หลิวอ้ายโหรวได้แต่มองกลุ่มของซูหนิงจิงอย่างหมั่นไส้ เธอเชื่อว่าการที่ซูหนิงจิงกับลูกได้เข้าไปรู้จักกลุ่มตระกูลใหญ่คงเพราะเธอขายลูกสาวให้ตระกูลจ้าน หลิวอ้ายโหรวเห็นภรรยาตระกูลรองต่างมองไปทางนั้นเช่นเดียวกัน เธอยิ้มร้ายออกมาก่อนจะชวนเจียวจูกับจ้าวลี่ลี่ไปพูดคุยกับคนพวกนั้น
“สวัสดีคุณนายโหยว คุณนายไป๋ คุณนายเซียะและคุณนายทุกท่านค่ะ ดิฉันหลิวอ้ายโหรว ภรรยาของจ้าวไห่ถัง นี่ลูกสาวดิฉันและพี่สาวเจียวจูภรรยานายท่านหลงค่ะ” หลิวอ้ายโหรวส่งยิ้มประจบกลุ่มคนที่เธอพอจะรู้จักบ้างนิดหน่อย หลังจากแนะนำตัวกันได้ไม่นาน หลิวอ้ายโหรวก็เริ่มพูดถึงงานในวันนี้รวมถึงเรื่องของซูหนิงจิงขายลูกสาวให้ตระกูลจ้านด้วย“คุณน้องพูดจริงเหรอคะ? พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณจ้านเกาจะหมั้นหมายแล้ว อีกอย่างเด็กคนนั้นดูเหมือนยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ”“นั่นสิคะ พวกเราไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน ถ้าซูหนิงจิงทำแบบนั้นเพื่อเข้าถึงตระกูลใหญ่ก็นับว่าเสียศักดิ์ศรีมากเลยนะ”“อืม ฉันว่าเรื่องนี้เราคงต้องไปถามสามีพวกเราก่อนว่ามีใครรู้แขกในงานรวมถึงหลิวอ้ายโหรวต่างไม่อยากจะเชื่อว่าซูหนิงจิงจะมีเงินมากขนาดนั้น ยิ่งกับหลิวอ้ายโหรวแล้วเธอยิ่งไม่พอใจที่สิ่งที่คิดเอาไว้ไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ จ้าวไห่ถังเห็นเธอยังไม่ยอมนั่งลงก็พยายามจะดึงแขนเธอให้นั่งลงก่อนที่จะขายหน้าไปมากกว่านี้ แต่หลิวอ้ายโหรวกลับสะบัดมือออกแล้วก้าวออกไปไม่ไกลจากโต๊ะของเธอนัก“คุณจ้านพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนัก พวกเราแค่พูดออกมาตามที่คิดกันเท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีข่าวออกมาว่าลูกสาวเธอหมั้นหมายกับคุณมานานแล้ว พวกเราก็ไม่ผิดที่จะคิดว่าเธอกับลูกได้ประโยชน์จากการหมั้นครั้งนั้น ดิฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างซูหนิงจิงจะมีเงินมากมายถึงขนาดสร้างโครงการที่นี่ได้ ในเมื่อเธอหย่าขาดจากสามีดิฉันมานานแล้ว และไม่มีส่วนในการบริหารบริษัทมาตลอดสิบกว่าปี เธอจะมีปัญญาหาเงินมากมายมาได้ยังไง จริงไหมคะทุกคน” หลิวอ้ายโหรวหันไปขอความเห็นเหล่าคนตระกูลรองที่เธอเพิ่งคุยกันก่อนหน้านี้“พวกเราก็คิดไม่ต่างกับคุณนายจ้าวเช่นกันครับ ทำไมจู่ ๆ ซูหนิงจิงที่หายไปจากเมืองหลวงสิบกว่าปีจะเกิดมีเงินจำนวนมากกว่าที่พวกเราหาได้โดยไม่มีข่าวอะไรเล็ดลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว”
