[ อืม ฉันได้ข่าวมาว่าเขาแอบขายหุ้นไปไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้จริงหรือเปล่าเหลียงฟาง ]
[ นี่เป็นเรื่องจริง ผมยังเอาเงินเก็บของตัวเองแอบซื้อหุ้นที่เขาขายไว้เกือบ 20% ด้วยนะ ถ้าบริษัทยังตกต่ำต่อภายในปีหรือสองปีนี้ล่ะก็ เงินทั้งหมดที่ผมลงทุนไปคงสูญเปล่าแล้วล่ะ ]
[ คุณอย่าเพิ่งกังวลไปเลย ถ้าเขาขายหุ้นไปจำนวนมากขนาดนั้น ตอนนี้เขาน่าจะเหลือหุ้นอยู่ในมือไม่ถึง 20% ฉันคิดว่าเขาน่าจะขายมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ]
[ เท่าที่ผมรู้ข้อมูล ดูเหมือนว่าจ้าวไห่ถังจะเหลือหุ้นอยู่ประมาณ 17% นะครับ ความจริงผมอยากให้เขาออกแล้วขึ้นมาบริหารงานเองด้วยซ้ำ เพราะหุ้นในมือผมมีมากกว่า เพียงแต่ผมกลัวว่าจะทำให้บริษัทยิ่งหมดความน่าเชื่อถือ ผมเลยยังทำงานในตำแหน่งเดิมอยู่เท่านั้นเอง ]
[ ฉันขอข้อมูลปัญหาในบริษัทที่คุณรู้เพิ่มเติมได้ไหม คุณเพิ่มเพื่อนในเว่ยป๋อเป็นเบอร์โทรนี้ของฉันได้เลย แล้วส่งข้อมูลมา ฉันขอเวลาสักหนึ่งสัปดาห์เพื่อหาวิธีแก้ไขก่อน แล้วฉันจะติดต่อคุณอีกที ]
“หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่ เอาไว้วันไหนหนูมีเวลา หนูจะศึกษาเรื่องโครงการของแม่เพิ่มเติมนะคะ แม่จะได้ใช้เวลาแก้ไขปัญหาบริษัทก่อน ส่วนเรื่องโครงการหนูจะได้เข้าไปช่วยตรวจสอบแทนแม่กับป้ากู่ค่ะ”“ลูกแน่ใจเหรอที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้น่ะหนิงเซียว”“แน่ใจค่ะแม่ ถึงมันจะดูยากไปสักหน่อย แต่หนูคิดว่าน่าจะทำได้ ส่วนงานเพลงของหนูเอง หนูก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้วค่ะ รอให้โครงการของแม่เสร็จก่อนค่อยแต่งเพลงก็ยังไม่สายนะคะ ยังไงตอนนี้หนูก็ยังไม่ได้เรียนลึกลงไปทางด้านเทคนิคต่าง ๆ แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องหนูหรอกค่ะ”“พี่คิดว่าให้หนิงเซียวช่วยดูแลเรื่องโครงการก็ดีเหมือนกันนะคะ หนิงเซียวจะได้เรียนรู้เอาไว้บ้าง เผื่อในอนาคตหนิงเซียวจะได้ช่วยน้องซูดูแลงานทางนั้นได้ด้วย ส่วนงานเพลงก็ให้หนิงเซียวทำเป็นงานเสริมไปก็ได้ค่ะ หนิงเซียวคิดยังไงจ๊ะ”“ก็ไม่เลวนะคะป้ากู่ หนูต้องใช้อารมณ์ในการแต่งเพลงด้วย ไม่ใช่ว่าหนูจะแต่งเพลงได้ตลอดเวลา เวลาที่ว่างหนูสามารถช่วยแม่ดูแลเรื่องโครงการได้ค
การถ่ายแบบในวันนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เหม่ยหลิงคาดเอาไว้ แค่ก่อนเที่ยงสองชั่วโมง ตอนนี้ช่างภาพถ่ายแบบไปได้ถึง 4 ชุดแล้ว ระหว่างพักเที่ยง เธอให้ทีมงานนำข้าวกล่องมาแจกทุกคน ซูหนิงจิง กู่ซิงกับซูหนิงเซียวนั่งกินกันไม่ไกลจากบริเวณที่ถ่ายทำอย่างไม่คิดอะไร ยิ่งทำให้เหม่ยหลิวพอใจพวกเธอยิ่งขึ้นไปอีก เพราะถ้าเป็นดาราดังคนอื่นล่ะก็ คงไม่มีทางกินข้าวกล่องที่ทีมงานเตรียมให้แน่ แต่จะใช้ผู้จัดการไปหาซื้ออาหารข้างนอกให้ต่างหาก นับว่าข่าวการทำงานกับนางแบบของกู่ซิงไม่เกินจริงเลยบรรดานักศึกษาที่เห็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยตัวเองทำงานอย่างมืออาชีพต่างนึกชื่นชมซูหนิงเซียวกันไม่น้อย