ผู้กำกับกับทีมงานหลายคนปรบมือให้กับการแสดงของซูหนิงเซียว เธอที่ได้ยินเสียงคัทก็ปาดน้ำตาออกแล้วลุกขึ้นยืนคำนับให้กับคนที่ปรบมือให้เธอ หลังหมดฉากนี้ไปจะเป็นซีนอารมณ์ของเธอคนเดียวยาวไปจนจบเพลง
“คุณซูแสดงได้ดีมากครับ รบกวนคุณไปปรับอารมณ์อีกครั้งก่อนที่ผมจะเซ็ตฉากใหม่นะครับ เพราะหลังจากนี้จะเป็นซีนอารมณ์ในห้องพักของคุณแล้ว”
“ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณที่ชมนะคะผู้กำกับ”
ซูหนิงเซียวไปยืนทบทวนบทบาทอีกครั้งอย่างสงบ ด้านซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็ไม่ไปรบกวนซูหนิงเซียวที่กำลังทำสมาธิอยู่ พวกเธอสองคนไม่คิดว่าซูหนิงเซียวจะสามารถแสดงได้ดีถึงขนาดนี้ในครั้งแรกที่ถ่ายมิวสิควิดีโอ นับว่าการที่ซูหนิงเซียวไปเรียนที่เปี่ยวเซียนนั้นไม่เสียหลายจริง ๆ
ด้านจ้านเกาที่ได้รับโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ก็คิดอยู่นาน กระทั่งเขาสั่งเค่อหานให้ตรวจสอบนักแสดงชื่อหวงเต๋อที่กล้ามายุ่งกับผู้หญิงที่เขาดูแลอยู่ และให้เค่อหานทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้ชายคนนี้หลุดออกจากวงการไปเสีย
[อืม ป้าว่างวันมะรืนนี้ค่ะ วันนี้กับพรุ่งนี้หนิงเซียวยังมีงานถ่ายแบบอีกสองงานน่ะ][ถ้าอย่างนั้นผมนัดวันมะรืนเลยนะครับ เอาเป็นที่ห้องอาหารโรงแรม J ของผมก็แล้วกันนะครับ ผมจะได้ให้คนเปิดห้องอาหารส่วนตัวเอาไว้ก่อน][ตกลงจ๊ะ กี่โมงดีล่ะ ป้าจะได้เตรียมตัวเผื่อรถติดด้วย][สักหกโมงเย็นก็แล้วกันครับ เดี๋ยววันมะรืนผมกับป้าเจิ้งจะรอที่ฟร้อนหน้าโรงแรม][โอเคจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวไปดูหนิงเซียวก่อนนะ เพราะกำลังจะออกไปทำงานกันแล้วน่ะจ๊ะ][ครับคุณป้า ไว้พบกันวันมะรืนนะครับ สวัสดีครับ]หลังวางสายแล้ว จ้านเกาก็โทรหาเจิ้งเหลียงฮวาเรื่องนัดทานข้าวทันที ซึ่งเธอเองก็รับปากหลานชายว่าจะไปตามเวลานัดพร้อมสามีแน่นอน ช่วงนี้เธอยังไม่ได้คุยกับเพื่อนรักอย่างซูหนิงจิงเรื่องโครงการใหม่เลย ถ้ามีโอกาสเธอก็อยากให้สามีได้งานนี้มากกว่า ถึงแม้สามีจะบอกไม่ให้เธอขอร้องเพื่อนก็เถอะ เธอแค่อยากช่วยงานเขาบ้างเท่านั้นเอง
ผู้จัดการโรงแรมที่รออยู่หน้าห้องของท่านประธานที่ให้เขาจองไว้ก่อน เดินเข้าไปทักทายท่านประธานและเชิญทุกคนเข้าไปในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ทันที“อีกสักครู่ ผมจะให้คนนำอาหารมาส่งนะครับท่านประธาน”“ขอบคุณมากครับผู้จัดการฮวง ทุกคนนั่งกันก่อนครับ อีกเดี๋ยวค่อยทานอาหารกัน”ซูหนิงจิงกับเจิ้งเหลียงฮวานั่งติดกันเช่นเคย ส่วนกู่ซิงก็นั่งติดกับซูหนิงจิง ทำให้ซูหนิงเซียวต้องนั่งติดกับจ้านเกาอีกแล้ว สามีของเจิ้งเหลียงฮวาก็นั่งระหว่างเธอกับจ้านเกาเช่นกัน ซูหนิงเซียวได้แต่หันไปมองแม่อย่างไม่อยากห่างจากกันจ้านเกาเห็นซูหนิงเซียวเป็นแบบนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจกับอาการติดแม่ของคนสวยของเขา จ้านเกาจึงกระแอมไอก่อนจะชวนซูหนิงเซียวคุยไปพลาง ๆ“น้องหนิงเซียวเรียนเป็นยังไงบ้างครับ สนุกไหม”“สนุกค่ะ ตอนนี้เพิ่งเทอมแรก การเรียนยังไม่ถือว่ายากมากค่ะ ส่วนใหญ่มีแต่วิชาพื้นฐานเท่านั้น”
[ จริงเหรอคะน้องหนิงเซียว ][ จริงค่ะ วันนี้หนูว่าง คุยกันได้นะคะพี่ ๆ ][ พี่อยากรู้ว่าน้องทำยังไงถึงรูปร่างดีและสวยขนาดนี้คะ ][ ขอบคุณที่ชมนะคะ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะพี่ อาหารก็ทานปกตินะคะ ][ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะที่มีคนแบบน้องซึ่งสวยกว่าดาราบางคนเสียอีกค่ะ ][ พี่ชมหนูเกินไปแล้วมั้งคะ พี่ ๆ ดาราสวยกว่าหนูหลายคนเลยค่ะ ][ น้องไม่คิดรับงานอื่นนอกจากถ่ายแบบเหรอ ][ หนูเพิ่งถ่ายมิวสิควิดีโอไปไม่นานค่ะ น่าจะตัดต่อเสร็จเร็วๆ นี้ ฝากพี่ๆ ชมผลงานแสดงมิวสิคครั้งแรกของหนูด้วยนะคะ ][ เพลงของนักร้องคนไหนคะ พวกพี่จะได้ติดตามอัพเดทของนักร้องด้วยค่ะ ][ นักร้องคือพี่เจี้ยงอี้หลิวค่ะ ขอบคุณแทนพี่อี้หลิวด้วยนะคะที่พวกพี่ ๆ จะเข้าไปติดตามผลงานของเธอ ][ โอ้ย พวกพี่อยากเห็นว่าน้องใช้ชีวิตประจำวันยังไงจังเ
เมื่อไปถึงตลาดหุ้นแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปที่ออฟฟิศบริษัทของไป่เฉิงทันที หลังแจ้งประชาสัมพันธ์ไม่นาน พวกเธอก็เดินตามหลังประชาสัมพันธ์ไปยังห้องของไป่เฉิง“เชิญค่ะ”“ขอบคุณที่เดินมาส่งพวกเรานะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วค่ะ”หลังประชาสัมพันธ์จากไปและปิดประตูห้องให้พวกเธอแล้ว ทั้งสามคนต่างทักทายไป่เฉิงพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงได้นั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งไป่เฉิงเตรียมต้อนรับพวกเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้“วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณซู”“ฮ่า ฮ่า ไม่ถึงกับต้องมารับใช้ดิฉันหรอกนะคะคุณไป่ แค่หนิงเซียวอยากเพิ่มเงินในหุ้นที่เธอซื้อเอาไว้คราวก่อนเท่านั้นค่ะ ส่วนดิฉันกับพี่กู่อยากรู้ว่าหุ้นที่ถืออยู่ได้กำไรบ้างหรือยังค่ะ”“อ้อ ไม่มีปัญหาครับ คุณหนูซูต้องการเพิ่มเงินอีกหุ้นละเท่าไหร่ครับ”
เกือบ 20 นาที อาหารที่สั่งจึงมาวางที่โต๊ะของซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่เพิ่งได้สติตอนที่พนักงานวางอาหารก็รีบถามซูหนิงจิงเรื่องบอดี้การ์ดกันใหญ่“บอดี้การ์ดเป็นคนของจ้านเกาส่งมาดูแลเราน่ะลูก ตอนนี้แม่เริ่มธุรกิจในเมืองหลวงแล้ว ย่อมมีศัตรูในที่มืดอยากได้ประโยชน์จากโครงการของแม่ไม่น้อย ลูกก็เหมือนกัน ในวงการบันเทิงมีแต่เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น แม่ไว้ใจให้คนของจ้านเกาดูแลลูกเพิ่มนอกจากพี่กู่ซิงจะสบายใจกว่า เพราะหลังจากเริ่มโครงการแล้ว แม่จะไม่มีเวลาดูแลลูกกับพี่กู่อีก ลูกกับพี่กู่จะต้องขับรถไปทำงานเอง แต่ถ้ามีคนของจ้านเกาอยู่ด้วย แม่ค่อยทำงานของตัวเองได้อย่างสบายใจ”“อ่า แล้วแม่รู้เรื่องนี้มานานแล้วเหรอคะ?”“นานแล้วลูก เพียงแต่พวกพี่เขาจะไม่ลงมือถ้าเราไม่ถูกคุกคามเหมือนอย่างเมื่อกี้ไง”“เฮ้อ หนูกลัวจริง ๆ นะคะแม่เมื่อกี้นี้ ป้าคนนั้นน่ากลัวมากเลย หนูจำได้ว่าก่อนเราออกจากบ้านพ่อ เธอยังดูสวยอยู่เลย แต่ตอนนี้กล
ซูหนิงเซียวที่แต่งตัวเสร็จก็ออกมาพร้อมกับกู่ซิงพอดี เธอได้ยินน้ำเสียงดูถูกจากนักแสดงไอดอลที่เธอต้องร่วมงานด้วยพอดี ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วกับความหยิ่งของพวกเขา แต่ในเมื่อเธอเป็นมือใหม่ ซูหนิงเซียวจึงไม่อยากมีเรื่อง เธอแค่ต้องถ่ายงานออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น“อ้าว คุณซูแต่งตัวเสร็จพอดี ทุกคนประจำตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้ได้เลยครับ เดี๋ยวพอเพลงขึ้นมาก็ทำตามบทที่ให้ไปได้เลยนะครับ”ซูหนิงเซียวพยักหน้ารับคำของผู้กำกับโดยไม่สนใจที่จะทักทายดาราอีกสามคนที่ต่างมองเธอเป็นตาเดียวกัน ที่พวกเขามองก็เพราะว่าซูหนิงเซียวสวยสดใสมากจนพวกเขาที่เป็นดาราไอดอลถึงกับอับอายไม่น้อย อีกทั้งซูหนิงเซียวยังสูงมากเหมือนนางแบบมากกว่าดาราเสียอีกไอดอลทั้งสามพอได้ยินเสียงผู้กำกับบอกให้ประจำที่ พวกเขาจึงรีบเดินไปยังตำแหน่งที่ทีมงานชี้บอกเอาไว้ทันที แน่นอนว่าแถวหลังเป็นซูหนิงเซียวกับชายหนุ่มที่เป็นดาราไอดอลร่างสูงพอ ๆ กับซูหนิงเซียว ส่วนแถวหน้าเป็นไอดอลสาวสองคนผู้กำกับพอเห็นว่าทั้งสี
ผู้จัดการห้างเชิญท่านประธานกับแขกเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกับรอรับคำสั่งว่าวันนี้ท่านประธานกับแขกจะกินอะไร เขาให้เด็กเสิร์ฟเตรียมเมนูอาหารเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วจ้านเกาชวนซูหนิงเซียวกับซูหนิงจิงที่นั่งข้างกันให้เลือกสั่งอาหารตามสบาย เขาเองก็สั่งอาหารหลายอย่างที่เคยกินแล้วอร่อยมาเพิ่มด้วย กระทั่งทั้งสามคนรู้สึกว่าสั่งอาหารเยอะพอแล้วจึงได้หยุดสั่งผู้จัดการห้างรับออเดอร์เสร็จก็ขอตัวออกไปสั่งผู้จัดการร้านอาหารให้เร่งทำอาหารออกมาให้กับห้องของท่านประธานทันที จ้านเกาพยักหน้ารับคำผู้จัดการก่อนที่จะชวนซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวคุยฆ่าเวลารออาหารและรอกู่ซิงกับเค่อหานที่ยังไม่มาถึงห้องอาหารไปพลาง ๆ“น้องหนิงเซียวยังมีงานอีกหลังจากวันนี้หรือเปล่าครับ เท่าที่พี่รู้ อีกไม่ถึงสัปดาห์น้องก็จะเปิดเรียนแล้วใช่ไหมครับ”“ไม่มีงานแล้วค่ะพี่ ป้ากู่หยุดรับงานให้หนูพักผ่อนรอเปิดเรียนค่ะ”“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ ทำงานมากเกิ
“ใช่ หนิงเซียวพูดถูก” หานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนรีบเข้ามาสมทบกับเพื่อนทันที“เฮอะ ทำเป็นพูดดี ฉันว่าไม่มีใครจ้างเธอมากกว่า เธอมันก็ดีแค่สวยเท่านั้นแหละ คงไม่มีความสามารถพอด้านการแสดงเหมือนฉันหรอก”“แล้วแต่เธอจะคิดเถอะฟ่านเหลียน อย่างน้อยผลงานของฉันก็ออกมาเป็นเล่มนิตยสารมากมาย ไหนจะยอดมิวสิควิดีโอที่ยังคงมีคนเข้าชมจนกระทั่งวันนี้ แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าฉันมีงานไม่น้อยไปกว่าการแสดงละครแค่เรื่องเดียวทั้งเดือนอย่างเธอ อ้อ ฉันเห็นว่าเธออยากรู้เรื่องฉันมากนักใช่ไหม เธอรอดูงานโฆษณาของฉันที่จะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ด้วยล่ะ ไม่แน่นะ โฆษณาที่ฉันเล่นอาจจะออกฉายคั่นเวลาละครของเธอก็ได้”“จริงเหรอหนิงเซียว เธอรับถ่ายโฆษณาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” โจวเสี่ยวเซียนตื่นเต้นมากที่รู้ว่าเพื่อนสนิทรับงานอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“จริงสิเสี่ยวเซียน พวกเธอก็รอดูกันได้เลยนะ ฉันว่าเรารีบไปจ่ายค่าเทอมกับรับตารางเรียนกันดีกว่า แถวนี้อากาศเริ่
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้
หลังจากพูดคุยกับฮวงไหลอยู่เกือบสองชั่วโมง ซูหนิงเซียวก็ลุกออกไปส่งเขากลับ ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อรอฟังว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากลุงฮวงจัดการเรื่องคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว“แม่แน่ใจเหรอคะว่าเข้าไปบริหารบริษัทในอีกไม่กี่วันนี้ หนูกลัวว่าพ่อจะสร้างปัญหาให้แม่ค่ะ” ซูหนิงจิงยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนไม่ให้ซูหนิงเซียวคิดมากเกินไป เธอเข้าใจดีว่าลูกเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน“แม่แน่ใจจ๊ะ เรื่องพ่อของลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ ลูกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่มีลุงฮวงคอยช่วยเหลืออยู่น่ะ และแม่ยังมีป้ากู่เข้าไปช่วยงานแม่ที่นั่นด้วย ทีนี้สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”“หนิงเซียวไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีเองจ๊ะ อย่าลืมว่าเรายังมีบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสี่คนเลยนะ”“เฮ้อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะป้ากู่ หนูก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดีค่ะ หนูรู้นิสัยพ่อดีว่าเขารักหน้าตาตัวเองขนาดไหน ถ้าแม่เข้าไปแย่งตำแหน่งประธานมาล่ะก็ พ่อมีหวังอาละวาดแน่ ๆ”“เขาไม่มีสิทธิที่จะอาละวาดหรอกนะลูก ในเมื่อห
หลังผ่านวันเปิดโครงการไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้มีลูกค้าซื้อห้องไปแล้วเกินกว่าครึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดในโครงการทั้งสามอาคาร ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจแจ้งเหลียงฟางเรื่องที่เธอจะกลับเข้าไปบริหารงานในบริษัทอีกครั้ง[ คุณคิดดีแล้วใช่ไหมหนิงจิง? ผมกลัวว่าจ้าวไห่ถังจะสร้างปัญหาให้คุณนะ ][ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพาฮวงไหลเข้าไปจัดการทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานที่นั่นเอง ][ อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ทราบอย่างลับ ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณคิดจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่?][ น่าจะประมาณอีก 3-4 วันนะ ฉันกำลังจะส่งเอกสารการถือหุ้นและเอกสารที่ฉันแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ผ่านมาน่ะ ][ ตกลง ผมจะรอวันที่คุณเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าจ้าวไห่ถังไม่ยินยอม ผมจะเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับจ้าวไห่ถังมากนัก ผมกลัวว่าเขาจะหาทางแก้แค้นคุณเอา ][ ได้ ขอบใจมากนะเหลียงฟาง แล้วค่อยเจอกัน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารให้ทนายก่อน ][ ครับ สวัสดีครับ ] กู่ซิงที่ทำหน้าที่เลขาของซูหนิงจิ
“เพราะคุณคนเดียวทำให้พวกเราต้องเสียโอกาสซื้อห้องในโครงการนี้!!!” สามีภรรยาตระกูลรองหลายคนต่างโทษหลิวอ้ายโหรวเป็นเสียงเดียวกัน“อ้าว ทำไมพวกคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ ในเมื่อพวกคุณเองเป็นคนสนับสนุนฉันตั้งแต่แรกน่ะ” หลิวอ้ายโหรวมีหรือจะยอมรับความผิดครั้งนี้ง่าย ๆ เธอเพียงแค่บอกข้อสันนิษฐานออกไปเท่านั้น เป็นพวกเขาที่เห็นด้วยกับเธอเอง บอดี้การ์ดต่างมองกลุ่มคนที่กำลังเอะอะโวยวายอย่างกับแม่ค้าพ่อค้าปากตลาดอย่างสมน้ำหน้า พวกเขาต้องคอยเฝ้าจนกว่าคนพวกนี้จะขับรถออกจากโครงการไป ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเข้าไปวุ่นวายภายในอีกคงไม่ดีแน่ หลังจากทะเลาะกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างดึงแขนภรรยาของตัวเองเดินกลับขึ้นรถในทันที ตอนแรกเจียวจูว่าจะไม่ช่วยหลิวอ้ายโหรว แต่ด้วยลูกชายของเธอยังเป็นคู่หมั้นของจ้าวลี่ลี่อยู่ เธอจึงต้องออกหน้าช่วยหลิวอ้ายโหรวจนถูกหมายหัวไปด้วย เมื่อเข้าไปในรถแล้ว จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวต่างคนต่างต่อว่าด่าทอภรรยาตัวเองจนถึงบ้าน พว