“เพราะคุณคนเดียวทำให้พวกเราต้องเสียโอกาสซื้อห้องในโครงการนี้!!!” สามีภรรยาตระกูลรองหลายคนต่างโทษหลิวอ้ายโหรวเป็นเสียงเดียวกัน“อ้าว ทำไมพวกคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ ในเมื่อพวกคุณเองเป็นคนสนับสนุนฉันตั้งแต่แรกน่ะ” หลิวอ้ายโหรวมีหรือจะยอมรับความผิดครั้งนี้ง่าย ๆ เธอเพียงแค่บอกข้อสันนิษฐานออกไปเท่านั้น เป็นพวกเขาที่เห็นด้วยกับเธอเอง บอดี้การ์ดต่างมองกลุ่มคนที่กำลังเอะอะโวยวายอย่างกับแม่ค้าพ่อค้าปากตลาดอย่างสมน้ำหน้า พวกเขาต้องคอยเฝ้าจนกว่าคนพวกนี้จะขับรถออกจากโครงการไป ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเข้าไปวุ่นวายภายในอีกคงไม่ดีแน่ หลังจากทะเลาะกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างดึงแขนภรรยาของตัวเองเดินกลับขึ้นรถในทันที ตอนแรกเจียวจูว่าจะไม่ช่วยหลิวอ้ายโหรว แต่ด้วยลูกชายของเธอยังเป็นคู่หมั้นของจ้าวลี่ลี่อยู่ เธอจึงต้องออกหน้าช่วยหลิวอ้ายโหรวจนถูกหมายหัวไปด้วย เมื่อเข้าไปในรถแล้ว จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวต่างคนต่างต่อว่าด่าทอภรรยาตัวเองจนถึงบ้าน พว
หลังผ่านวันเปิดโครงการไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้มีลูกค้าซื้อห้องไปแล้วเกินกว่าครึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดในโครงการทั้งสามอาคาร ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจแจ้งเหลียงฟางเรื่องที่เธอจะกลับเข้าไปบริหารงานในบริษัทอีกครั้ง[ คุณคิดดีแล้วใช่ไหมหนิงจิง? ผมกลัวว่าจ้าวไห่ถังจะสร้างปัญหาให้คุณนะ ][ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพาฮวงไหลเข้าไปจัดการทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานที่นั่นเอง ][ อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ทราบอย่างลับ ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณคิดจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่?][ น่าจะประมาณอีก 3-4 วันนะ ฉันกำลังจะส่งเอกสารการถือหุ้นและเอกสารที่ฉันแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ผ่านมาน่ะ ][ ตกลง ผมจะรอวันที่คุณเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าจ้าวไห่ถังไม่ยินยอม ผมจะเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับจ้าวไห่ถังมากนัก ผมกลัวว่าเขาจะหาทางแก้แค้นคุณเอา ][ ได้ ขอบใจมากนะเหลียงฟาง แล้วค่อยเจอกัน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารให้ทนายก่อน ][ ครับ สวัสดีครับ ] กู่ซิงที่ทำหน้าที่เลขาของซูหนิงจิ
หลังจากพูดคุยกับฮวงไหลอยู่เกือบสองชั่วโมง ซูหนิงเซียวก็ลุกออกไปส่งเขากลับ ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อรอฟังว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากลุงฮวงจัดการเรื่องคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว“แม่แน่ใจเหรอคะว่าเข้าไปบริหารบริษัทในอีกไม่กี่วันนี้ หนูกลัวว่าพ่อจะสร้างปัญหาให้แม่ค่ะ” ซูหนิงจิงยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนไม่ให้ซูหนิงเซียวคิดมากเกินไป เธอเข้าใจดีว่าลูกเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน“แม่แน่ใจจ๊ะ เรื่องพ่อของลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ ลูกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่มีลุงฮวงคอยช่วยเหลืออยู่น่ะ และแม่ยังมีป้ากู่เข้าไปช่วยงานแม่ที่นั่นด้วย ทีนี้สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”“หนิงเซียวไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีเองจ๊ะ อย่าลืมว่าเรายังมีบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสี่คนเลยนะ”“เฮ้อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะป้ากู่ หนูก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดีค่ะ หนูรู้นิสัยพ่อดีว่าเขารักหน้าตาตัวเองขนาดไหน ถ้าแม่เข้าไปแย่งตำแหน่งประธานมาล่ะก็ พ่อมีหวังอาละวาดแน่ ๆ”“เขาไม่มีสิทธิที่จะอาละวาดหรอกนะลูก ในเมื่อห
บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
สายวันต่อมา จ้านหย่งเหอและจ้านเซียงชิงมาพร้อมพ่อบ้านที่จัดเตรียมอาหารสำหรับคนป่วยเพื่อเยี่ยมหลานชาย ซูหนิงจิงยังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าฝากพ่อบ้านนำมาให้ลูกสาวของเธอที่เฝ้าดูแลจ้านเกาเช่นเดียวกัน กู่ซิงวันนี้เธอต้องจัดการเรื่องรับสมัครพนักงานทางออนไลน์จึงไม่ออกมาด้วย มีเพียงซูหนิงจิงที่เดินทางไปทำงานพร้อมบอดี้การ์ดตามปกติ ระหว่างทางซูหนิงจิงให้เพื่อนของเธอสืบหาตัวการที่ทำร้ายจ้านเกาและบอกเขาให้เอาคืนคนที่กล้าทำร้ายว่าที่ลูกเขยของเธอด้วย โดยครั้งนี้ซูหนิงจิงจะช่วยเพื่อนขยายกิจการไปยังเมืองต่าง ๆ เป็นการตอบแทน เติ้งโหย่วมีหรือจะไม่ชอบใจกับข้อตกลงของซูหนิงจิง เขาอยากขยายสาขามานานมากแล้ว ติดเพียงแค่เงินทุนและระบบการจัดการบริหารเท่านั้นที่เขาไม่ค่อยจะมีความรู้ ส่วนลูกน้องของเขาก็มีมากมายที่สามารถวางใจให้ไปดูแลสาขาต่าง ๆ ได้ในอนาคต เมื่อได้รับการตอบรับจากเติ้งโหย่วแล้ว ซูหนิงจิงก็วางสายอย่างสบายใจ เธอไม่กลัวว่าเขาจะทำงานไม่สำเร็จ ในเมื่อเขามีอิทธิพลมากในวงการใต้ดิน มีหัวโจกหลายกลุ่มต้องการล้มเขามานาน แต่ด้วยระบบการจัดการที่ซูหนิงจิ
วันนี้กว่าที่จ้านเกาจะเสร็จจากงานในบริษัท เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบจะสามทุ่มแล้ว เขาเก็บเอกสารส่งให้เค่อหานนำไปเก็บเพื่อส่งต่อให้บริษัทในเครือวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะออกจากห้องทำงานไปพร้อมบอดี้การ์ดส่วนตัวตามปกติ คนของเจียวจิ้งเหอเฝ้าดูกิจวัตรประจำวันของจ้านเกามาสองวันแล้ว วันนี้พวกเขาจึงคิดจะลงมือโดยดักซุ่มรอที่ทางผ่านกลับบ้านตระกูลจ้านซึ่งขณะนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา พวกเขาจอดรถแอบเอาไว้ที่ซอยใกล้กับถนนใหญ่ ก่อนที่จะไปซุ่มรอที่หลังต้นไม้ริมทางทั้งสี่คน แต่ละคนเตรียมปืนออโตเมติกสมรรถนะสูงมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขารับงานมาจากเจ้านายแล้วจึงต้องทุ่มสุดตัว ขบวนรถของจ้านเกามาถึงจุดที่คนของเจียวจิ้งเหอดักรออยู่ในอีก 30 นาทีต่อมา ขณะที่รถทั้งสองคันกำลังจะผ่านทางไป กลุ่มกระสุนแถวแรกก็สาดเข้าใส่รถทั้งสองคันอย่างไม่สนใจว่าใครจะบาดเจ็บล้มตาย คนขับเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเร่งเครื่องให้ผ่านทางอันตรายไปโดยเร็ว ถึงแม้รถทั้งสองคันจะกันกระสุนได้ก็จริง แต่ปืนที่คนร้ายใช้กลับสามารถส่งคมกระสุนเจาะทะลุผ่านกระจกรถได้อย่างไม่ลำบาก แต่ยิ่งขับไปด้านหน้ามากเท่า