เมื่อถึงตอนเที่ยง พวกเขาพากันไปยังโรงอาหารของคณะเพื่อทานข้าว ช่วงบ่ายพวกเขาบางส่วนมีเรียน จึงน่าจะมีคนไม่มากนักอยู่ดูการถ่ายแบบต่อในช่วงบ่าย ระหว่างทานอาหารพวกเขายังพูดชื่นชมนางแบบที่เรียนในมหาวิทยาลัยของพวกเขาเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ นักศึกษาหญิงบางคนที่แอบถ่ายรูปตอนที่ซูหนิงเซียวทำงานเอาไว้ยังโชว์ภาพชุดสวย ๆ ให้เพื่อนดูและบอกว่าเธอจะเก็บเงินซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้สักหนึ่งชุดเพื
มื้อเที่ยง ทั้งสามคนนำอาหารมื้อเช้ามาอุ่นกินกันเท่านั้น ก่อนที่ซูหนิงจิงจะนำสมุดโน้ตที่จดช่วงเช้าเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปโดยไม่ได้พูดอะไร ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงจึงช่วยกันเก็บล้างสิ่งของในห้องครัวก่อนจะไปนั่งอ่านหนังสือกันที่ห้องรับแขกเหมือนเมื่อเช้านี้ ทั้งสองรู้ดีว่าถ้าซูหนิงจิงแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้แล้ว เธอจะอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างแน่นอนช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ซูหนิงจิงยังคงขลุกตัวอยู่ในห้องเป็นส่วนใหญ่ เธอจะออกมาจากห้องเฉพาะตอนทานข้าวเท่านั้น เรื่องอาหารก็เป็นซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่ช่วยกันทำ ทั้งสองคนไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาเสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเธอจึงช่วยกันดูแลเรื่องอาหารให้กับซูหนิงจิงแทน เพื่อที่ซูหนิงจิงจะได้ใช้เวลาในการหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในบริษัทให้เสร็จโดยเร็ว และวันจันทร์นี้พวกเธอจะไปที่ตลาดหุ้นด้วยกัน ซูหนิงจิงจึงไม่น่าจะมีเวลาจัดการปัญหาของบริษัทในวันนั้นซูหนิงจิงที่เห็นลูกกับกู่ซิงดูแลเรื่องอาหารให้เธอตลอดสองวันก็เข้าใจดีว่าพวกเธอคงต้องการให้เธอจัดการเรื่องปัญหาในบริษัทให้เส
ซูหนิงจิงนั่งดูเอกสารหุ้นทั้งสองตัวของลูกสาวแล้วสรุปได้ว่าน่าจะต้องรออีกสักปีสองปีตามที่ไป่เฉิงคาดการณ์เช่นกัน“ลูกต้องการซื้อเพิ่มแค่ตัวละ 200,000 หยวนใช่ไหม เดี๋ยวแม่จะเพิ่มทุนให้ลูกอีกตัวละ 1 ล้านหยวนนะ”“ขอบคุณมากค่ะแม่ แต่หนูอยากซื้อเท่าที่ตัวเองไหวนะคะ หนูไม่อยากใช้เงินแม่ค่ะ”“ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ เงินเล็กน้อยถือว่าแม่ให้เป็นค่าขนมก็แล้วกัน”ซูหนิงเซียวได้แต่ต้องยิ้มรับเงินที่แม่กำลังจะโอนให้ เธอรู้ดีว่าแม่อยากให้เธอมีประสบการณ์ในการเล่นหุ้น ถึงแม้จะได้มากได้น้อยหรือไม่ได้เลย แม่ของเธอก็คงไม่คิดมากอะไรกับเงินพวกนี้กู่ซิงที่ดูเอกสารหุ้นของเธอที่ซื้อเอาไว้สองตัวก็คิดที่จะขายหุ้นเหมือนกัน เพราะตอนนี้เงินต้นที่เธอลงไปตัวละหนึ่งล้านหยวนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เธอพอใจกับจำนวนเงินนี้แล้ว หากถือต่อเธอก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอยู่ดี เธอจึงคิดที่จะตัดขายออกทั้งหมดแล้วนำเงินมาซื้อ
ทั้งสามคนเข้าไปในห้างและมองหาร้านอาหารในชั้น 4 แต่กลับไม่มีเลย พวกเธอจึงมองลงไปด้านล่างเพื่อสำรวจดูก่อน เพราะห้างนี้ไม่มีแผนที่เหมือนห้างใหญ่ที่พวกเธอเคยไป ซูหนิงเซียวที่เห็นว่าชั้น 1 มีร้านอาหารรีบชี้ให้แม่กับกู่ซิงดูทันที เมื่อเห็นแล้วว่ามีร้านที่ชั้น 1 ทั้งสามก็เดินลงบันไดเลื่อนไปยังจุดหมายทันทีร้านที่ชั้น 1 เต็มไปด้วยคนที่มาเดินห้างอย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่วันนี้เป็นวันทำงานแท้ ๆ แต่ดูเหมือนห้างนี้จะมีกิจกรรมบางอย่างจึงทำให้มีคนมารอดูเป็นจำนวนมาก ทั้งสามคนได้แต่เลือกร้านบะหมี่ที่คนน้อยที่สุดแทนที่จะเป็นร้านอาหารอื่นที่น่ากินมากกว่า พวกเธอขี้เกียจไปนั่งรอคิวที่หน้าร้านจึงเลือกกินอะไรง่าย ๆ แทนหลังจากเข้าไปนั่งที่โต๊ะว่างและสั่งบะหมี่เสร็จ ซูหนิงเซียวก็เอ่ยปากถามแม่กับป้ากู่ของเธอด้วยความประหลาดใจ“วันนี้เขามีอะไรที่ห้างนี้หรือเปล่าคะแม่ ป้ากู่ ทำไมคนถึงเยอะมากขนาดนี้ได้”“ป้าคิดว่าน่าจะมีการจัดอีเว้นท์ของดารานะ คนพวกนี้น่าจะเป็นแฟนคล
ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำพนักงานขาย เธอพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปรอที่เคาเตอร์ตามที่พนักงานบอกอย่างไม่คิดมากอะไร แต่คนที่คิดมากกลับเป็นซูหนิงเซียว“แม่คะ มันไม่แพงเกินไปเหรอคะ เครื่องนึงเกือบสองแสนหยวนเลย”“ไม่แพงหรอกนะลูก ถ้าลูกใช้งานมันให้เต็มที่สมกับที่แม่เสียเงินซื้อให้”“พี่ก็คิดว่าแพงไปหน่อยนะคะน้องซู อย่าลืมว่าหนิงเซียวยังไม่มีความรู้เรื่องกราฟฟิคเลยนะคะ พี่คิดว่าลดสเปคลงมาหน่อยน่าจะไม่มีปัญหากับงานของหนิงเซียวมั้งคะ”“พี่กู่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ค่ะ ในเมื่อหนิงเซียวจำเป็นจะต้องหาความรู้เพิ่มเติม หนูก็จะพาไปหาซื้อหนังสือสักหลายเล่มให้ลูก ในเวลาว่างที่ไม่มีงาน หนิงเซียวจะได้หัดใช้งานโน้ตบุ๊คให้คล่องมือด้วยยังไงล่ะคะ”“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่ว่ามาก็ได้ค่ะ หนูจะพยายามเรียนรู้และใช้งานโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ให้เต็มที่ สมกับที่แม่เสียเงินจำนวนมากในครั้งนี้นะคะ แล้วเครื่องปร
พนักงานขายที่เห็นบอดี้การ์ดทั้งสี่ตกใจไม่น้อย เขาเพิ่งรู้ว่าลูกค้ารายใหญ่มีบอดี้การ์ดคอยตามอยู่ห่าง ๆ ถ้าเธอไม่เรียก พวกเขาก็คงไม่เข้ามาเป็นแน่ โชคดีที่เขาบริการลูกค้าเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นบอดี้การ์ดพวกนี้คงจัดการเขาไปแล้ว“เชิญคุณลูกค้าไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้าก่อนนะครับ ถ้าเครื่องเสร็จแล้วผมจะนำมาเปิดให้พวกคุณตรวจสอบสภาพก่อนรับสินค้าครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณที่แนะนำสินค้าให้ดิฉันเป็นอย่างดีนะคะ”พนักงานขายยิ้มรับคำซูหนิงจิงและเดินนำพวกเธอไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้าร้าน ก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปหาน้ำมาวางให้ลูกค้าบนโต๊ะระหว่างรอโน้ตบุ๊คราคามหาโหดที่ลูกค้าสั่งบอดี้การ์ดชื่ออาก้านยืนรออยู่หน้าร้านและคอยมองกลุ่มของซูหนิงจิงเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ตามหน้าที่ ส่วนพวกซูหนิงจิงที่กำลังรอโน้ตบุ๊คอยู่ก็นั่งคุยกันเบา ๆ ถึงเรื่องหนังสือที่แต่ละคนต้องการ 30 นาทีต่อมา บอดี้การ์ดทั้งสามที่ยกของไปเก็บก็กลับมาถึงหน้าร้านไอที หัวหน้าบอดี้การ์ดนำกุญแจร
หลังจากบอดี้การ์ดออกจากห้องไปแล้ว ซูหนิงจิงจึงบอกทุกคนให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าพวกเธอยังต้องเดินทางเข้าไปยังสตูดิโอที่มีงานถ่ายแบบของซูหนิงเซียวบริเวณใกล้ใจกลางเมืองหลวงหลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงเซียวที่วันนี้มีงานก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสสีขาว กระเป๋าและรองเท้าเธอใช้สีขาวมุกเพื่อไล่ระดับสีไม่ให้กลืนไปกับสีชุดมากนัก ส่วนซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็สวมชุดเดรสเช่นกันแต่คนละสี พร้อมกับมีเสื้อสูทใส่คลุมเอาไว้ให้ดูสุภาพเท่านั้น ซูหนิงจิงเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วก็ชวนกันไปที่รถทันที เพราะวันนี้ลูกค้านัดเอาไว้เวลา 10 โมงเช้า เธอกลัวว่ารถจะติดแล้วทำให้ไปถึงงานช้ากว่าที่ซูหนิงจิงจะพาลูกกับกู่ซิงไปถึงอาคารที่ตั้งสตูดิโอก็เหลือเวลา 10 นาทีเท่านั้นก็จะ 10 โมง ทั้งสามคนจึงรีบลงจากรถแล้วเข้าไปในอาคารโดยมีกู่ซิงนำทางไปที่สตูดิโอบนชั้น 3 ของอาคาร พวกเธอเข้าไปถึงสตูดิโอตรงเวลานัดพอดี กู่ซิงรีบเดินเข้าไปถามหาลูกค้าเพื่อจะบอกว่าพวกเธอมาถึงแล้ว แต่กลับมีเสียงโมโหดังออกมาเสียก่อนจากเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาด
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้
หลังจากพูดคุยกับฮวงไหลอยู่เกือบสองชั่วโมง ซูหนิงเซียวก็ลุกออกไปส่งเขากลับ ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อรอฟังว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากลุงฮวงจัดการเรื่องคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว“แม่แน่ใจเหรอคะว่าเข้าไปบริหารบริษัทในอีกไม่กี่วันนี้ หนูกลัวว่าพ่อจะสร้างปัญหาให้แม่ค่ะ” ซูหนิงจิงยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนไม่ให้ซูหนิงเซียวคิดมากเกินไป เธอเข้าใจดีว่าลูกเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน“แม่แน่ใจจ๊ะ เรื่องพ่อของลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ ลูกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่มีลุงฮวงคอยช่วยเหลืออยู่น่ะ และแม่ยังมีป้ากู่เข้าไปช่วยงานแม่ที่นั่นด้วย ทีนี้สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”“หนิงเซียวไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีเองจ๊ะ อย่าลืมว่าเรายังมีบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสี่คนเลยนะ”“เฮ้อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะป้ากู่ หนูก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดีค่ะ หนูรู้นิสัยพ่อดีว่าเขารักหน้าตาตัวเองขนาดไหน ถ้าแม่เข้าไปแย่งตำแหน่งประธานมาล่ะก็ พ่อมีหวังอาละวาดแน่ ๆ”“เขาไม่มีสิทธิที่จะอาละวาดหรอกนะลูก ในเมื่อห
หลังผ่านวันเปิดโครงการไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้มีลูกค้าซื้อห้องไปแล้วเกินกว่าครึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดในโครงการทั้งสามอาคาร ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจแจ้งเหลียงฟางเรื่องที่เธอจะกลับเข้าไปบริหารงานในบริษัทอีกครั้ง[ คุณคิดดีแล้วใช่ไหมหนิงจิง? ผมกลัวว่าจ้าวไห่ถังจะสร้างปัญหาให้คุณนะ ][ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพาฮวงไหลเข้าไปจัดการทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานที่นั่นเอง ][ อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ทราบอย่างลับ ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณคิดจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่?][ น่าจะประมาณอีก 3-4 วันนะ ฉันกำลังจะส่งเอกสารการถือหุ้นและเอกสารที่ฉันแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ผ่านมาน่ะ ][ ตกลง ผมจะรอวันที่คุณเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าจ้าวไห่ถังไม่ยินยอม ผมจะเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับจ้าวไห่ถังมากนัก ผมกลัวว่าเขาจะหาทางแก้แค้นคุณเอา ][ ได้ ขอบใจมากนะเหลียงฟาง แล้วค่อยเจอกัน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารให้ทนายก่อน ][ ครับ สวัสดีครับ ] กู่ซิงที่ทำหน้าที่เลขาของซูหนิงจิ
“เพราะคุณคนเดียวทำให้พวกเราต้องเสียโอกาสซื้อห้องในโครงการนี้!!!” สามีภรรยาตระกูลรองหลายคนต่างโทษหลิวอ้ายโหรวเป็นเสียงเดียวกัน“อ้าว ทำไมพวกคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ ในเมื่อพวกคุณเองเป็นคนสนับสนุนฉันตั้งแต่แรกน่ะ” หลิวอ้ายโหรวมีหรือจะยอมรับความผิดครั้งนี้ง่าย ๆ เธอเพียงแค่บอกข้อสันนิษฐานออกไปเท่านั้น เป็นพวกเขาที่เห็นด้วยกับเธอเอง บอดี้การ์ดต่างมองกลุ่มคนที่กำลังเอะอะโวยวายอย่างกับแม่ค้าพ่อค้าปากตลาดอย่างสมน้ำหน้า พวกเขาต้องคอยเฝ้าจนกว่าคนพวกนี้จะขับรถออกจากโครงการไป ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเข้าไปวุ่นวายภายในอีกคงไม่ดีแน่ หลังจากทะเลาะกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างดึงแขนภรรยาของตัวเองเดินกลับขึ้นรถในทันที ตอนแรกเจียวจูว่าจะไม่ช่วยหลิวอ้ายโหรว แต่ด้วยลูกชายของเธอยังเป็นคู่หมั้นของจ้าวลี่ลี่อยู่ เธอจึงต้องออกหน้าช่วยหลิวอ้ายโหรวจนถูกหมายหัวไปด้วย เมื่อเข้าไปในรถแล้ว จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวต่างคนต่างต่อว่าด่าทอภรรยาตัวเองจนถึงบ้าน พว