได้ใส่เหมือนกันไง”“ก็ดีนะ เรามีชุดธีมเดียวกันแล้ว ถ้ามีเครื่องประดับเหมือนกันอีกก็คงน่ารักดีนะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปชั้นบนกันเลย”หานลู่หรง โจวเสี่ยวเซียนและซูหนิงเซียวเดินอย่างร่าเริงขึ้นไปชั้นบนซึ่งเต็มไปด้วยร้านจิวเวลรี่ พวกเธอเลือกเข้าร้านที่ใหญ่หน่อยเผื่อจะมีแบบสวย ๆ ให้พวกเธอซื้อใส่เหมือนกันพนักงานร้านเห็นส
“เด็กโง่ ยังไงแม่ก็ห่วงลูกทุกอย่างอยู่แล้ว ดีที่พวกบอดี้การ์ดช่วยทัน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไปถึงอาจารย์ลูกแน่”“นี่ขนาดหนิงเซียวยังไม่เข้าวงการแสดงเต็มตัวนะคะ เธอยังถูกเพื่อนหาเรื่องเลย หากในอนาคตต้องไปแคสติ้งงานที่ต้องสู้กันทั้งความสามารถและหน้าตา พี่ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีคนมาหาเรื่องหนิงเซียวมากขนาดไหน”“เฮ้อ ถ้าเป็นอย่างที่พี่กู่ว่า น้องก็ไม่อยากให้หนิงเซียวไปร่วมเล่นละครสักเท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ การเป็นนักร้องก็สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้เหมือนกัน ลูกคิดยังไง”“หนูเห็นด้วยนะคะ เอาเป็นว่าหนูจะตั้งใจเรียนร้องเพลงและแต่งเพลงให้ได้ภายในเวลาก่อนเรียนจบก็แล้วกันค่ะ ถ้ามันออกมาดี หนูก็จะเอาดีทางนี้ ดีกว่าที่จะต้องไปมีปัญหาเวลาทำงาน แม่กับป้ากู่ก็รู้ว่าหนูไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย”“อืม ถ้าอย่างนั้นแม่จะสนับสนุนลูกในทุกทางที่ลูกเลือกก็แล้วกัน ส่วนเรื่องชมรมการแสดง ยังไงลูกก็เข้าไปแล้ว ก็แค่ทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุดก็
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินนำหน้าแพทริกไปที่รถของเธอ หลังจากเก็บของใส่รถเสร็จแล้ว ทั้งสามจึงเดินทางไปยังใจกลางเมืองใกล้กับตึกบริษัท D คอนสตรัคชั่น เพื่อหาอะไรกินกันก่อนถึงเวลานัดในช่วงบ่ายโมงซูหนิงจิงจอดรถเอาไว้ที่อาคารจอดรถในตึก D คอนสตรัคชั่น ก่อนจะพากันเดินออกไปยังร้านอาหารที่พวกเขาเห็นก่อนถึงตึก โชคดีที่ซูหนิงจิงออกมากันเร็วไม่อย่างนั้นคงมาถึงเลยเวลานัดเป็นแน่ เพราะรถติดมากที่ถนนเส้นนี้เมื่อเดินถึงร้านอาหารแล้ว ทั้งสามคนก็รีบสั่งและทานอาหารกันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงครึ่งแล้ว พวกเขามีเวลากินอาหารและพักผ่อนกันไม่นานนัก หลังจากทานอาหารกันเสร็จ ซูหนิงจิงก็ชวนกู่ซิงกับแพทริกไปซื้อกาแฟที่อีกร้านหนึ่งไม่ไกลกันนักกับร้านอาหาร จากนั้นจึงพากันเดินไปรอที่ฟร้อนในอาคาร D คอนสตรัคชั่นเพื่อรอเวลานัดกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมง ซูหนิงจิงเดินไปติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ว่าเธอมีนัดกับกวานจื้อจิวเวลาบ่ายโมง พนักงานเห็นซูหนิงจิงแจ้งแบบนี้ก็รีบโทรขึ้นไปที่ห้องท่านประธานเพื่อแจ้งให้ทราบว
ส่วนซูหนิงจิงก็พากู่ซิงกับแพทริกกลับไปที่คอนโด แพทริกนั่งพักทานน้ำและพูดคุยกับซูหนิงจิงไม่นานก็ขอตัวกลับก่อน เขานัดกับเธออีกครั้งในวันพรุ่งนี้เพื่อไปพบจ้านเกาเพื่อนรัก หลังจากแพทริกกลับไปแล้ว กู่ซิงก็สอบถามซูหนิงจิงเรื่องโครงการนี้อย่างจริงจัง เพราะเท่าที่เธอเข้าร่วมประชุมในวันนี้ดูเหมือนว่าซูหนิงจิงจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการก่อสร้างอาคารแต่ละหลัง“น้องซูคิดว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่น้องซูมีอยู่จะพอเหรอคะ พี่เห็นด้วยนะที่หากคุณกวานอยากร่วมหุ้นกับน้องซู”“เรื่องนี้พี่กู่ไม่ต้องกังวลค่ะ เท่าที่น้องประเมินราคาเบื้องต้น อาคาร 30 ชั้น ที่ใช้วัสดุตามแบบของแพทริกน่าจะใช้เงินในการก่อสร้างไม่เกินอาคารละ 150 ล้านหยวนค่ะ”“โอ้โห มากขนาดนั้นเลยเหรอคะน้องซู นี่ยังไม่รวมค่าตกแต่งต่าง ๆ เลยนะคะ”“เป็นธรรมดานะคะพี่กู่สำหรับราคานี้น้องถือว่ารับได้ ส่วนค่าตกแต่งเราจะได้จากตอนที่ผู้ซื้อมาวางมัดจำยังไงล่ะคะ เราไม่ได้จ่ายเลยเ
ซูหนิงเซียวหลังจากเลิกคุยกับจ้านเกาแล้วก็ได้แต่ยิ้มกลิ้งไปกลิ้งมาคนเดียว เธอไม่คิดว่าจ้านเกาจะรู้ว่าเธออยากให้เขาช่วยลดราคาให้แม่ของเธอ พอได้ยินเขาพูดออกมาด้วยตัวเอง เธอเลยมีความสุขและอบอุ่นใจไม่น้อยที่มีจ้านเกาคอยช่วยเหลือแม่ของเธอเอง คืนนี้ซูหนิงเซียวนอนหลับฝันดีกับเรื่องของแม่ที่เธอพอจะช่วยได้เล็กน้อยหลังจากพูดคุยกับพี่จ้านหลังอาหารเช้าวันต่อมา ต่างคนต่างออกจากบ้านเพื่อไปทำเรื่องของตัวเองในวันนี้ แน่นอนว่าซูหนิงเซียวไม่ได้บอกแม่ของเธอว่าเธอขอร้องให้จ้านเกาช่วยแม่ ไม่อย่างนั้นแม่คงต่อว่าเธอเป็นแน่ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นห่วงธุรกิจใหญ่ของแม่ไม่น้อยเช่นเดียวกันหนิงเซียวยังคงไปรอเพื่อนที่เดิมเพื่อเข้าเรียนในช่วงสัปดาห์แรกที่ใต้ตึกคณะ เพราะยังเป็นแค่ช่วงแรกที่อาจารย์จะแนะนำหนังสือและบทเรียนของแต่ละวิชาที่จะต้องเรียนเท่านั้นซูหนิงจิงที่เตรียมเอกสารและสิ่งของจำเป็นสำหรับการคุยงานในวันนี้ไปด้วยก็พากู่ซิงออกจากคอนโดหลังซูหนิงเซียวไม่นาน ด้วยเธอรู้ดีว่าเป็นวันทำงานและรถน่าจะติดท
หลังมื้ออาหารเที่ยง ซูหนิงเซียวโทรหาแม่ว่าการประชุมเป็นอย่างไรบ้างด้วยความเป็นห่วง จ้านเกาที่ได้ยินว่าซูหนิงเซียวโทรมาก็อยากคุยกับเธอเช่นเดียวกันแต่ก็กลัวว่าจะเสียมารยาท เขารอให้เสร็จงานเสียก่อนค่อยส่งข้อความหาเธอจะดีกว่าซูหนิงจิงคุยโทรศัพท์กับลูกสาวไม่นานนักก็วางสายไป เธอเข้าใจดีว่าลูกคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจของเธอในครั้งนี้ ซูหนิงจิงจึงไม่คิดต่อว่าที่ลูกสาวจะเป็นห่วงเธอเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะที่หนิงเซียวโทรมาป่วนแบบนี้”“ไม่เป็นไรครับคุณป้า น้องน่าจะเป็นห่วงคุณป้ามากกว่าครับ ผมคิดว่าน่ารักดี”“ขอบคุณที่เอ็นดูน้องนะจ้านเกา ตอนนี้ใกล้บ่ายโมงแล้ว ป้าว่าเราไปห้องประชุมกันดีกว่า ยังเหลืออีกอาคารที่แพทริกยังไม่ได้อธิบายคอนเซ็ปเลย”“ตกลงครับ”จ้านเกาเดินนำทุกคนออกจากห้องอาหารส่วนตัวเพื่อกลับไปยังห้องประชุม ก่อนที่จะถึงเวลาเข้าประชุม ซูหนิงจิงกับกู่ซิ
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้
หลังจากพูดคุยกับฮวงไหลอยู่เกือบสองชั่วโมง ซูหนิงเซียวก็ลุกออกไปส่งเขากลับ ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อรอฟังว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากลุงฮวงจัดการเรื่องคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว“แม่แน่ใจเหรอคะว่าเข้าไปบริหารบริษัทในอีกไม่กี่วันนี้ หนูกลัวว่าพ่อจะสร้างปัญหาให้แม่ค่ะ” ซูหนิงจิงยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนไม่ให้ซูหนิงเซียวคิดมากเกินไป เธอเข้าใจดีว่าลูกเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน“แม่แน่ใจจ๊ะ เรื่องพ่อของลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ ลูกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่มีลุงฮวงคอยช่วยเหลืออยู่น่ะ และแม่ยังมีป้ากู่เข้าไปช่วยงานแม่ที่นั่นด้วย ทีนี้สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”“หนิงเซียวไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีเองจ๊ะ อย่าลืมว่าเรายังมีบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสี่คนเลยนะ”“เฮ้อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะป้ากู่ หนูก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดีค่ะ หนูรู้นิสัยพ่อดีว่าเขารักหน้าตาตัวเองขนาดไหน ถ้าแม่เข้าไปแย่งตำแหน่งประธานมาล่ะก็ พ่อมีหวังอาละวาดแน่ ๆ”“เขาไม่มีสิทธิที่จะอาละวาดหรอกนะลูก ในเมื่อห
หลังผ่านวันเปิดโครงการไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้มีลูกค้าซื้อห้องไปแล้วเกินกว่าครึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดในโครงการทั้งสามอาคาร ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจแจ้งเหลียงฟางเรื่องที่เธอจะกลับเข้าไปบริหารงานในบริษัทอีกครั้ง[ คุณคิดดีแล้วใช่ไหมหนิงจิง? ผมกลัวว่าจ้าวไห่ถังจะสร้างปัญหาให้คุณนะ ][ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพาฮวงไหลเข้าไปจัดการทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานที่นั่นเอง ][ อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ทราบอย่างลับ ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณคิดจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่?][ น่าจะประมาณอีก 3-4 วันนะ ฉันกำลังจะส่งเอกสารการถือหุ้นและเอกสารที่ฉันแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ผ่านมาน่ะ ][ ตกลง ผมจะรอวันที่คุณเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าจ้าวไห่ถังไม่ยินยอม ผมจะเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับจ้าวไห่ถังมากนัก ผมกลัวว่าเขาจะหาทางแก้แค้นคุณเอา ][ ได้ ขอบใจมากนะเหลียงฟาง แล้วค่อยเจอกัน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารให้ทนายก่อน ][ ครับ สวัสดีครับ ] กู่ซิงที่ทำหน้าที่เลขาของซูหนิงจิ
“เพราะคุณคนเดียวทำให้พวกเราต้องเสียโอกาสซื้อห้องในโครงการนี้!!!” สามีภรรยาตระกูลรองหลายคนต่างโทษหลิวอ้ายโหรวเป็นเสียงเดียวกัน“อ้าว ทำไมพวกคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ ในเมื่อพวกคุณเองเป็นคนสนับสนุนฉันตั้งแต่แรกน่ะ” หลิวอ้ายโหรวมีหรือจะยอมรับความผิดครั้งนี้ง่าย ๆ เธอเพียงแค่บอกข้อสันนิษฐานออกไปเท่านั้น เป็นพวกเขาที่เห็นด้วยกับเธอเอง บอดี้การ์ดต่างมองกลุ่มคนที่กำลังเอะอะโวยวายอย่างกับแม่ค้าพ่อค้าปากตลาดอย่างสมน้ำหน้า พวกเขาต้องคอยเฝ้าจนกว่าคนพวกนี้จะขับรถออกจากโครงการไป ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเข้าไปวุ่นวายภายในอีกคงไม่ดีแน่ หลังจากทะเลาะกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างดึงแขนภรรยาของตัวเองเดินกลับขึ้นรถในทันที ตอนแรกเจียวจูว่าจะไม่ช่วยหลิวอ้ายโหรว แต่ด้วยลูกชายของเธอยังเป็นคู่หมั้นของจ้าวลี่ลี่อยู่ เธอจึงต้องออกหน้าช่วยหลิวอ้ายโหรวจนถูกหมายหัวไปด้วย เมื่อเข้าไปในรถแล้ว จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวต่างคนต่างต่อว่าด่าทอภรรยาตัวเองจนถึงบ้าน พว