ด้านหลงเอ้อหลางกับพวกที่ถูกคุมขังอยู่กลับไม่มีความสุขนัก พวกเขาถูกพ่อด่ากันอีกครั้ง แถมครั้งนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัวเพราะเป็นคดีร้ายแรง ทำให้ทั้งหกคนถูกฝากขังที่ศาลก่อนจะถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรกในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า บรรดาแม่ ๆ ของพวกเขาต่างร้อนรนที่ลูกต้องเข้าไปอยู่ในคุกแบบนี้ พวกเธออาละวาดจนสามีแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งกับหลงฮ่าวที่ได้รับรายงานเรื่องทั้งหมดจากบอดี้การ์ดด้วยแล้ว เขายิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกจนไม่คิดจะช่วยอะไรลูกชาย“คุณไม่คิดจะหาทางช่วยเอ้อหลางเลยหรือยังไง เขาเป็นลูกชายของคุณนะ!”“ฮึ แล้วใครใช้ให้มันไปลักพาตัวคู่หมั้นจ้านเกาล่ะ คุณคิดว่าผมจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อนี่เป็นคดีร้ายแรง”“คุณก็ไปบอกไอ้จ้านเกานั่นไม่ให้มันเอาเรื่องลูกชายฉันสิ”“นี่คุณคิดว่าเขาจะยอมง่าย ๆ เหรอ? คุณก็รู้ว่าเขาเกลียดผมมากแค่ไหนน่ะ”“ฮึ คุณมันไม่ได้เรื่อง ฉันไปให้พ่อฉันช่วยลูกก็ได้ คอยดูนะ ฉันจะจัดการไอ้จ้านเกานั่นให้ดู!” เจียวจูเดินปึงปังออกจากบ้านไปอย่างไม่เหลียวหลังมามองว่าสามีของเธอมี
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินทางมาถึงบ้านตระกูลจ้านก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงยังคงนั่งรอพวกเธออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนหลานชายพวกเขาก็ไปอยู่เป็นเพื่อนซูหนิงเซียวที่ห้องด้านบนพร้อมกับแม่บ้านหลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินขึ้นไปห้องของซูหนิงเซียวโดยมีพ่อบ้าน แม่บ้านช่วยกันยกกระเป๋าของพวกเธอตามขึ้นไปด้วย ระหว่างทางซูหนิงจิงยังได้รับการปลอบโยนจากสองผู้อาวุโสจนเธอใจชื้นขึ้นบ้างหลังจากที่กังวลมาตลอดตั้งแต่ทราบเรื่องของลูกสาว เมื่อซูหนิงจิงเห็นลูกของเธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงคุยกับจ้านเกาที่นั่งเก้าอี้ข้างเตียงเข้า น้ำตาของเธอก็รื้นขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปกอดซูหนิงเซียวเอาไว้อย่างแสนรักที่เตียงอีกด้านหนึ่ง คนอื่น ๆ เห็นซูหนิงจิงที่เข้มแข็งมาตลอดเป็นเช่นนี้ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงเป็นห่วงลูกมาก จ้านหย่งเหอไม่อยากรบกวนสองแม่ลูก เขาจึงชวนทุกคนไปนั่งที่ห้องรับแขกบนชั้นสองรอให้ซูหนิงจิงพูดคุยกับลูกสาวสักพักก่อนเพื่อคลายความเป็นห่วง ซูหนิงเซียวที่ได้รับอ้อมกอดอุ่นจากแม่ของเธอก็สะอื้นขึ้นมาอีกคร
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี